ฮอนด้าพร้อมทั้งนิสสันอยู่ระหว่างที่หารือควบรวมกิจการภายในปี 2026 ตามการยืนยันของทั้ง 2 บริษัทเมื่อวันจันทร์ นับเป็นช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น ที่ตอกย้ำถึงภัยคุกคามที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนเข้ามาสร้างแรงสั่นสะเทือนยักษ์ใหญ่ยานยนต์เจ้าเก่าที่ครองตลาดมายาวนานนี้
การควบรวมกิจการของฮอนด้า ค่ายรถใหญ่อันดับ 2 พร้อมทั้งนิสสัน ค่ายรถใหญ่อันดับ 3 ของแดนปลาดิบ จะทั้งสองค่ายรถญี่ปุ่นกลายเป็นกลุ่มธุรกิจยานยนต์ใหญ่อันดับ 3 ของโลกในด้านยอดขาย ตามหลังโตโยต้า พร้อมทั้งโฟล์คสวาเกน อีกทั้งยังมอบโอกาสให้ทั้ง 2 บริษัทแลกเปลี่ยนทรัพยากรเพื่อรับมือกับคู่แข่งด้านรถยนต์ไฟฟ้า อย่างเทสลา พร้อมทั้งบีวายดี
ทั้งฮอนด้าพร้อมทั้งนิสสัน มุ่งเป้ายอดขายรวม 30 ล้านล้านเยน พร้อมทั้งทำกำไรมากกว่า 3 ล้านล้านเยนผ่านการควบรวมกิจการนี้ โดยขั้นตอนต่อไปจะเป็นการสรุปข้อมูลของการผนวกกิจการช่วงเดือนมิถุนายนปีหน้า เพื่อจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งร่วมกัน ภายในเดือนสิงหาคมปี 2026 ที่หุ้นของทั้ง 2 บริษัทจะออกจากตลาดซื้อขายหุ้น
ส่วนสัดส่วนการถือหุ้นต่าง ๆ ฮอนด้า ที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 4 เท่าของนิสสัน จะเป็นฝ่ายจัดตั้งบอร์ดบริหารของบริษัทโฮลดิ้งนี้
ดีลฮอนด้า-นิสสันนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนโฉมของอุตสาหกรรมยานยนต์ครั้งใหญ่ นับตั้งแต่ดีลควบรวมกิจการ 52,000 ล้านดอลลาร์ ระหว่างเฟียต ไครส์เลอร์ พร้อมทั้งพีเอสเอ เมื่อปี 2021 ซึ่งกลายเป็นสเตแลนทิส ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งนิสสันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่ ก็พิจารณาการเข้าร่วมกลุ่มยานยนต์ใหม่นี้เช่นกัน พร้อมทั้งคาดว่าจะประกาศการตัดสินใจในช่วงปลายเดือนมกราคมปีหน้า อ้างอิงจากการเปิดเผยของบริษัท ระหว่างที่ซีอีโอของฮอนด้า นิสสัน พร้อมทั้งมิตซูบิชิ ร่วมงานแถลงข่าวประกาศควบรวมกิจการนี้ที่กรุงโตเกียวเมื่อวันจันทร์
ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ จะทำให้กลุ่มธุรกิจยานยนต์ใหม่นี้มีสัดส่วนยอดขายรถทั่วโลกมากกว่า 8 ล้านคัน แซงหน้าอันดับ 3 เดิมอย่างฮุนไดพร้อมทั้งเกียของเกาหลีใต้
ที่มา: รอยเตอร์