ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งในวันจันทร์ให้ “ระงับ” การส่งความช่วยเหลือต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ให้กับยูเครน หลังเกิดเหตุโต้เถียงกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ที่ห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ ผู้นำสหรัฐฯ พร้อมทั้งรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ พยายามกดดันให้ผู้นำยูเครนยอมเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียภายใต้เงื่อนไขที่กรุงวอชิงตันเสนอ ตามรายงานของเอพี
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ทรัมป์มุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดข้อตกลงสันติภาพเพื่อหยุดสงครามที่ดำเนินมากว่า 3 ปีพร้อมทั้งเริ่มต้นจากการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย โดยต้องการให้เซเลนสกี “ยึดมั่น” ตามเป้าหมายที่ว่า
เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวที่ขอไม่เปิดเผยตัว เสริมว่า สหรัฐฯ “ระงับพร้อมทั้งกำลังทำการทบทวน” ความช่วยเหลือทั้งหมด “เพื่อให้แน่ใจว่า (ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ) มีส่วนช่วยผลักดันให้พบทางออก(ของความขัดแย้ง)”
พัฒนาการนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อราว 5 ปีก่อนที่ทรัมป์สั่งห้ามส่งความช่วยเหลือที่สภาคองเกรสอนุมัติแล้วให้กับยูเครนในปี 2019 เพื่อกดดันเซเลนสกีให้เปิดสอบสวนโจ ไบเดน ซึ่งขณะนั้นเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งประเด็นนี้ได้นำไปสู่การยื่นเรื่องถอดถอนทรัมป์ในเวลาต่อมาด้วย
ก่อนจะชนะเลือกตั้งในปี 2024 ทรัมป์ได้ประกาศว่า จะทำให้สงครามยูเครนยุติอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะแสดงความไม่พอใจต่อเซเลนสกีเกี่ยวกับการทำสงครามนี้ พร้อม ๆ กับแสดงความมั่นใจว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียนั้นเป็นคนที่ไว้ใจได้ว่าจะรักษาสันติภาพไว้ หลังมีการบรรลุข้อตกลงสงบศึกครั้งนี้แล้ว
ในวันจันทร์ ปธน.สหรัฐฯ เพิ่งออกมาตำหนิเซเลนสกีที่ให้ความเห็นว่า การที่สงครามกับรัสเซียจะถึงจุดสิ้นสุดนั้น “ยังห่างไกล ไกลมาก ๆ” กว่าจะเกิดขึ้นได้
พร้อมทั้งต่อมา ทรัมป์ระบุระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ผู้นำยูเครนนั้น “ไม่ควรจะพูดถูกเกี่ยวกับ(อนาคตการสิ้นสุดของสงครามกับรัสเซีย)” หลังโพสต์ข้อความทางเเพลตฟอร์มทรูธโซเชียลว่า “อย่างที่ผมพูด ชายคนนี้ไม่ต้องการให้เกิดสันติภาพที่นั่นตราบใดเขายังคงได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ…ยุโรปตอนที่หารือกับเซเลนสกี พูดตรง ๆ ไปเเล้วว่า พวกเขาไม่สามารถทำภารกิจนี้ได้ถ้าไม่มีสหรัฐฯ”
ที่มา: เอพี