ทรัมป์พบนักธุรกิจ – ชี้เเจงเหตุผลมาตรการภาษี หลังหุ้นร่วง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พบบรรดาซีอีโอบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารเพื่อชี้เเจงเหตุผลการใช้นโยบายภาษีของเขาโดยบางบริษัทที่มีผู้บริหารเข้าประชุมได้รับผลกระทบจากเเรงเทขายหุ้น ท่ามกลางความกังวลในตลาดเกี่ยวกับโอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยพร้อมทั้งปัญหาจากเงินเฟ้อ
งานดังกล่าวมีซีอีโอเข้าร่วมราว ๆ 100 คน ซึ่งรวมถึง จากบริษัทแอปเปิล สถาบันการเงินเจพีมอร์เเกน เชสพร้อมทั้งยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกวอลมาร์ท โดยเป็นการพบปะตามกำหนดเป็นประจำที่งาน Business Roundtable
ในวันพุธ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวจากวันอังคารที่โดนเเรงขายต่อเนื่อง
ตั้งเเต่ต้นปี จนถึง ณ เวลาปิดตลาดเมื่อวานนี้ ดัชนี S&P 500 ลดลง 5.3% ส่วนในวันจันทร์ดัชนีดังกล่าวลดลงมากที่สุดตั้งเเต่เริ่มปีหลังจากที่ทรัมป์แสดงท่าทีในการสัมภาษณ์ในช่วงสุดสัปดาห์ว่าเขาไม่ตัดความเป็นไปได้ที่อาจเกิดเศรษฐกิจถดถอยจากนโยบายการค้าของเขา
ถ้าหากว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้โอกาสแสดงความชัดเจนกับนักข่าวในวันอังคาร โดยบอกว่าเขาไม่คิดว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยขึ้น
ในงานพบนักธุรกิจที่เวที Business Roundtable ทรัมป์บอกว่านโยบายภาษีของเขาจะ “นำเงินมาสู่ประเทศนี้อย่างเทน้ำเทท่า” เขาบอกบรรดาซีอีโอด้วยว่าอาจยกระดับมาตรการภาษีขึ้นอีกด้วย
รอยเตอร์รายงานว่าผู้บริหารบริษัทที่อยู่ในห้องประชุมไม่เเสดงความรู้สึกผ่านสีหน้า เมื่อทรัมป์พูดสั้นๆ ที่งานดังกล่าว ในช่วงที่เปิดให้สื่อรายงานข่าว แต่ยังพอมีเสียงหัวเราะจากผู้ร่วมงานเมื่อผู้นำสหรัฐฯ บอกว่า เขาไม่ชอบบางคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้
ในช่วงที่การประชุมไม่เปิดให้ทำข่าว ทรัมป์บอกว่าเขาจะเร่งอนุมัติมาตรการต่างๆ ในสังกัดหน่วยงานสิ่งเเวดล้อมพร้อมทั้งจะลดภาษีมาอยู่ที่ 15% สำหรับบริษัทที่ผลิตสินค้าในสหรัฐฯ ตามรายงายของรอยเตอร์ที่อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวรายหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อ
ก่อนหน้าที่จะเกิดเเรงขายหุ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นักลงทุนมีความรู้สึกเชิงบวกกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ เช่นเเนวทางลดภาษี พร้อมทั้งพวกเขาหวังว่าทรัมป์จะสามารถลดแรงกดดันจากเงินเฟ้อได้บ้าง ผ่านมาตรการเช่นการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ที่มีต่อการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล
แต่รอยเตอร์รายงานว่าการลดภาษีต้องผ่านกระบวนการอนุมัติโดยสภา ส่วนการเพิ่มการผลิตพลังงานฟอสซิลก็อาจต้องใช้เวลา
นักวิเคราะห์เศรษฐกิจ มองว่าแนวทางเนรเทศคนต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมายอาจทำให้จำนวนเเรงงานในสหรัฐฯ ลดลงพร้อมทั้งอาจกดดันให้ต้นทุนค่าเเรงเพิ่มขึ้น ส่วนการลดขนาดระบบราชการภายใต้รัฐบาลนี้อาจทำให้อัตราคนว่างงานเพิ่มขึ้น
ที่มา: รอยเตอร์