ข่าวสารวันนี้

ไม่ซื้อห้ามนั่ง! สตาร์บัคส์เตรียมยกเลิกนโยบาย ‘เข้าร้านได้แม้ไม่จ่ายเงิน’

หากคุณต้องการจะนั่งชิว ๆ หรือแวะเข้าห้องน้ำในร้านกาแฟสตาร์บัคส์ในอเมริกา คุณจะต้องซื้อของสักอย่างในร้าน ตามแผนยกเลิกนโยบายของแฟรนไชส์กาแฟชื่อดังสัญชาติอเมริกันที่เปลี่ยนไปเมื่อต้นสัปดาห์

สตาร์บัคส์ เผยเมื่อวันจันทร์ว่าบริษัทยกเลิกนโยบาย open-door policy ที่ต้อนรับทุกคนเข้ามาในร้านแม้จะไม่ซื้อสินค้าใด ๆ ก็ตาม โดยนโยบายซึ่งจะมีผลบังคับใช้กับสตาร์บัคส์ทุกสาขาในทวีปอเมริกาเหนือ ยังห้ามการเลือกปฏิบัติหรือการคุกคาม การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ใช้สารเสพติด พร้อมทั้งการขอเงินภายในร้าน

สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกเชิญออกจากร้าน ทางร้านสามารถเรียกเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายเข้ามาจัดการเหตุวุ่นวายได้หากจำเป็น พร้อมทั้งพนักงานจะได้รับการฝึกอบรมในการบังคับใช้นโยบายใหม่นี้

เจซี แอนเดอร์สัน โฆษกสตาร์บัคส์ เผยว่า กฎใหม่ออกแบบมาเพื่อช่วยเน้นความสำคัญของลูกค้าที่ซื้อสินค้าของทางร้าน พร้อมทั้งร้านค้าปลีกทั่วไปต่างมีกฎระเบียบนี้กันเกือบทั้งสิ้น

กฎใหม่นี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้บริหารสตาร์บัคส์พยายามกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งต้องการสร้างชุมชนคนกาแฟเหมือนในอดีต

ทั้งนี้ นโยบาย open-door policy เริ่มใช้เมื่อปี 2018 หลังจากที่มีชายผิวดำ 2 คนถูกจับที่สตาร์บัคส์ในฟิลาเดลเฟีย ในระหว่างที่ประชุมทางธุรกิจในร้าน เนื่องจากสาขาดังกล่าวมีนโยบายให้เชิญลูกค้าที่ไม่ซื้อสินค้าใด ๆ ของทางร้านออกไปได้ พร้อมทั้งชายทั้งคู่ไม่ได้ซื้ออะไรจากทางร้านในช่วงที่เกิดเหตุ แต่การจับกุมที่ถูกบันทึกภาพไว้ กลายเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับสตาร์บัคส์แทน

แต่หลังจากบังคับใช้นโยบาย ‘เข้าร้านได้แม้ไม่จ่ายเงิน’ พนักงานพร้อมทั้งลูกค้าสตาร์บัคส์ต้องเผชิญกับพฤติกรรมที่ก้าวร้าวพร้อมทั้งอันตรายในร้าน โดยเมื่อปี 2022 สตาร์บัคส์ปิด 16 สาขาทั่วอเมริกา เนื่องจากประเด็นด้านความปลอดภัย รวมทั้งการใช้สารเสพติดพร้อมทั้งพฤติกรรมที่รบกวนพร้อมทั้งคุกคามพนักงาน

ที่มา: เอพี

Exit mobile version