อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมทั้งโจ ไบเดน ผู้นำคนปัจจุบัน พบกันที่ทำเนียบขาวในวันพุธ เป็นครั้งเเรกตั้งเเต่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งสัปดาห์ที่แล้วพร้อมทั้งเตรียมกลับมาบริหารประเทศอีกสมัย
ทั้งสองให้คำมั่นว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติ ในเดือนมกราคมปีหน้า
ไบเดนพร้อมทั้งทรัมป์ นั่งข้างกันให้ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพ ขณะที่มีเตาผิงอยู่เบื้องหลังในบรรยากาศที่ดูสงบ แม้ทั้งคู่เป็นคู่แข่งทางการเมืองกันมายาวนาน
ในปี 2020 ไบเดนชนะทรัมป์ที่พยายามกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง แต่ในปีนี้ ทรัมป์สามารถทำสำเร็จหลังจากมีชัยเหนือรองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส ที่ทำงานร่วมกับไบเดนในรัฐบาลปัจจุบัน
โฆษกทำเนียบขาวคารีน ฌ็อง-ปิแอร์ บอกว่าการพบกันครั้งนี้ของไบเดนพร้อมทั้งทรัมป์ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
“มันเป็นการพบกันที่มีสาระ” เธอกล่าว “พวกเขาหารือกันเรื่องความมั่นคงเเห่งชาติ พร้อมทั้งประเด็นนโยบายภายในประเทศ ที่เรากำลังเผชิญอยู่”
เจค ซัลลิเเวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เล่าให้นักข่าวฟังว่าประธานาธิบดีไบเดนบอกว่าการให้ความช่วยเหลือยูเครนเป็นผลประโยชน์แห่งชาติด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ เพราะความมั่นคงพร้อมทั้งเเข็งเเกร่งในยุโรปจะสามารถปกป้องไม่ให้สหรัฐฯ ถูกดึงเข้าไปอยู่ในสงคราม
ที่ผ่านมา ทรัมป์กระบุโดยไม่ให้ข้อมูลว่า ตนจะทำให้สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยุติลงโดยเร็ว
ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้บอกกล่าวกับสื่อนิวยอร์กโพสต์ว่า เขาพร้อมทั้งไบเดน “พูดเรื่องตะวันออกกลางกันเยอะ”
“ผมต้องการทราบถึงมุมมองของเขาว่าเรามีจุดยืนอยู่ที่ใด” ทรัมป์กล่าว “พร้อมทั้งเขาก็ให้สิ่งเหล่านั้นกับผม เขาใจกว้างมาก” ตามรายงานของนิวยอร์กโพสต์
ไบเดนบอกว่า “เรารอคอยที่จะให้มีการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น อย่างที่เราได้เคยกล่าวไป…จะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้คุณรู้สึกได้ว่าได้รับการตอบรับที่ดี ในสิ่งที่ต้องการ…ยินดีต้อนรับ กลับมาอีกครั้งหนึ่ง”
ส่วนทรัมป์ บอกว่า “การเมืองเป็นเรื่องยาก พร้อมทั้งหลาย ๆ ครั้งมันไม่ใช่โลกที่สวยงาม…ผมขอบคุณมากที่จะเกิดการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น….ผมขอบคุณกับสิ่งนั้นมาก โจ”
ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าเริ่มบริหารประเทศอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้า
นักข่าวพยายามตะโกนถามผู้นำทั้งสอง แต่เจ้าหน้าที่รีบบอกให้นักข่าวออกจากพื้นที่ ก่อนที่จะได้ตำตอบ
ทั้งนี้ ตามธรรมเนียมทางการเมืองสหรัฐฯ ผู้นำที่กำลังจะออกไปมักให้การต้อนรับผู้ที่จะดำรงตำแหน่งคนต่อไป ถ้าหากว่า เมื่อครั้งที่ไบเดนชนะทรัมป์ในปี 2020 ทรัมป์ไม่ได้ทำตามธรรมเนียมดังกล่าว
ระหว่างที่หารือกัน ไบเดนพยายามผลักดันนโยบายที่สำคัญของเขา ตั้งเเต่การอนุมัตินโยบายให้รัฐบาลได้รับงบประมาณอย่างไม่ขาดช่วง ไบจนถึงการสนับสนุนการเงินต่อกิจกรรมบรรเทาภัยพิบัติ
นอกจากนั้น สตรีหมายเลขหนึ่ง จิล ไบเดน ร่วมทักทายต้อนรับทรัมป์ในวันพุธด้วย
ทำเนียบขาวบอกว่าเธอมอบจดหมายที่เขียนด้วยลายมือให้กับทรัมป์ ในการแสดงความยินดีกับเมลาเนีย ทรัมป์ ว่าที่สตรีหมายเลขหนึ่งคนต่อไป
ไบเดนวัย 81 ปี เคยบอกว่าทรัมป์เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย ส่วนทรัมป์ที่อายุน้อยกว่า 3 ปี มักจู่โจมไบเดนว่าขาดความสามารถในการบริหารประเทศ พร้อมทั้งอ้างอย่างผิด ๆ ว่าเกิดการโกงเลือกตั้งอย่างเเพร่หลายหลังจากที่แพ้เลือกตั้งต่อไบเดนเมื่อ 4 ปีก่อน
ที่มา: รอยเตอร์