พรรคอนุรักษ์นิยมของเยอรมนีคว้าชัยเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ ขณะที่แบ่งผลเลือกตั้งให้กับพรรคฝ่ายขวาจัดเยอรมนีทำคะแนนขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งอาจสร้างงานหินให้กับผู้นำพรรคเฟรดดริค แมร์ซ ในการจัดตั้งรัฐบาลผสมในเดือนหน้า
ผู้นำพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) ซึ่งไม่มีประสบการณ์การบริหารประเทศ จะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป ในช่วงที่เยอรมนีกำลังขัดแย้งแตกแยกในประเด็นผู้อพยพพร้อมทั้งความมั่นคง ซึ่งเยอรมนีกำลังตกอยู่ในการเผชิญหน้าระหว่างมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ กับรัสเซียพร้อมทั้งจีน
หลังการล่มสลายของพรรคร่วมรัฐบาลในยุคของโอลาฟ โชลซ์ แมร์ซ ผู้นำพรรค CDU วัย 69 ปี ให้คำมั่นกับผู้สนับสนุนในการจัดตั้งรัฐบาลที่ทำให้เยอรมนี “มีตัวตนในยุโรปอีกครั้ง” เพื่อให้โลกเห็นว่าเยอรมนีมีการปกครองที่น่าเชื่อถืออีกครั้ง
ด้านผู้นำโลก นำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมทั้งอิลอน มัสก์ ซึ่งสนับสนุนพรรคทางเลือกแห่งเยอรมนี (AfD) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด ที่ทำคะแนนมาเป็นอันดับ 2 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ โพสต์แสดงความยินดีต่อชัยชนะของฝ่ายอนุรักษ์นิยมบนโซเชียลมีเดีย
ในผลโพลล์จากสื่อ ZDF ชี้ว่า พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU)/พรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนโหวต 28.4% ตามมาด้วยพรรค AfD ที่ 20.4% ส่วนพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) ของโอลาฟ โชลซ์ มาเป็นอันดับ 3 ที่ 16.4% ขณะที่ปีนี้ชาวเยอรมันออกมาใช้สิทธิ์มากเป็นประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ปี 1990 ที่ 83% ตามข้อมูลของเอ็กซิตโพลล์
พรรคการเมืองกระแสหลักต่างปฏิเสธที่จะทำงานร่วมกับพรรคขวาจัดเยอรมนี ซึ่งทำคะแนนสูงกว่าเกือบเท่าตัวในการเลือกตั้งครั้งก่อน โดยอลิส วีเดล หัวหน้าพรรค AfD ได้บอกกล่าวกับผู้สนับสนุนว่า “ครั้งหน้าเราจะมาเป็นที่หนึ่ง”
ความท้าทายต่อไปคือการเจรจาจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลของแมร์ซ ที่อาจกินเวลายาวนาน พร้อมทั้งไม่มีความชัดเจนว่าจะต้องการมากกว่า 1 พรรคเพื่อจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้นายกฯ โชลซ์ ต้องปฏิบัติหน้าที่รักษาการผู้นำเยอรมนีไปอีกหลายเดือน
ที่มา: รอยเตอร์