อายเป็นเด็กผู้หญิงที่น่าสงสาร เธอเป็นลูกกำพร้าพ่อพร้อมทั้งแม่เสียตอนแก
อายุได้ขวบกว่ๆ เขออยู่กับตายายที่บ้านนอกมาตั้งแต่เกิด เมื่อตอนเด็กๆ
อายุประมาณ 2-3 ขวบ ทุกเข้าตากับยายจะต้องกระเตงหลานไปทำบุญ
กันที่วัดใกล้ๆา แทบทุกวัน ด้วยความเป็นเด็กที่ร่าเริง สั่งสอนง่าย อายจึง
เป็นที่รักของคนในละแวกนั้น
พออายโตขึ้นมาหน่อยเวลาตายายไปทำนา อายก็จะคอยช่วยหยิบ
ต้นกล้าของต้นข้าวคอยส่งให้ตาพร้อมทั้งยาย เสมอๆ พอช่วยตาพร้อมทั้งยาย เสร็จ
ข้างๆ นาก็จะมีคลองเล็กๆ ไม่ค่อยมีน้ำ พร้อมทั้งจะมีโคลนซึ่งจะเป็นที่ชื่นชอบของ
เด็กๆ อายก็จะชวนเพื่อนมาเล่นโคลนในคลองนั้นเป็นประจำ โดยมีตาพร้อมทั้งยาย
ของอายคอยดูแลอยู่ ใกล้ๆ พ่อแม่ของเพื่อนอายแต่ละคนจึงไม่ค่อยเป็นห่วง
ลูกเพราะมีผู้ใหญ่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง อายเล่นกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ตาม
ตัวมีแต่โคลนมอมแมมเต็มไปหมด
มีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นอายไม่ได้เล่นโคลนกับเพื่อน เพราะว่าเพื่อนๆ ของ
อายไปทำธุระในเมืองกับพ่อแม่ของเขา อายจึงไปนั่งเล่นใต้ต้นไม้ อายเหลือบ
ไปเห็นตุ๊กตาปั้นรูปผู้หญิงผมยาวใส่ชุดไทยมีสไบสีแดงด้วยความเป็นเด็กอาย
จึงหยิบมาเล่น ทุกๆ ครั้งที่อายเจออะไรที่ไม่เคยเห็นอายจะคอยถามตากับ
ยายเสมอๆ แต่คราวนี้อายไม่เอ่ยปากถามตาพร้อมทั้งยายสักคำ พอตกเย็นอาย
อายเป็นเด็กผู้หญิงที่น่าสงสาร เธอเป็นลูกกำพร้าพ่อพร้อมทั้งแม่เสียตอนแก
อายุได้ขวบกว่ๆ เขออยู่กับตายายที่บ้านนอกมาตั้งแต่เกิด เมื่อตอนเด็กๆ
อายุประมาณ 2-3 ขวบ ทุกเข้าตากับยายจะต้องกระเตงหลานไปทำบุญ
กันที่วัดใกล้ๆา แทบทุกวัน ด้วยความเป็นเด็กที่ร่าเริง สั่งสอนง่าย อายจึง
เป็นที่รักของคนในละแวกนั้น
พออายโตขึ้นมาหน่อยเวลาตายายไปทำนา อายก็จะคอยช่วยหยิบ
ต้นกล้าของต้นข้าวคอยส่งให้ตาพร้อมทั้งยาย เสมอๆ พอช่วยตาพร้อมทั้งยาย เสร็จ
ข้างๆ นาก็จะมีคลองเล็กๆ ไม่ค่อยมีน้ำ พร้อมทั้งจะมีโคลนซึ่งจะเป็นที่ชื่นชอบของ
เด็กๆ อายก็จะชวนเพื่อนมาเล่นโคลนในคลองนั้นเป็นประจำ โดยมีตาพร้อมทั้งยาย
ของอายคอยดูแลอยู่ ใกล้ๆ พ่อแม่ของเพื่อนอายแต่ละคนจึงไม่ค่อยเป็นห่วง
ลูกเพราะมีผู้ใหญ่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง อายเล่นกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ตาม
ตัวมีแต่โคลนมอมแมมเต็มไปหมด
มีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นอายไม่ได้เล่นโคลนกับเพื่อน เพราะว่าเพื่อนๆ ของ
อายไปทำธุระในเมืองกับพ่อแม่ของเขา อายจึงไปนั่งเล่นใต้ต้นไม้ อายเหลือบ
ไปเห็นตุ๊กตาปั้นรูปผู้หญิงผมยาวใส่ชุดไทยมีสไบสีแดงด้วยความเป็นเด็กอาย
จึงหยิบมาเล่น ทุกๆ ครั้งที่อายเจออะไรที่ไม่เคยเห็นอายจะคอยถามตากับ
ยายเสมอๆ แต่คราวนี้อายไม่เอ่ยปากถามตาพร้อมทั้งยายสักคำ พอตกเย็นอาย
ก็เลยเอาตุ๊กตาตัวนั้นกลับไปเล่นที่บ้าน โดยที่ตากับยายไม่รู้…
เช่นเคยอายก็จะช่วยยายหยิบจับเครื่องปรุงต่างๆ ในการทำอาหาร
ของยายเสมอ พอทุกคนกินข้าวอาบน้ำกันเสร็จก็รีบเข้านอนเพราะตอนเช้า
ต้องตื่นไปวัดกัน ตั้งแต่คืนนั้นตายายเห็นอายลุกขึ้นมาคุยกับใครตอนดึกๆ
ก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ไม่เห็นมีใครสักคนเลย พร้อมทั้งอายก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นำตุ๊กตารูป
ปั้นผู้หญิงตัวนั้นเข้ามาในบ้าน จากอายที่เคยเป็นเด็กร่าเริง กลับกลายเป็น
เด็กที่เก็บตัว อยู่แต่ในบ้านไม่ช่วยตายายทำงานเหมือนแต่ก่อน อายได้แต่
นั่งคุยกับตุ๊กตาตัวนั้นอย่างเดียว ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน จนร่างกายที่เคย
สมบูรณ์กลับผอมลงอย่างรวดเร็ว ตากับยายทนเห็นหลานตัวเองเป็นแบบนี้
ไม่ได้จึงเข้าไปถามอายว่า
“หนูเอ๋ย หนูเป็นอะไร ข้าวปลาไม่ยอมกิน มาหลายวันแล้ว”
คำตอบที่ตากับยายได้ยิน
“อาย ไม่ได้เป็นอะไร อายแค่อยากจะคุยกับคุณคนนี้ คุณคนนี้คุย
สนุกมากเลยจ้ะตายาย”
“แต่ ตากับยายไม่เห็นมีใครเลยนี่อาย”
“ก็เขานั่งอยู่ตรงนี้ไงล่ะจ๊ะตายาย…เขานั่งอยู่ตรงหน้าตากับยายนี้ไงจ๊ะ
ตายาย ไม่เห็น เหรอ…”
“ตา พร้อมทั้ง ยาย ต่างมองหน้ากัน แล้วต่างหันไปสังเกตเห็นตุ๊กตา
รูปปั้นนั้น”
“อาย หนูไปเอาตุ๊กตาตัวนี้มาจากไหนกัน” ยายถาม
“อายก็ไปเอามาจากใต้ต้นไม้ตรงใกล้ๆ นาของเราไงจ๊ะ”
พอตาพร้อมทั้งยายได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจ…เพราะใต้ต้นไม้นั้นเคยมีผู้หญิง
โดนทำร้ายจนเธอต้องตาย พร้อมทั้งจากนั้น วิญญาณของผู้หญิง ก็ได้ขอความ
ช่วยเหลือให้จับคนที่ทำร้ายเธอ จนซาวบ้านช่วยกันสืบหาพร้อมทั้งจับตัวมันได้
จากนั้นชาวบ้านได้นำตุ๊กตารูปปั้นมาวางไว้ที่ใต้ต้นไม้นี้ เพื่อให้รู้กันว่า ณ ที่
แห่งนี้เป็นที่ที่มีดวงวิญญาณสิงอยู่ ตาพร้อมทั้งยายค่อยๆ บอกเรื่องชวนสยอง
ให้กับหลานได้รับรู้
จากนั้นอายก็ต้องตัดใจนำตุ๊กตารูปปั้นตัวนี้กลับไปไว้ที่เดิม หลังจาก
นั้นอายก็กลับมาเป็นเด็กที่สดใสร่าเริง เป็นหลานที่น่ารักของตาพร้อมทั้งยาย
เหมือนเดิม