นานาทรรศนะ อเมริกายุคทรัมป์ จะเข้มหรือคลาย นโยบาย ‘พกปืน’

สังคมสหรัฐฯ ได้เห็นหลายมาตรการที่ออกมาป้องกันเหตุความรุนแรงจากอาวุธปืนในช่วงสี่ปีภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่ก็เป็นที่คาดกันว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะขึ้นมาในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ 

ก่อนได้รับเลือกตั้ง ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาไว้ว่าสิทธิการถือครองอาวุธปืนจะได้รับการปกป้อง ภายใต้การหวนคืนสู่ทำเนียบขาวของเขาในวาระที่สอง

ในการปราศรัยเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ ทรัมป์บอกว่าจะยกเลิกสิ่งที่เรียกว่าเป็น “การจู่โจม” ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่อบทแก้ไขรัฐธรรมนูญบทที่สอง หรือ Second Amendment ว่าด้วยสิทธิในการครองอาวุธปืน โดยจะเดินหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งดุดันตั้งแต่ไบเดนออกจากทำเนียบขาว

ท่ามกลางการถกเถียงในทางหลักการพร้อมทั้งทางปฏิบัติในประเด็นนี้ จำนวนการตายจากเหตุรุนแรงที่มีปืนมาเกี่ยวข้องอยู่ที่เกือบ 47,000 รายเมื่อปี 2023 ตามข้อมูลของศูนย์ควบคุมพร้อมทั้งป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC

นักวิชาการหลายคนมองว่า ชุดมาตรการที่ออกมาภายใต้รัฐบาลไบเดนช่วยลดจำนวนยอดผู้จบชีวิตลง

หนึ่งในตัวอย่างของแนวทางข้างต้นคือกองทุน American Rescue Plan ที่สนับสนุนโครงการยับยั้งความรุนแรงภายในชุมชน อ้างอิงจากเจน พอลิวโคนิส จากศูนย์ทางออกความรุนแรงจากอาวุธปืน มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ 

เธอกล่าวด้วยว่า ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา สำนักงานสอบสวนกลางหรือ FBI พร้อมทั้งสำนักงานกำกับดูแลแอลกอฮอล์ ยาสูบ อาวุธปืนพร้อมทั้งวัตถุระเบิดหรือ ATF มีอำนาจในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมอาวุธปืนมากขึ้น

นักรณรงค์ด้านสิทธิการครองอาวุธปืนบอกว่ามาตรการเหล่านี้ละเมิดสิทธิการถือครองปืนที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ พร้อมทั้งมั่นใจว่ารัฐบาลทรัมป์จะเข้ามาจัดการกับมาตรการทั้งหลายเหล่านี้

อลัน กอตต์ลิบ จากมูลนิธิ Second Amendment Foundation ไม่เชื่อว่า นโยบายในรัฐบาลไบเดนทำให้คนปลอดภัยมากขึ้น พร้อมทั้งบอกว่า “ทุกอย่างที่พวกเขาทำ เป็นการละเมิดสิทธิในบทแก้ไขรัฐธรรมนูญบทที่สอง”

ผู้สนับสนุนวาระนี้ยังหวังด้วยว่าทรัมป์จะทำตามที่เคยให้คำมั่นไว้ว่าจะผ่านกฎหมายที่เรียกว่า ‘concealed carry reciprocity’ ที่จะทำให้ผู้มีใบอนุญาตพกปืนสามารถพกปืนไปในทุกรัฐทั่วประเทศได้

ในประเด็นนี้ นิค คลาร์ก ประธานกลุ่มสิทธิการถือครองปืน Wisconsin Carry Inc. อธิบายว่า มลรัฐต่าง ๆ จะมีกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนที่ต่างกันออกไป พร้อมทั้งผู้ถือครองอาวุธปืนจะต้องดูว่ามีกฎหมายมลรัฐใดบ้างที่อนุญาตให้พกปืนได้ 

คลาร์กพูดถึงการมีกฎหมายให้พกปืนได้ทั่วสหรัฐฯ ว่า “นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราอยากเห็นในระดับรัฐบาลกลาง”

อีกด้านหนึ่ง แฟรงค์ ซิโมเรลลี ที่สูญเสียแคมเดนผู้เป็นบุตรชายจากการยิงตัวตายด้วยปืนที่ซื้ออย่างถูกต้องตามกฎหมาย อยากให้รัฐบาลหน้าปรับปรุงกลไกตรวจสอบประวัติก่อนซื้อปืนให้ดียิ่งขึ้น โดยยกกรณีแคมเดนที่ซื้อปืนได้แม้จะมีประวัติเป็นผู้ป่วยทางจิตมานานเป็นสิบปี

ซิโมเรลลีบอกว่า ไม่มีปัญหาหากผู้ปกครองจะมีปืนไว้ที่บ้านเพื่อป้องกันภัย แต่ “ปัญหาที่ผมมีก็คือ ทำไมสิทธิในการมีปืน ถึงมีมากกว่าสิทธิของผมในการจะไม่ให้มีปืนอยู่ในบ้าน”

ผลสำรวจของศูนย์วิจัย Pew Research พบว่า ประชาชนทั้งที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตพร้อมทั้งพรรครีพับลิกัน อยากให้ภาครัฐกวดขันไม่ให้ผู้มีปัญหาทางจิตสามารถซื้อปืนได้

แต่ถึงแม้มีความเห็นที่ตรงกันในประเด็นข้างต้น ความเห็นต่อข้อเสนอเชิงนโยบายอื่น ๆ เกี่ยวกับอาวุธปืนยังคงเป็นที่ถกเถียงอย่างไม่มีข้อสรุป พร้อมทั้งยังคงเห็นต่างกันอย่างร้าวลึกในสังคมอเมริกัน

ที่มา: วีโอเอ