ทรัมป์ระดมเสียงคองเกรสปฏิเสธร่างกม.งบใหม่-ส่งกระแสกังวลรัฐบาลปิดทำการชั่วคราว

 

ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสร่วมปฏิเสธร่างกฎหมายงบประมาณที่จะช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินงานต่าง ๆ ต่อไปได้อีกระยะ

การเคลื่อนไหวของว่าที่ผู้นำทำเนียบขาวที่มีออกมาในวันพุธส่งผลให้เกิดความเสี่ยงสูงขึ้นว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องการปิดทำการบางส่วนหลังวันศุกร์นี้

นอกจากนั้น ทรัมป์พร้อมทั้งว่าที่รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ร่วมกันเร่งเร้าให้สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายชั่วคราวอีกฉบับที่ปราศจากส่วนที่ทั้งสองพบว่าเป็น “ของแจกจากพรรคเดโมแครต” เพื่อแทนร่างกฎหมายที่มีการเปิดเผยออกมาเมื่อวันอังคาร

ทรัมป์ยังขอให้สมาชิกสภาใช้ร่างกฎหมายฉบับซึ่งจะมาแทนที่ ในการหยิบยกประเด็นการขยายเพดานหนี้ของประเทศขึ้นมาหารือต่อรอง พร้อมทั้งเพิ่มองค์ประกอบใหม่ ๆ ที่ทำให้กระบวนการผ่านงบมีความซับซ้อนมากขึ้นด้วย

ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการปิดทำการชั่วคราวของรัฐบาลยุ่งยากขึ้น พร้อมทั้งนำความกังวลมาสู่ทุกฝ่ายอย่างมาก เพราะนั่นหมายถึงผลกระทบต่อส่วนงานต่าง ๆ ตั้งแต่การควบคุมการเดินทางทางอากาศไปจนถึงงานด้านการรักษากฎหมายในช่วงก่อนวันหยุดคริสต์มาส

พร้อมทั้งหากสถานการณ์นี้เกิดขึ้นจริง นี่จะเป็นการปิดทำการชั่วคราวของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ครอบคลุมช่วงเวลาเทศกาลวันหยุดส่งท้ายปีครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 ถึงต้นปี 2019 หรือช่วงวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกของทรัมป์ โดยครั้งนั้นเป็นการปิดทำการยาวที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ซึ่งก็คือ 34 วัน

เนื้อหาของร่างกฎหมายงบที่ทรัมป์ไม่เห็นด้วยนี้มีการจัดงบประมาณให้กับหน่วยงานรัฐบาลทั้งหลายให้ดำเนินงานตามปกติต่อไป พร้อมทั้งมีการตั้งงบ 100,000 ล้านดอลลาร์เพื่อการบรรเทาภัยพิบัติ รวมทั้งการเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศซึ่งเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองที่น่าจะต้องมีการลงมือจัดการในปีหน้าอยู่ดี

แถลงการณ์ของทรัทป์พร้อมทั้งแวนซ์ ระบุด้วยว่า “ถ้าพรรคเดโมแครตไม่ยอมร่วมมือในเรื่องเพดานหนี้ตอนนี้ อะไรทำให้ทุกคนคิดว่า พวกเขาจะยอมร่วมมือในเดือนมิถุนายนในช่วงรัฐบาลใหม่ของเรา”

ในเวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า คองเกรสจะเดินหน้าต่อไปในทิศทางใด เพราะการผ่านร่างกฎหมายงบนั้นต้องได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งพรรครีพับลิกันกุมเสียงข้างมากอยู่ พร้อมทั้งในวุฒิสภาที่เดโมแครตควบคุมเสียงข้างมาก

เหตุผลของการที่ต้องออกกฎหมายงบประมาณที่เรียกว่า stopgap funding bill ออกมา ก็คือ การที่สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านกฎหมายงบประมาณฉบับปกติสำหรับปีงบประมาณปัจจุบันที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาได้

ทั้งนี้ ปัญหาการจัดงบนี้จะไม่มีผลต่อโครงการสวัสดิการรัฐต่าง ๆ เช่น ระบบประกันสังคม (social security) ที่สามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยอัตโนมัติ แม้ว่าสภาคองเกรสจะยังไม่ผ่านกฎหมายงบใหม่ออกมาก็ตาม

รายงานข่าวพบว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สูงกว่ารายได้ที่เก็บได้ในช่วงกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เพราะพรรคเดโมแครตได้ดำเนินการขยายโครงการด้านสุขภาพต่าง ๆ ให้ประชาชน ขณะที่ พรรครีพับลิกันสั่งลดการเก็บภาษี ในช่วงที่ ภาวะประชากรสูงอายุทำให้มีการคาดการณ์ว่า ต้นทุนการเกษียณพร้อมทั้งการดูแลสุขภาพของประเทศจะพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีจากนี้

ปัจจุบัน ภาวะหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงค่อย ๆ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมาอยู่ที่ระดับ 36 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว พร้อมทั้งสถานการณ์เช่นนี้น่าจะบีบให้สภาคองเกรสต้องปรับขึ้นเพดานหนี้ประเทศไม่ช้าก็เร็ว เพราะหากไม่มีการทำอะไรในเรื่องนี้ ก็อาจส่งแรงสั่นสะเทือนไปยังตลาดพันธบัตรพร้อมทั้งผลกระทบรุนแรงด้านเศรษฐกิจต่อไปได้

ความเห็นของทรัมป์เรื่องกฎหมายงบชั่วคราวนี้มีออกมา หลัง อิลอน มัสก์ กดดันให้สภาคองเกรสปฏิเสธร่างกฎหมายดังกล่าวพร้อมทั้งบอกว่า ผู้ที่สนับสนุนร่างนี้ควรถูกโหวตให้ออกจากตำแหน่งไป

อภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจรถยนต์เทสลาพร้อมทั้งกิจการด้านอวกาศสเปซเอ็กซ์รายนี้ที่ควักเงินสนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์ไปกว่า 250 ล้านดอลลาร์ ได้รับมอบหมายจากว่าที่ปธน.สหรัฐฯ ให้จัดการตัดงบรัฐบาลกลาง

ทั้งนี้ หากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบชั่วคราวออกมาได้ทัน หน่วยงานรัฐบาลกลางต่าง ๆ จะไม่มีงบดำเนินงานตั้งแต่วันเสาร์นี้เป็นต้นไป แต่ถ้าหากทุกอย่างเดินหน้าไปได้ งบชั่วคราวนี้จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดทำการต่อไปได้ถึง 14 มีนาคมปีหน้า

 

ที่มา: รอยเตอร์