ชาวอเมริกันเตรียมออกไปใช้สิทธิ์เลือกผู้นำสหรัฐฯ ในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นการขับเคี่ยวกันดุเดือดชนิดหายใจรดต้นคอระหว่างรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส พร้อมทั้งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จนทีมงานของทั้งคู่ต่างเตรียมการสำหรับการต่อสู้ทางกฎหมายที่อาจกำหนดผลการเลือกตั้งในครั้งนี้
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวจากพรรครีพับลิกัน ได้ได้บอกกล่าวกับสื่อหลายสำนักว่า หากผลเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ “สุจริต ยุติธรรม พร้อมทั้งเป็นอิสระ” เขาจะยอมรับผลการเลือกตั้ง
เจ้าหน้าที่การเลือกตั้งได้ให้ความเชื่อมั่นว่ากระบวนการลงคะแนนเสียงจะเป็นไปอย่างโปร่งใสพร้อมทั้งยุติธรรม แต่อดีตปธน.ทรัมป์ ได้แสดงความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าคู่แข่งของตนอาจกำลังโกงการเลือกตั้ง
ทรัมป์ บอกว่า “หากเราสามารถควบคุมการทุจริตการเลือกตั้งลงได้เพราะมีการโกงเกิดขึ้นมากมาย หากเราสามารถควบคุมการโกงเลือกตั้งได้ เราจะได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่”
ระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ที่ออกอากาศเมื่อเดือนที่แล้ว ทางรายการ NBC Nightly news with Lester Holt ที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ได้บอกกล่าวกับผู้ดำเนินรายการฮัลลี แจ็คสัน ว่าทีมงานของเธอได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว หากทรัมป์ปราชัยพร้อมทั้งพยายามที่จะล้มล้างการเลือกตั้ง
แฮร์ริส บอกว่า “เราจะรับมือกับค่ำคืนการเลือกตั้งพร้อมทั้งอีกหลายวันหลังจากนั้น เรามีทรัพยากรพร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทั้งเราได้ให้ความสนใจกับเรื่องนั้นเช่นกัน”
ด้านคณะกรรมการแห่งชาติรีพับลิกัน (Republican National Committee) ได้เตรียมสิ่งที่เรียกว่า “Election Integrity Program” ในรัฐสมรภูมิต่าง ๆ ทีมนักกฎหมายได้ยื่นฟ้องมากกว่าร้อยคดีเกี่ยวกับการละเมิดกฎการเลือกตั้ง แต่หลายคดีถูกปัดตกไปในชั้นศาล
ฝั่งพรรคเดโมแครตได้เดินเรื่องต่อสู้ทางกฎหมายด้วยเช่นกัน รวมถึงการฟ้องร้องเพื่อป้องกันความล่าช้าในการยืนยันผลการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย
ศึกเลือกตั้งที่มีการขับเคี่ยวสูสีในปีนี้ การต่อสู้ทางกฎหมายเป็นเรื่องคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในสวิง สเตท ในทัศนะของนักวิเคราะห์
ไมเคิล ธอร์นนิง นักวิเคราะห์จาก Bipartisan Policy Center ได้บอกกล่าวกับวีโอเอผ่านสไกป์ว่า “ที่คูหาเลือกตั้ง เรามักเห็นการร้องเรียนเรื่องบัตรลงคะแนนไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม .. ในการเลือกตั้งในอดีต .. มีการถกเถียงกันว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่ละคนมีสิทธิ์จริงหรือไม่ รวมทั้งควรให้มีการโหวตพร้อมทั้งนับคะแนนบัตรลงคะแนนชั่วคราว (provisional ballot) หรือไม่”
ถ้าหากว่า นักวิเคราะห์พบว่า ผู้ที่อ้างว่ามีการโกงเลือกตั้งเกิดขึ้น จะต้องมีหลักฐานชี้แจงที่ชัดเจน
โรเบิร์ต เกรซี อดีตผู้พิพากษารัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นสมาชิกของ Keep Our Republic องค์กรการศึกษาด้านภัยคุกคามการเลือกตั้ง ได้บอกกล่าวกับวีโอเอผ่านสไกป์ว่า “บรรดาทนายทั้งหลายโปรดระวังสิ่งที่คุณกำลังกล่าวหา! แน่ใจด้วยว่ามีหลักฐานยืนยันได้ ไม่เช่นนั้นอาจเจอบทลงโทษทางวินัยเหมือนที่เราเคยเห็นในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020”
ตัวอย่างเช่น อดีตทนายความของทรัมป์ รูดี้ จูลิอานี ถูกเพิกถอนใบอนุญาตว่าความ ฐานเผยแพร่คำกล่าวอ้างว่ามีการโกงการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อปี 2020
การต่อสู้ทางกฎหมายเหล่านี้อาจทำให้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าช้าออกไป แต่หากค่ำคืนวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนมีผลที่ชี้ชัดว่าผู้สมัครคนใดคนหนึ่งได้คะแนนเหนือคู่แข่งอีกคนอย่างมาก นักวิเคราะห์ต่างมองว่าสิ่งนี้จะทำให้ยากที่พรรคคู่แข่งจะพยายามคัดค้านผลการเลือกตั้งได้
ที่มา: วีโอเอ