‘คิม จอง อึน’ ประกาศลั่น พร้อมดำเนินนโยบายต่อต้านสหรัฐฯ ขั้นสุด ก่อนทรัมป์รับตำแหน่ง

ผู้นำเกาหลีเหนือประกาศความพร้อมจะดำเนินนโยบายต่อต้านสหรัฐฯ “ที่แข็งกร้าวที่สุด” ในช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่ถึง 1 เดือนก่อนที่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

สื่อ Korean Central News Agency (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานในวันอาทิตย์ว่า คิม จอง อึน กล่าวระหว่างร่วมการประชุมใหญ่ของพรรคแรงงานเกาหลี (Workers’ Party of Korea) ซึ่งปิดฉากลงไปเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐฯ นั้นเป็น “รัฐสังคมนิยมที่สุดที่มองแนวทางต่อต้านคอมมิวนิสต์เป็นนโยบายแห่งรัฐที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้”  พร้อมชี้ว่า ความเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคง สหรัฐฯ-เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น นั้นกำลังขยายตัวเข้าสู่การเป็น “กลุ่มก้อนทางทหารด้านนิวเคลียร์เพื่อการรุกราน” แล้ว

คิมยังกล่าวด้วยว่า “ความเป็นจริงนี้แสดงให้เห็นว่า ทิศทางที่เราควรจะมุ่งหน้าต่อไปคือทางใด พร้อมทั้งเราควรทำอะไร พร้อมทั้งอย่างไรด้วย”

สื่อ KCNA รายงานว่า คำกล่าวของคิมนั้น “แสดงให้เห็นชัดเจนเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การต่อต้านสหรัฐฯ ที่แข็งกร้าวที่สุดที่จะมีการเปิดตัวดำเนินการอย่างหนักหน่วง” โดยเกาหลีเหนือเพื่อเป้าหมายด้านความมั่นคงพร้อมทั้งผลประโยชน์ของชาติในระยะยาว

ทั้งนี้ KCNA ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ที่ว่า แต่บอกว่า คิมได้สั่งงานการทำภารกิจเพื่อยกระดับความสามารถทางการทหารด้วยการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีด้านกลาโหมพร้อมทั้งเน้นย้ำความจำเป็นในการปรับปรุงความแข็งแกร่งด้านจิตใจของทหารเกาหลีเหนือด้วย

ในขณะที่ การพบกันระหว่างคิมพร้อมทั้งว่าที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อหลายปีก่อน ไม่ได้ทำให้เกิดการเลิกใช้วาทศิลป์ร้อนแรงใส่กัน หรือแม้แต่คำขู่การทำลายล้างกันเลย เหตุการณ์ดังกล่าวกลายมาเป็นจุดเริ่มการสร้างความสัมพันธ์ในเชิงส่วนบุคคล โดยทรัมป์เคยออกปากกล่าวไว้ว่า ตนพร้อมทั้งคิมนั้น “ตกหลุมรักกัน” ก่อนที่แผนการหารือของสองผู้นำจะพังครืนลงในปี 2019 ในช่วงที่ยังพิพาทกันในเรื่องมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือที่สหรัฐฯ เป็นผู้นำ

จากนั้นมา เกาหลีเหนือได้เร่งดำเนินกิจกรรมทดสอบอาวุธต่าง ๆ ของตนเพื่อสร้างคลังแสงของขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่พุ่งเป้าไปยังสหรัฐฯ พร้อมทั้งพันธมิตรทั้งหลาย ขณะที่ สหรัฐฯ พร้อมทั้งเกาหลีใต้ตอบโต้ด้วยการขยายแผนงานซ้อมรบในระดับทวิภาคีพร้อมทั้งระดับไตรภาคีที่มีญี่ปุ่นเข้าร่วม โดยทั้งหมดยังทำให้เกิดเสียงก่นว่ามาจากเกาหลีเหนือที่มองว่า กิจกรรมเหล่านั้นเป็นการซ้อมรุกรานตน

ความพยายามปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือยิ่งยุ่งยากมากขึ้น เมื่อกรุงเปียงยางหันไปเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางทหารกับรัสเซีย

การประเมินโดยเกาหลีใต้ ยูเครนพร้อมทั้งสหรัฐฯ พบว่า เกาหลีเหนือส่งทหารกว่า 10,000 นายพร้อมทั้งอาวุธต่าง ๆ ไปสนับสนุนมอสโกในการทำสงครามกับยูเครน โดยเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความกังวลว่า รัสเซียอาจตอบแทนเกาหลีเหนือด้วยเทคโนโลยีอาวุธทันสมัยที่อาจช่วยกรุงเปียงยางสร้างขีปนาวุธนิวเคลียร์ทรงพลังขึ้นมาได้

 

ที่มา: เอพี