‘โดนัลด์ ทรัมป์’ รับตำแหน่งปธน. ย้ำ ‘ยุคทองของอเมริกาเริ่มต้นขึ้นแล้ว’

โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้งในวันจันทร์ หลังเข้าพิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่งในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ

ทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์หลังรับตำแหน่งปธน.คนที่ 47 ว่า “ยุคทองของอเมริกาเริ่มต้นขึ้นแล้ว” พร้อมทั้งว่า “จากนี้ไป ยุคเสื่อมถอยของอเมริกาสิ้นสุดลงแล้ว เราจะนำพาประเทศไปถึงจุดสูงสุดใหม่แห่งชัยชนะพร้อมทั้งความสำเร็จ ไม่มีความฝันใดที่เราไม่สามารถทำได้ เราจะไม่พ่ายแพ้ เราจะไม่ล้มเหลว” พร้อมประกาศจะเริ่มลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การเมืองอเมริกันตามแบบของเขา

ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นจัดที่กรุงวอชิงตัน ทรัมป์ พร้อมทั้งเมลาเนีย ภริยา เจ.ดี.แวนซ์ รองปธน. พร้อมทั้งครอบครัว เริ่มต้นพิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่ง 8 ปีหลังจากเขาขึ้นเป็นผู้นำสมัยแรก เริ่มต้นธรรมเนียมปฏิบัติที่โบสถ์ St. John’s Episcopal Church ที่อยู่ตรงข้ามทำเนียบขาวในช่วงเช้า พร้อมทั้งไปร่วมจิบชากับครอบครัวไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 46 ก่อนจะมุ่งหน้ามาเข้าพิธีปฏิญาณตนที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ร่วมพิธี 600 คน

พิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่งของทรัมป์ ได้ลดขนาดลงมาพร้อมทั้งจัดภายในอาคาร เนื่องจากสภาวะอากาศหนาวจัด มีผู้ร่วมงานราว 600 คน ที่จะได้เห็นพิธีการเปลี่ยนผ่านอำนาจภายในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ จากที่ปกติแล้วจะเป็นพิธีการที่จัดด้านนอกอาคาร พร้อมทั้งมีผู้คนราว 250,000 คนได้รับเกียรติเข้าชมวาระสำคัญดังกล่าว

ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งไม่ต่อเนื่องกันในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันสมัยใหม่ โดยผู้นำสหรัฐฯ คนล่าสุดที่มีวาระดำรงตำแหน่งไม่ต่อเนื่องกัน คือ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ เมื่อช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1890

นอกจากนี้ ทรัมป์ ในวัย 78 ปี ยังถือเป็นผู้นำที่อายุมากที่สุดที่เข้ารับตำแหน่งปธน. โดยแก่กว่าไบเดน 5 เดือนเมื่อครั้งที่เขาเข้าพิธีปฏิญาณตนเมื่อ 4 ปีก่อน ขณะที่รองปธน.แวนซ์ รับตำแหน่งรองปธน.คนที่ 50 ของอเมริกา พร้อมทั้งเป็นรองปธน.ที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน

อีกสิ่งที่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน คือ ทรัมป์จะเป็นคนแรกที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญาแต่ก็ได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดี หลังจากการถูกตัดสินว่ามีความผิด 34 กระทงในคดีอาญา ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงินค่าปิดปากอดีตดาราหนังผู้ใหญ่ สตอร์มีย์ แดเนียลส์

ส่วนการดำเนินคดีต่อทรัมป์ ในความพยายามพลิกผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ที่พ่ายแพ้ต่อไปเดน ได้ถูกยกเลิกไป เมื่อเขาเอาชนะคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2024 เนื่องจากนโยบายของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่ห้ามการดำเนินคดีกับประธานาธิบดีระหว่างดำรงตำแหน่ง

ในงานนี้ มีมหาเศรษฐีหลายรายเข้าร่วม อาทิ เจฟฟ์ เบโซส จากแอมะซอน มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก จากเฟซบุ๊ก อิลอน มัสก์ เจ้าของเทสลา พร้อมทั้งซีอีโอติ๊กตอก โชว ชื่อ ชู

นอกจากนี้ ยังมีผู้นำพร้อมทั้งตัวแทนระดับสูงจากต่างชาติ อาทิ รองปธน.จีน หาน เจิ้ง นายกรัฐมนตรีอิตาลี จิออร์เจีย เมโลนี ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ฮาเวียร์ มิเล เป็นต้น

ในปีนี้ อดีตผู้นำสหรัฐฯ บิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยู บุช, บารัค โอบามา รวมทั้งปธน.โจ ไบเดน พร้อมทั้งรองปธน.คามาลา แฮร์ริส เข้าร่วมงาน

เมี่อค่ำวันอาทิตย์ ทรัมป์ ได้ให้คำมั่นกับผู้สนับสนุนที่กรุงวอชิงตันว่าจะ “ดำเนินการอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งแข็งแกร่ง พร้อมทั้งแก้ไขทุกวิกฤตที่ประเทศกำลังเผชิญ” พร้อมทั้งว่า “วันพรุ่งนี้(จันทร์)ตอนเที่ยง ม่านจะปิดลงสำหรับ 4 ปีอันเสื่อมถอยของอเมริกาที่ยาวนาน พร้อมทั้งเราเริ่มต้นด้วยวันใหม่แห่งความเข้มแข็งพร้อมทั้งเจริญรุ่งเรืองของอเมริกา”

ทรัมป์ ประกาศว่าจะลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารมากมายทันทีที่ก้าวเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบขาว แก้ไขนโยบายในคณะทำงานไบเดน หนึ่งในคำมั่นสัญญาที่เป็นที่จดจำในช่วงหาเสียงของเขา คือ การเนรเทศผู้ที่เข้าสหรัฐฯ โดยผิดกฎหมายครั้งใหญ่ พร้อมทั้งขึ้นภาษีนำเข้ากับประเทศคู่ค้าสำคัญ รวมทั้งแคนาดา จีน พร้อมทั้งเม็กซิโก

ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ยังบอกว่า เขามีแผนอภัยโทษผู้สนับสนุน 1,500 คน ที่บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อ 6 ม.ค. 2021 เพื่อระงับการรับรองผลการเลือกตั้งที่ไบเดนได้รับชัยชนะเหนือตนในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 พร้อมทั้งเรียกผู้ที่ถูกจับกุมพร้อมทั้งตัดสินว่ามีความผิดในเหตุการณ์ดังบอกว่าเป็น “ผู้ที่รักชาติ” พร้อมทั้ง “ผู้ตกเป็นเชลย” ในการดำเนินคดีที่ไม่ถูกต้อง

สำหรับขบวนพาเหรดตามประเพณีในการเฉลิมฉลองการเถลิงอำนาจของทรัมป์ บริเวณถนนเพนซิลเวเนีย แอฟวินิว จากอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ไปยังทำเนียบขาว ได้ยกเลิกไปเช่นกันเพราะเหตุผลด้านสภาวะอากาศ พร้อมทั้งย้ายไปจัดงานในแคปิตอล วัน อารีนา ซึ่งอยู่ใกล้เคียง พร้อมทั้งรองรับผู้คนได้ 20,000 คนภายในสเตเดียมที่ใช้จัดคอนเสิร์ตพร้อมทั้งการแข่งขันกีฬาแห่งนี้ ส่วนงานเลี้ยงเต้นรำในช่วงค่ำวันจันทร์ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม

ที่มา: วีโอเอ