บทที่ 6 การปิดข่าว
แม้จะมีความพยายามของ AAF พร้อมทั้งหลังจากนั้นรัฐบาลจะเก็บเรื่องทั้งหมดไว้ (พร้อมทั้งการวิจัยของตนเองเกี่ยวกับยานพร้อมทั้งลูกเรือ) ภายใต้การจำแนกประเภทที่มีความปลอดภัยสูง ข่าวลือยังคงปรากฏอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา บางครั้งมาจากฐานทัพอากาศ Edwards บางครั้ง จากเพนตากอน หรือจากแลงลีย์ เวอร์จิเนีย (สำนักงานใหญ่ของ CIA) ข่าวลือเหล่านี้บางส่วนมาจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ย้ายไปทำหน้าที่อื่นหรือเกษียณอายุแล้ว ดังนั้นจึงมักจะพิจารณาเรื่องนี้ด้วยความคิดถึงพร้อมทั้งยอมจำนน ข่าวลือบางครั้งยืนยันพร้อมทั้งบางครั้งก็เพิ่มเนื้อหาใหม่
เกือบตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แรกเริ่ม มีความคาดหวังอยู่เสมอว่าการเปิดเผยเหตุการณ์ลึกลับในรอสเวลล์จะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น Norman Bean, Miami, Florida, วิศวกรอิเล็กทรอนิกส์, นักประดิษฐ์ พร้อมทั้งวิทยากรเกี่ยวกับยูเอฟโอ ระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 50 หลังจากการบรรยาย เขาเพิ่งสนทนากับนายทหารอากาศที่เกษียณอายุราชการ พันเอกเลค ซึ่งแจ้งเขาว่าเพื่อนสนิทคนหนึ่งได้พูดคุยกับแพทย์ในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ เกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพของ “จานรอง” ในระดับหนึ่ง ลูกเรือที่เขาเข้าร่วม ตามคำกล่าวของพันเอกเลค อวัยวะภายในมีความคล้ายคลึงกับอวัยวะของมนุษย์ โดยมีอวัยวะพื้นฐาน “เหมือนกับไก่พร้อมทั้งคน” พันเอก เลค ตระหนักดีถึงกฎข้อบังคับด้านความปลอดภัยอยู่แล้ว บอกว่าเขาสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ในลักษณะทั่วไปได้ในขณะนี้ เพราะ “ทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องของข้อมูลสาธารณะในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”
แน่นอนว่ายังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ถ้าหากว่า การเปิดเผยระดับล่างจำนวนมากยังคงปรากฏให้เห็น บางครั้งก็ขัดแย้งกัน แต่ในข้อตกลงทั่วไป การเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับเหล่านี้มักมาจากเจ้าหน้าที่ทหาร บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งศพ แพทย์หรือผู้ช่วยชันสูตรพลิกศพ เสมียน พร้อมทั้งบางครั้งบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับโครงการที่สะดุดกับความลับที่ไม่เป็นความลับ
การพบกันโดยบังเอิญบนรถไฟได้เปิดเผยข้อมูลบางอย่าง ซึ่งค่อนข้างขัดแย้งกับคำอธิบายอื่นๆ ของมนุษย์ต่างดาว Bill Devlin พนักงานของบริษัทให้บริการวิทยุพร้อมทั้งโทรทัศน์ ระหว่างทางในฤดูใบไม้ผลิของปี 1952 จากฟิลาเดลเฟียไปยังวอชิงตัน พบที่นั่งว่างข้างทหารที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ในฟิลาเดลเฟีย เดฟลินรู้สึกทึ่งเป็นพิเศษกับบทความที่ทหารกำลังอ่านเกี่ยวกับคลื่นของการพบเห็นยูเอฟโอเหนือเส้นหลักฟิลาเดลเฟีย เมื่อสังเกตเห็นความสนใจของเดฟลินที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ ทหารบอกว่า: “บทความนี้อยู่ที่นี่ ฉันจะบอกคุณมากกว่านี้ถ้าคุณสนใจ” จากคำรับรองจากเดฟลินว่าเขาสนใจอย่างยิ่ง ทหารบอกเขาว่าเขาเป็นหนึ่งในสามคนขับที่นำซากจานรองจากแอซเท็ก นิวเม็กซิโก ไปยังฟอร์ท ไรลีย์ รัฐแคนซัส ในขบวนรถบรรทุกที่ประกอบด้วยรถบรรทุกสามคัน ระหว่างปฏิบัติการ ทหารได้เห็นศพพร้อมทั้งสังเกตว่าพวกมันตัวเล็กมาก ทุกคนแต่งตัวเหมือนกันในเสื้อผ้าที่ยืดได้ มีลักษณะเหมือนคน (รวมถึงฟัน) พร้อมทั้งผิวสีเหลือง ค่อนข้าง “เลือน” เหมือนลูกพีช ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นชายพร้อมทั้งหญิง เนื่องจากหนึ่งในร่างนั้น “มีตุ่มอยู่ในที่ที่ถูกต้อง” เขาคิดว่าเขานับร่างเล็กได้ “สิบหกหรือมากกว่านั้น” แต่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วมีกี่ศพ แม้ว่าบัญชีดังกล่าวอาจดูค่อนข้างไม่น่าเชื่อถือในแวบแรก แต่ความจริงแล้วอาจมีความถูกต้องทั้งหมด แม้ว่าน่าเสียดายที่เราถูกบังคับให้ต้องอาศัยข่าวลืออีกครั้งเพื่อเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดของเรา ในกรณีนี้ มีข่าวลือเรื่องจานรองจานหนึ่งที่แพร่ระบาดโดยไม่มีใครทราบการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1950 ว่ามีชิ้นส่วนเล็กๆ ของซากปรักหักพังพร้อมกับศพบางส่วนถูกขนย้ายโดยบริษัทรถบรรทุกคอนวอย จาก Muroc ไปยัง Wright Field ประมาณหนึ่งปีหรือมากกว่านั้นหลังจากการชน ตามเรื่องราวนี้ ทำได้โดยใช้ทีมขับพร้อมทั้งคุ้มกันสามทีม ซึ่งแต่ละทีมมีหน้าที่ในการเคลื่อนย้ายขบวนรถเพียงส่วนหนึ่งของระยะทางก่อนที่จะเปลี่ยนยานพาหนะของพวกเขาไปยังกลุ่มถัดไปที่จุดนัดพบที่กำหนด ไม่มีกลุ่มใดรู้เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาถืออยู่
หากข่าวลือนี้เป็นความจริง ชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ดูเหมือนเข้าใจยากจะเริ่มเข้าที่ ในช่วงปลายทศวรรษ 1940 ก่อนการปรากฎตัวของทางหลวงระหว่างรัฐพร้อมทั้งรถบรรทุกกำลังสูง มีแนวโน้มว่าผู้ที่รับผิดชอบด้านโลจิสติกส์ของการดำเนินการดังกล่าวจะเลือกเส้นทางใต้เพื่อหลีกเลี่ยงส่วนที่สูงที่สุดของเทือกเขาร็อกกี้ ทิศตะวันออกเฉียงเหนืออย่างค่อยเป็นค่อยไปทั่วมหาราช
ที่ราบถึงโอไฮโอ เป็นไปได้ไหมที่จุดนัดพบตามเส้นทางดังกล่าวคือ Aztec, New Mexico, Fort Riley, Kansas พร้อมทั้ง Godman Field, Kentucky? คะแนนสี่ (การนับ Muroc) นั้นมีความเท่าเทียมกันอย่างแน่นอนพร้อมทั้งในปี 1940 จะมีข้อได้เปรียบจากการอยู่บนถนนซึ่งอยู่นอกทางมากพอที่จะหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจเกินควร ช่วงสุดท้ายของการเดินทางจาก Godman ไปยัง Wright Field สามารถทำได้โดยง่ายโดยทีมงานพิเศษจาก Wright Field เอง
ข้อดีอีกประการหนึ่งของการคาดคะเนดังกล่าวคือ มันให้คำอธิบายที่เป็นไปได้ว่าแฟรงก์ สกัลลีในหนังสือ Behind the Flying Saucers ที่ค้นคว้าวิจัยได้ไม่ดีของเขาในปี 1950 ได้อย่างไร สรุปอย่างผิดพลาดว่าแอซเท็ก นิวเม็กซิโก เป็นสถานที่เกิดเหตุจริงๆ แน่นอนว่าข่าวลือไม่ได้จบเพียงแค่นี้
ข่าวลือเพิ่มเติมตามมาที่ Fort Riley ที่นั่น ส.ส. ในเวรยามเห็นการส่งมอบเข้าไปในอาคาร ซึ่งเขาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ยาม ซึ่งประกอบด้วยลังไม้หลายลังบรรจุร่างที่ปูด้วยผ้าปูที่นอนซึ่งดูเหมือนน้ำแข็งแห้งอยู่ด้านบน ตัวเลขดูเหมือนจะยาวประมาณสี่ฟุต หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ขณะที่เขาอยู่ในยามรักษาการณ์ นายพลคนหนึ่งเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ พร้อมทั้งตามทหารยาม บอกให้เขา “ยิงใครก็ตาม [ไม่ได้รับอนุญาต] ที่พยายามจะเข้ามา” ทหารยามไม่รู้ว่าศพนั้นคืออะไร แต่ภายหลังได้ยินในค่ายทหารว่าพวกเขาเป็นลูกเรือของแผ่นดิสก์ที่ตกในนิวเม็กซิโก
มีรายงานหลายฉบับจากฐานทัพอากาศเอ็ดเวิร์ดส์ ซึ่งทั้งหมดไม่มีการระบุแหล่งที่มาแต่ค่อนข้างขัดต่อ เป็นที่น่าสนใจที่จะสังเกตว่าเป็นเครื่องหมายของประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัย กฎระเบียบที่ผู้ให้ข้อมูลสองคนยืนกรานไม่เพียง แต่ในการปฏิเสธที่จะใช้ชื่อของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีการกล่าวถึง Edwards AFB เกลือกว่าการเชื่อมต่อกับกองกำลังรักษาความปลอดภัยจะนำไปสู่การตรวจพบ ส.ส.คนหนึ่งบอกกับญาติคนหนึ่ง พร้อมทั้งต่อมากับผู้เขียนว่า ศพที่เก็บไว้ที่เอ็ดเวิร์ดถูกแยกจากกัน บางคนถูกเก็บไว้ “บนน้ำแข็ง” ที่เอ็ดเวิร์ดส์ พร้อมทั้งคนอื่นๆ ถูกส่งไปที่วอชิงตันเพื่อทำการตัดต่อไป ตัวแทน CID (แผนกสืบสวนคดีอาญา) พูดถึง “ยูเอฟโอที่ชนกันที่เอ็ดเวิร์ด” บอกว่าทีมวิจัยทางเทคนิคพิเศษได้ศึกษาสิ่งประดิษฐ์นี้เป็นเวลาหลายเดือน แต่ไม่สามารถตัดเป็นโลหะเพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบพร้อมทั้งการระบุโมเลกุลหรืออะตอม
รายงานจาก “แหล่งวงใน” ของสิ่งที่อาจเป็นจุดแวะพักล่าสุดของ “จานรอง” ที่สำนักงานใหญ่ของ CIA แลงลีย์ฟิลด์ รัฐเวอร์จิเนีย พบว่าแผ่นดิสก์ที่เสียหายยังคงอยู่ที่นั่นพร้อมทั้ง “IBM กำลังทำงานอยู่พร้อมทั้งไม่สามารถระบุได้ ว่ามันทำงานอย่างไร” ในแง่ของการก่อสร้าง ดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามระบบลิ้นในร่องมากกว่าการตรึงพร้อมทั้งเชื่อม
ข้อมูลเพิ่มเติมอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับการปรากฏตัวที่ฐานทัพอากาศไรท์-แพตเตอร์สันนั้นมาจากพนักงานพลเรือนประจำฐานผ่านทางชาร์ลส์ วิลเฮล์ม เจ้าหน้าที่สืบสวนยูเอฟโอพร้อมทั้งการติดต่อของเลน สตริงเฟลลด์ นางนอร์มา การ์ดเนอร์ ซึ่งเป็นพนักงานประจำฐานที่รับงานเพียงครั้งเดียว ได้เกษียณอายุด้วยเหตุผลด้านสุขภาพในปี 2502 พร้อมทั้งอาศัยอยู่ตามลำพังในไพรซ์ฮิลล์ เมืองซินซินนาติ ชาร์ลส์ วิลเฮล์ม ซึ่งตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่น เคยทำงานซ่อมแซมพร้อมทั้งบำรุงรักษาแบบแปลกๆ ให้กับคุณการ์ดเนอร์ พร้อมทั้งในระหว่างที่รู้จักพวกเขาได้พูดกับเธอเกี่ยวกับความสนใจของเขาในยูเอฟโอ ซึ่งในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่าเธอแบ่งปัน
เมื่อสุขภาพของคุณนายการ์ดเนอร์แย่ลง วิลเฮล์มก็ไปเยี่ยมเธอต่อไป ในการเยี่ยมครั้งหนึ่ง ตามที่วิลเฮล์ม เธอเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับความรู้ของเธอเองเกี่ยวกับยูเอฟโอที่รอดมาได้พร้อมทั้งศพมนุษย์ต่างดาวที่ฐาน เธอบอกว่าขณะที่เธอทำงานที่ไรท์-แพตเตอร์สันในปี 2498 เธอได้รับมอบหมายให้ทำงานในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการทำรายการวัสดุที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโอที่เข้ามาทั้งหมด เธอได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับสูงสุด พร้อมทั้งระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เธอได้ประมวลผลสิ่งของแยกกว่า 1,000 ชิ้น รวมถึงชิ้นส่วนจากภายในของยูเอฟโอที่กู้คืนมาได้ ซึ่งเคยถูกนำตัวไปยังฐานทัพอากาศมาระยะหนึ่งแล้ว เธอบอกว่าสิ่งของทั้งหมดถูกถ่ายภาพพร้อมทั้งติดแท็กอย่างระมัดระวัง ในปีพ.ศ. 2498 เธอไปเยี่ยมโรงเก็บเครื่องบินนอกเขต พร้อมทั้งเห็นงานฝีมือที่เหมือนจานรองสองชิ้น ลำหนึ่งดูไม่บุบสลาย พร้อมทั้งอีกชิ้นได้รับความเสียหาย
มีอยู่ช่วงหนึ่งระหว่างที่ทำงานที่ได้รับมอบหมาย เธอบอกว่า เธอได้เห็นการเคลื่อนย้ายร่างมนุษย์สองร่างด้วยเกวียนจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง เธอไม่ได้แค่เห็นศพแต่ยังเห็นเป็นส่วนตัว จัดการงานกระดาษในรายงานการชันสูตรพลิกศพของพวกเขา ศพเหล่านี้ซึ่งเก็บรักษาไว้ในสารละลายเคมีบางชนิด มีความสูงระหว่างสี่ถึงห้าฟุต โดยมีลักษณะเหมือนมนุษย์ทั่วไป ยกเว้นว่าส่วนหัวมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับร่างกาย พร้อมทั้งตาเอียง เธอไม่รู้ว่าศพถูกนำเข้ามาจากอุบัติเหตุรถชนครั้งล่าสุด หรือเคยอยู่บนฐานจากเหตุการณ์ครั้งก่อน
นางการ์ดเนอร์เล่าประสบการณ์ของเธอให้วิลเฮล์มฟังเมื่อเธอล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง เธอมั่นใจมากว่าเธอจะไม่หายจากอาการที่เห็นได้ชัดว่าเธอมีความคิดที่สองเกี่ยวกับกฎระเบียบด้านความปลอดภัย โดยสังเกตอย่างมากว่า “ลุงแซมไม่สามารถทำอะไรกับฉันได้เมื่อฉันอยู่ในหลุมศพของฉัน”
ในบรรดาข่าวลือที่น่าตกใจกว่านั้นมากมายเกี่ยวกับจานที่ชนกันคือข่าวลือที่บ่งชี้ว่าวัตถุนั้นถูกโค่นลงโดยการกระทำของกองทัพอากาศ ซึ่งบางทีอาจจะเป็นโดยบังเอิญ ผ่านการรบกวนเรดาร์กับเทคโนโลยีปฏิบัติการของแผ่นดิสก์
ถ้าหากว่า สมมติฐานข้างต้นดูเหมือนจะถูกปฏิเสธโดยกองทัพอากาศจำนวนมากพร้อมทั้งรายงานของ FAA เกี่ยวกับกรณีที่เรดาร์ที่ดีล็อกยูเอฟโอล้มเหลวในการปรับเปลี่ยนแผนการบินพร้อมทั้ง/หรือความสามารถที่น่าวิตกของยูเอฟโอเพียงแค่หายไปราวกับว่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไปสู่อีกมิติหนึ่งที่เรดาร์ไม่สามารถติดตามได้
ในปี ค.ศ. 1956 เครื่องบินลาดตระเวน RB-47 ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์เรดาร์อิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามด้วยยูเอฟโอนานกว่าหนึ่งชั่วโมงเหนืออ่าวเม็กซิโก มิสซิสซิปปี้ ลุยเซียนา เท็กซัส พร้อมทั้งในที่สุดโอกลาโฮมาก่อนที่จะหายไปในที่สุด หากเรดาร์อาจส่งผลต่อการทำงานของยูเอฟโอ เรื่องนี้ก็คงจะเป็นเช่นนั้น เว้นแต่ว่าแน่นอนว่ายูเอฟโอที่ใหม่กว่านั้นมีอุปกรณ์ต่อต้าน
แนวความคิดของการท้าทาย การต่อสู้ หรือการพิชิต แน่นอนว่ามีการพิจารณาอยู่เสมอในระดับโลก ได้รับการขยายโดยนักคิดทางโลกไปยังยูเอฟโอพร้อมทั้งความตั้งใจที่เป็นไปได้ของพวกเขา ด้วยเหตุผลนี้จึงค่อนข้างง่ายที่จะอธิบายการพบเห็นยูเอฟโอจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 1947 เป็นต้นไป พร้อมทั้งความอยากรู้อยากเห็นจากต่างดาวว่าเกิดอะไรขึ้นที่หาดทรายขาวพร้อมทั้งผู้อยู่อาศัยในดาวเคราะห์น้อยมีความคืบหน้ามากเพียงใดในการปลดปล่อย ไม่ว่าจะดีหรือร้าย พลังแฝงของจักรวาล
ดูเหมือนว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่ยูเอฟโอรอสเวลล์ถูกนำลงมาไม่ว่าจะโดยบังเอิญหรือโดยเจตนาโดยกิจกรรมใด ๆ ของกองกำลังทหารของเรา มีความเป็นไปได้มากกว่ามากที่การคาดเดาว่าแผ่นดิสก์นั้นถูกสายฟ้าฟาด ซึ่งดูเหมือนว่าจะระบุไว้ในเรื่องราวของ Brazel ความเร็วที่กองทัพอากาศมาถึงที่เกิดเหตุของซากปรักหักพังซานอะกุสตินสามารถอธิบายได้อย่างง่ายดายโดยข้อเท็จจริงที่ว่าเรดาร์ White Sands หรือเครื่องบินทหารหรือเครื่องบินพาณิชย์ในเที่ยวบินสามารถเห็นวัตถุที่ตกลงมาในคืนก่อนพร้อมทั้งสันนิษฐานได้ตามธรรมชาติ มันเป็นงานฝีมือธรรมดาที่ไม่สามารถควบคุมได้พร้อมทั้งประสบปัญหาในการสื่อสาร ทหารกลุ่มแรกในที่เกิดเหตุอาจไม่มีอะไรมากไปกว่าส่วนหนึ่งของทีมค้นหาพร้อมทั้งกู้ภัยที่นำไปยังไซต์โดยนักสืบเครื่องบิน เมื่อทราบสิ่งที่พบแล้ว ข่าวก็เริ่มขึ้น เหมือนคลื่นจากก้อนหินตกลงสู่แอ่งน้ำ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในพื้นที่ จากฐานสู่รัฐ ประเทศชาติ พร้อมทั้งโลก จนมีคำสั่งให้ออกคำสั่ง พิสูจน์ว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นเลย
แต่การเลือกข้างต้นของข่าวลือที่น่าเชื่อถือพร้อมทั้งน่าเหลือเชื่อ scuttlebutt รายงานที่ “เป็นความลับ” พร้อมทั้งเรื่องราวที่เล่าขานถึงสองครั้ง แม้จะดูน่าอัศจรรย์ แต่มักจะยืนยันวิทยุก่อนการเซ็นเซอร์พร้อมทั้งรายงานข่าว ตลอดจนคำให้การของพยานในที่เกิดเหตุ . ไม่ว่าในกรณีใดพวกเขาเก็บเหตุการณ์จานรองที่ชนกันมีชีวิตอยู่มานานหลายปี ดังนั้น ภายในปี 1954 เจ็ดปีหลังจากเหตุการณ์ที่โด่งดัง พวกเขาดึงดูดความสนใจของใครบางคนในตำแหน่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็น “อำนาจสูงสุด” แน่นอนว่าเขามีพลังมากพอที่จะทำอะไรกับมันได้ บุคคลนี้คือ Dwight Eisenhower ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
บทที่ 7 ประธานาธิบดีสั่งให้ยึดจานบิน
ไม่ต้องสงสัยเพราะภูมิหลังทางการทหารของเขา นายพลไอเซนฮาวร์น่าจะตระหนักถึงความสำคัญของความฉลาดทางโอกาสมากกว่าประธานาธิบดีคนอื่น ๆ ในยุคนี้ (ซึ่งถึงแม้จะมีประสบการณ์ด้านการทหารแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ผู้ประกอบอาชีพทางทหาร) มีความสนใจในข่าวกรองเกี่ยวกับศักยภาพทางการทหารมากกว่า พร้อมทั้ง แน่นอน
สามารถประเมินได้ดียิ่งขึ้น ในช่วงแรกที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ไอเซนฮาวร์เริ่มตั้งคำถามถึงความเป็นจริงของ “ประธานาธิบดีสั่งให้ยึดจานบิน”
ปัญหาแรกของเขาดังที่บรรยายไว้โดยอดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอระดับสูงซึ่งยังคงไม่ระบุชื่อคือการค้นพบที่น่าตกใจ (อาจถึงกับน่ากลัว) ว่าถึงแม้เขาจะเป็นประธานาธิบดี เช่นเดียวกับอดีตนายพลของกองทัพบก ไม่มีช่องว่างที่จำเป็นเพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ หน่วยข่าวกรองในสมัยนั้นกำลังเพลิดเพลินกับช่วงเวลาของการกระทำที่ไม่ถูกควบคุมโดยหน่วยงานกำกับดูแลหรืออยากรู้อยากเห็นมากเกินไปของหน่วยงานอื่น ๆ พร้อมทั้งข้อมูลลับพร้อมทั้งความลับบางอย่างอาจได้รับการคุ้มครองในช่วงเวลาหนึ่ง
แม้แต่ประธานาธิบดี ตามแหล่งข่าวที่ไม่ระบุตัวตนที่เข้าใจได้: “ผู้สูงศักดิ์บางคนในชุมชนข่าวกรองไม่ไว้วางใจ Ike พร้อมทั้งลังเลที่จะจัดการกับเขา คนเหล่านี้มักจะออกไปสัมผัสตัวเองในเวลานั้นพร้อมทั้งลืมไปอย่างสะดวก แสวงหาคำสั่งจากทำเนียบขาวหรือเพิกเฉยต่อพวกเขาเมื่อพวกเขามา” ถ้าหากว่า ในที่สุดไอเซนฮาวร์ก็ทราบข่าวลือเรื่องจานรองที่ถูกกล่าวหาว่าชนกันพร้อมทั้งดำเนินการบางอย่างต่อไป ไม่น่าแปลกใจตามแหล่งข่าวที่ใกล้เคียงกับหัวข้อที่เราจะได้รับ เขารายงานว่าพบความแตกแยกภายในสถานประกอบการทหารในเรื่องนี้ เราสามารถจินตนาการถึงเหตุผลในหมู่ฝ่ายตรงข้ามของการไม่จัดประเภท: เป็นการดีที่จะเก็บเหตุการณ์ของจานรองไว้อย่างเงียบ ๆ – เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งไม่เพียงสำหรับความสนใจทางวิทยาศาสตร์ในมนุษย์ต่างดาว แต่สำหรับความมั่นคงของชาติ ประเทศใดก็ตามที่สามารถคิดออกว่าแผ่นดิสก์ทำงานอย่างไรพร้อมทั้งสามารถจำลองความคล่องแคล่วได้จะต้องมีระบบป้องกันขีปนาวุธพร้อมทั้งระบบส่งล่วงหน้าอย่างประเมินค่าไม่ได้สำหรับระบบที่พัฒนาในปัจจุบันหรือแม้กระทั่ง
ไตร่ตรองอย่างมีเหตุมีผลพร้อมทั้งดังนั้นจึงอยู่ในฐานะที่จะควบคุมโลกได้
เมื่อพิจารณาถึงเรื่องนี้ ความเฉยเมยของทางการทหารในการยอมรับความเป็นจริงของเหตุการณ์ที่รอสเวล พร้อมทั้งโดยทั่วไป การลดระดับอัตโนมัติของการพบเห็นยูเอฟโอจะกลายเป็นที่เข้าใจมากขึ้น ทฤษฎีหนึ่งที่โปรดปรานในการเซ็นเซอร์คือ: หากประชาชนได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับข้อพิสูจน์ที่เป็นรูปธรรมของการมีอยู่จริงของยูเอฟโอ พวกเขาจะตื่นตระหนก แต่ประชาชนจะตื่นตระหนกหรือไม่นั้นไม่อาจคาดเดาได้ บางทีความสนใจที่จริงจังพร้อมทั้งร่วมมือกันของสาธารณชนที่มีต่อยูเอฟโออาจเป็นประโยชน์ แน่นอนเราจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพวกเขา ในทางกลับกัน ถ้ายูเอฟโอเป็นตัวแทนของความได้เปรียบทางทหารที่ชัดเจน พวกเขาควรถูกเก็บเป็นความลับจนกว่าการก่อสร้างพร้อมทั้งการปฏิบัติการของยูเอฟโอจะสามารถปรับให้เข้ากับความได้เปรียบของมหาอำนาจโลกหนึ่งโดยเฉพาะของเรา เหตุผลนี้อาจเป็นเพราะเหตุใดมหาอำนาจจึงใช้การเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวดเกี่ยวกับยูเอฟโอ ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่มีกองกำลังทางอากาศพร้อมทั้งกองยานผิวน้ำที่มีประสิทธิภาพมักเผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการเผชิญหน้ายูเอฟโอในท้องฟ้าพร้อมทั้งในทะเลโดยหน่วยลาดตระเวนทางอากาศพร้อมทั้งบนผิวน้ำ ประเทศเหล่านี้รวมถึงอาร์เจนตินา ชิลี อุรุกวัย โคลอมเบีย เม็กซิโก สเปน อิตาลี สวีเดน นอร์เวย์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ พร้อมทั้งแคนาดาในระดับที่เพิ่มขึ้น
การเชื่อมต่อของแคนาดากับคำถามเกี่ยวกับยูเอฟโอนั้นเข้มข้นขึ้นมานานแล้วด้วยความใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เห็นได้ชัดว่าเป็น “กิจกรรมนอกโลก พร้อมทั้งจากรายงานการปรากฏตัวของยูเอฟโอมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจไม่รู้จักเขตแดนระหว่างประเทศเหนืออาณาเขตอันกว้างใหญ่ของตัวเอง บันทึกที่ส่งถึงกรมการขนส่ง ออตตาวา ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493 จาก a
ดับเบิลยู บี. สมิธ ระบุถึงความสนใจของแคนาดาในการที่รัฐบาลสหรัฐฯ หมกมุ่นอยู่กับยูเอฟโอ ซึ่งเริ่มขึ้นไม่นานหลังจากเหตุการณ์ที่รอสเวลล์
วิลเบิร์ต บี. สมิธ ในฐานะวิศวกรวิทยุอาวุโสของกรมการขนส่งพร้อมทั้งหัวหน้าแผนกออกอากาศพร้อมทั้งการวัดของแผนกนั้น ถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในตัวแทนของแคนาดาในการประชุมสมาคมวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ (NARB) ในปี 1950 ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สมิธมีความสนใจเป็นพิเศษในการวิจัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการพัฒนาแหล่งพลังงานโดยใช้สนามแม่เหล็กของโลก
ส่วนที่เกี่ยวข้องของบันทึกช่วยจำ “ลับสุดยอด” นี้ก่อนหน้านี้ (ปรับลดรุ่นเป็น “ลับ” วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2512) มีดังต่อไปนี้:
บันทึกข้อตกลงถึงผู้ควบคุมกิจการโทรคมนาคม to
..เราเชื่อว่าเรากำลังอยู่ในเส้นทางของบางสิ่งที่อาจพิสูจน์ได้ว่าเป็นการแนะนำเทคโนโลยีใหม่ การมีอยู่ของเทคโนโลยีที่แตกต่างเกิดขึ้นจากการสืบสวนที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวกับจานบิน…
ขณะอยู่ในวอชิงตันเข้าร่วมการประชุม NARB หนังสือสองเล่มได้รับการปล่อยตัว หนังสือหนึ่งเล่มมีชื่อว่า Behind the Flying Saucers โดย Scully พร้อมทั้งอีกเล่มหนึ่งคือ The Flying Saucers Are Real โดย Don Keyhoe หนังสือทั้งสองเล่มเกี่ยวข้องกับการพบเห็นยูเอฟโอเป็นส่วนใหญ่ พร้อมทั้งทั้งสองอ้างว่าวัตถุที่บินได้นั้นมีต้นกำเนิดจากนอกโลกพร้อมทั้งอาจเป็นยานอวกาศจากดาวเคราะห์ดวงอื่น
สำหรับฉันดูเหมือนว่างานของเราในด้าน geomagnetics อาจได้รับความช่วยเหลือจากข้อมูลข่าวกรองของสหรัฐเกี่ยวกับยูเอฟโอ
ฉันได้สอบถามอย่างรอบคอบผ่านเจ้าหน้าที่สถานทูตแคนาดาซึ่งสามารถหาข้อมูลต่อไปนี้ให้ฉันได้
เรื่องนี้เป็นหัวข้อที่มีการจำแนกอย่างสูงที่สุดในรัฐบาลสหรัฐฯ โดยมีคะแนนสูงกว่าระเบิดเอช [หมายเหตุผู้เขียน: H-bomb ยังมีเวลาอีกสองปี เนื่องจากระเบิดครั้งแรกในปี 1952]
จานบินมีอยู่จริง
วิธีการดำเนินการของพวกเขาไม่เป็นที่รู้จัก แต่มีความพยายามอย่างเข้มข้นโดยกลุ่มเล็กๆ ที่นำโดยดร. แวนเนวาร์ บุช
ทางการสหรัฐฯ พิจารณาเรื่องทั้งหมดว่ามีนัยสำคัญอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับบันทึกนี้คือจดหมายแนบลงวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2512 ซึ่งอนุญาตให้มีการลดระดับการจำแนกประเภทจาก “ความลับสุดยอด” เป็น “มั่นใจ”
tial” พร้อมทั้งพบว่า “ไม่ควร [ข้อมูลนี้] เปิดเผยต่อสาธารณะในเวลาใด”
ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์สงสัยอย่างไม่ต้องสงสัยกับความโกรธแค้นของยูเอฟโอในแวดวงรัฐบาลที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในเวลานี้ แน่นอนว่าในฐานะนายทหารที่มีประสบการณ์ในการประเมินรายงานข่าวกรอง มีความสนใจเป็นพิเศษในการพิจารณาความจริงของการมีอยู่อย่างเป็นรูปธรรมของตำนาน จับจานรองที่ฐานทัพอากาศเอ็ดเวิร์ด ตามรายงานชุดหนึ่ง ซึ่งรวมถึงบัญชีที่มีข้อมูลค่อนข้างมาก เขาได้มีโอกาสตรวจสอบโดยตรงที่ Muroc เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 1954
เขาเดินทางไปแคลิฟอร์เนียในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์เพื่อไปเล่นกอล์ฟในวันหยุด โดยเขาพักอยู่ที่ฟาร์มปศุสัตว์ของเพื่อนคนหนึ่งชื่อ Paul Roy Helms สำหรับนักทฤษฎีที่สันนิษฐานว่าวันหยุดพักผ่อนของ Ike ในแคลิฟอร์เนียเป็นการปกปิดการเยือน Muroc อย่างลับๆ เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะสังเกตว่าประธานาธิบดีเพิ่งกลับมาจากวันหยุดพักผ่อนในจอร์เจียเมื่อไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตได้ว่า Muroc อยู่ไม่ไกลจากปาล์มสปริงส์ซึ่งประธานาธิบดีพักอยู่มาก พร้อมทั้งการไปเยือน Muroc จะเป็นไปได้ถ้าเขาหายตัวไปจากการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องของคณะสื่อมวลชนเป็นเวลาหนึ่งวัน
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เห็นได้ชัดว่าไอเซนฮาวร์ไปที่ไหนสักแห่งด้วยตัวเขาเอง โดยไม่มีผู้ติดตาม พร้อมทั้งอย่างน้อยสำหรับคณะนักข่าว เขาก็หายตัวไป ในตอนเย็นของวันที่ยี่สิบ ข่าวลือที่ป่าเถื่อนเริ่มแพร่กระจายในหมู่สื่อมวลชนว่าประธานาธิบดีไม่ได้อยู่ที่ที่เขาควรจะเป็น- ว่าเขาหายตัวไปจากฟาร์มปศุสัตว์ ต้นไม้ควัน หรือสิ่งที่ร้ายแรงเกิดขึ้น ให้เขา.
ด้วยการโทรศัพท์ซ้ำไปยังแหล่งข่าวอย่างเป็นทางการที่ฟาร์มปศุสัตว์ซึ่งทำให้เกิดการรับรองซ้ำๆ ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี นักข่าวจึงปล่อยให้มีอิสระที่จะคาดเดา ความตึงเครียดจากสถานการณ์ที่สั่นคลอนอยู่แล้วยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อนักข่าวหลายคนประสบความสำเร็จในการบีบคั้นจากแหล่งข่าวที่เป็นความลับซึ่งประธานาธิบดีหายตัวไปจริงๆ แต่เมื่อข่าวมาถึงว่าโฆษกเจมส์ แฮกเกอร์ตี้ ถูกเรียกตัวมาอย่างเร่งรีบไปที่ Smoke Tree จากท่ามกลางการปรุงสเต็ก ในการแถลงข่าว การเก็งกำไรที่ถูกคุมขังของคณะสื่อมวลชนได้อาละวาด
อันที่จริงแล้วประธานอยู่ที่ไหน? ดูเหมือนไม่มีใครรู้อย่างแน่นอน Merriman Smith แห่ง United Press กระโดดไปสู่ข้อสรุปอย่างเร่งด่วนว่า Eisenhower ประสบกับเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์บางประเภท ตีสื่อพร้อมกับรายงานว่าประธานาธิบดีถูกนำออกจากฟาร์มปศุสัตว์เพื่อ “การรักษาพยาบาล” แอสโซซิเอตเต็ท เพรส ทำให้เขาดีขึ้นได้หนึ่งรายการโดยแสดงข่าวที่นิวยอร์คแจ้งว่า Ike
จบชีวิตแล้ว เพียงแต่ถูกบังคับให้ถอนกลับในเวลาต่อมาเมื่อเลขาธิการ Haggerty ปรากฏตัว อารมณ์ไม่ดีอย่างแน่นอน
ในห้องแถลงข่าวของโรงแรม Mirador ท่ามกลางฉากที่นิตยสาร Time อธิบายว่าเป็น “การประท้วงของกลุ่มนักข่าวฮิสทีเรีย” Haggerty ประกาศอย่างจริงจังว่าความโกลาหลเกิดขึ้นจริงโดยไม่มีอะไรมากไปกว่าประธานาธิบดีที่ “ปิดฝากระโปรงหน้ารถ ฟัน” ขณะเคี้ยวขาไก่ พร้อมทั้งพอล เฮล์มส์ เจ้าบ้านพาเขาไปหาหมอฟันในท้องที่เพื่อทำการซ่อมแซม
กองสื่อมวลชนยอมรับเรื่องนี้ ข่าวลือยังคงมีอยู่ หาก Ike ไปหาหมอฟันในท้องที่จริง ๆ หรือเรื่องราวดังกล่าวเป็นเรื่องราวที่ประดิษฐ์ขึ้นอย่างชาญฉลาดสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่? อย่างน้อยหนึ่งข่าวลือที่ต่อเนื่อง (แม้ว่าโดยทั่วไปจะน่าอดสู) มีเหตุผลอื่นที่ทำให้ Ike หายตัวไปในเย็นวันนั้น – พร้อมทั้งเหตุผลนั้นค่อนข้าง “ออกไปจากโลกนี้” ตามข่าวลือใหม่นี้ ฟันของประธานาธิบดีเป็นเรื่องราวทั้งหมด พร้อมทั้งที่จริงแล้วเขาถูกนำตัวไปยังฐานทัพอากาศเอ็ดเวิร์ดที่อยู่ใกล้ๆ อย่างเป็นความลับ อย่างเป็นความลับที่สุด เพื่อดูซากของแผ่นดิสก์ที่ตกพร้อมทั้งศพที่เก็บรักษาไว้ พวกผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่ขับมัน (พวกเขา)
มี้ด เลย์น ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้อำนวยการของ Borderland Sciences Research Associates (ปัจจุบันคือ Borderland Sciences Research Foundation ดูบทที่ 5) ก็เคยได้ยินข่าวลือเหล่านี้เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้จนกระทั่งประมาณสามเดือนต่อมา เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2497 เขาได้รับ จดหมายที่น่าตกใจจากหนึ่งในเพื่อนร่วมงานของเขา Gerald Light แห่งลอสแองเจลิส ในจดหมายฉบับนี้ ไลท์พบว่าเขาใช้เวลาสี่สิบแปดชั่วโมงที่ฐานทัพอากาศเอ็ดเวิร์ดส์ร่วมกับนักข่าวชายอีกสามคนคือแฟรงคลิน เอเลี่ยนแห่งหนังสือพิมพ์เฮิร์สต์ นักการเงินเอ็ดวิน นูร์สแห่งสถาบันบรูคกิ้งส์ พร้อมทั้งบิชอป (ต่อมาคือพระคาร์ดินัล) เจมส์
เอฟ.เอ. แมคอินไทร์แห่งลอสแองเจลิส-พร้อมทั้งได้เห็น “เครื่องบินห้าประเภทที่แยกจากกันพร้อมทั้งแตกต่างกันที่กำลังศึกษาอยู่” โดยนักวิทยาศาสตร์พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ทางการทหารไม่น้อยกว่า ไลท์บอกว่าเขารู้สึกสั่นไหวกับสิ่งที่เห็นจนทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาทำให้เขา “มีความรู้สึกที่ชัดเจนว่าโลกถึงจุดจบด้วยความสมจริงอย่างน่าอัศจรรย์” ไม่น่าแปลกใจ! จดหมายดังต่อไปนี้:
เจอรัลด์ไลท์
10545 Scenario Lane Los Angeles, California
[จดหมายที่ได้รับ 4-16-54]
นายมี้ด เลย์น ซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย
เพื่อนรักของฉัน: ฉันเพิ่งกลับมาจาก Muroc รายงานเป็นความจริง – จริงทำลายล้าง!
ฉันเดินทางร่วมกับ Franklin Alien of the Hearst papers พร้อมทั้ง Edwin Nourse of Bro
okings Institute (ที่ปรึกษาทางการเงินในอดีตของ Truman) พร้อมทั้ง Bishop MacIntyre [sic} แห่ง L.A. (โปรดระบุชื่อที่เป็นความลับสำหรับปัจจุบัน)
เมื่อเราได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเขตหวงห้าม (หลังจากประมาณหกชั่วโมงที่เราถูกตรวจสอบทุกรายการ เหตุการณ์ เหตุการณ์ พร้อมทั้งแง่มุมของชีวิตส่วนตัวพร้อมทั้งส่วนรวมของเรา) ฉันรู้สึกชัดเจนว่าโลกได้มาถึงจุดจบ ด้วยความสมจริงอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะฉันไม่เคยเห็นมนุษย์จำนวนมากในสภาพที่พังทลายพร้อมทั้งสับสนอย่างสิ้นเชิง เมื่อพวกเขาตระหนักว่าโลกของพวกเขาได้จบลงด้วยจุดสิ้นสุดอย่างแท้จริงจนสามารถบรรยายขอทานได้ ความเป็นจริงของเครื่องบิน “เครื่องบินลำอื่น” เป็น npw พร้อมทั้งถูกลบออกจากอาณาจักรแห่งการเก็งกำไรอย่างถาวรพร้อมทั้งทำให้เป็นส่วนที่ค่อนข้างเจ็บปวดของจิตสำนึกของกลุ่มวิทยาศาสตร์พร้อมทั้งการเมืองที่รับผิดชอบทุกกลุ่ม
ในระหว่างที่เยือนสองวันของฉัน ฉันเห็นเครื่องบินห้าประเภทที่แยกจากกันซึ่งได้รับการศึกษาพร้อมทั้งจัดการโดยเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศของเรา – ด้วยความช่วยเหลือพร้อมทั้งได้รับอนุญาตจาก The Etherians! ฉันไม่มีคำพูดจะแสดงปฏิกิริยาของฉัน
มันได้เกิดขึ้นในที่สุด ตอนนี้มันเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์
ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ ดังที่คุณอาจทราบแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ได้เดินทางไปที่มูรอคในคืนหนึ่งระหว่างที่เยือนปาล์มสปริงส์ของเขา พร้อมทั้งมันเป็นความเชื่อมั่นของฉันที่เขาจะเพิกเฉยต่อความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่ระหว่าง “หน่วยงาน” ต่างๆ พร้อมทั้งไปหาประชาชนโดยตรงผ่านทางวิทยุพร้อมทั้งโทรทัศน์ – หากทางตันยังคงดำเนินต่อไปอีกนาน เท่าที่ผมรวบรวมมาได้ แถลงการณ์อย่างเป็นทางการของประเทศกำลังเตรียมจัดส่งประมาณกลางเดือนพฤษภาคม
ฉันจะปล่อยให้มันเป็นพลังที่ยอดเยี่ยมของคุณเองในการสร้างภาพที่น่าเวทนาของความโกลาหลทางจิตใจพร้อมทั้งอารมณ์ที่ตอนนี้ทำลายจิตสำนึกของ “ผู้มีอำนาจ” ทางวิทยาศาสตร์ของเราหลายร้อยคนพร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดของความรู้พิเศษต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นปัจจุบันของเรา ฟิสิกส์. ในบางกรณี ฉันไม่สามารถระงับคลื่นแห่งความสงสารที่เกิดขึ้นในตัวของฉันเองได้ ขณะที่ฉันเฝ้าดูความสับสนที่น่าสมเพชของสมองที่ค่อนข้างฉลาดซึ่งพยายามดิ้นรนเพื่ออธิบายเหตุผลบางอย่าง ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถรักษาทฤษฎีพร้อมทั้งแนวความคิดที่คุ้นเคยไว้ได้ พร้อมทั้งฉันขอบคุณโชคชะตาของตัวเองที่ผลักฉันเข้าไปในป่าเลื่อนลอยมานานแล้วพร้อมทั้งบังคับให้ฉันหาทางออก การเฝ้าดูจิตใจที่เข้มแข็งประจบประแจงก่อนที่แง่มุมที่เข้ากันไม่ได้ของ “วิทยาศาสตร์” โดยสิ้นเชิงนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี ฉันลืมไปแล้วว่าเรื่องธรรมดาๆ เช่น การทำให้วัตถุที่ “แข็ง” กลายเป็นวัตถุธรรมดากลายเป็นเรื่องธรรมดาในความคิดของฉันเอง การมาของอีเทอร์หรือวิญญาณ ร่างกายคุ้นเคยกับฉันมาหลายปีแล้ว ฉันเพิ่งลืมไปว่าการสำแดงดังกล่าวอาจทำให้สมดุลทางจิตใจของผู้ชายที่ไม่มีเงื่อนไข ฉันจะไม่มีวันลืมสี่สิบแปดชั่วโมงที่ Muroc!
GL
สมมติว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่จดหมายหลอกลวง มีประเด็นสำคัญหลายประการที่ดูเหมือนจะปรากฏเมื่อมีคนตรวจสอบ อย่างน้อยประเด็นคือคำถามว่าเจอรัลด์ ไลท์คนนี้อาจเป็นใคร พร้อมทั้งเขากำลังทำอะไรที่เอ็ดเวิร์ดส์ด้วยทั้งสามคนพอสมควร – บุคคลที่รู้จักเขาชื่อ น่าเสียดายที่ตัวไลท์เองแทบไม่มีใครรู้จักเลย นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่า มี้ด เลย์น ผู้รับจดหมาย เล่าถึงเขาครั้งหนึ่งในการตีพิมพ์ของ BSRF ในยุคแรกๆ ว่าเป็น “นักเขียนพร้อมทั้งวิทยากรที่มีพรสวรรค์พร้อมทั้งมีการศึกษาสูง” ผู้ซึ่งชอบเล่นตาทิพย์พร้อมทั้ง ไสย การวิจัยเพิ่มเติมพบว่ามี Gerald Light ที่ทำงานในช่วงต้นทศวรรษ 1950 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาพร้อมทั้งส่งเสริมการขายของ CBS Columbia ซึ่งเป็นแผนกการผลิตของ Columbia Broadcasting System แต่ไม่ว่าจะเป็นชายคนเดียวกันหรือไม่ก็ยังไม่ชัดเจน Reilly Crabb ผู้อำนวยการคนปัจจุบันของ BSRF ไม่สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้นอกจากจะบอกว่าเขาเคยได้ยินว่าไลท์จบชีวิตเมื่อหลายปีก่อน สำหรับผู้ชายอีกสามคนที่มีชื่อ แครบบ์บอกฉันว่าเขารู้ดีถึงความพยายามหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อติดต่อกับคนเหล่านี้เกี่ยวกับเรื่องราวของเจอรัลด์ ไลท์ แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้หรือแม้แต่ยอมรับการรับจดหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจาก Alien, Nourse พร้อมทั้ง Cardinal Mclntyre ได้ตายไปแล้ว ความลึกลับนี้จึงไม่สามารถไขได้
ถ้าหากว่า สิ่งที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับจดหมายของไลท์คือการที่เขายืนยันว่า “ประธานาธิบดีเอลเซนฮาวร์… มีใจให้กับมูรอคในคืนหนึ่งระหว่างที่เยือนปาล์มสปริงส์เมื่อเร็วๆ นี้” ซึ่งเป็นคำยืนยันที่ขัดแย้งกับคำอธิบาย “กระดูกไก่” ของโฆษกแฮ็กเกอร์ตี้ ไอค์หายตัวไปในคืนวันที่ 20 กุมภาพันธ์
ถ้าจริง ๆ แล้วไอเซนฮาวร์เพิ่งถูกพาไปหาหมอฟัน แล้วทำไมถึงเงียบไปนานในเรื่องนี้พร้อมทั้งคำพูดซ้ำ ๆ จาก Smoke Tree ว่าทั้งหมดเป็นไปด้วยดี? หากเรื่องราวของหมอฟันเป็นเรื่องจริง ก็คงเป็นกรณีที่สามารถบอกความจริงได้ พร้อมทั้งข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่วเกี่ยวกับการหายตัวไปของ Ike ก็ระงับไปในทันทีโดยไม่ทำอันตรายใด ๆ ในกระบวนการนี้ ความพยายามในการปกปิด “ทุกอย่างเรียบร้อยดี” ในตอนแรก พร้อมทั้งจากนั้นก็เรียกร้องให้แฮ็กเกอร์ตี้จัดการกับสิ่งที่น่าจะปรากฏออกมา เนื่องจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับสื่อมวลชนดูเหมือนจะมากเกินไปสำหรับคำอธิบายง่ายๆ ที่ตามมา หลักฐานเป็นที่ยอมรับ CIA
ดีที่สุด แต่ก็น่าสนใจ
สิ่งหนึ่งที่เกี่ยวกับจดหมายของไลท์คือความจริงที่ว่าความเชื่อมั่นของเขาเกี่ยวกับไอเซนฮาวร์กำลังเตรียมที่จะ “ไปหาผู้คนโดยตรง… เกี่ยวกับกลางเดือนพฤษภาคม” ไม่เคยเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หากไอค์กำลังเตรียมแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาต้องได้รับการชักชวนไม่ให้ส่งโดย “เจ้าหน้าที่” คนเดียวกับที่เคยสนับสนุนการรักษาความลับอย่างเข้มงวดตั้งแต่แรกเริ่ม เห็นได้ชัดว่า Ike เป็น
ปล่อยให้ความลับเป็นหนึ่งในกลุ่มบุคลากรทางวิทยาศาสตร์การทหารพร้อมทั้งพลเรือนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มแรกที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีจากทุกสาขาอาชีพ (Light, Alien, Nourse พร้อมทั้ง Mclntyre จะต้องได้รับการคัดเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้ด้วย) ผู้ซึ่งได้แสดงหลักฐานในช่วงเวลาหนึ่ง – อาจเป็นได้เพื่อจุดประสงค์ในการประเมินจากปฏิกิริยาที่สังเกตได้ของพวกเขาว่าผลกระทบต่อสาธารณชนทั่วไปจะเป็นอย่างไรหากเรื่องราวดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ หากเป็นกรณีนี้ ความสับสนทางจิตใจพร้อมทั้งเหตุการณ์เลวร้ายที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นพร้อมทั้งไลท์อธิบายไว้ในจดหมายของเขาจะต้องจัดหากระสุนให้เพียงพอเพื่อให้ได้รับชัยชนะโดยสมบูรณ์สำหรับพลังแห่งความลับ พยานที่เห็นหลักฐานถูกปิดปากคำสาบาน พร้อมทั้งโครงการเผยแพร่ข่าวต่อสาธารณชนก็ถูกยกเลิก (ว่ากันว่าไอเซนฮาวร์สั่งเงียบพร้อมทั้งศึกษาเพิ่มเติม) ความจริงที่ว่าเจอรัลด์ไลท์เห็นได้ชัดว่าผิดคำสาบานโดยเขียนถึงมี้ดเลย์นอาจจะทำให้พวกเขาไม่กระวนกระวายใจเมื่อพบว่าเลย์นไม่สำคัญพอที่จะทำให้เรื่องราวติด ถ้าเขาเผยแพร่
ข้อมูลที่น่าสนใจอีกชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับการมีอยู่ของเศษจานรองที่เอ็ดเวิร์ดส์มาจากนักวิจัยพร้อมทั้งนักเขียนจานรองชาวอังกฤษชื่อเดสมอนด์ เลสลี ซึ่งรายงานว่าได้สำรวจพื้นที่รอบๆ มูรอค ขณะเดินทางไปลอสแองเจลิสในช่วงฤดูร้อนปี 2497 บอกกับนักเขียนจอร์จ ฮันท์ วิลเลียมสันในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Valor เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2497 ว่า “การไต่สวนอย่างรอบคอบ” ทำให้เขาเชื่อว่า “จานรองที่ลือกันว่าที่มูรอคอยู่ที่นั่นจริงๆ” พร้อมทั้งถูกกักขังไว้ “ในโรงเก็บเครื่องบิน 27” เลสลี่บอกว่า “ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ได้ ‘ดู’ ที่ยานนี้ในช่วงพักร้อนที่ปาล์มสปริงของเขา” เขาจะระบุแหล่งที่มาของข้อมูลว่าเป็น “ชายกองทัพอากาศ” ที่ “เห็นยาน” จริง ๆ แล้วพร้อมทั้งผู้ที่บอกเขาว่า “ในวันหนึ่ง … ทันใดนั้นผู้ชายที่กลับมาจากการลางานไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไป ที่ฐานทัพพร้อมทั้งได้รับคำสั่งให้ ‘หลงทาง'” คนอื่น ๆ ผู้ให้ข้อมูลของเขาบอกว่า มีของใช้ส่วนตัวตามที่พวกเขาต้องการนำมาให้พวกเขาขณะรอที่ประตู ผู้ชายที่ประจำการอยู่ที่ฐานในวันนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไม่ว่ากรณีใดๆ
น่าเสียดายที่เลสลี่เคยประนีประนอมความน่าเชื่อถือของเขาผ่านการเชื่อมโยงกับจอร์จ อดัมสกี้ผู้ล่วงลับไปแล้ว ผู้ติดต่อจานรองที่มีชื่อเสียงในทศวรรษ 1950 พร้อมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่าคนวิกลจริตของ UFOlogy มาอย่างยาวนาน แม้ว่าเรื่องราวของเลสลี่อาจเป็นเรื่องจริง แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนในตอนนั้นที่เต็มใจจะเชื่อ
ถ้าหากว่า งานวิจัยอีกสองส่วนได้เปิดเผยออกมาแล้ว ซึ่งดูเหมือนจะบ่งชี้ว่าอาจมีความจริงบางอย่างที่นี่ ข้อแรกเกี่ยวกับหมอฟันที่ควรจะรักษาไอค์เพราะฟันหักของเขา แม้ว่าหมอฟันจะจบชีวิตแล้ว แต่มัวร์สามารถติดต่อสมาชิกในครอบครัวของเขาได้สำเร็จในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2522 พร้อมทั้งพบว่าเธอไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเหตุการณ์นี้อย่างประหลาด ขณะที่เธอบอกว่าเธอจำได้ว่าหมอฟันถูกเรียกให้ไปรักษาท่านประธานาธิบดี แต่เธอก็นึกไม่ออกว่าตอนนั้นเป็นช่วงเวลาใด สถานการณ์รอบข้างเป็นอย่างไร ปัญหาของประธานาธิบดีคืออะไร หรือแม้แต่เห็นกี่ครั้ง หมอฟัน (“ฉันจำไม่ได้ว่ากี่ครั้งแล้ว อาจจะสองครั้ง อาจจะมากกว่านั้น ฉันจำไม่ได้”) ถ้าหากว่า เธอจำได้ว่าไปร่วมงาน “ย่างสเต็กประธานาธิบดี” ในเย็นวันรุ่งขึ้นซึ่งเขาได้รับการแนะนำให้รู้จักเสียงดัง นักข่าวเป็น “หมอฟันที่ปฏิบัติต่อประธานาธิบดี”
ดูเหมือนว่าสมาชิกในครอบครัวของใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแพทย์หรือทันตแพทย์ที่ร้องเรียกในตอนกลางดึกเพื่อปฏิบัติต่อประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาสำหรับ “เหตุฉุกเฉิน” จะจดจำข้อมูลของเหตุการณ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้จะผ่านไปแล้ว 25 ปีก็ตาม
โดยสรุป ข้อเท็จจริงที่ว่าเธอ “จำข้อมูลไม่ได้” ซึ่งคนส่วนใหญ่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันจะจดจำได้ง่าย ดูเหมือนจะเป็นการแนะนำอย่างยิ่งว่าขอบเขตของการมีส่วนร่วมของทันตแพทย์เป็นเพียงการทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์เสริมที่สะดวก (ทั้งที่เต็มใจ) สำหรับเรื่องราวหน้าปกเท่านั้น ขึ้นโดยเลขาธิการสื่อมวลชน Haggerty เพื่อปลอบประโลมคณะสื่อมวลชน ในขณะที่ครอบครัวอาจมองว่าเรื่องทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่การรักชาติในขณะนั้น แต่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่ตอนนี้ ยี่สิบห้าปีหลังจากความจริง สมาชิกในครอบครัวไม่สามารถจำข้อมูลของสิ่งที่เธอบอกได้ นักข่าวในขณะนั้น ความอับอายของเธอในเรื่องนี้สามารถอธิบายได้อย่างง่ายดายว่าเธอไม่เต็มใจที่จะให้ชื่อของเธอเชื่อมโยงกับมัน
อีกเรื่องที่เกี่ยวข้องมาจากนางแฟรงค์ สกัลลี ภริยาของผู้เขียน Behind the Flying Saucer (บทที่ 3) ซึ่งเล่าว่าในปี 19
54 เธอพร้อมทั้งสามีซื้อกระท่อมกลางทะเลทราย
ภูเขาเหนือฐานทัพอากาศเอ็ดเวิร์ด จากคำกล่าวของนางสกัลลี ช่างไม้คนหนึ่งซึ่งมาทำงานให้กับพวกเขาเมื่อประมาณเดือนมิถุนายนของปีนั้นเคยทำงานเป็นพนักงานพลเรือนที่เอ็ดเวิร์ดส์มาก่อน ชายผู้นี้ซึ่งเธอจำชื่อไม่ได้ บอกพวกเขาว่าไอเซนฮาวร์เคยไปเยี่ยมฐานทัพอย่างลับๆ เมื่อหลายเดือนก่อน พร้อมทั้งมันก็แปลกที่สื่อมวลชนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
บางทีนักข่าวบางคนก็รู้เรื่องนี้ แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ จึงนิ่งเงียบไป กัปตันเอ็ดเวิร์ด เจ. รัพเพล์ท ซึ่งในขณะนั้นเพิ่ง (กันยายน 2496) ก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าโครงการ UFO Project Blue Book ของกองทัพอากาศ ก็ได้ยินข่าวลือที่ดูเหมือน พร้อมทั้งสนใจในตัวพวกเขามากพอที่จะเอาปัญหามาเขียน บันทึกที่พิมพ์ดีดในหัวข้อ แม้ว่าบันทึกช่วยจำนี้ซึ่งมัวร์ค้นพบในระหว่างที่ตรวจสอบไฟล์ Ruppelt หลายปีหลังจากการตายของเขา แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้บ่งชี้ว่า Ruppelt เชื่อเรื่องราวหรือไม่ การมีอยู่ของมันทำให้เราอนุมานได้ว่า Ruppelt ต้องมีมากกว่า เป็นเพียงความสนใจผ่านในหัวข้อ
ไม่นานมานี้ อดีตสมาชิกระดับสูงในแผนกหนึ่งของ Eisenhower ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในรัฐแอริโซนา ได้ยืนยันกับเพื่อนๆ เป็นการส่วนตัวว่า Ike ได้ไปเยี่ยม Muroc จริงๆ ในปี 1954 เพื่อดูซากของแผ่นดิสก์ที่พังพร้อมทั้งศพ พร้อมทั้งการเดินทาง ทำจากปาล์มสปริงด้วยเฮลิคอปเตอร์
เกิดอะไรขึ้นกับแผ่นดิสก์หลังจากการมาเยือนของไอเซนฮาวร์? สิ่งที่เราต้องทำคือข่าวลือพร้อมทั้งสถานการณ์ แต่บางส่วนก็บอกเป็นนัยว่าในช่วงปลายปี 1954 (เนื่องจากการประชาสัมพันธ์ที่กล่าวถึงข้างต้น) แผ่นดิสก์ถูกถอดออกบางส่วนพร้อมทั้งจัดส่งโดยรถบรรทุกเตี้ยไปยังฐานทัพอากาศไรท์-แพตเตอร์สันในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ เพื่อเข้าร่วมกับเศษซากพร้อมทั้งศพ ซึ่งได้นำหน้าพวกเขาที่นั่นในปลายทศวรรษที่ 1940
แต่ก่อนการเยือนของนายพลไอเซนฮาวร์ ได้สังเกตเห็นเหตุการณ์ไม่ปกติบางอย่างบนท้องฟ้าเหนือพื้นที่มูรอค จำนวนการพบเห็นยูเอฟโอในพื้นที่ก่อนมีรายงานว่าวัตถุพร้อมทั้งศพจะถูกเคลื่อนย้าย ได้แก่ :
8 กรกฎาคม พ.ศ. 2490: มีการพบเห็นวัตถุรูปทรงดิสก์ที่ไม่ระบุชื่อสี่รายการแยกจากกันเหนือฐานทัพอากาศ Muroc พร้อมทั้งไซต์ทดสอบลับ Rogers Dry Lake ในแคลิฟอร์เนีย วัตถุหนึ่งถูกส่งผ่านเหนือเครื่องบิน F-51 ในเวลาที่ไม่มีเครื่องบินที่รู้จักอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
31 สิงหาคม พ.ศ. 2491: มีรายงานว่าวัตถุขนาดใหญ่ที่ไม่รู้จักซึ่งไล่ตามเปลวไฟสีน้ำเงินซึ่งมีความยาวเกือบหนึ่งไมล์ถูกรายงานว่าแล่นอยู่ที่ระดับความสูง 50,000 ฟุตเหนือฐานทัพอากาศสหรัฐที่เมืองมูรอค Bob Hanley นักบินพลเรือนพร้อมทั้งผู้โดยสาร 2 คนรายงานว่าเห็นวัตถุเดียวกันหรือคล้ายกันเหนือ Mint Canyon เมื่อเวลา 12:15 น.
24 มิถุนายน 2493: นักบินพร้อมทั้งลูกเรือขนส่งของกองทัพเรือพร้อมทั้งนักบินสายการบินหลายคนเฝ้าดูวัตถุรูปทรงซิการ์ที่กำลังเคลื่อนที่อยู่เหนือทะเลทรายโมฮาวีใกล้เมือง Daggett รัฐแคลิฟอร์เนีย ประมาณ 25 ไมล์ทางตะวันออกของฐานทัพอากาศ Muroc วัตถุบินเชิงพาณิชย์ของ United Airlines ไปเกือบยี่สิบไมล์
10 สิงหาคม 2493: นักฟิสิกส์ของกองทัพเรือ ร้อยโท Robert C. Wykoff สังเกตวัตถุรูปดิสก์ขนาดใหญ่ผ่านกล้องส่องทางไกลขนาด 7 x 50 ของกองทัพเรือที่ปรับเทียบขณะที่มันเคลื่อนที่ระหว่างตัวเขาเองกับเทือกเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป มีการพบเห็นเกิดขึ้นตามทางหลวงหมายเลข 395 ของสหรัฐอเมริกา ใกล้เอ็ดเวิร์ดส์ ประมาณสิบไมล์ทางเหนือของทางแยกเก่า
สหรัฐอเมริกา เส้นทาง 466
30 กันยายน พ.ศ. 2495: ดิ๊กบีเมอร์ ช่างภาพการบิน พร้อมทั้งพยานอีกสองคนสังเกตเห็นวัตถุทรงกลมแบนคู่หนึ่งบินโฉบไปมา หลบหลีก พร้อมทั้งเลี้ยวเฉียงเหนือฐานทัพอากาศเอ็ดเวิร์ดส์
ในเรื่องนี้ อาจเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทราบว่า Nicholas von Poppen ช่างภาพที่บอกว่าเขาถ่ายภาพยูเอฟโอที่ตก (พร้อมทั้งเห็นลูกเรือที่ตายแล้ว) ที่ “ลอสอาลามอส” ตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่เขาไปเยี่ยมฐานทัพ อยู่ในสภาวะตื่นตัวเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนหากยูเอฟโออื่นปรากฏขึ้นในภารกิจกู้ภัยหรือดึงข้อมูลโดยกะทันหัน นอกจากความปรารถนาที่จะได้รับข้อมูลในส่วนของผู้สืบสวนยูเอฟโอพร้อมทั้งบางทีประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ อาจมี (พร้อมทั้งอาจยังคงมีอยู่) ความสนใจบางอย่างจากหน่วยสืบราชการลับจากนอกโลกนี้
ข่าวลือที่แพร่หลายในวงการยูเอฟโอเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่รอสเวลล์หมุนรอบบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งในรัฐบาลสหรัฐอเมริกา วุฒิสมาชิกแบร์รี โกลด์วอเตอร์แห่งแอริโซนา ข่าวลือนี้เกี่ยวข้องกับความพยายามที่ถูกกล่าวหาในส่วนของวุฒิสมาชิกโกลด์วอเตอร์ (ผู้ดำรงตำแหน่งนายพลในกองทัพอากาศสหรัฐฯ) เพื่อเยี่ยมชมพื้นที่ความปลอดภัยสูงที่ฐานทัพอากาศไรท์ – แพตเตอร์สันซึ่งตามข่าวลือที่รอสเวลล์
จากนั้นเก็บยูเอฟโอพร้อมทั้งศพของลูกเรือนอกโลกที่จบชีวิตแล้ว พร้อมทั้งถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าโดย “จำเป็นต้องรู้”
ตามที่วุฒิสมาชิกโกลด์วอเตอร์กล่าว สิ่งที่เกิดขึ้นจริงมีดังต่อไปนี้: ระหว่างเดินทางไปแคลิฟอร์เนียในช่วงต้นทศวรรษ 1960 วุฒิสมาชิกหยุดที่ฐานทัพอากาศไรท์-แพตเตอร์สัน ซึ่งเขาได้ไปเยี่ยมนายพลเคอร์ติส เลอเมย์ เพื่อนของเขา วุฒิสมาชิกโกลด์วอเตอร์เคยได้ยินถึงการมีอยู่ของห้องหรือส่วนต่างๆ บนฐานที่เรียกว่า “ห้องสีฟ้า” ซึ่งเป็นที่เก็บสิ่งประดิษฐ์ ภาพถ่าย พร้อมทั้งการจัดแสดงจานบิน ส.ว.ผู้เป็นนักบินมาช้านานมีมากกว่าผ่าน
ในความสนใจในยูเอฟโอ ขออนุญาตจากนายพล LeMay เยี่ยมชมนิทรรศการห้องสีฟ้า คำตอบของนายพล LeMay นั้นกระชับอย่างเด่นชัด: “นรก ไม่ ฉันไปไม่ได้ คุณไปไม่ได้ พร้อมทั้งอย่าถามฉันอีกเลย!”
แม้ว่าจะไม่สามารถดูสิ่งที่นักวิจัยส่วนใหญ่จะได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการมีอยู่ของวัตถุบินนอกโลก แต่การไตร่ตรองของวุฒิสมาชิกโกลด์วอเตอร์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของชีวิตนอกโลกพร้อมทั้งการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่น่าจะเป็นไปได้นั้นได้รับการแสดงโดยเขาในสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็นแนวทางสำหรับการเก็งกำไรในจักรวาล: “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิต… ฉันมีเหตุผลทุกประการที่จะเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ จากส่วนอื่น ๆ ของจักรวาลนั้นฉลาดหรือฉลาดกว่าเรา…”
บางทีห้องสีน้ำเงินอาจมีคำตอบ แต่สิ่งที่อยู่ข้างในกลับถูกมองว่าเป็นความลับจนไม่สามารถไปเยี่ยมได้แม้แต่นายพลระดับสูงของกองทัพอากาศ
————————————————– ———————— 8
“ความลับสุดยอด” ตลอดกาล – ทางเลือก AVRO
หากรัฐบาลสหรัฐฯ จัดการหยิบชิ้นส่วนของรอสเวลล์ได้พอประมาณเพื่อพบว่ามันคืออะไรพร้อมทั้งทำงานอย่างไร ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าจะถือว่าเป็น “ความลับสุดยอด” ในช่วงชีวิตที่มีอยู่ กฎระเบียบด้านความปลอดภัย เรื่องนี้ดูเหมือนจะมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจำนวนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต้องการที่จะได้รับสิ่งที่อาจเป็นอาวุธลับขั้นสูงสุด อีกครั้งที่ยูเอฟโออื่น ๆ อาจตกแล้วหรืออาจชนในส่วนอื่น ๆ ของโลกพร้อมทั้งประเทศอื่น ๆ จะครอบครองส่วนอื่น ๆ ของปริศนาจิ๊กซอว์จักรวาลซึ่งการแก้ปัญหาที่ประสบความสำเร็จจะทำให้ประเทศที่มีปัญหามีความลับในการบินด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อพร้อมทั้ง โดยไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงในขณะที่เรากำลังตั้งครรภ์
จึงต้องศึกษาผลของการดำเนินการกู้คืนภายใต้เงื่อนไขการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดพร้อมทั้งเพื่อใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวจริง ในทางกลับกัน ความพยายามเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดข่าวลือในตัวเอง Reilly Crabb ประธานมูลนิธิวิจัยวิทยาศาสตร์ Borderland แห่ง Vista, California รายงานข่าวลือที่แพร่หลายพอสมควรเกี่ยวกับการทดลองดังกล่าว
Crabb ทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ถูกกล่าวหาจากจ่าสิบเอกกองทัพอากาศในปี 1971 ซึ่งบอกกับ Crabb ว่าเกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อนขณะที่เขาปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวที่ฐานทัพอากาศ Edwards ในช่วงเวลาของเขาที่จ่าสิบเอกได้เป็นมิตรกับนักบินรบบางคนซึ่งเขาปฏิเสธที่จะตั้งชื่อ แต่เขาอธิบายว่าเป็นประเภท “สตีฟแคนยอน” ในการสนทนากับ “แคนยอน” วันหนึ่งภายในโรงเก็บเครื่องบินแห่งหนึ่ง พวกเขาคุยกันเรื่องยูเอฟโอ พร้อมทั้งจ่าสิบเอกแสดงความสนใจพร้อมทั้งความเชื่อในปรากฏการณ์นี้ เจ้าหน้าที่ฟังอยู่ครู่หนึ่ง ลังเล พร้อมทั้งทันใดนั้นก็พูดว่า: “ฉันต้องการแสดงบางอย่างให้คุณเห็น แค่ตามฉันมาพร้อมทั้งอย่าถามคำถาม ฉันจะไม่ตอบคำถามเหล่านั้น”
จ่าสิบเอกถูกพาไปที่โรงเก็บเครื่องบินอีกแห่ง “ซึ่งมาตรการรักษาความปลอดภัยไม่เข้มงวดนัก แต่เครื่องแบบพร้อมทั้งบัตรประจำตัวของเขาพาเขาไปที่สำนักงานด้านข้างพร้อมทั้งบริเวณร้านค้า” ทั้งสองขึ้นไปถึงชั้นบนซึ่งมีห้องทำงานที่มีหน้าต่างด้านข้างมองเห็นพื้นโรงเก็บเครื่องบินด้านล่างซึ่งทั้งหมดมีม่านหนาทึบ บนพื้นข้างหน้ามีเส้นสีแดงซึ่งเกินซึ่งผู้คุมจะไม่ยอมให้ใครผ่านไปโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างเหมาะสม นักบินกระซิบบอกจ่าสิบเอกเพื่อรอเขาอยู่ที่นั่น พร้อมทั้งขณะรอ ให้มองผ่านม่านที่แยกออกเล็กน้อยข้างหลังเขาสิ่งที่อยู่บนดาดฟ้าโรงเก็บเครื่องบินด้านล่างโดยตรง
นักบินเดินทางต่อไปผ่านการรักษาความปลอดภัย พร้อมทั้งเนื่องจากยามดูไม่กังวล จ่าจึงนำสิ่งที่เขาอธิบายให้แครบบ์ฟังว่า “ดูดี” สิ่งที่เขาเห็นคือ “ยานรูปจานรองนั่งบนเกียร์สูง มันเป็นวงกลมทั้งหมดที่มีขอบแหลมคมลาดขึ้นไปถึงพื้นที่ห้องนักบินที่มีโดมตรงกลาง ดูเหมือนว่ามันสามารถบรรทุกได้อย่างน้อยสองหรือสาม คน พร้อมทั้ง [คือ] อาจมีเส้นผ่านศูนย์กลางโดยรวมยี่สิบห้าถึงสามสิบฟุต” มีเจ้าหน้าที่บริการซึ่งสวมชุดคลุมสีน้ำเงินปกติเคลื่อนที่ไปรอบๆ ยานขณะนั่งอยู่ที่นั่น
ในไม่ช้านักบินก็กลับมาพร้อมทั้งจ่าก็ตามเขาออกจากพื้นที่ ก่อนที่พวกเขาจะแยกจากกัน นักบินเตือนเขาไม่ให้พูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็นหรือที่ที่เขาเคยไป พร้อมทั้งถ้าเขาทำ เขา (นักบิน) จะปฏิเสธทุกอย่าง “คุณคิดว่าเป็นจานบินที่สร้างพร้อมทั้งควบคุมโดยบุคลากรกองทัพอากาศสหรัฐฯ หรือไม่” แครบบ์ถาม
“ครับผม” จ่าตอบ “อันที่จริง ฉันคุ้นเคยกับทหารยามที่นั่นที่เอ็ดเวิร์ด ซึ่งอ้างว่าเคยเห็นยานรูปแผ่นดิสก์เหล่านี้ปฏิบัติการจากโรงเก็บเครื่องบินพรางพิเศษในตอนกลางคืน”
ผู้ให้ข้อมูลของ Reilly Crabb ย้ายไปเวียดนามไม่นานหลังจากการสนทนาของพวกเขา Crabb เชื่อว่าเขาได้พบกับความตายของเขาในการดำเนินการ
ดูเหมือนว่าการยืนยันความเป็นไปได้ที่อย่างน้อยการวิจัยของรัฐบาลได้มีการดำเนินการเกี่ยวกับยานที่มีรูปร่างเหมือนจานรองเป็นข่าวลืออย่างต่อเนื่องว่าวัตถุดังกล่าวได้รับการทดสอบจริง ๆ เหนือ Nellis AFB ในเนวาดาระหว่าง
ค.ศ. 1965 เก็บไว้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง พร้อมทั้งทดลองบินอีกครั้ง สันนิษฐานว่ามีการดัดแปลงเพิ่มเติมบางอย่างในปี ค.ศ. 1974 ผู้ให้ข้อมูลบางคนอ้างว่าเคยเห็นเครื่องบินลำดังกล่าว เรียกว่า “Flying Flapjack” ในหนังข่าวเชิงพาณิชย์ เมื่อพยานคนหนึ่งเขียนรายการโทรทัศน์ Той Asked For It พร้อมทั้งขอให้ฉายภาพข่าวทางทีวีอีกครั้ง เขาได้รับแจ้งว่ารัฐบาลได้ม้วนข่าวดังกล่าวมา พร้อมทั้งต่อจากนี้ไปจะเป็น “ความลับสุดยอด” Flying Flapjack เป็นโครงการที่ตายแล้ว (อย่างเป็นทางการ) มาตั้งแต่ปี 1940 พร้อมทั้งน่าจะเป็นเครื่องบินประเภทนี้เพียงลำเดียวที่เคยสร้างไม่เคยออกจากคอนเนตทิคัต
เมื่อถูกถามทางจดหมายเกี่ยวกับข่าวลือดังกล่าว กองทัพอากาศมักจะอ้างถึงผู้สอบถามถึงงานที่ไม่จำแนกประเภทพร้อมทั้งมองเห็นได้ชัดเจนซึ่งทำโดยกองทัพอากาศระหว่างปี พ.ศ. 2497 ถึง 2502 ในสัญญากับ
บริษัท A.V. Roe Ltd. ด้านการบินของโตรอนโต ใช้เงินประมาณ 10 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาสิ่งที่เรียกว่าเครื่องบิน AV-9 AVRO สำหรับรถยนต์ซึ่งเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ซึ่งไม่เคยอยู่ห่างจากพื้นเพียงไม่กี่ฟุตพร้อมทั้งโยกเยกเหมือนโยโย่เมื่อในที่สุดก็ทำการบินทดสอบ ธันวาคม พ.ศ. 2502 ภัยพิบัติทางเทคโนโลยีนี้ตามที่กองทัพอากาศกำหนด เท่าที่เคยมีมาในการพยายามบังคับรูปทรงจานรองให้สอดคล้องกับหลักการแอโรไดนามิกส์ คดีก็ดูจะจบ
หรือว่า? เมื่อเร็ว ๆ นี้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ AVRO บางคนได้แนะนำเป็นอย่างอื่น – ได้แนะนำว่ารถ AVRO ที่โชคไม่ดีนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าคนตาบอดขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสาธารณชนจากการวิจัยจริงที่เกิดขึ้นกับฮาร์ดแวร์หรือความพยายาม “จับ” จริง ในการทำซ้ำ ผู้พันจอร์จ เอ็ดเวิร์ดส์ USAF (เกษียณแล้ว) แห่งนิวยอร์ก นักวิทยาศาสตร์ที่อ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการจานรองที่มนุษย์สร้างขึ้น AVRO VZ-9 ได้รับการบันทึก (นิตยสาร UFO ของอุดมคติ ฉบับที่ 4 ฤดูใบไม้ร่วง , 1978) โดยบอกว่าเขาพร้อมทั้งคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันจะไม่สำเร็จพร้อมทั้ง VZ-9 จะไม่มีวันบิน “แม้ว่าเราไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ในเรื่องนี้” เขากล่าว “เรารู้ว่า AF แอบทดสอบยานอวกาศเอเลี่ยนตัวจริง VZ-9 จะเป็น ‘ที่กำบัง’ ดังนั้นเพนตากอนจะ มีคำอธิบายเมื่อใดก็ตามที่มีคนรายงานว่าเห็นจานรองในเที่ยวบิน ” หากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็นความจริง (พร้อมทั้ง VZ-9 นั้นเป็นความจริง) ก็อาจจัดเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการโฆษณาชวนเชื่อ “สีเทา” ตามที่อธิบายไว้ในหน้า 50
ความลึกลับของดิสก์ที่พังหรือยูเอฟโอใกล้กับรอสเวลล์ในช่วงเริ่มต้นของ “ยุคยูเอฟโอ” อาจถูกเปิดเผยเมื่อหน่วยงานของรัฐเปิดเผยข้อมูลยูเอฟโอบนภูเขาที่พวกเขารวบรวมตลอดหลายปีที่ผ่านมา การแสวงหาข้อมูลโดยพลเรือนที่สนใจนั้นซับซ้อนไม่เพียงเพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยข้อมูล แต่ยังเป็นเพราะรายงานยูเอฟโอไม่ได้กระจุกตัวอยู่ในหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง พวกเขาถูกจับกุมโดย CIA, FBI, NASA, กองทัพอากาศ, กองทัพเรือ, สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติพร้อมทั้งหอจดหมายเหตุแห่งชาติพร้อมทั้งอื่น ๆ พร้อมทั้งตามที่คาดไว้รายงานได้สูญหายหรือสูญหายในขณะที่ให้ยืม หน่วยงานอื่น
กลุ่มยูเอฟโอได้ก่อกวนพร้อมทั้งวิ่งเต้นเพื่อผลกระทบนี้ตั้งแต่ทศวรรษ 1960 แต่ตอนนี้เนื่องจากการผ่านพระราชบัญญัติเสรีภาพในข้อมูลข่าวสารที่แก้ไข (5USC-552) ซึ่งมีผลบังคับใช้อย่างเหมาะสมเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 บันทึกข้อมูลที่ถูกระงับดูเหมือนจะ ให้สัญญาณบางอย่างของการเลิกรา
Detente พระราชบัญญัติเสรีภาพในการแสดงข้อมูลมาพร้อมกับลางดีในแง่ดี คาร์เตอร์ในการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาบอกว่าเขาเคยเห็นยูเอฟโอในจอร์เจียเป็นการส่วนตัวในขณะที่เขาเป็นผู้ว่าการพร้อมทั้งเขาจะเปิดเผยข้อมูลยูเอฟโอที่รัฐบาลถือครองหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีโดยการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวไม่ได้กระทบต่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของประเทศ [2 ] ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2520 US News & World Report พยากรณ์: ก่อนสิ้นปีนี้ รัฐบาลอาจคาดว่าประธานาธิบดีจะทำสิ่งที่เรียกว่า “การเปิดเผยที่ไม่สงบ” เกี่ยวกับวัตถุบินที่ไม่ปรากฏชื่อ การเปิดเผยดังกล่าวตามข้อมูลจาก CIA จะเป็นการพลิกกลับของนโยบายอย่างเป็นทางการที่ในอดีตได้ลดระดับเหตุการณ์ยูเอฟโอ
เมื่อเห็นได้ชัดว่าไม่มีการเปิดเผยใด ๆ จากหน่วยงานของรัฐ อาจเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่กลุ่มศึกษายูเอฟโอบางกลุ่มจะมีปฏิกิริยาตอบสนองภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติเสรีภาพในการให้ข้อมูล
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2520 วิลเลียม สเปล้าดิ้ง ผู้อำนวยการ Ground Saucer Watch, Inc. (GSW) ของเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา เริ่มต้นการฟ้องร้องโดยยื่นฟ้อง CIA ว่าด้วย Freedom of Information Act โดยอ้างว่าหน่วยงานไม่ได้ครอบครองเอกสารเพียงหลายพันฉบับเท่านั้น เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมยูเอฟโอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่มีการสมคบคิดอย่างจริงจังพร้อมทั้งยังคงสมคบคิดที่จะเก็บเอกสารเหล่านี้เป็นความลับจากสาธารณะโดยปฏิเสธการมีอยู่จริงของพวกเขา
GSW ยื่นฟ้องอันเป็นผลมาจากการที่ CIA ปฏิเสธที่จะให้การเข้าถึงไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโอของตนโดยอ้างว่าเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ กลยุทธ์ของ GSW คือการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ “ในกล้อง” (ส่วนตัวแต่
การตรวจสอบอย่างเป็นทางการดำเนินการโดยผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางภายในขอบเขตของห้องของเขา) ของเอกสารเพื่อพิจารณาว่าความปลอดภัยของประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องในระดับใด (ถ้ามี) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ FOIA จัดทำขึ้นเอง
จากนั้นกลุ่มที่สอง Citizens Against UFO Secrecy (CAUS) ก่อตั้งขึ้นเมื่อต้นปี 2521 ภายใต้การอำนวยการของ W. T. Zechel อดีตผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ GSW พร้อมทั้งผู้ดำเนินการโทรเลขทางวิทยุเพียงครั้งเดียวของ Army Security Agency เป้าหมายของ CAUS ที่ประกาศออกมานั้นไม่น้อยไปกว่า “ความพยายามที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า USAF (หรือองค์ประกอบดังกล่าว) สามารถกู้คืนยานอวกาศนอกโลกที่ชนได้” ในพื้นที่ชายแดนเท็กซัส-นิวเม็กซิโก-เม็กซิโกในช่วงปลายทศวรรษ 1940
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2520 ภายใต้การนำของแบรด สปาร์กส์ ที่ปรึกษาด้านเทคนิคของ CAUS พร้อมทั้งผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย กลุ่ม CAUS ได้สันนิษฐานว่าการจัดการคดี GSW ที่รอดำเนินการอย่างสมบูรณ์ พร้อมทั้งด้วยขั้นตอนการค้นพบพร้อมทั้งการเจรจาที่โต๊ะจริงจึงประสบความสำเร็จในการได้รับคำสั่งศาลจาก ศาลแขวงสหรัฐในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งคาดว่าจะบังคับให้ซีไอเอทำการค้นหาไฟล์สำหรับส่วนประกอบทั้งหมดสำหรับวัสดุที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโอ ที่น่าสนใจคือ มีรายงานว่าเอกสารที่เกี่ยวข้องประมาณ 10,000 หน้า “ถูกระบุตำแหน่ง” ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2521 ซึ่งไม่ถึง 900 หน้าซึ่งในที่สุดก็เผยแพร่สู่ GSW/CAUS ในเดือนธันวาคมของปีนั้น ในเวลาเดียวกัน CIA ปฏิเสธที่จะเปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโอจำนวน 57 ฉบับ (ไม่ทราบจำนวนหน้าจริง) บนพื้นฐานของกฎระเบียบด้านความมั่นคงแห่งชาติ
คำขอที่คล้ายคลึงกันกับเอฟบีไอโดย Bruce Maccabee นักฟิสิกส์เชิงแสงแห่งซิลเวอร์สปริง รัฐแมริแลนด์ ในที่สุดก็บังคับให้เอฟบีไอจัดทำไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโอเกือบ 1,000 หน้า แม้ว่าจะปฏิเสธในเบื้องต้นว่ามีไฟล์ดังกล่าวอยู่ก็ตาม
แม้ว่าเอกสารส่วนใหญ่ที่เผยแพร่จนถึงตอนนี้จะเป็นสำเนาบันทึกประจำวันพร้อมทั้งสิ่งที่คล้ายกันซึ่งก่อให้เกิดข้อมูลใหม่หรือข้อมูลที่ไม่คาดคิดเพียงเล็กน้อย แต่ก็มีหลายอย่างที่ดูเหมือนจะมีความหมายที่รุนแรงมากเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่รอสเวลล์ สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือบันทึกที่เขียนโดย J. Edgar Hoover ผู้ล่วงลับไปแล้ว หัวหน้า FBI ผู้มีอำนาจในรัฐบาลมาอย่างยาวนาน พร้อมทั้งบุคคลที่รู้สึกอิจฉาทั้งอภิสิทธิ์พร้อมทั้งสงสัยว่าจะละเมิดอำนาจของเขาอย่างเห็นได้ชัด . บันทึกย่อนั้นสั้นพร้อมทั้งตรงประเด็น:
บันทึกข้อตกลงนายลัด L
นาย [เซ็นเซอร์] ยังได้หารือเรื่องนี้กับพันเอก L. R. Forney แห่ง MID [Military Intelligence Division] พันเอก Forney พบว่าเป็นทัศนคติของเขาตราบเท่าที่มีการระบุแล้วว่าจานบินไม่ได้เป็นผลมาจากการทดลองของกองทัพบกหรือกองทัพเรือ เรื่องนี้เป็นที่สนใจของ FBI เขาบอกว่าเขามีความเห็นว่าสำนักงานควรยอมรับคำขอของนายพลชูลเกนหากเป็นไปได้หากเป็นไปได้ [เช่นเพื่อช่วยกองทัพอากาศในการสอบสวน]
SWR: AJB [ชื่อย่อ]
เพิ่มที่ด้านล่างของบันทึกช่วยจำในลายมือของฮูเวอร์เองคือ:
ฉันจะทำ แต่ก่อนที่จะตกลง เราต้องยืนกรานให้เข้าถึงดิสก์ที่กู้คืนมาทั้งหมดได้ ตัวอย่างเช่นในกรณีที่ [อ่านไม่ออก: อาจเป็น “SW” หรือ LA “] กองทัพคว้ามันพร้อมทั้งไม่ยอมให้ Jet ให้เราตรวจสอบคร่าวๆ
เอช
หนึ่งสมมติว่ามีการดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมกับความต้องการที่ค่อนข้างเย่อหยิ่งนี้เป็นหนึ่งในเอกสารที่ยังคง (ถ้าเคย) จะถูกปล่อยออกมา ข้อเท็จจริงที่ว่าบันทึกช่วยจำลงวันที่ “15 กรกฎาคม พ.ศ. 2490” มีความสำคัญอย่างมาก เช่นเดียวกับการอ้างอิงที่ไม่แน่นอนของตำแหน่งซึ่งอาจเป็น “SW” (สำหรับตะวันตกเฉียงใต้) หรือ “LA” (สำหรับลุยเซียนาหรืออาจเป็นลอสแองเจลิส) – พื้นที่ซึ่งฐานทัพอากาศเอ็ดเวิร์ดตั้งอยู่)
ความเป็นไปได้ของรัฐหลุยเซียนาซึ่งนักวิจัยบางคนเสนอแนะโดยอ้างถึงการหลอกลวงจานรองที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดิสก์อลูมิเนียมขนาดสิบหกนิ้วพร้อมทั้งชิ้นส่วนวิทยุบางส่วนที่เกิดขึ้นในชรีฟพอร์ตเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 เกือบจะถูกตัดออกโดยบันทึกช่วยจำของ FBI สองฉบับที่เกี่ยวข้องกับ กรณีนั้น คดีหนึ่งมาจากสำนักงานภาคสนามของเอฟบีไอในนิวออร์ลีนส์ พร้อมทั้งอีกคดีหนึ่งมาจากตัวฮูเวอร์เอง (ทั้ง 2 ฉบับลงวันที่ 7 กรกฎาคม) ในขณะที่คำอธิบายประกอบของฮูเวอร์ด้านบนระบุอย่างชัดเจนว่าเขากำลังอ้างถึงแผ่นดิสก์ที่พังซึ่ง “กองทัพคว้า…พร้อมทั้งไม่ยอมให้ [เอฟบีไอ] มี” สำหรับการตรวจสอบ บันทึกช่วยจำของหลุยเซียน่าที่อ้างถึงคดีชรีฟพอร์ตแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตรงกันข้าม เป็นความจริงพร้อมทั้งกองทัพอากาศได้ร่วมมือกับเอฟบีไอในคดีนี้
หลักฐานที่แสดงว่าฮูเวอร์อ้างถึงการชนที่นิวเม็กซิโกนั้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเมื่อพิจารณาจากบันทึกช่วยจำของ FBI อีกฉบับซึ่งนักวิจัยแบรด สปาร์กส์ให้ความสนใจแก่ผู้เขียน อันนี้สำเนาของ “ด่วน” 8 กรกฎาคม 1947 การสื่อสารทางโทรศัพท์ระหว่างสำนักงานภาคสนามดัลลาสของเอฟบีไอพร้อมทั้งสำนักงานภาคสนามซินซินนาติ โดยมีสำเนาถึงฮูเวอร์พร้อมทั้งกองบัญชาการกองทัพอากาศเชิงกลยุทธ์ หมายถึงเหตุการณ์รอสเวลล์โดยตรง ส่วนที่เกี่ยวข้องของบันทึกช่วยจำนี้มีดังนี้:
โทรเลข FBI ดัลลัส 7-8-47
6-17 น.
กรรมการพร้อมทั้ง SAC, ซินซินนาติ
จานบินด่วน ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง [เซ็นเซอร์] สำนักงานใหญ่ของกองทัพอากาศที่แปด แจ้งสำนักงานนี้ทางโทรศัพท์ว่าวัตถุที่อ้างว่าเป็นแผ่นดิสก์บินได้
ครอบคลุมอีกครั้ง [sic] ใกล้ ROSWELL เม็กซิโกใหม่ วันที่นี้… (เซ็นเซอร์) แจ้งเพิ่มเติมว่าวัตถุที่พบคล้ายกับบอลลูนสภาวะอากาศในระดับความสูงที่มีเครื่องสะท้อนเรดาร์ แต่การสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างสำนักงานพร้อมทั้งการสื่อสารไม่ได้เกิดขึ้น ความเชื่อนี้ ดิสก์พร้อมทั้งบอลลูนถูกขนส่งไปยังสนามไรท์โดยเครื่องบินพิเศษเพื่อตรวจสอบ [ตัวเอียงเพิ่ม] ข้อมูลที่ให้สำนักงานนี้เนื่องจากผลประโยชน์ของชาติ ในกรณีนี้พร้อมทั้งข้อเท็จจริงที่บริษัทออกอากาศแห่งชาติ? ที่เกี่ยวข้อง
ข่าวประชาสัมพันธ์พร้อมทั้งอื่น ๆ ที่พยายามจะทำลายเรื่องราวของตำแหน่งของแผ่นดิสก์วันนี้ (เซ็นเซอร์) แนะนำจะขอให้ไรท์ฟิลด์แจ้งผลการสอบของสำนักงานซินซินนาติ….
จบไวๆ
เมื่อวิเคราะห์การสื่อสารที่สำคัญทั้งหมดนี้ หลายประเด็นก็ปรากฏชัดในทันที:
เอฟบีไอไม่ได้ให้สิทธิ์การเข้าถึงแผ่นดิสก์หรือซากปรักหักพังแต่อย่างใด ตามที่ระบุไว้ในบันทึกช่วยจำวันที่ 15 กรกฎาคมของฮูเวอร์
ใครบางคนในสำนักงานของ Ramey ที่ Fort Worth ซึ่งอาจเป็น Ramey เอง ได้หารือทางโทรศัพท์โดยตรงกับ Wright Field เกี่ยวกับลักษณะที่แน่นอนพร้อมทั้งคำอธิบายของวัตถุแปลก ๆ ที่ตกไปอยู่ในมือของพวกเขา ผลของการสนทนานี้เป็นข้อสรุปที่ชัดเจนว่าไม่ว่าวัตถุใดๆ ก็ตามที่ระเบิดเหนือฟาร์มปศุสัตว์ Brazel จะเป็นอะไรก็ตาม มันไม่ใช่ “บอลลูนสภาวะอากาศในระดับความสูงที่สูงพร้อมแผ่นสะท้อนแสงเรดาร์” อย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีองค์ประกอบบางอย่างในนั้น ในลักษณะบางอย่างคล้ายกับอุปกรณ์ดังกล่าว
คำแถลงของนายพล Ramey ว่าเที่ยวบินพิเศษไปยัง Wright Field ได้ถูกยกเลิกพร้อมทั้งเศษซากอยู่บนพื้นสำนักงานของเขาพร้อมทั้งอาจจะยังคงอยู่ตรงนั้นตามที่ทั้งพันตรี Marcel พร้อมทั้งพันเอก DuBose ได้ระบุไว้แล้วว่าเป็นเท็จที่โจ่งแจ้งพร้อมทั้งจงใจออกแบบมาอย่างชัดเจน โดย Ramey เพียงเพื่อจุดประสงค์ในการกดลงจากหลังของเขา
แรงจูงใจที่ชัดเจนของกองทัพอากาศในการแจ้ง FBI เกี่ยวกับคดีนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงเพื่อให้แน่ใจว่าความช่วยเหลือของพวกเขาในการระงับปฏิกิริยาต่อสาธารณะ หาก NBC พร้อมทั้ง AP ได้พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จในความพยายามที่จะทำลายเรื่องราวทั้งหมดสู่สาธารณะ
หาก AAF ที่ Wright Field เคยแนะนำ FBI เกี่ยวกับผลการสอบสวนของพวกเขาเกี่ยวกับแผ่นดิสก์ ผลลัพธ์ดังกล่าวก็ไม่เคยถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ความล้มเหลวของสำนักงานในการรับข้อมูลที่เหมาะสมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่รอสเวลล์ไม่ได้ขัดขวางฮูเวอร์จากความเชื่อมั่นของเขาว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้รับข้อมูลมากที่สุดเกี่ยวกับแผ่นดิสก์ลึกลับเหล่านี้คือการร่วมมือกับ AAF แทนที่จะพยายามหลีกเลี่ยง . ดังนั้นในวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 จึงมีการออกคำสั่งต่อไปนี้ให้กับตัวแทนทั้งหมด:
7-30-47
แถลงการณ์สำนักเลขที่ 42
ซีรีส์ 2490
คุณควรตรวจสอบแต่ละกรณีซึ่งทำให้คุณสนใจเมื่อพบเห็นจานบิน เพื่อให้แน่ใจว่ามีหรือไม่ คือ [sic] การเห็นโดยสุจริต การจินตนาการหรือการแกล้งกัน คุณควรทราบด้วยว่าบุคคลอาจรายงานว่าเห็นแผ่นดิสก์ที่บินได้ด้วยเหตุผลหลายประการ เป็นไปได้ว่าบุคคลอาจต้องการแสวงหาการประชาสัมพันธ์ส่วนบุคคล ก่อให้เกิดอาการฮิสทีเรียหรือเล่นตลก
สำนักควรได้รับแจ้งทันทีโดยโทรพิมพ์ของการพบเห็นที่รายงานทั้งหมดพร้อมทั้งผลการสอบถามของคุณ ในกรณีที่รายงานดูเหมือนมีบุญ ควรตามด้วยจดหมายถึงสำนักที่มีข้อมูลผลการสอบถามของคุณ กองทัพอากาศได้รับรองว่าสำนักจะร่วมมืออย่างเต็มที่ในเรื่องเหล่านี้ พร้อมทั้งในกรณีใด ๆ ที่พวกเขาไม่สามารถให้ข้อมูลแก่คุณได้หรือทำให้แผ่นดิสก์ที่กู้คืนมาพร้อมสำหรับการตรวจสอบของคุณ สำนักควรรีบแจ้งให้สำนักทราบโดยทันที
ข้อมูลใด ๆ ที่คุณพัฒนาเกี่ยวกับแผ่นดิสก์เหล่านี้ควรแจ้งให้กองทัพทราบทันทีผ่านช่องทางติดต่อ [sic] ตามปกติของคุณ
ปิด สำเนายื่น 4 ส.ค. 2490
แม้ว่าเอกสารข้างต้นจะระบุอย่างชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ FBI อย่างกว้างขวางในการสืบสวนเรื่องจานบิน แต่การมีส่วนเกี่ยวข้องนี้ถูกปกปิดพร้อมทั้งปฏิเสธโดยสำนักงานในเวลาต่อมา ในความครอบครองของผู้เขียนมีสำเนาจดหมายหลายฉบับจากเอฟบีไอลงวันที่ระหว่างปี 2509 ถึง 2515 พร้อมทั้งเขียนขึ้นเพื่อตอบข้อสงสัยของประชาชนเกี่ยวกับลักษณะพร้อมทั้งขอบเขตของการมีส่วนร่วมของเอฟบีไอกับปรากฏการณ์แผ่นบิน ในจดหมายแต่ละฉบับซึ่งลงนามโดย J. Edgar Hoover ทั้งหมด คำตอบของหุ้นจะได้รับ: “สำหรับข้อมูลของคุณ การสืบสวนเรื่อง Undentified Flying Objects ไม่ใช่พร้อมทั้งไม่เคยเป็นเรื่องที่อยู่ในเขตอำนาจการสืบสวนของ FBI”
ยังมีการค้นพบที่ไม่คาดคิดอีกรายการหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางรายงานที่เผยแพร่ นี่คือบันทึกลงวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2490 จากนายพลนาธาน ทไวนิง แห่งกองทัพอากาศ พร้อมทั้งถูกส่งโดยเขาในฐานะผู้บัญชาการกองบัญชาการกองทัพอากาศเอเอเอฟ ซึ่งส่งตรงไปยังกองบัญชาการข่าวกรองทางเทคนิคทางอากาศที่เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าได้ร้องขอที่ทำการของเขา สำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับ “จานบิน” ข้อความที่ตัดตอนมาจากบันทึกนี้มีดังนี้:
23 กันยายน 2490
เรื่อง: ความคิดเห็น AMC เกี่ยวกับ “จานบิน” ถึง: ผู้บังคับบัญชา
กองทัพอากาศสหรัฐ วอชิงตัน 25 ดี.ซี.
ความสนใจ: บริก. พลเอกจอร์จ ชูลเกน เอซี/AS-2
ตามที่ AC/AS-2 ร้องขอ ด้านล่างนี้คือความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วของคำสั่งนี้เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า “Flying Discs” ความคิดเห็นนี้อิงจากข้อมูลรายงานการสอบปากคำที่จัดทำโดย AC/AS-2 พร้อมทั้งการศึกษาเบื้องต้นโดยบุคลากรของ T-2 พร้อมทั้งห้องปฏิบัติการอากาศยาน กองวิศวกรรม T-3 ความคิดเห็นนี้มาถึงในการประชุมระหว่างบุคลากรจากสถาบันเทคโนโลยีทางอากาศ หน่วยข่าวกรอง T-2 หัวหน้าสำนักงานฝ่ายวิศวกรรม พร้อมทั้งห้องปฏิบัติการอากาศยาน โรงไฟฟ้า พร้อมทั้งใบพัดของแผนกวิศวกรรม T-3
มีความเห็นว่า:
ปรากฏการณ์ที่รายงานเป็นสิ่งที่เป็นจริงพร้อมทั้งไม่ใช่ภาพที่เห็นหรือสมมติขึ้น
มีวัตถุต่างๆ ที่อาจมีรูปร่างประมาณจานกลม ที่มีขนาดพอๆ กับที่ดูเหมือนจะใหญ่พอๆ กับเครื่องบินที่มนุษย์สร้างขึ้น
มีความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์บางอย่างอาจเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น อุกกาบาต
ลักษณะการทำงานที่รายงาน เช่น อัตราการปีนที่รุนแรง ความคล่องแคล่ว (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการหมุน) พร้อมทั้งการกระทำที่ต้องพิจารณาว่าเป็นการหลบเลี่ยงเมื่อมองเห็นหรือสัมผัสโดยเครื่องบินพร้อมทั้งเรดาร์ที่เป็นมิตร ให้ความเชื่อกับความเป็นไปได้ที่วัตถุบางอย่างจะถูกควบคุมด้วยตนเอง โดยอัตโนมัติหรือจากระยะไกล
คำอธิบายทั่วไปที่ชัดเจนของวัตถุมีดังนี้:
พื้นผิวโลหะหรือสะท้อนแสง
ไม่มีร่องรอย ยกเว้นในบางกรณีที่เห็นได้ชัดว่าวัตถุทำงานภายใต้สภาวะประสิทธิภาพสูง
มีลักษณะเป็นวงกลมหรือวงรี ด้านล่างแบนพร้อมทั้งมีโดมอยู่ด้านบน
รายงานหลายฉบับของเที่ยวบินชั้นหินที่เก็บไว้อย่างดีแตกต่างกันไปตั้งแต่สามถึงเก้าวัตถุ
ปกติแล้วจะไม่มีเสียงที่เกี่ยวข้อง ยกเว้นในสามกรณีเสียงคำรามดังกึกก้องคือ
ข้อสังเกต…
เป็นที่เข้าใจกันว่าบันทึกช่วยจำ Twining ไม่ได้อ้างอิงถึงแผ่นดิสก์ของรอสเวลล์ แต่วันที่ของเอกสารนั้น เกือบสองเดือนครึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น พร้อมทั้งความจริงที่ว่าบันทึกช่วยจำยอมรับความเป็นจริงของ “จานบิน” นั้นบ่งบอกถึง บรรยากาศเร่งด่วนอย่างเป็นทางการที่เกิดจากเหตุการณ์รอสเวลล์
สำหรับคำถามที่เกิดขึ้นในการดำเนินการของ CAUS เป็นวันที่เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการชน UFO พร้อมทั้งการดำเนินการกู้คืน (หรือการปฏิบัติการ) ถ้าหากว่า CIA ตอบกลับในเดือนสิงหาคมว่า “ข้อมูลดังกล่าวจะอยู่ภายใต้ขอบเขตของกองทัพอากาศพร้อมทั้งข้อมูลดังกล่าวจะต้อง ได้จาก USAF”
คาดไว้เพียงการตอบสนองดังกล่าว CAUS ได้ยื่นคำขอ FOIA กับกองทัพอากาศในเดือนก่อนที่จะขอบันทึกจานรองที่ชนกันโดยเฉพาะในปี 1947-48 พร้อมทั้งพบว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ผู้พัน USAF ที่เกษียณอายุซึ่งมีรายงานว่า “รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัย พื้นที่ระหว่างปฏิบัติการกู้” พร้อมทั้งพันโทที่เกษียณอายุแล้ว ซึ่งเคยบินมาในตอนที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งได้รับแจ้งว่าวัตถุนั้นบุกรุกเข้าไปในน่านฟ้าของสหรัฐฯ โดยรายงานทางวิทยุเกี่ยวกับความถี่การแย่งชิงของเครื่องบินของเขา
กองทัพอากาศยืนยันว่าบุคคลแรกที่พบว่าเป็น “พันเอกจอห์น โบเวน” เท่านั้นจริง ๆ แล้วทำหน้าที่เป็นนายอำเภอที่ฐานทัพอากาศคาร์สเวลล์ ฟอร์ตเวิร์ธ ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว แต่จะไม่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม ในเดือนสิงหาคม арго forma denial ออกโดยกองทัพอากาศได้ปฏิเสธการมีอยู่ของเอกสารหรือบันทึกที่เกี่ยวข้องกับการชนพร้อมทั้งการกู้คืนของอุปกรณ์นอกโลก
ต่อมาในการตอบสนองต่อการอุทธรณ์การปฏิเสธนี้ที่ยื่นภายใต้บทบัญญัติของ FOIA ในภายหลัง กองทัพอากาศยืนยันว่าจะไม่อยู่ภายใต้การได้รับการอุทธรณ์ดังกล่าวเนื่องจากไม่ได้ปฏิเสธการเข้าถึงเอกสาร แต่ปฏิเสธการมีอยู่ของเนื้อหาดังกล่าว . FOIA บอกว่าได้พิจารณาเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิเสธการเข้าถึงบันทึก ไม่ใช่กรณีที่การมีอยู่ของบันทึกถูกปฏิเสธ
พร้อมทั้งเรื่องนั้นก็สงบลงชั่วคราว ในช่วงเวลาของการเขียนนี้ สำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียงในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งคาดว่าจะต้องต่อสู้ดิ้นรนเป็นเวลานาน ได้ตกลงที่จะจัดการกับเหตุเครื่องบินขับไล่ CAUS กับกองทัพอากาศ ตก – ชุดยูเอฟโอในอัตราค่าธรรมเนียมที่ลดลงในฐานะ “การดำเนินการเพื่อผลประโยชน์สาธารณะ” ในขณะที่ ในในเวลาเดียวกัน คดี GSW/CIA กำลังดำเนินการผ่านศาลที่อยู่ในมือของสำนักงานกฎหมายในนิวยอร์ก Peter Gersten ทนายความที่รับผิดชอบคดีนี้ไม่ได้อารมณ์ดีเกินไปเกี่ยวกับเนื้อหาที่การกระทำได้เกิดขึ้น: “เราสงสัยว่าหน่วยงานจะระงับเอกสารอย่างน้อยสองร้อยฉบับซึ่งมากกว่าห้าสิบเจ็ดที่พวกเขายอมรับว่าพวกเขากำลังเก็บไว้ จากเราเพื่อปกป้องแหล่งข่าวกรอง” ถ้าหากว่า เขาวางแผนที่จะดำเนินการฟ้องร้องจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งจนกว่าจะได้รับรายงานที่ขาดหายไป (รวมถึงเหตุการณ์ที่รอสเวลล์)
แต่อย่างน้อยที่สุด บรรยากาศของความร่วมมืออย่างเป็นทางการได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงพอสมควรเมื่อไม่นานนี้ คำขอข้อมูลเกี่ยวกับยูเอฟโอกำลังได้รับการตอบสนองหรืออย่างน้อยก็ได้รับการยอมรับด้วยความกระฉับกระเฉงมาก แน่นอนว่าต้องมีข้อยกเว้นสำหรับกรณีที่สำคัญซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่รอสเวลล์อาจจัดเป็นกุญแจสำคัญพร้อมทั้งในทางหนึ่ง
เป็นภาพตัวอย่างแห่งอนาคต
พิจารณานัยนัยของเหตุการณ์รอสเวลล์: หากมีเพียงคนเดียวในหลาย ๆ คนที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ซึ่งอ้างว่าได้เห็นการชนพร้อมทั้ง/หรือการกู้คืนยานพาหนะนอกโลกในเวลาต่อมากำลังพูดความจริง – บางทีในขณะนี้เรานั่งอยู่ที่ ใกล้จะเป็นข่าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 การติดต่อครั้งแรกกับมนุษย์ต่างดาวที่มีชีวิต (หรือที่ตายไปแล้ว) เหตุการณ์นี้หากเป็นเรื่องจริง อย่างน้อยก็เทียบได้กับการเผชิญหน้าของโคลัมบัสกับชาวพื้นเมืองที่ตกใจเมื่อมาเยือนโลกใหม่ ยกเว้นสิ่งหนึ่ง ในกรณีนี้เราจะเป็นชาวพื้นเมืองที่ตกใจ
————————————————– ———————- 9
การเชื่อมต่อของรัสเซีย
จากไฟล์หนังสือพิมพ์ที่เต็มไปด้วยฝุ่นในทศวรรษอื่นๆ เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการระเบิดของดาวตกหรือดาวหางขนาดมหึมาที่ไม่สามารถอธิบายได้ ซึ่งพุ่งชนโลกจากท้องฟ้าเหนือไซบีเรียในปี 1908; จากที่ราบสูงแอนเดียนสูงของอเมริกาใต้ รายงานมาถึงเราเกี่ยวกับลูกไฟล่าสุดที่ตัดยอดภูเขาในปี 1979; ในปีพ.ศ. 2521 ได้ยินเสียงบูมที่ไม่สามารถระบุได้มหาศาลจากมหาสมุทรแอตแลนติก
ชายฝั่งของรัฐนิวเจอร์ซีย์พร้อมทั้งเวอร์จิเนีย; การระเบิดหรือการระเบิดยังอ้างถึงในรายงานข่าวของศตวรรษที่สิบเก้า NASA, AEC, FAC, NOAA, กองทัพอากาศ, หน่วยยามฝั่ง, กองทัพเรือ พร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ให้คำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้น แต่ล้มเหลวในการพิสูจน์ในแต่ละกรณีว่าเป็นอย่างไร พร้อมทั้งยังไม่มีคำอธิบายใดๆ เกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่อไปนี้ที่สร้างความพึงพอใจได้: ไซบีเรียหรือตุงกุสกา ลูกไฟ ยานอวกาศระเบิด ระเบิดปรมาณู หรืออะไรก็ตามที่ไม่มีร่องรอยของแกนนอกโลกหรือดาวตก ยังคงมีเพียงส่วนหนึ่งของป่าที่ราบเรียบหรือถูกไฟไหม้ (แต่ไม่มีปล่องภูเขาไฟ) กวางเรนเดียร์ที่ตายแล้วจำนวนมาก ตำนานท้องถิ่นเรื่องการระเบิดครั้งใหญ่ พร้อมทั้งการแผ่รังสีที่เหลือซึ่งกินเวลานานหลายปี
หลักฐานของเหตุการณ์ Andean ที่โด่งดังในโบลิเวียยังคงเบาบางราวกับอากาศบนภูเขา ในขณะที่การระเบิดครั้งใหญ่ในปี 1978 นอกชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกอาจมาจากอวกาศหรือจากพื้นโลกเอง พร้อมทั้งนอกเหนือจากข้อสันนิษฐานข้างต้นว่าจะเกิดการชนพร้อมทั้งการระเบิดจากอวกาศแล้ว ยังมีข่าวลืออื่นๆ ที่มักเกี่ยวข้องกับยูเอฟโอที่ตกในสหรัฐฯ ซึ่งแน่นอนว่าอาจเป็นตัวแปรของเหตุการณ์รอสเวลล์ดั้งเดิมที่ได้รับการปรับปรุงพร้อมทั้งย้ายที่อยู่ด้วยการเล่าขาน เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซึ่งได้ทิ้งร่องรอยผู้มาเยือนจากต่างดาวที่เป็นรูปธรรมมากกว่าส่วนที่ถูกไฟไหม้บางส่วนในป่าพร้อมทั้งการไหม้เกรียมของพื้นทะเลทรายโดยไม่ทราบสาเหตุ
ถ้าหากว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีข่าวลือพร้อมทั้งเอกสารกึ่งทางการจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นเกี่ยวกับ “ผู้มาเยือนจากอวกาศ” อีกคน สิ่งนี้ทิ้งหลักฐานที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับโลก ในระหว่างที่ยูเอฟโอได้รับความทุกข์ทรมานจากการระเบิดพร้อมทั้งต่อมาก็กระแทกโลกก่อนที่มันจะฟื้นพร้อมทั้งสามารถกลับสู่เส้นทางบนท้องฟ้าได้ มีความคล้ายคลึงกันบางประการระหว่างเหตุการณ์ในรัสเซีย ซึ่งกล่าวหาว่าเกิดขึ้นใกล้ทะเลสาบโอเนกาในสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตคาเรเลียน สหภาพโซเวียต พร้อมทั้งเหตุการณ์รอสเวลล์
เหตุการณ์ในทะเลสาบโอเนกาเกิดขึ้นในปี 2504 แต่เพิ่งมีการอ้างอิงถึงเหตุการณ์นี้ในฝั่งตะวันตกเท่านั้น มีการอธิบายไว้ใน UFOs ใน U.S.S.R. ฉบับที่ II (1975) โดย Professor Felix Ziegel พร้อมทั้งใน The New Soviet Psychic Discoveries โดย Gris and Dick (Prentice Hall, 1978) รายงานดั้งเดิม [3] ในช่วงเวลาของเหตุการณ์นั้นจัดทำโดยศาสตราจารย์ซีเกลแห่งสถาบันการบินโซเวียตพร้อมทั้งยูริ โฟมิน วิศวกรประจำรัฐของสหภาพโซเวียต เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่รายงานอย่างเป็นทางการจะเริ่มเผยแพร่ในสหภาพโซเวียต ความคิดเห็นจำนวนมากเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เคยปรากฏอยู่ในสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผิดกฎหมายหรือใต้ดิน ราวกับว่ารายงานของสิ่งตีพิมพ์ UFO ที่ไม่เป็นทางการในสหรัฐอเมริกาได้รับเครดิตอย่างเป็นทางการในภายหลัง รัฐบาล. หลังยังไม่เกิดขึ้น
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นใกล้กับหมู่บ้าน Entino ที่ถูกทิ้งร้างในขณะนี้ บนชายฝั่งทางเหนือสุดของทะเลสาบโอเนกา ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2504 กลุ่มนายพรานพร้อมทั้งช่างไม้ 25 นายเห็น “วัตถุทางอากาศที่ไม่ทราบที่มา” เข้าใกล้พื้นแล้วชนกับวัตถุนั้นในช่องทางเข้า (ตามพยาน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอน 8.00 หรือ 10.00 น. ความผันแปรของเวลาที่รายงานอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ความสับสนระหว่างมอสโกกับเวลาท้องถิ่น มักเป็นปัญหาในสหภาพโซเวียต ความน่าจะเป็นที่นายพรานไม่สวมนาฬิกา พร้อมทั้งความประหม่าที่เข้าใจได้ของพลเมืองโซเวียตต้องเผชิญกับการระเบิดจากฟากฟ้าแต่คำอธิบายของผู้เห็นเหตุการณ์เห็นตรงกันทุกประการกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็น)
วัตถุนั้นมีรูปร่างเป็นวงรี ใหญ่พอๆ กับเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ พร้อมทั้งเรืองแสงด้วยแสงสีน้ำเงินอมเขียว มันกำลังเดินทางด้วยระดับความสูงที่ต่ำพร้อมทั้งความเร็วมหาศาล มันอยู่บนเส้นทางตะวันออกไปตะวันตกเมื่อกระทบพื้นดินใกล้ชายฝั่งด้านเหนือของทะเลสาบทำให้เกิดเสียงเหมือนระเบิดขนาดใหญ่พร้อมทั้งสร้างความเสียหายให้กับกลุ่ม
พร้อมทั้งพืชพรรณโดยรอบ
กลุ่มนักล่าตื่นตระหนกติดต่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในเขต Valentin Borsky พร้อมขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน Borsky มาถึงที่เกิดเหตุเวลาประมาณแปดโมงเช้าวันรุ่งขึ้น
การตรวจสอบเพิ่มเติมโดย Borsky เปิดเผยว่าคนอื่น ๆ ในพื้นที่ได้สังเกตเห็นลำดับเหตุการณ์เดียวกันกับนักล่า จากคำให้การของพยาน วัตถุรอดจากการกระทบกับพื้นโลกพร้อมทั้งเคลื่อนไปทางทิศตะวันตกโดยมีการโยกย้ายเล็กน้อยบนวิถีโคจรที่ยังคงใกล้กับพื้นดินมาก แล้วมันก็หายไป พยานทุกคนรายงานว่าไม่มีเสียงที่เกี่ยวข้องกับวัตถุ ยกเว้นเสียงของการกระแทกเอง
ภายหลังการสืบสวนที่เกิดเหตุโดย Borsky พร้อมทั้งต่อมาโดยทีมพลเรือนพร้อมทั้งทหารรวมกันจากเมือง Povenets โดยมีนักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม Fydor Denisov เป็นหัวหน้ากองกำลังพลเรือนพร้อมทั้งวิศวกรของกองทัพโซเวียต พันตรี Anton Kopeikin ในตำแหน่งผู้บัญชาการกองทหารกับช่างเทคนิคอาวุโส Boris ลาปูนอฟเปิดเผยว่าวัตถุชนกับชายฝั่งทะเลสาบได้ก่อให้เกิดสนามเพลาะสามแห่ง ร่องลึกหนึ่งแห่งพร้อมทั้งร่องลึกอีกสองแห่ง พร้อมด้วยการถอนรากถอนโคนของพืช ผลกระทบต่อตัวน้ำแข็งเองได้ทำลายพื้นที่ขนาดใหญ่ของน้ำแข็งในทะเลสาบ พลิกกลับเป็นชิ้นใหญ่หลายชิ้น พร้อมทั้งโยนชิ้นส่วนขนาดใหญ่พร้อมทั้งขนาดเล็กอื่นๆ จำนวนหนึ่งลงไปที่พื้น น้ำแข็งดูเหมือนจะได้รับสีเขียวเข้มจากการกระแทก ร่องลึกที่สร้างขึ้นบนสันเขาตามแนวชายฝั่งประกอบด้วยร่องลึกขนาดใหญ่ยาวยี่สิบเจ็ดเมตร กว้างสิบห้าเมตร พร้อมทั้งลึกสุดสามเมตร ร่องลึกที่สองเริ่มต้นที่ปลายด้านตะวันตกไกลของร่องแรกพร้อมทั้งแยกออกจากร่องลึกประมาณห้าเมตรครึ่ง พร้อมทั้งร่องลึกที่สามที่มีการกำหนดน้อยกว่าที่สามมีความกว้างประมาณสี่สิบเซนติเมตรพร้อมทั้งนำไปสู่ทะเลสาบเอง ความลาดชันที่จุดนี้ของทะเลสาบมีความเอียงประมาณหกสิบองศากับพื้นผิวของทะเลสาบ นอกเหนือจากรอยคล้ายร่องลึกสามรอยที่กล่าวถึงพร้อมทั้งความเสียหายจากการกระแทกที่เกิดจากน้ำแข็งในทะเลสาบ ดูเหมือนว่าจะไม่มีหลักฐานอื่นใดของการปะทะกันในพื้นที่
การตรวจสอบอย่างใกล้ชิดของร่องลึกตามแนวลาดชันพร้อมทั้งพื้นดินที่ถอนรากถอนโคนบนชายฝั่งทะเลสาบดำเนินการโดยพันตรี Kopeikin สิ่งนี้นำไปสู่การฟื้นตัวของอนุภาคขนาดเล็ก สีดำ มีลักษณะเป็นโลหะ มีรูปร่างเป็นเรขาคณิตจากแหล่งกำเนิดที่ดูเหมือนประดิษฐ์ขึ้นใหม่ พร้อมทั้งชิ้นส่วนเล็กๆ ของสารคล้ายฟอยล์บางๆ ที่ดูคล้ายโลหะ (การเน้นโดยผู้เขียน) หนาหนึ่งมิลลิเมตร สองชิ้น ยาวเซนติเมตรพร้อมทั้งกว้างครึ่งเซนติเมตร ต่อมาพบว่ามีองค์ประกอบเดียวกับอนุภาคสีดำ เหล่านี้พร้อมกับตัวอย่างน้ำแข็งสี “เขียว – เขียว” พร้อมทั้งเม็ดสีดำจำนวนหนึ่งถูกรวบรวมพร้อมทั้งส่งไปยังสถาบันเทคโนโลยีเลนินกราดเพื่อทำการวิเคราะห์
การวิเคราะห์ให้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้:
เมื่อน้ำแข็งสีเขียวละลาย เหลือเศษใยคล้ายเชือกไว้ เมื่อวิเคราะห์เส้นใยนี้ ให้ผลผลิตเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ไม่รู้จักพร้อมกับอลูมิเนียม แคลเซียม แบเรียม ซิลิกอน โซเดียม พร้อมทั้งไททาเนียมในปริมาณเล็กน้อย
พบว่าอนุภาคที่ปรากฏเป็นโลหะรูปทรงเรขาคณิตสามารถทนต่อกรดพร้อมทั้งอุณหภูมิสูง ไม่มีกัมมันตภาพรังสี พร้อมทั้งดูเหมือนว่าจะประกอบด้วยโลหะผสมซิลิกอน-เหล็กร่วมกับอะลูมิเนียม ลิเธียม ไททาเนียม พร้อมทั้งโซเดียมในปริมาณที่น้อยกว่า
สารคล้ายฟอยล์มีองค์ประกอบเดียวกับอนุภาคขนาดใหญ่
ศาสตราจารย์วลาดิมีร์ ชารานอฟ นักธรณีฟิสิกส์ชาวโซเวียตผู้โด่งดังจากสถาบันเทคโนโลยีเลนินกราดเริ่มให้ความสนใจในเหตุการณ์นี้มาก เขาจึงเตรียมการเพื่อเยี่ยมชมสถานที่ห่างไกลแห่งนี้ด้วยตัวเขาเอง จากข้อสรุปของเขาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้างต้นรวมถึงหลักฐานที่จุดชน ศาสตราจารย์ชารานอฟแสดงความคิดเห็นดังนี้
“ฉันไม่เชื่อว่าวัตถุนั้นเป็นอุกกาบาต
ในกรณีนี้ไม่มีการทำลายพร้อมทั้งการรบกวนของพื้นดินที่เกิดจากอุกกาบาตที่ตกลงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุกกาบาตที่ตกลงมาจะทิ้งปล่องภูเขาไฟไว้สองถึงห้าเท่าของขนาด ในกรณีนี้ไม่พบหลุมอุกกาบาต การสืบเชื้อสายของอุกกาบาตนั้นมาพร้อมกับเอฟเฟกต์เสียงพร้อมทั้งภาพที่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน ไม่มีในกรณีนี้
ในที่สุด สารเคมีที่อุกกาบาตหลงเหลืออยู่ในพื้นดินก็ไม่ปรากฏในกรณีนี้
เมล็ดพืชที่พบบริเวณก้นทะเลสาบในขณะที่ไม่สามารถอธิบายได้ในปัจจุบัน ล้วนแต่มาจากแหล่งเทียม”
ความเป็นไปได้ที่วัตถุอาจเป็นเครื่องบินธรรมดาหรือแม้แต่เครื่องบินสายลับอเมริกัน (ปฏิกิริยาปกติในสหภาพโซเวียต) การลาดตระเวนที่ระดับความสูงที่ต่ำมากเพื่อหลบหนีการตรวจจับเรดาร์ ถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิงโดยชารานอฟพร้อมทั้งนักวิทยาศาสตร์ที่ สถาบันเลนินกราด พวกเขาสรุปว่าไม่มีเครื่องบินลำใดที่สามารถทนต่อแรงกระแทกหนักเช่นนี้กับพื้นน้ำแข็งได้ โดยไม่ได้รับความเสียหายเชิงโครงสร้างอย่างรุนแรงพร้อมทั้งสูญเสียชิ้นส่วนจำนวนมาก ซึ่งต่อมาจะถูกติดตั้งในพื้นที่ดังกล่าว
ศาสตราจารย์เฟลิกซ์ ซีเกลเป็นนักวิทยาศาสตร์อวกาศพร้อมทั้งนักดาราศาสตร์ชาวโซเวียตที่เคารพนับถือพร้อมทั้งได้เขียน
หนังสือเกี่ยวกับดาราศาสตร์พร้อมทั้งอวกาศจำนวน 28 เล่ม พร้อมทั้งเอกสารทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากในหัวข้อเหล่านี้ ดูเหมือนจะมีความสามารถอย่างโดดเด่นพร้อมทั้งระมัดระวังอย่างยิ่งในการสร้างความแตกต่างระหว่างเครื่องบิน ดาวหาง พร้อมทั้งอุกกาบาต ข้อสรุปของเขาเองเกี่ยวกับวัตถุบินไม่ได้ของทะเลสาบโอเนกาซึ่งอิงจากการสืบสวนส่วนตัวของเขาในคดีนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เขามีคุณสมบัติเป็น “ยานอวกาศที่มาจากดาวเคราะห์ดวงอื่น [ซึ่ง] ขูดพื้น แต่สามารถดำเนินต่อไปได้แม้จะเกิดความเสียหายอย่างผิวเผินก็ตาม” เขาพูดต่อ:
“เป็นกรณีเดียวที่บันทึกไว้ภายในอาณาเขตของสหภาพโซเวียต” ในการสังเกตข้างต้น ศาสตราจารย์ซีเกลเห็นได้ชัดว่าหมายถึงการติดต่อ “การชน” เท่านั้น พร้อมทั้งไม่ใช่การพบเห็นยูเอฟโอจำนวนมากเหนือสหภาพโซเวียต รวมถึงการเผชิญหน้าช่วงสั้นๆ กับเครื่องบินรบ ซึ่งบางครั้งมีผลทำให้นักบินโซเวียตจบชีวิต
ศาสตราจารย์อเล็กซานเดอร์ คาเซนเซฟ นักสืบสวนพร้อมทั้งนักเขียนด้านวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียพร้อมทั้งเป็นสมาชิกของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งสหภาพโซเวียต กล่าวค่อนข้างตรงกว่า: “เห็นได้ชัดว่ามันเป็นยานสำรวจอวกาศ ถ้าคุณพยายามพบว่ามันเป็นอย่างอื่น คุณจะพบว่าหลักฐานทั้งหมดชี้ให้เห็น ตรงกันข้าม เห็นได้ชัดว่าไฟล์ในปริศนา Onega นั้นยังห่างไกลจากการปิด”
เหตุการณ์ที่รอสเวลล์พร้อมทั้งทะเลสาบโอเนกาดูเหมือนจะคล้ายกันโดยบังเอิญ พิจารณาส่วนผสม: วัตถุที่ไม่รู้จักซึ่งบินจากตะวันออกไปตะวันตกที่ระดับความสูงต่ำมากพร้อมทั้งความเร็วสูงมาก มีการชนกันหรือระเบิด สร้างความเสียหายให้กับพื้นดิน ถอนรากพืช พร้อมทั้งในกรณีของทะเลสาบโอเนกา น้ำแข็ง; เศษซากคล้ายโลหะกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ไม่ได้ยินเสียงยกเว้นการชน การกระแทก หรือการระเบิด วัตถุยังคงอยู่ในอากาศ ยังคงเดินทางไปทางตะวันตกหลังจากสัมผัสกับพื้นอย่างใกล้ชิด แม้ว่าในเหตุการณ์ที่รอสเวล วัตถุนั้นตกลงสู่พื้นหลังจากการทำงานผิดพลาดครั้งแรก
แต่วัตถุในทะเลสาบโอเนกาได้รับความเสียหายมากพอที่จะทำให้มันตกลงสู่พื้นโลก ณ จุดใดจุดหนึ่งที่ไกลออกไปทางตะวันตกตามที่วัตถุรอสเวลล์ดูเหมือนจะทำไปแล้วหรือไม่ เนื่องจากพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลพร้อมทั้งมีประชากรหนาแน่นเพียงเล็กน้อยในพื้นที่โดยรอบพื้นที่กระทบทะเลสาบโอเนกา เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ง่ายพร้อมทั้งเศษซากที่เกิดขึ้นยังคงรอการค้นพบโดยผู้ดักจับขนสัตว์ คนตัดไม้ ชนเผ่าเร่ร่อน หรืออาจเป็นสมาชิก ของแก๊งค์งาน เป็นไปได้เช่นกัน เนื่องจากประชากรเบาบางมาก ซากปรักหักพังของวัตถุดังกล่าว (พร้อมทั้งอาจเป็นศพของลูกเรือ) อาจถูกตรวจพบพร้อมทั้งกู้คืนโดยหน่วยทหารของสหภาพโซเวียตโดยที่ประชากรในอารยธรรมไม่รับรู้ถึงสิ่งนี้ สถานการณ์ย่อมมีมากขึ้นอย่างแน่นอน มีแนวโน้มว่าจะอยู่ในสหภาพโซเวียตมากกว่าในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเหตุการณ์ที่รอสเวลล์ได้รับการประกาศในสื่อพร้อมทั้งทางวิทยุก่อนที่ข่าวจะถูกเลี่ยงโดยทางการ
เป็นเวลาหลายทศวรรษที่สหรัฐอเมริกาพร้อมทั้งสหภาพโซเวียตได้สงสัยซึ่งกันพร้อมทั้งกันว่าเป็นที่มาของยูเอฟโอที่หยั่งรู้พร้อมทั้งคงอยู่ ความคิดเห็นสาธารณะส่วนใหญ่ในมหาอำนาจทั้งสองตอนนี้เชื่อมั่นไม่มากก็น้อยว่าผู้เยี่ยมชมลึกลับของเรามีอยู่จริงพร้อมทั้งพวกเขามาจากที่อื่นในอวกาศหรือบางทีในเวลา บัดนี้ ขณะทั้งสองกำลังเริ่มสำรวจเพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุดของเราในจักรวาล นั่นคือดวงจันทร์ ดูเหมือนว่าขอแนะนำว่าอำนาจทั้งสองพร้อมทั้งอำนาจอื่นๆ ที่เข้าร่วมการสำรวจดวงจันทร์ในท้ายที่สุด แบ่งปันข้อมูลที่ได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในปัจจุบันหรือ ชีวิตที่ผ่านมาบนดวงจันทร์
มีข่าวลืออย่างต่อเนื่องว่านักบินอวกาศสหรัฐพร้อมทั้งนักบินอวกาศโซเวียตได้สังเกตพร้อมทั้งถ่ายภาพสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งก่อสร้างบนพื้นผิวดวงจันทร์ สิ่งเหล่านี้รวมถึงผนัง โดม โครงสร้างคล้ายสะพาน ยอดแหลม พร้อมทั้งปิรามิดที่มีลักษณะคล้ายยอดแหลม ซึ่งคาดว่าจะสูง 150 ฟุตภายในทะเลพายุ ซึ่งคอนราดพร้อมทั้งกอร์ดอนยังสังเกตเห็น “บางสิ่งที่คล้ายกับผนังเป็นเส้นตรง” ด้านมืดของดวงจันทร์ Luna 9 ของโซเวียตรายงานการจัดเรียงทางเรขาคณิตของหินขนาดใหญ่ ซึ่งตามที่ศาสตราจารย์ Ivanov นักวิทยาศาสตร์อวกาศของโซเวียต ระบุอาจเป็นเครื่องหมายการบินสำหรับรันเวย์บนดวงจันทร์ ภายในทะเลแห่งความสงัด เงาที่แหลมคมจำนวนหนึ่งดูเหมือนจะเกิดจากโครงสร้างที่สูงตระหง่านสูงชัน เงาหนึ่งที่อธิบายว่าเป็นรูปร่างคล้ายหอคอย “สูงเท่ากับอนุสาวรีย์วอชิงตัน” ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คล้ายกับเสาอากาศขนาดมหึมาที่ขอบของปล่องภูเขาไฟ Jansen Crater ถูกอธิบายว่าเป็น “ความสูงที่ไม่น่าจะเป็นไปได้” พร้อมคำแนะนำเพิ่มเติมว่าอาจเป็นเสาไฟฟ้าขนาดมหึมา
แน่นอนว่าข่าวลือหรือรายงานดังกล่าวได้รับการปฏิเสธเป็นประจำ หรือเมื่อถ่ายภาพแล้ว ถูกลดระดับให้เป็นรูปแบบที่เป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ นักดาราศาสตร์พร้อมทั้งนักแปลภาพถ่าย เข้าใจดีถึงชื่อเสียงของพวกเขาเป็นอย่างดี ได้อธิบายปิรามิดว่าเป็นเงา สะพานพร้อมทั้งผนังเป็นสันเขาที่โค้ง การจัดเรียงของหินเป็นโอกาสที่ก้อนหินจะกระจัดกระจาย พร้อมทั้งโดมที่ผุดขึ้นมาจากพื้นผิวดวงจันทร์เนื่องจากภูเขาไฟ กิจกรรม. (แต่หากเป็นกรณีนี้จริง พื้นผิวของโดมเองก็จะมีสีเดียวกับดวงจันทร์โดยรอบ พร้อมทั้งไม่ใช่สีขาวโปร่งแสงอย่างที่เป็น)
อธิบายเพิ่มเติมไม่ได้
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนดวงจันทร์บ่งบอกถึงการเคลื่อนไหว ภาพถ่ายหนึ่งภาพ (รายงานจากภารกิจอะพอลโล 11) ซึ่งตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร พร้อมทั้งประเทศอื่นๆ แสดงให้เห็นแผ่นดิสก์ที่เรืองแสงซึ่งไม่ปรากฏชื่อสองแผ่นเคลื่อนขึ้นจากปล่องดวงจันทร์ การปะทุอย่างต่อเนื่องของแสงพร้อมทั้งจุดดวงจันทร์ที่ส่องแสงเป็นช่วงๆ ที่มีการเปลี่ยนสีนั้นพบเห็นได้บ่อยในส่วนต่างๆ ของดวงจันทร์โดยนักดาราศาสตร์จำนวนมากที่สำรวจจากส่วนต่างๆ ของโลกพร้อมทั้งในเวลาที่ต่างกัน สิ่งเหล่านี้ได้รับการกล่าวถึงเป็นพิเศษว่ามาจากหัวงูเห่าในหุบเขาชโรเตอร์พร้อมทั้งในหลุมอุกกาบาต Aristarchus พร้อมทั้ง Maskelyne ปรากฏการณ์ที่สังเกตได้ของหมอกคล้ายซิลิกอนที่น่าสงสัยซึ่งเห็นบางครั้งโผล่ขึ้นมาจากพื้นผิวดวงจันทร์ได้รับการพิจารณาโดยผู้สังเกตการณ์รายหนึ่งเมื่อพิจารณาว่าไม่มีไอน้ำถึงความเป็นไปได้ที่ “ผู้เคลื่อนดวงจันทร์” กำลังขุดหลุมอุกกาบาตแห่งใดแห่งหนึ่ง ปรากฏการณ์ที่กล่าวถึงล่าสุดเหล่านี้ หากตรวจสอบเพิ่มเติม จะต้องระบุถึงการตกแต่งภายในของดวงจันทร์ที่ยังคงกระฉับกระเฉงเล็กน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าหากว่า หากเรารับเอาสมมติฐานเชิงตรรกะที่ว่าเราไม่ได้อยู่ตามลำพังในดาราจักรของเรา ก็ไม่ใช่อีกขั้นของจินตนาการที่จะคาดเดาถึงความเป็นไปได้ของการใช้ดวงจันทร์โดยผู้อื่นที่ไม่ได้ระบุเป็นฐานในการสังเกตการณ์ของเรา โลก. ด้านมืดของดวงจันทร์แสดงถึงข้อดีที่โดดเด่นหลายประการในส่วนนี้ มันถูกป้องกันจากการรบกวนทางวิทยุจากโลก ไม่มีปัญหาจุดสุดยอดหรือปัญหาการกัดกร่อน พร้อมทั้งเนื่องจากดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะเทียบกับขนาดดาวเคราะห์ของมัน – เกือบเป็นดาวเคราะห์พี่น้องกับโลก – มันสะดวกใกล้การพัฒนา ชีวิตดาวเคราะห์ที่มีอยู่บนโลก
นักฟิสิกส์ สแตนตัน ฟรีดแมนแนะนำว่าบางทียูเอฟโอที่ค่อนข้างเล็กอาจเป็น “โมดูลการสำรวจ” ที่ยานลำใหญ่ขึ้นจากจุดอื่นในดาราจักรนี้หรือดาราจักรอื่น
ยูเอฟโอนับหมื่นที่มีการรายงานไปทั่วโลกเริ่มขึ้นในปี 2490 ไม่นานหลังจากระเบิดปรมาณูนำเข้าสู่ยุคสมัยซึ่งอาจถูกพบว่าเป็น “จุดจบของการแยกตัวของจักรวาล” หรือ “จุดสิ้นสุดของความไร้เดียงสา” ความใกล้ชิดของการพบเห็นยูเอฟโออย่างเข้มข้นพร้อมทั้งการทิ้งระเบิดปรมาณูในอดีตพร้อมทั้งการทดสอบต่อเนื่องอาจกระตุ้นความสนใจอย่างมีชีวิตชีวามากขึ้นในกิจกรรมปรมาณูบนโลกจากเพื่อนบ้านของเรา (ถ้าเราพิจารณาว่ามันมีอยู่จริง) ในอวกาศหรือภายในพร้อมทั้งทำให้พวกมันเข้มข้นขึ้น การสังเกตการณ์พร้อมทั้งการลาดตระเวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กว้างใหญ่ซึ่งมหาอำนาจกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมการทำสงครามปรมาณู
มีเหตุผลที่จะพิจารณาว่าเนื่องจากดูเหมือนว่าจะมีการพบเห็นเป็นจำนวนมากทั่ว
พร้อมทั้งมหาสมุทรที่อยู่ติดกัน พร้อมทั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ จำนวนที่เพิ่มขึ้นเหนือที่ราบพร้อมทั้งป่าไม้ของ U.S.S.R. น่าจะมีความผิดปกติเป็นครั้งคราวในการปฏิบัติการของยูเอฟโอในพื้นที่กว้างใหญ่ของโลกทั้งสองนี้ ดูเหมือนว่าจะมีอย่างน้อยสองกรณีที่ได้ทิ้งเนื้อหาไว้เบื้องหลัง แต่ก็ยังมีอีกหลายกรณีที่ทั้งสองฝ่ายเก็บเป็นความลับจากกันพร้อมทั้งกันพร้อมทั้งจากคนของพวกเขาเอง
อันตรายของการรักษาความลับยูเอฟโออย่างต่อเนื่องซึ่งขณะนี้ได้รับการทดสอบในศาลของสหรัฐอเมริกานั้นค่อนข้างชัดเจน ความผิดปกติของจานบินส่วนบุคคลซึ่งส่งผลให้เกิดการระเบิดขนาดใหญ่หรือการจู่โจมเพื่อตอบโต้โดยยูเอฟโอสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ กับการกระทำของศัตรูที่อาจเกิดขึ้น (เนื่องจากยูเอฟโอไม่มีอยู่อย่างเป็นทางการ) พร้อมทั้งทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่นำไปสู่การใช้หัวรบนิวเคลียร์ในประเทศที่มีอาวุธเหล่านี้จำนวนเพิ่มขึ้น ชาติต่างๆ ในโลกเป็นหนี้ให้ตนเองพร้อมทั้งอีกฝ่ายหนึ่งในการแบ่งปันข้อมูลที่ได้รับจากยูเอฟโอเหนือน่านฟ้าโลก ตลอดจนหลักฐานของกิจกรรมที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ในอวกาศ
แวร์เนอร์ ฟอน เบราน์ บิดาแห่งจรวดผู้โด่งดังที่ช่วยพัฒนา V-2 ให้กับเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมทั้งต่อมาในการยิงอวกาศของสหรัฐฯ ได้เผยคำทำนายก่อนที่เขาจะจบชีวิตเกี่ยวกับการแพร่ระบาด
แต่คุณภาพของยูเอฟโอที่ยากต่อการกำหนดพร้อมทั้งการอนุมานเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก: “เป็นไปไม่ได้ที่จะยืนยันพวกเขาในปัจจุบันเช่นเดียวกับที่จะปฏิเสธพวกเขาในอนาคต”
ขอให้เราหวังว่าในขณะที่ปัจจุบันของเรากลายเป็นอนาคตที่ไม่แน่นอนของเรา เราจะพร้อมที่จะยอมรับสิ่งเหล่านั้นด้วยความเข้าใจพร้อมทั้งความปรารถนาดี พร้อมทั้งในในเวลาเดียวกันด้วยการเตรียมการทางเทคนิคที่จำเป็น ทั้งบนโลกพร้อมทั้งในอวกาศ
สำหรับสิ่งนี้ เราจำเป็นต้องมีความพยายามร่วมกันในอวกาศ การแลกเปลี่ยนอย่างเสรีระหว่างสถานประกอบการทางวิทยาศาสตร์พร้อมทั้งเทคโนโลยีทั่วโลก จำเป็นต้องแบ่งปันความรู้พร้อมทั้งเทคนิคการสร้างสรรค์ของเรา เพื่อแจ้งให้สาธารณชนทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งมีส่วนร่วมให้มากที่สุดเพื่อความก้าวหน้าอย่างปลอดภัยของยานอวกาศที่ใช้ร่วมกันของเรา โลก ผ่านอันตรายที่มีอยู่ในจักรวาล พร้อมทั้งในขณะที่เรายังไม่ทราบว่ายูเอฟโอเป็นตัวแทนของอันตรายหรือไม่ แต่ก็มีความชัดเจนในตัวเอง เนื่องจากมหาอำนาจของโลกทำการทดลองขีปนาวุธพิสัยไกลพร้อมทั้งดาวเทียมนักฆ่า มนุษยชาติก็เป็นอันตรายต่อตัวเองในอวกาศเช่นกัน บนโลก
การปรากฏตัวของยูเอฟโอที่ชัดเจนมากขึ้นในทวีปพร้อมทั้งมหาสมุทรของ
โลกทำให้เราไตร่ตรองถึงการใช้งานที่เราอาจใช้จากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่พัฒนาขึ้นในศตวรรษที่ผ่านมาพร้อมทั้งตอนนี้อาจหลุดมือไป
แรงจูงใจหลายอย่างถูกกำหนดให้กับผู้ส่งหรือผู้ครอบครองยูเอฟโอ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการจู่โจม การเอารัดเอาเปรียบ การลาดตระเวนเพื่อยึดครอง การจับตัวอย่างของมนุษย์ หรือการวางแผนการยึดครองโลกในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนภาพของเราเองว่าเราจะตอบสนองอย่างไร สถานที่ของพวกเขา แต่อาจเป็นเพราะอันตรายที่เราเป็นตัวแทนของตัวเองพร้อมทั้งสิ่งแวดล้อม อาจมีคำอธิบายอื่น บางทีสิ่งที่เราเรียกว่ายูเอฟโอเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ หรือข้อความ ซึ่งมีความหมายที่ชัดเจนสำหรับเรา ความหวังในขณะที่ยังมีเวลา
————————————————– ———————- เชิงอรรถ
หลังจากสังเกตคำใบ้ที่ชัดเจนของนายพลแล้ว พันตรีมาร์เซลก็กลับไปที่รอสเวลล์ทันทีพร้อมทั้งคงความเงียบที่น่ายกย่องไว้หลายปีหลังจากนั้น
คำขอข้อมูลเพื่อเผยแพร่รายงานยูเอฟโอถูกส่งไปยังประธานาธิบดีคาร์เตอร์โดยผู้เขียนในปี 2522 เนื่องจากการสอบถามที่พวกเขาได้รับในเรื่องนี้จากบุคคลทั่วโลกในกรณีข้างต้นโดยเฉพาะจากอินเดีย ทำเนียบขาวได้รับคำตอบว่าประธานาธิบดีได้ถาม NASA เกี่ยวกับความเหมาะสมในการเปิดการสอบสวน UFO อีกครั้ง แต่ NASA ได้ตอบกลับว่าการสอบสวนดูเหมือนไม่รับประกัน “เนื่องจากไม่มีข้อมูลที่เป็นรูปธรรมหรือข้อมูลที่ใหม่เกี่ยวกับ ยูเอฟโอ”
เนื้อหาส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในทะเลสาบโอเนกา ซึ่งบรรยายไว้ในบทนี้ แปลโดยตรงจากบันทึกภาษารัสเซียของศาสตราจารย์ซีเกลโดยวิลเลียม มัวร์
————————————————– ————————
บรรณานุกรม
หนังสือ นิตยสาร พร้อมทั้งสิ่งพิมพ์อื่นๆ
บาร์เกอร์, เกรย์. “จานบินที่ถูกยึดครองของอเมริกา – ปกปิดแห่งศตวรรษ” UFO Report
(พ.ค. 2520) น. 32 อฟ.
Cahn, J. P. “The Flying Saucer and the Mysterious Little Men” ทรูกันยายน 1952), p. 17.
—-“นักต้มตุ๋นจานบิน” ทรู (ธันวาคม 2498) น. 66.
Carr, Prof. R. S. (จดหมายจาก) ใน “Contact” Official UFO กุมภาพันธ์ 1976), p. 8.
ชาเตอเลน, มอริซ. บรรพบุรุษของเรามาจากนอกโลก นิวยอร์ก: Doubleday, 1977. Crabb, Reilly H. Flying Saucers ที่ Edwards AFB วิสตา แคลิฟอร์เนีย: BSRF Press, n.d.
Davidson, Dr. Leon, Ph.D., ed. จานบิน การวิเคราะห์โครงการกองทัพอากาศ รายงานพิเศษเล่มที่ 14 Clarksburg, W. Va.: Saucerian Press, 1971
เฟาเชอร์, เอริค; กู๊ดสไตน์, เอลเลน; พร้อมทั้งกริส, เฮนรี่. “ยูเอฟโอต่างด้าวเฝ้าดูนักบินอวกาศคนแรกของเราบนดวงจันทร์” National Enquirer (12 กันยายน 2522), p. 25.
“Flying Saucer Hoax” บทวิจารณ์วรรณกรรมวันเสาร์ (6 ธันวาคม พ.ศ. 2495) น. 6.
เจลาตต์, โรแลนด์. “จานรองจากดาวศุกร์” บทวิจารณ์วรรณกรรมวันเสาร์ (23 กันยายน 2493) หน้า
20.
กระแสตรง.
ฮอลล์, ริชาร์ด เอช. เอ็ด หลักฐานยูเอฟโอ วอชิงตัน ดีซี: NICAP, 1964.
“ประวัติกองทัพอากาศที่ 8 ฟอร์ตเวิร์ธ เท็กซัส” (ไมโครฟิล์ม) หอจดหมายเหตุแห่งชาติ, วอชิงตัน,
ประวัติกองทัพอากาศรอสเวลล์ หน่วยฐานที่ 427 พร้อมทั้งกลุ่มระเบิดที่ 509 (VH)
รวมกัน” (ไมโครฟิล์ม) หอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
เฮิร์ต ดับเบิลยู อาร์ จูเนียร์; พร้อมทั้งแมคไนท์, แดเนียล. “โบราณคดีแห่งที่ราบซานอะกุสติน” American Antiquity, XIV, 3 (กรกฎาคม 2492), หน้า 172-94
ฮิวจ์, แพทริค. “UFO Files: The Untold Story” นิตยสาร New York Times (14 ตุลาคม 2522) หน้า 106.
Jacobs, Dr. David M., ปริญญาเอก ความขัดแย้ง UFO ในอเมริกา Bloomington, Indiana: Indiana University Press, 1975.
Just Cause (จดหมายข่าวพลเมืองต่อต้านความลับของ UFO), N 1-9
LePoer-Trench, บรินสลีย์. จานบินมาแล้ว นิวยอร์ก: World Publishing Co.,
1970.
แมคเคลแลน, ไมค์. UFO Crash of ’48 เป็นเรื่องหลอกลวง, UFO อย่างเป็นทางการ (ตุลาคม 1975), p. 36. “People of the Week – Dwight Elsenhower” U.S. News & World Report (26 กุมภาพันธ์,
2497), น. 6.
“พายในท้องฟ้า” เวลา (3 เมษายน 2493) น. 36. “Presidency, The” Time (1 มีนาคม 2497), หน้า 12-13.
รฟท. Yearbook, Roswell (NM) ฐานทัพอากาศกองทัพบก, 1947. Scully, Frank เบื้องหลังจานบิน. นิวยอร์ก: โฮลท์ 1950
Stringfield, Leonard H. “การดึงข้อมูลประเภทที่สาม [ฉบับแก้ไข]” MUFON UFO Journal (กรกฎาคมพร้อมทั้งสิงหาคม 2521)
—- สถานการณ์สีแดง: UFO Siege นิวยอร์ก: ดับเบิลเดย์ 2521
“ยูเอฟโอที่ลูกเรืออพอลโล 11 เห็น” แถลงการณ์ APRO (กุมภาพันธ์ 1976) 1.
“United States of Dreamland, The” Doubt (นิตยสาร Forean Society) ฉบับที่ 19 (พฤศจิกายน 2490) หน้า 282-90
“ผู้มาเยือนจากดาวศุกร์” เวลา (9 มกราคม 2493) น. 49.