ขณะที่สมรภูมิยูเครนกำลังเป็นเป้าหมายของขีปนาวุธรุ่นใหม่จากรัสเซีย นักวิเคราะห์มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงชาติตะวันตกในเรื่องเขี้ยวเล็บทางทหาร แต่ก็สะท้อนตำรายุทธศาสตร์ที่เคยใช้มาแล้ว
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เมืองดนิโปรของยูเครน เป็นพื้นที่เป้าหมายของขีปนาวุธพิสัยกลาง ‘โอเรชนิค’ ของรัสเซีย ซึ่งเป็นอาวุธรุ่นใหม่ที่รวดเร็ว ทรงพลัง พร้อมทั้งสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกการจู่โจมดังบอกว่าเป็น “การผจญภัยด้านนิวเคลียร์” ถือเป็นสัญญาณการยกระดับของสงครามที่กำลังเข้าขวบปีที่สาม พร้อมทั้งบ่งชี้ว่าปูติน “กำลังใช้ยูเครนเป็นพื้นที่ทดลองอาวุธที่คุกคามโลก”
คำกล่าวของเซเลนสกีสะท้อนถึงความกังวลของกรุงเคียฟต่อความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะใช้ระบบอาวุธที่ทันสมัยจู่โจมเป้าหมายพลเรือน
ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน บอกว่า “สหพันธรัฐรัสเซียได้ทดลองขีปนาวุธพิสัยกลางที่รู้จักกันในชื่อโอเรชนิคระหว่างปฏิบัติการในยูเครน”
รองโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซาบรินา ซิงห์ บอกว่าสหรัฐฯ ได้รับการแจ้งเตือนก่อนมีการยิงขีปนาวุธดังกล่าวผ่านช่องทางสื่อสาร Nuclear Risk Reduction channels ซึ่งเป็นช่องทางสื่อสารกับรัฐบาลต่างชาติ เพื่อลดความเสี่ยงในการใช้อาวุธนิวเคลียร์
วาเลรีย์ เชลี อดีตเอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐฯ ได้บอกกล่าวกับวีโอเอว่าการใช้ขีปนาวุธครั้งล่าสุดนี้ถือเป็นความท้าทายที่ทั้งยูเครนพร้อมทั้งชาติพันธมิตรตะวันตกต้องเผชิญ
เขาบอกว่าการตอบโต้การจู่โจมนี้จะต้องชัดเจน เด็ดขาด พร้อมทั้งเป็นหนึ่งเดียว ที่จะไม่ไปหนุนเสริมความมั่นใจของรัสเซีย พร้อมทั้งบั่นทอนความมั่นคงปลอดภัยของโลก
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ เรียกการจู่โจมของรัสเซียว่า “บ้าบิ่นพร้อมทั้งอันตราย” ส่วนปีเตอร์ สตาโน โฆษกสหภาพยุโรปด้านกิจการระหว่างประเทศ มองว่ารัสเซียยกระดับยุทธวิธีขึ้น สืบเนื่องจากการใช้ขีปนาวุธครั้งนี้
ความกำกวมทางยุทธศาสตร์
ชาวเมืองดนิโปรที่มีความคุ้นเคยกับสัญญาณเตือนภัยทางอากาศ พร้อมทั้งถูกจู่โจมด้วยขีปนาวุธ พบว่าการถูกยิงด้วยโอเรชนิคให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากการจู่โจมครั้งก่อน ๆ
โอเลคซีย์ โปลโตราซกี ชาวเมืองดนิโปร บอกว่าขีปนาวุธนี้ตกถึงเป้าหมายแทบจะทันทีที่เสียงไซเรนเตือนภัยหยุดลง
จอร์จ บาร์รอส ผู้เชี่ยวชาญด้านรัสเซียจากสถาบันการศึกษาสงคราม ได้บอกกล่าวกับวีโอเอว่า “เรื่องหลักก็คือการไม่ตื่นตระหนก ไม่มีเหตุผลที่จะคิดว่าแนวโน้มที่ปูตินจะใช้อาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธทำลายล้างสูง จะมีมากไปกว่าช่วงอื่น ๆ ในสงครามนี้”
เขาบอกว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัสเซียใช้ระบบอาวุธที่สามารถปรับใช้ในด้านนิวเคลียร์ได้กับยูเครน” พร้อมทั้งมองว่าการใช้โอเรชนิคคือการส่งสัญญาณไปยังชาติตะวันตก เพื่อป้องปรามการสนับนนุนยูเครน
ถ้าหากว่า นอกเหนือไปจากการยืนยันการใช้ขีปนาวุธจากปากของปูติน ข้อมูลจากแหล่งข่าวอื่น ๆ เช่นโฆษกรัฐบาลเครมลิน ดิมิทรี เพสคอฟ หรือรัฐมนตรีต่างประเทศ มาเรีย ซาคาโรวา ก็มีอยู่อย่างจำกัด พร้อมทั้งมีการรายงานด้วยว่าซาคาโรวาถูกกำชับว่าไม่ให้พูดถึงการจู่โจมเมื่อวันพฤหัสบดีในการแถลงข่าว
ด้วยข้อมูลที่มีจำกัดเช่นนี้ ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่ารัสเซียกำลังใช้ความกำกวมเป็นหนึ่งในเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อหวังให้ชาติตะวันตกเกิดความไม่แน่ใจว่ารัสเซียจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป
ที่มา: วีโอเอ