สำรวจแนวทางสหรัฐฯ ยุคทรัมป์ กับความพยายามเจาะสัมพันธ์จีน-รัสเซีย

หนึ่งในแนวทางการทูตที่เห็นได้จากสองเดือนแรกของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือการรื้อฟื้นสัมพันธ์กับรัฐบาลมอสโก แต่สิ่งที่นักวิเคราะห์ยังจับตามองคือ ท่วงท่าของรัฐบาลวอชิงตันจะสามารถเจาะความเหนียวแน่นของพันธมิตรรัสเซีย-จีนได้หรือไม่
นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อปี 2022 จีนพยายามยืนกรานว่ารัฐบาลปักกิ่งสนับสนุนสันติภาพ พร้อมทั้งเคารพบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศต่าง ๆ แต่อีกด้านก็ไม่เคยประณามรัสเซียที่เปิดฉากเข้ายึดดินแดนยูเครนเลย
ไม่เพียงเท่านั้น กรุงปักกิ่งยังยังโหวตช่วยรัสเซียในคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ พร้อมทั้งร่วมซ้อมรบด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดใกล้กับรัฐอลาสกาอีกด้วย
อีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ แม้บอกว่ามีสัมพันธ์ส่วนตัวอันดีกับสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีน พร้อมทั้งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แต่ก็เห็นได้ว่า ขณะที่ทำเนียบขาวพูดถึงการรื้อฟื้นสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับรัสเซีย อีกด้านหนึ่งกลับลงโทษจีนด้วยการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้า
ชาลส์ เฮคเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างรัสเซียพร้อมทั้งชาติตะวันตก มองว่าภาคเอกชนของชาติตะวันตกจะกลับเข้าไปในรัสเซียอย่างรวดเร็วหากมีการผ่อนปรนมาตรการลงโทษ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน โลหะ พร้อมทั้งสินแร่ ที่คุ้นชินกับการทำธุรกิจในพื้นที่ความเสี่ยงสูง
ถ้าหากว่า เขามองว่าการกลับไปทำธุรกิจแบบที่เคยเป็นมา ไม่ใช่สัญญาณของการกลับมาญาติดีกันระหว่างกรุงมอสโกพร้อมทั้งกรุงวอชิงตัน พร้อมทั้งไม่เพียงพอที่จะทำให้รัสเซียตีตัวออกห่างจากจีน หากไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติต่อต้านระบบการเมืองพร้อมทั้งเศรษฐกิจแบบตะวันตกของปูติน
“คุณไม่เคยได้ยินประธานาธิบดีปูตินพูดอะไรขัดกับจีนในทางอุดมการณ์ พร้อมทั้งตอนนี้ทั้งสองก็เป็นหุ้นส่วนทางพลังงานที่สำคัญ” เฮคเกอร์กล่าว
ถ้าหากว่า ในแง่ของความเห็นสาธารณะ อาจมีจุดที่ทำให้เห็นว่ามีความไม่ลงรอยกันในระดับประชาชนต่อประชาชน อ้างอิงจากข้อค้นพบขององค์กร FilterLabs ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ
FilterLabs วิเคราะห์ความเห็นผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ในจีนพร้อมทั้งรัสเซียในแง่ความสัมพันธ์รัสเซีย-จีนนี้ พร้อมทั้งพบว่า ชาวเน็ตมีความเห็นที่ “เต็มไปด้วยความตึงเครียด ไม่เชื่อใจ พร้อมทั้งผลประโยชน์ที่ไม่ตรงกัน”
วาซิลี กาทอฟ หนึ่งในผู้จัดทำรายงานดังกล่าวระบุกับวีโอเอว่าจีนไม่ได้มองรัสเซียในฐานะหุ้นส่วนที่เท่าเทียมพร้อมทั้งไว้ใจได้
เขาย้อนไปถึงประวัติการเข้ายึดแคว้นอามูร์จากจีน พร้อมทั้งนโยบายล่าอาณานิคมของรัสเซียในศตวรรษที่ 19 พร้อมทั้ง 20 พร้อมทั้งสรุปว่า “ในความเห็นของผม เป็นไปได้อย่างแน่นอนที่จะมองความไม่ลงรอยทางประวัติศาสตร์ในฐานะจุดเปราะบาง”
ถ้าหากว่า อเล็กซานเดอร์ กาบูเอฟ ผู้อำนวยการจากศูนย์คาร์เนกีด้านรัสเซีย-ยูเรเซีย มองว่าเสียงของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรมากนักต่อการตัดสินใจของรัฐบาลมอสโกพร้อมทั้งปักกิ่ง
กาบูเอฟมองว่า การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์จากจีนนั้นอาจเป็นสะท้อนแรงจูงใจ ว่ากรุงปักกิ่งเองก็ต้องการการตอบแทน โดยเฉพาะข้อมูลการต่อต้านอาวุธจากชาติตะวันตกที่รัสเซียได้รับจากสงครามในยูเครน
ในโมงยามที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ พร้อมทั้งรัสเซียกำลังดีขึ้น หนึ่งในคำถามที่นักวิเคราะห์สนใจก็คือ กระบวนทัศน์ของทรัมป์ที่มีต่อจีน จะมีผลไปถึงขั้นทำให้รัสเซียพร้อมทั้งจีนห่างเหินกันมากขึ้นได้หรือไม่
อาลี ไวน์ ที่ปรึกษาด้านจีนพร้อมทั้งสหรัฐฯ จากองค์กร International Crisis Group มองว่าทรัมป์มีทัศนคติที่เป็นมิตรกับผู้นำจีนมากกว่าผู้กำหนดนโยบายสหรัฐฯ ที่ผ่านมาที่มองว่าจีนเป็นคู่แข่งทางยุทธศาสตร์ลำดับต้น ๆ พร้อมทั้งไวน์เชื่อว่าจุดนี้จะเป็นปัจจัยกำหนดท่าทีของสหรัฐฯ ต่อจีนในสี่ปีนับจากนี้
ที่มา: วีโอเอ