มองย้อนสงครามในยูเครน: ปีแห่งสิ่งพลิกผันพร้อมทั้งความหวังเรื่องสันติภาพ

ตลอดปี 2024 สงครามในยูเครนเผชิญจุดพลิกผันหลายครั้ง เช่นการรุกของรัสเซีย พร้อมทั้งการโต้กลับที่แผ่วลงของยูเครน แต่ในเวลาต่อมาอาวุธที่ทันสมัยจากตะวันตก ช่วยให้ยูเครนมีอำนาจต่อรองมากขึ้น หากเกิดการเจรจาสันติภาพ

แต่ก็ยังมีความไม่เเน่นอนที่เพิ่มขึ้นมาจากการเปลี่ยนผู้นำประเทศของสหรัฐฯ จากโจ ไบเดน มาเป็นโดนัลด์ ทรัมป์ในเดือนหน้านี้

ในสนามรบ เมื่อต้นปีนี้ยูเครนสามารถกลับมายึดคืนพื้นที่ของฝ่ายตนในเขตเคอร์ซอนพร้อมทั้งคาร์คิฟ แต่ในเวลาต่อมาความหวังของรัฐบาลเคียฟลดลงเมื่ออาวุธจากโลกตะวันตกไม่ได้หลั่งไหลเข้ามาช่วยอย่างรวดเร็วเท่าใดนัก

การจัดสรรงบประมาณ 60,000 ล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลไบเดนเสนอ ประสบความล่าช้าในกระบวนการของรัฐสภา แต่ในที่สุดก็ผ่านการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติเมื่อเดือนเมษายนปีนี้

เเม้ว่ารัสเซียจะมีทหารบาดเจ็บพร้อมทั้งจบชีวิตจำนวนมาก แต่กองทัพมอสโกยังคลลุยบุกต่อไป โดยควบคุมพื้นที่ 2,700 ตารางกิโลเมตรทางตะวันออกของยูเครนได้

ในเวลาเดียวกันกองทัพเคียฟประสบความสำเร็จในการผลักให้ฝ่ายมอสโกถอยเข้าไปในเขตเคิร์สก์ทางฝั่งของรัสเซียเอง พร้อมทั้งสามารถยึดพื้นที่รัสเซีย ที่มีขนาด 1,200 ตารางกิโลเมตรพร้อมทั้งหมู่บ้าน 93 แห่ง

มาร์ค วอยเกอร์ นักวิจัยอาวุโสแห่ง Center for European Analysis บอกว่า ยูเครนไม่สามารถรักษาความสามารถในการบุกอย่างที่เคยทำได้เมื่อปี 2023 “โลกตะวันตกน่าจะช่วยได้มากกว่านี้มาก” วอยเกอร์กล่าว

ในปีนี้เช่นกัน ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี สามารถทำให้เกิดการประชุมสุดยอด Ukraine Peace Summit ที่มีผู้แทนจาก 101 ประเทศพร้อมทั้งองค์กรต่าง ๆ เข้าร่วมที่ประเทศสวิตเซอร์เเลนด์

เขากล่าวในตอนนั้นว่า “ยูเครนเชื่อเสมอในเรื่องพลังแห่งการทูต สงครามไม่ใช่สิ่งที่เราเลือก มันเป็นสิ่งที่ปูตินเลือก เราจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเริ่มเดินเข้าสู่สันติภาพที่เเท้จริง”

ถ้าหากว่ารัสเซียไม่ได้ส่งตัวเเทนร่วมประชุมครั้งนั้น พร้อมทั้งทางตันยังคงดำเนินต่อไป

ทั้งนี้ หลังจากที่สหรัฐฯ จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ชาวยูเครนมองว่าชัยชนะของทรัมป์เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ

บางคนกังวลว่าการที่ทรัมป์สัญญาที่จะช่วยให้สงครามจบลงโดยเร็ว การการเรียกร้องของเขาให้มีการหยุดยิง อาจหมายความว่ายูเครนจะถูกกดดันให้ยอมต่อข้อเรียกร้องมากกว่าที่รัฐบาลเคียฟต้องการ

เยฟเชน ฮาลิโบวิตสกี ผู้อำนวยการพร้อมทั้งผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร Frontier Institute บอกว่า จากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ พร้อมทั้งยูเครนจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์พร้อมทั้งการต่อรองกัน

“ดูเหมือนว่านโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ จะมีความเป็นเกมมากขึ้นโดยที่อยู่ภายใต้มุมมองว่าหากฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์พร้อมทั้งอีกฝ่ายจะเสียประโยชน์” ฮาลิโบวิตสกีกล่าว

ชาวยูเครนกังวลด้วยว่าถ้าประเทศตะวันตกไม่การันตีด้านความมั่นคงให้กับยูเครน สันติภาพที่ยั่งยืนจะเกิดยากมากขึ้น

มาร์ค วอยเกอร์ แห่ง Center for European Analysis บอกว่า “ทางออกในอุดมคติก็คือยูเครนได้รับการฟื้นฟูด้านอธิปไตย เเต่ในเวลานี้โดยเฉพาะในช่วงเดือนแห่งความหนาวเย็นนี้ มันยากมากที่จะเกิดขึ้น…. ที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือการปกป้องดินเเดนให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้งยูเครนเรียกร้องต่อไปให้ได้เป็นสมาชิกนาโต้พร้อมทั้งสหภาพยุโรป”

ความเหนื่อยหน่ายกับสงครามมีมากขึ้นในปีนี้ เมื่อโลกตะวันตกได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อพร้อมทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว ที่ถูกมองว่าเป็นผลของสงครามในยูเครนพร้อมทั้งมาตรการลงโทษต่อการส่งออกพลังงานของรัสเซีย

นอกจากนั้นรัสเซียยังได้รับความช่วยเหลือจากทหารเกาหลีเหนือในสงครามครั้งนี้ ขณะที่อัตราการละทิ้งหน้าที่ในหมู่ทหารยูเครนเพิ่มขึ้น

ในเวลานี้ รัฐบาลเคียฟส่งสัญญาณเปิดรับการเจรจามากขึ้น ส่วนรัสเซียยังไม่ได้ความตั้งใจที่จะเห็นสงครามยุติลงมากเท่าใดนัก

ที่มา: วีโอเอ