เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่ยุคนแถวบ้านฉัน เขาเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ
พี่ยุเล่าว่าอยู่ที่โน่นได้แต่ทำงานทำงานจนไม่มีเวลาว่างได้ออกไปเที่ยวไหนเลย
ทั้งๆ ที่ที่ยุแกก็มีเงินเก็บเยอะอยู่ พร้อมทั้งที่พี่ยุเดินทางกลับมาจากต่างประเทศนี้
ก็เพื่อที่จะมาอยู่กินมาทำงานที่เมืองไทยเพราะแกคิดถึงที่นี่มาก ญาติที่น้อง
ต่างพากันดีใจในการกลับมาของเธอ จึงมีการเตรียมตัวต้อนรับกันหน่อย
แต่เที่ยวนี้พี่ยุ ดูผอมมาก สงสัยไม่มีเวลากินเวลานอนเลยมั้งเนี่ย จาก
ก่อนไปอ้วนขากลับผอมหุ่นดีเชียว ทุกคนแซวพี่ยุกันอย่างสนุกสนาน นั่งคุย
กันเกือบทั้งคืน แกได้เล่าชีวิตการทำงานที่อยู่ที่นั่นอย่างออกรส แต่แกก็มีข้อติเหมือนกันคือถึงเงินจะดีแต่ต้องอดทนมากๆ
เมื่อกลับมาบ้านทั้งทีต้องไปทำบุญกันก่อน พวกเราพร้อมทั้งพี่ยุได้เดิน
ทางไปวัดกัน พี่ยุแกดีใจมากที่ได้เจอบรรยากาศแบบเก่าๆ ที่แกชอบ ทำบุญ
กันเสร็จก็ไปเดินเล่นรอบวัด วัดที่นี่สวยงามมาก มีสถานที่โบราณตั้งแต่สมัย
อยุธยา พี่ยุแกชอบมากจึงเดินดูอยู่นาน จนได้เวลากลับบ้าน
“มีใครเห็นพี่ยุกันบ้างไหม” ฉันพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่แกไม่ได้อยู่
“พี่อยู่นี้จ้า พี่ไปคุยกับคนที่เขาเฝ้าอยู่ที่นั่นมา ทำให้พี่ได้รู้ประวัติ
ความเป็นมาด้วยนะ”
แต่ที่ตรงนั้นไม่มีคนเฝ้าอยู่นี่ มีแต่คนเฝ้าอยู่ตรงทางเข้า แล้วพี่แกไป
คุยกับใครกัน พวกเราต่างสงสัย
“พี่ย แต่ว่าในนั้นไม่มีคนเฝ้าอยู่นะ พี่ไปคุยกับใครกันแน่”
“พี่คุยกับเขาจริงๆเขาใส่ชุดเหมือนทหารสมัยก่อนเลยนะ พี่ยังถามเขา
เลยว่าเป็นคอนเซปต์ของที่นี่เหรอ เขาบอกว่าไม่ใช่ เขาแต่งตัวแบบนี้มานาน
มากแล้ว”
เมื่อพวกเราได้ยินแบบนั้นก็เลยเดินไปถามพี่คนที่เฝ้าอยู่ที่ประตูว่ามี
ใครแต่งตัวเป็นทหารหรือเปล่า แต่คำตอบที่เราได้ยินคือ
“ไม่” พี่เขาบอกว่าถ้าเป็นผู้ดูแลคนอื่นก็จะใส่แค่เสื้อลายดอกมีป้าย
ผู้ดูแลคล้องคอไว้ แล้วที่พี่ยุเห็น หรือว่า…
พวกเรายังไม่ได้บอกอะไรกับพี่ยุ รู้เพียงแต่ว่าคนที่พี่แกเห็นเขาคงเฝ้า
ที่นั่นอยู่จริงๆ พร้อมทั้งเราก็เดินทางกลับบ้าน ตอนนี้ที่พวกเราเดินทางกลับบ้าน
ก็มืดแล้ว ในขณะที่รถติดไฟแดง
“น้องมาทำอะไรดึกๆ แถวนี้จ๊ะ” เสียงพี่ยุพูดขึ้น
“ผมมาขายพวกมาลัยช่วยยายครับ”
“งั้นเอาเงินนี้ไปน่ะ พี่ขอพวงมาลัยแค่พวงเดียว น้องจะได้เอาไปขาย
ให้คนอื่นน่ะ”
“พี่ยุคุยกับใครค่ะ”
“อะไรเนี่ย ไม่เห็นกันหรือไง พี่ก็คุยกับน้องที่เขาขายพวงมาลัยอยู่นี่ไง
พวกเรานี่ถามอะไรแปลกๆ นะ”
ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีแล้วล่ะ เพราะถนนเส้นนี้ไม่เคยมีใครกล้ามาขาย
พวงมาลัยเลย เพราะถ้าใครมาขายตำรวจก็จะจับ เพราะเส้นนี้ มีอุบัติเหตุ
กับคนขายพวงมาลัยอยู่บ่อยครั้ง
“พวงมาลัยนี้สวยนะ พวกเราว่าไหม” พี่ยุถามขึ้น
แต่พวกเรากลับไม่เห็นพวงมาลัยที่แกว่าอยู่เลย พวกเราเริ่มคิดแล้วว่า
ตั้งแต่ที่แกคุยอยู่กับใครที่วัด พร้อมทั้งคุยกับเด็กขายพวงมาลัยนี้มันคงไม่ใช่คน
แล้วล่ะ ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราก็ต้องมีคนเห็นสิ แต่นี้ไม่มีใครเห็นสักกะคนมี
พี่ยุเห็นแบบนี้อยู่คนเดียว พร้อมทั้งแล้วพวกเราก็กลับถึงบ้านกันสักที จู่ๆ พี่ยุก็
ยกมือไหว้ใครก็ไม่รู้ตอนเข้าบ้าน ทั้งที่ไม่มีใครเลย
“นิ พวกเราทำไมไม่ไหว้ คุณตาคุณยายที่ยืนอยู่ต้องนั้นล่ะ”
“ไม่เห็นมีใครเลย พี่ยุ พี่ตาฟาดไปหรือเปล่า”
“นั้นไงคุณตากับคุณยาย ยังยืนยิ้มให้พี่อยู่เลย ตรงศาลหน้าบ้านน่ะ”
แต่พวกเราก็ไม่เห็นเหมือนเดิม สงสัยพี่ยุเห็นอะไรอีกแล้วแหละ นับ
ตั้งแต่วันนั้นพวกฉันไม่เคยบอกกับแกเลยว่าสิ่งที่เกเห็นน่ะ เขาไม่ใช้คนอย่าง
พวกเรา..
..ฉันคิดว่ำาเขาคงมาต้อนรับการกลับมาของพี่ยุล่ะมั้ง…