สมาชิกสภาคองเกรสพรรครีพับลิกัน เสนอร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเป็นครั้งที่สามในวันศุกร์ หลังจากว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันไม่เอาร่างฉบับที่สภาพิจารณามาแต่เดิม พร้อมทั้งสภาโหวตไม่ผ่านร่างที่เสนอมาหลังจากนั้น
ราล์ฟ นอร์แมน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส) รีพับลิกัน ได้บอกกล่าวกับสื่อมวลชนว่าแกนนำพรรคมีแผนที่จะลงมติรับร่างฯ กันเป็นครั้งที่สาม แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม ตามการรายงานของรอยเตอร์
สมาชิกสภารายอื่นพบว่าจะไม่พยายามโน้มน้าวเอาชนะฝ่ายเดโมแครต ที่มีที่นั่งในสภาล่างที่ 211 คน จากทั้งหมด 430 ที่นั่ง แม้เป็นที่คาดกันว่ารีพับลิกันที่มี 219 เสียง จะต้องการการสนับสนุนจากอีกฝั่งเพื่อดันกฎหมายให้ผ่านก็ตาม
หากรัฐสภาไม่สามารถอนุมัติงบได้ทันเที่ยงคืนวันศุกร์นี้ จะทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลางไม่มีงบประมาณบริหารจัดการพร้อมทั้งต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า ชัทดาวน์
การชัทดาวน์จะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางหลายล้านคนไม่ได้รับค่าตอบแทน พร้อมทั้งต้องปิด หรือลดกำลังคนในการทำหน้าที่ หนึ่งในรูปธรรมที่ประชาชนอาจสัมผัสได้ คือการรอคิวที่นานขึ้นในท่าอากาศยาน หรืออุทยานแห่งชาติที่ต้องปิดชั่วคราว
รอยเตอร์รายงาน อ้างอิงตามแหล่งข่าวว่า ฝ่ายรีพับลิกันอาจจะรื้อประเด็นที่เคยต้องพิจารณาร่วมกันออกมาหารือแบบปลีกย่อย ซึ่งปลายทางอาจจะเห็นการลงมติในสภาเพื่อผ่านงบประมาณชั่วคราวแบบสามเดือนไปทีละก้อน
ณ จุดนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า ส.ส. จะโหวตรับรองคำขอเพิ่มเพดานการกู้ยืมไปจนถึงปี 2027 จากว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์หรือไม่ ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่เขาอยากให้คองเกรสทำก่อนขึ้นดำรงตำแหน่งในเดือนหน้า
เควิน โคซาร์ นักวิชาการจากสถาบัน American Enterprise Institute ระบุกับวีโอเอว่า ทรัมป์ผู้ยังไม่ขึ้นสู่ตำแหน่ง เข้ามาเขย่าการพิจารณาของสภาในจังหวะพร้อมทั้งเวลาที่ได้เปรียบ
โคซาร์บอกว่า “ถ้าคองเกรสจัดการตอนนี้ เขา (ทรัมป์) ก็ไม่ต้องต่อรองเรื่องนี้ภายหลัง หรือรับแรงกระแทกจากประชาชนจากการขึ้นเพดานหนี้ อีกด้านหนึ่ง ข้อเรียกร้องนี้มาในช่วงท้าย ๆ ที่คองเกรสพยายามปิดดีลก่อนวันหยุดคริสต์มาส พร้อมทั้งการเพิ่มเพดานหนี้ก็ถือเป็นการลงมติที่ยากมาก”
ก่อนที่จะมีการโหวตรอบที่สามนี้ สภาคองเกรสเคยมีร่างฉบับที่ผ่านการเจรจาตกลงกับพรรคเดโมแครตที่ครองทำเนียบขาวพร้อมทั้งวุฒิสภามาแล้ว แต่ต้องพับแผนกันไปในวันพุธ หลังว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ พร้อมทั้งอิลอน มัสก์ อภิมหาเศรษฐีที่ผันตัวมาเป็นที่ปรึกษา วิจารณ์ร่างฯ ดังกล่าวบนโลกออนไลน์
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดร่างฯ ฉบับที่สอง ที่ขยายเพดานการกู้ยืมของประเทศตามคำเรียกร้องของทรัมป์ แต่สภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่รับรองเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยมีสมาชิกพรรครีพับลิกัน 38 คน ลงมติไม่เห็นด้วย
ฝ่ายเดโมแครตวิจารณ์ ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ยอมจำนนกับแรงกดดันจากมัสก์ที่เป็นเศรษฐีที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ส่วนรีพับลิกันค้านว่าจะไม่รับรองร่างฯ ที่จะเพิ่มรายจ่ายภาครัฐ ที่จะเพิ่มหนี้ประเทศอีกหลายล้านล้านดอลลาร์เช่นกัน
ในค่ำคืนวันพฤหัสบดี ทรัมป์โพสต์บนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของตัวเองว่า คองเกรสต้องยกเลิก หรือขยาย “เพดานหนี้ที่เหลวไหล” ไปถึงปี 2029 ไม่เช่นนั้นก็ไม่ควรมีข้อตกลงใด ๆ
การหารือเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ เป็นหัวข้อที่ส่งผลสะเทือนถึงตลาดการเงิน เพราะหากสหรัฐฯ ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ก็จะส่งแรงกระเพื่อมด้านความน่าเชื่อถือไปทั่วโลก โดยเพดานหนี้ที่มีในปัจจุบันได้รับการระงับเอาไว้จนถึงวันที่ 1 มกราคมที่จะถึงนี้ พร้อมทั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติก็ไม่น่าจะหยิบยกเรื่องนี้มาหารือกันก่อนฤดูใบไม้ผลิจะมาถึง
ที่มา: รอยเตอร์, วีโอเอ