เผยจำนวนเรือทหาร-เรือพาณิชย์จีน แซงหน้าสหรัฐฯ ไปไกล

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า ตนได้จัดตั้งคณะทำงานใหม่ของทำเนียบขาว เพื่อทำหน้าที่ฟื้นฟูอุตสาหกรรมการต่อเรือของสหรัฐฯ ทั้งเรือทหารพร้อมทั้งเรือพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญด้านความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมทั้งสหรัฐฯ จะเริ่มการต่อเรืออย่างรวดเร็ว ท่ามกลางการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์กับจีน

พลเอกเอริก สมิธ ผู้บัญชาการกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอเมื่อปลายปีที่แล้วว่า “เวลานี้อุตสาหกรรมต่อเรืออเมริกันกำลังมีขนาดลดลงจนถึงระดับต่ำสุด”

ปัจจุบัน กองทัพเรือสหรัฐฯ ยังคงมีอำนาจการทำลายพร้อมทั้งขนาดระวางน้ำหนักมากที่สุด แต่จำนวนเรือในกองทัพนั้นถูกจีนแซงหน้าไปแล้ว กล่าวคือ กองทัพเรือสหรัฐฯ มีเรือทั้งหมด 296 ลำ ขณะที่จำนวนเรือของกองทัพเรือจีนผ่านหลัก 400 ลำไปแล้วเมื่อต้นปีนี้

 

งบประมาณที่ลดลง

จำนวนเรือของกองทัพอเมริกันลดลงต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีมานี้เนื่องจากงบประมาณที่ลดลง โดยเมื่อปีที่แล้ว กองทัพเรือสหรัฐฯ มีงบประมาณสำหรับซื้อเรือใหม่เพียง 6 ลำ แต่ปลดประจำการไป 15 ลำ

สำหรับปีนี้ กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้รับงบประมาณซื้อเรือใหม่ 6 ลำเช่นกัน แต่มีเรือปลดประจำการทั้งหมด 19 ลำ นั่นหมายความว่าจะมีเรือในกองทัพอเมริกันหายไปถึง 13 ลำ

ทั้งนี้ เส้นเลือดใหญ่ของบริษัทต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมต่อเรือนั้นมาจากกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมา ผู้บริหารของบริษัทเหล่านั้นยืนยันว่ามีทรัพยาการมากพอที่จะผลิตพร้อมทั้งซ่อมแซมเรือของกองทัพเรือได้ แต่กลับไม่มีสัญญาว่าจ้างออกมามากนัก

ที่ผ่านมาเกิดความผันผวนด้านอุปสงค์ของการต่อเรือ สืบเนื่องจากงบประมาณที่ลดลง ก่อให้เกิดความกังวลต่อบรรดาบริษัทต่อเรือต่าง ๆ

แบรด โมเยอร์ รองประธานฝ่ายซ่อมบำรุงเรือของบริษัทบีเออี ซิสเต็มส์ (BAE Systems) ของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทซ่อมเรือรายใหญ่ที่สุดในโลก บอกว่า “ขณะนี้เราทำงานแค่ครึ่งหนึ่งของศักยภาพที่เรามี”

 

จอร์จ วิททิเออร์ ซีอีโอของบริษัทแฟร์แบงค์ส มอร์ส ดีเฟนส์ (Fairbanks Morse Defense) ซึ่งเป็นบริษัทต่อเรือรายใหญ่ในอเมริกาเหนือพร้อมทั้งอเมริกาใต้ พร้อมทั้งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดให้กับเรือรบของสหรัฐฯ ได้บอกกล่าวกับวีโอเอว่า มีซัพพลายเออร์หลายพันบริษัทที่ตัดสินใจปิดกิจการไปในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากงบประมาณพร้อมทั้งจำนวนคำสั่งซื้อที่ลดลง

ผู้นำกองทัพสหรัฐฯ พร้อมทั้งบรรดาผู้บริหารของบริษัทต่อเรือต่างกังวลว่า การปิดกิจการลงของซัพพลายเออร์จำนวนมากจะส่งผลต่อการผลิตชิ้นส่วนสำรองของเรือ พร้อมทั้งอาจต้องใช้เวลานานขึ้นในการผลิต รวมทั้งราคาที่แพงขึ้นด้วย

พันเรือเอก จิม คิลบี รักษาการรองผู้บัญชาการฝ่ายปฏิบัติการทางทะเลของกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้บอกกล่าวกับวีโอเอว่า เวลานี้ทางกองทัพยังไม่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับการซื้อเรือรบพร้อมทั้งเรือดำน้ำชุดใหม่มาทดแทนชุดเดิมที่เก่าแก่มากแล้วพร้อมทั้งมีค่าใช้จ่ายสูงในการซ่อมบำรุง ยังไม่ต้องพูดถึงการขยายกำลังของกองทัพเรือ

ความล่าช้า พร้อมทั้งการปลดพนักงาน

ความล่าช้าของสัญญาฉบับใหม่จากทางกองทัพสหรัฐฯ พร้อมทั้งการยกเลิกโครงการต่าง ๆ นำไปสู่การปลดพนักงานจำนวนมากของบริษัทต่อเรือขนาดใหญ่ รวมทั้งบีเออีที่ปลดพนักงานเกือบ 300 คนเมื่อปี 2023

ที่เมืองนอร์ฟอล์ก ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมต่อเรือทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯ จำนวนเรือขนาดใหญ่ที่เข้ารับการซ่อมบำรุงลดลงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับตำแหน่งงานที่ลดลงเช่นกัน

ผู้บริหารของบริษัทต่อเรือพบว่า รัฐสภาสหรัฐฯ คือผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรคเดโแมครตพร้อมทั้งพรรครีพับลิกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ไม่มีการอนุมัติงบประมาณก้อนใหม่สำหรับการซ่อมแซมเรือที่มีอยู่

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาขาดแคลนแรงงานมีฝีมือเฉพาะทางที่จำเป็นสำหรับการต่อเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโครงสร้างค่าแรงที่เปลี่ยนไป

อุตสาหกรรมเรือพาณิชย์

ในขณะที่รัฐสภาสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเพิ่มงบประมาณสำหรับการต่อเรือพร้อมทั้งซ่อมบำรุงเรือของกองทัพ สว.มาร์ค เคลลี จากพรรคเดโแมครต ได้บอกกล่าวกับวีโอเอว่า อุตสาหกรรมต่อเรือพาริชย์ของอเมริกาก็ต้องการการสนับสนุนอย่างมากเช่นกัน

สว.เคลลี บอกว่า ปัจจุบัน สหรัฐฯ ผลิตเรือขนส่งสินค้าราว 5 ลำต่อปี ขณะที่จีนผลิตได้ปีละกว่า 1,000 ลำ “พวกเขามีอู่ต่อเรือขนาดใหญ่หนึ่งแห่งที่ใหญ่กว่าอู่ต่อเรือของเราทั้งหมดรวมกัน”

สว.ผู้นี้ กล่าวด้วยว่า อเมริกามีเรือพาณิชย์เพียง 85 ลำในขณะนี้ ซึ่งหากเกิดกรณีฉุกเฉิน เช่น เกิดความขัดแย้งกับศัตรู เราจะมีข้อจำกัดในการขนส่งเสบียงพร้อมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ข้ามมหาสมุทร

 

เมื่อเดือนมีนาคม สว.เคลลี เสนอร่างกฎหมายชื่อว่า Ships for America Act ให้รัฐสภาพิจารณา ซึ่งมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนเรือพาณิชย์ของสหรัฐฯ 250 ลำในช่วง 10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มห่วงโซ่อุปทานสำหรับเรือของกองทัพเรือด้วย

ร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้มีผลประโยชน์ด้านภาษีสำหรับการต่อเรือพาณิชย์ รวมทั้งการเพิ่มค่าธรรมเนียมสำหรับเรือสินค้าต่างประเทศที่เข้ามาเทียบท่าในอเมริกา เพื่อนำไปช่วยในการผลักดันอุตสาหกรรมการต่อเรือในประเทศ โดยไม่ต้องสร้างหนี้หรือทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น

ที่มา: วีโอเอ