เฮซบอลลาห์ประกาศจะยกระดับสงคราม หลังผู้นำฮามาสโดนสังหาร

Jerusalem — กลุ่มเฮซบอลลาห์กล่าววันศุกร์ว่าจะยกระดับการทำสงครามกับอิสราเอล หลังจากที่เมื่อวานนี้ทางการเทลอาวีฟประกาศว่าได้สังหารผู้นำฮามาสยาห์ยา ซินวาร์ ผู้ซึ่งวางแผนการจู่โจมอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. พร้อมทั้งก่อให้เกิดชนวนของสงครามในกาซ่า 

กองทัพอิสราเอลกล่าววันพฤหัสบดีว่า ทหารพบซินวาร์ วัย  61 ปีน่าจะโดยบังเอิญในตึกแห่งหนึ่งทางใต้ของฉนวนกาซ่าพร้อมทั้งได้ยิงเข้าใส่เขา

คาลิล เฮย์ยา ผู้นำอีกคนหนึ่งของฮามาสในกาซ่า ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์ยืนยันการจบชีวิตของซินวาร์ พร้อมทั้งบอกด้วยว่าฮามาสจะไม่ปล่อยตัวประกันในกาซ่า จนกว่าอิสราเอลจะหยุดจู่โจมพร้อมทั้งถอนทหารออกไป

ส่วนเฮซบอลลาห์ประกาศในเเถลงการณ์ว่า ในอีกไม่กี่วันจากนี้จะเดินหน้าเข้าสู่ “ช่วงการเชิญหน้ากับศัตรูชาวอิสราเอลเฟสใหม่ที่ยกระดับขึ้น”

ในคำประกาศของเฮซบอลลาห์ ไม่มีการพูดถึงการจบชีวิตของซินวาร์

กองทัพอิสราเอลเเถลงในวันศุกร์ว่ากำลังระดมทหารกำลังสำรองในทางตอนเหนือของประเทศ เพื่อเดินหน้าต่อสู้กับเฮซบอลลาห์พร้อมทั้งเพื่อให้ประสบความสำเร็จในเป้าหมายของสงคราม ซึ่งรวมถึงนำประชาชนอิสราเอลกลับสู่ที่อยู่อาศัยเดิมทางตอนเหนือของประเทศ

กองทัพอิสราเอลระบุในวันศุกร์ว่า ทหารกองพลน้อยที่ 118 ของตนยังคงปฏิบัติการภาคพื้นดินเข้าไปในตอนใต้ของเลบานอน พร้อมทั้งว่าสามารถทำลายสถานที่ซึ่งฝ่ายตรงข้ามใช้เก็บกระสุนพร้อมทั้งมีระบบโครงสร้างพื้นฐานอยู่

นอกจากนั้นอิสราเอลรายงานว่าการจู่โจมทางอากาศทำลายศูนย์ภูมิภาคของเฮซบอลลาห์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปีที่เเล้ว นักรบฮามาสสังหารผู้คนไปราว 1,200 คนเละจับตัวประกันไปประมาณ 250 รายในการบุกอิสราเอล

อิสราเอลเชื่อว่าฮามาสยังคงมีตัวประกันในมืออยู่ 101 คน ซึ่งรวมถึง 35 รายที่น่าจะจบชีวิตเเล้ว ตามข้อมูลของกองทัพเทลอาวีฟ

การตอบโต้ของอิสราเอลที่ดำเนินมากว่า 1 ปี  ทำให้ชาวปาเลสไตน์ในกาซ่าจบชีวิตไปกว่า 42,500 คนตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า

ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้เเยกระหว่างพลเรือนเเละนักรบฮามาส แต่อิสราเอลระบุในบรรดาผู้จบชีวิต มีนักรบฝ่ายตรงข้ามถูกปลิดชีพหลายพันคน

กลุ่มฮามาสพร้อมทั้งเฮซบอลลาห์ถูกระบุโดยสหรัฐฯพร้อมทั้งประเทศโลกตะวันตกหลายแห่งว่าเป็นขบวนการก่อการร้าย

เกือบ 3 ใน 4 ของประชากร 2.3 ล้านคนในกาซ่ากลายเป็นคนพลัดถิ่นเนื่องจากความขัดเเย้งที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งผู้คนในดินเเดนดังกล่าวเกือบทั้งหมดมีความเสี่ยงต่อภาวะอดอยากรุนเเรงตามข้อมูลของสหประชาชาติ

ที่มา: ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี รอยเตอร์ พร้อมทั้งเอเอฟพี