วิเคราะห์: แนวโน้มสันติภาพกาซ่า กับบทบาทสหรัฐฯ ที่ต้องรอ ‘ทรัมป์’

คณะรัฐมนตรีอิสราเอลรับรองข้อตกลงหยุดยิงในกาซ่าพร้อมทั้งมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ หนึ่งวันก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีที่กรุงวอชิงตัน

หลายครอบครัวที่ต้องหนีภัยสงครามอยู่ในฉนวนกาซ่าต่างหวังที่จะกลับสู่ภูมิลำเนาทันทีที่อิสราเอลพร้อมทั้งกลุ่มฮามาสเข้าสู่ภาวะหยุดยิง หนึ่งในนั้นคืออูม คาลิล บาค หญิงชาวปาเลสไตน์ ที่บอกว่าจะไปสะสางซากปรักหักพังที่บ้าน แล้วย้ายเต็นท์ไปกางที่นั่นแทน

ข้อตกลงหยุดยิงชุดนี้ประกอบด้วยสามเฟส ที่เริ่มด้วยการให้อิสราเอลถอนกำลังจากพื้นที่ที่มีประชาชนอยู่หนาแน่น ส่งความช่วยเหลือเพิ่มในกาซ่า รวมถึงปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ในเรือนจำอิสราเอล แลกกับประกันที่ฮามาสจับไว้ ซึ่งรวมถึงกลุ่มที่เป็นชาวอเมริกัน

ตัวประกันจะทยอยได้รับอิสรภาพในช่วงเฟสที่หนึ่งไปจนถึงเฟสที่สองจนหมด ส่วนเฟสที่สามจะเป็นเรื่องการริเริ่มฟื้นฟูฉนวนกาซ่าที่พังพินาศจากการสู้รบ 

อาห์เม็ด ฟูอัด อัลคาธิบ นักวิชาการโครงการตะวันออกกลาง จากองค์กรคลังความคิด Atlantic Council มองว่ายังคงต้องรอดูต่อไปว่าทรัมป์จะมุ่งมั่นกดดันให้บรรลุข้อตกลงสามขั้นตอนนั้นลุล่วงไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่

อัลคาธิบกังวลว่ารัฐบาลทรัมป์จะไม่สนใจฉนวนกาซ่าเมื่อตัวประกันทุกคนได้รับการปล่อยตัว หากเป็นเช่นนั้น การหยุดยิงก็แทบจะไม่ต่างไปจากการแช่แข็งความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประชาชนในกาซ่า

ทำเนียบขาวพบว่า หลังทรัมป์ชนะเลือกตั้ง รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในฐานะตัวกลางการเจรจาข้อตกลง ได้นำทีมงานของทรัมป์เข้ามาร่วมในกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลพร้อมทั้งกลุ่มฮามาส เริ่มด้วยการพูดคุยกันตัวต่อตัวที่ห้องทำงานของประธานาธิบดีหนึ่งสัปดาห์หลังทราบผลเลือกตั้ง

เมื่อวันพุธ ไบเดนบอกว่า “ข้อตกลงนี้ถูกจัดทำพร้อมทั้งเจรจาต่อรองกันภายใต้รัฐบาลของผม แต่เงื่อนไขของมันจะถูกบังคับใช้เป็นส่วนมากในรัฐบาลต่อไป ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้พวกเราได้พูดคุยกันแล้วในฐานะทีมหนึ่งเดียว”

ทางด้านทรัมป์พบว่าดีลหยุดยิงเกิดขึ้นได้เพียงเพราะตัวเขาชนะเลือกตั้ง

ลอรา บลูเมนเฟลด์ นักวิชาการจากวิทยาลัยระหว่างประเทศศึกษาชั้นสูง พอล เอช.นิทซ์ (SAIS) มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ กรุงวอชิงตัน มองว่าทรัมป์สามารถนำพาสหรัฐฯ เข้าไปมีบทบาทในเรื่องนี้ ทั้งต่อกลุ่มฮามาสพร้อมทั้งรัฐบาลเทลอาวีฟ

เธอบอกว่า “ทรัมป์ปลูกฝังปัจจัยด้านความกลัวเข้าไปในกระบวนการ ซึ่งก่อนหน้านี้ขาดหายไป”

ในทางสาธารณะ สหรัฐฯ กล่าวโทษว่ากลุ่มฮามาสทำให้การเจรจาไม่คืบหน้า แต่ในหมู่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอล รวมถึงผู้สังเกตการณ์หลายคนมองว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูแห่งอิสราเอล ก็มีส่วนในการขัดขวางกระบวนการพูดคุยเช่นกัน

ในประเด็นนี้ บลูเมนเฟลด์มองว่า เมื่อผลัดเปลี่ยนรัฐบาลกรุงวอชิงตัน นั่นหมายความว่าเนทันยาฮูไม่สามารถใช้เสียงพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสมาคานกับอำนาจผู้นำได้เหมือนในสมัยของไบเดน 

“ไม่มีที่ให้เนทันยาฮูวิ่งหนี ไม่มีที่ให้หลบ เขาจึงต้องรับข้อตกลงที่ปฏิเสธไม่ได้” เธอกล่าว

ถ้าหากว่า แรงกดดันจากทรัมป์อาจเป็นคุณกับเนทันยาฮู ที่อาจใช้เรื่องนี้เป็นเหตุผลไปคานกับแรงกดดันในประเทศ ที่พันธมิตรกลุ่มขวาจัดขู่ว่าจะออกจากการร่วมรัฐบาลหากมีการยอมรับข้อตกลงหยุดยิง

ในวันอาทิตย์ อิตามาร์ เบน กาวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอลประกาศลาออกเพื่อแสดงความไม่เห็นชอบกับดีลหยุดยิง พร้อมทั้งในกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลทยอยทิ้งเนทันยาฮูจนเสียเสียงข้างมากในสภา ก็อาจนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ก่อนถึงเวลาอันควร

ที่มา: วีโอเอ