หลายๆ ครั้งที่เพื่อนผมชวนผมไปเที่ยวเล่น ผมก็จะตอบปากรับคำ
ไปโดยตลอด แต่คราวเนี่ยผมไม่กล้าไปกับพวกมันเพราะมันชวนผมไปเล่น
ผีถ้วยแก้ว ผมเป็นคนเชื่อในเรื่องแบบนี้พร้อมทั้งหลายๆ ครั้งที่ผมรู้สึกได้ว่าเวลา
ผมไปไหนคนเดียวเหมือนมีคนตามผมตลอดเวลา
จะทำไงดีเมื่อเพื่อนมันตื๊อผมจนใจยอมใจอ่อนนั่งเล่นกับพวกมันจนได้
ในคืนวันศุกร์ที่ 13 ผมกับเพื่อนเข้าไปเล่นผีถ้วยแก้วกันในบ้านร้างที่อยู่ในป่า
แถวๆ บ้าน ซึ่งในละแวกนั้นไม่มีใครกล้าเข้าใกล้บ้านหลังนี้เลย ผมสันนิษฐาน
ว่าความรกชัฏ กับความมืดน่าจะมีส่วนอย่างยิ่ง
เพื่อนๆ พาผมหาที่นั่งเล่นผีถ้วยแก้วกัน พร้อมทั้งในที่สุดพวกเราก็จะนั่ง
เล่นกันตรงห้องติดบันไดทางขึ้นบ้าน ดูจากสภาพห้องแล้วน่าจะเป็นห้องนั่ง
เล่นเพราะว่ามีโซฟาเก่าๆ วางอยู่
หลังจากนั้นพวกผมกับเพื่อนๆ ก็นั่งล้อมวงกัน ทุกคนต่างท่องบท
เล่นผีถ้วยแก้ว พร้อมทั้งก็เอานิ้ชี้ของแต่ละคนมาวางไว้ที่ก้นแก้ว สักพัก แก้วที่
อยู่นิ่งๆ ก็ค่อยๆ เลื่อนอย่างช้าๆ จากนั้นเพื่อนผมมันก็เริ่มถามคำถามกัน
เมื่อหมดไปหลายคำถาม เพื่อนผมคนหนึ่งมันก็เริ่มขยับตัวไปมา เหงื่อ
แตก หน้าซีดเหมือนมันเห็นอะไรสักอย่างที่อยู่ตรงเก้าอี้โยก ที่ตั้งอยู่ตรงทาง
เข้าบ้าน พร้อมทั้งจู่ๆ แก้วมันก็เลื่อนไปมาไม่ยอมหยุด จนเพื่อนของผมมันทนไม่
ไหว เอามือออกจากแก้วใบนั้น
“เพล้ง!” แก้วใบนั้นแตกโดยฉับพลัน จากนั้นทุกคนต่างตกใจ รวมทั้ง
ผมด้วย ทุกคนต่างพยายามที่จะหาทางออกไปจากบ้านหลังนั้นให้ได้ แต่ยิ่งวิ่ง
ไปมาก็เหมือนมายืนอยู่ตรงที่เก่า พร้อมทั้งยิ่งพยายามวิ่งหาทางออกเป็นหนูติดจั่น
มากเท่าไร พวกผมก็ต้องเจอกับสิ่งแปลกๆ ทั้งลมที่กระโชกแรง พร้อมทั้งเสียง
หัวเราะแบบคนมีอำนาจ ประตูหน้าต่างทุกบานถูกลมปิดเข้ามาดังปัง จนทำ
ให้พวกผมเริ่มเตรียมตัวช็อกกับเหตุการณ์ที่คาดว่าน่าจะมีต่ออีกหลายรูปแบบ
พร้อมทั้งแล้วเพื่อนผมคนหนึ่งเห็นเด็กผู้ชายยืนอยู่ตรงหน้าต่างมันจึงตะโกนถามไปว่า
“น้องเข้ามาได้ยังไง”
เด็กผู้ชายคนนั้นได้แต่พยักหน้า พร้อมทั้งพูดเพียงแค่ว่า
“ถ้าพวกพี่ๆ อยากออกจากบ้านหลังนี้ก็ตามผมมา”
นั่นเป็นคำพูดที่วิเศษสุด เพราะพวกผมไม่สามารถจะรับมือกับเรื่อง
แบบนี้อีกต่อไปแล้ว พวกผมได้ตามเด็กผู้ชายคนนั้นไป แต่ต้องแปลกใจเมื่อ
เด็กคนนั้นพาพวกผมกลับมายังห้องที่เล่นผีถ้วยแก้วกันอีกครั้งพร้อมทั้งภาพที่อยู่
ตรงหน้าทำให้พวกผมต้อง อึ้งตะลึงงันกัน เพราะเด็กผู้ชายคนนั้นมีรอยไหม้
ตัวดำไปทั้งตัว
แถมบ้านหลังนั้นที่เห็นว่าเป็นแค่บ้านร้าง กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เริ่ม
มีกลิ่นไหม้ๆ คล้ายกับกำลังโดนเผา พวกผมได้แต่หาทางออก แม้จะวนไป
วนมา ณ ตรงจุดนั้นอีกสักกี่รอบ ในที่สุดพวกเราก็รอดพันจากความอาถรรพณ์
มาได้ แถมยังมีเสียงหัวเราะทั้งเสียงเด็ก พร้อมทั้งเสียงผู้ใหญ่ประสานเสียงกัน
อย่างน่าขนลุก
หลังจากวันนั้นผมกับเพื่อนๆ ก็ไม่ไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีกเลย ขนาด
เวลาเดินผ่านก็ต้องกัมหน้ากัมตา เพราะผมรู้สึกได้เลยว่ เวลาที่ผ่านบ้าน หลัง
นั้นทีไร มักจะมีเด็กผู้ชายคนนั้นจ้องมองอยู่จากทางหน้าต่งห้องอยู่เลย
บรื๋อ