อิสราเอลยืนยันปฏิบัติการสังหารผู้นำฮามาสในกาซ่า

อิสราเอลยืนยันในวันพฤหัสบดีว่า ได้สังหาร ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส ในปฏิบัติการจู่โจมครั้งล่าสุดในฉนวนกาซ่าที่พุ่งเป้าจัดการกับสมาชิก 3 คนของกลุ่มติดอาวุธนี้

ทั้งนี้ อิสราเอลรายงานด้วยว่า ไม่มีสัญญาณว่า มีตัวประกันอยู่ในอาคารที่เป็นเป้าการจู่โจมที่ได้สังหารนักรบกลุ่มติดอาวุธทั้ง 3 คนสำเร็จ

ซินวาร์ เป็นผู้นำการจู่โจมใส่อิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคมของปีที่แล้วซึ่งเป็นชนวนของสงครามในกาซ่าที่ดำเนินมากว่าปีนี้ โดยซินวาร์ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าฮามาส หลังการลอบสังหารอดีตผู้นำของกลุ่มซึ่งก็คือ อิสมาอิล ฮานิเยห์ เมื่อเดือนสิงหาคม ในกรุงเตหะราน

อิหร่านกล่าวโทษว่า อิสราเอลคือผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารฮานิเยห์

มีรายงานว่า พบเงินสด เอกสารประจำตัวพร้อมทั้งอาวุธข้าง ๆ ศพของสมาชิกฮามาสทั้ง 3 คน ขณะที่ สื่ออิสราเอลเปิดเผยว่า กองกำลังกำลังอิสราเอลไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เพื่อดำเนินปฏิบัติการลอบสังหารพร้อมทั้งไม่ได้รับทราบรายงานข่าวกรองใด ๆ ที่ชี้ว่า ซินวาร์อยู่ในอาคารดังกล่าว

ซินวาร์ซึ่งเกิดในค่ายผู้อพยพในเมืองคานยูนิสของฉนวนกาซ่า เป็นสมาชิกระดับต้น ๆ ตั้งแต่เมื่อมีการก่อตั้งกลุ่มฮามาสในปี 1987 โดยต่อมาได้ก้าวขึ้นมารับผิดชอบหน่วยงานติดอาวุธของกลุ่มที่ทำหน้าที่จัดการกับสายลับของอิสราเอล

อิสราเอลเคยจับกุมตัวซินวาร์ได้เมื่อปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1980 โดยในเวลานั้น เขายอมรับว่า ลงมือสังหารผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ร่วมมือกับกลุ่มติดอาวุธนี้ไป 12 คนซึ่งทำให้ซินวาร์ได้รับฉายา “นักฆ่าแห่งคานยูนิส” โดยอิสราเอลสั่งจำคุกเขาตลอดชีวิต 4 รอบจากการกระทำผิดหลายข้อหา

แต่หลังรอดชีวิตจากการเป็นมะเร็งในสมองเมื่อปี 2008 เพราะได้รับการรักษาจากแพทย์ของอิสราเอล นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู มีคำสั่งปล่อยตัวซินวาร์จากเรือนจำในปี 2011 ก่อนจะถูกแลกตัวกับนายทหารคนหนึ่งของอิสราเอลที่ถูกฮามาสจับตัวเป็นนักโทษไว้ได้ก่อนหน้า

เมื่อกลับไปยังกาซ่าได้ ซินวาร์ได้กลับคืนสู่กลุ่มฮามาสพร้อมทั้งไต่เต้าอย่างรวดเร็วจนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งผู้นำ พร้อมชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยม พร้อมทั้งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประกาศให้อยู่ในรายชื่อกลุ่ม “ผู้ก่อการร้ายระดับโลก” ในปี 2015

รายงานข่าวพบว่า ซินวาร์เป็นผู้นำปฏิบัติการของฮามาสในกาซ่า พร้อมทั้งทำงานร่วมกับฮานิเยห์ในการนำพากลุ่มให้เข้าหาอิหร่านพร้อมทั้งกลุ่มตัวแทนอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง พร้อม ๆ กับการเสริมสร้างศักยภาพทางทหารของฮามาสไปด้วย

ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ตอนเหนือของกาซ่ารายงานในวันพฤหัสบดีด้วยว่า การจู่โจมทางอากาศของอิสราเอลเข้าใส่โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งถูกเปลี่ยนมาเป็นศูนย์หลบภัยของชาวปาเลสไตน์ผู้พลัดถิ่น ทำให้มีผู้จบชีวิตอย่างน้อย 14 คนที่รวมถึงเด็ก 5 คนด้วย

แต่อิสราเอลพบว่า การจู่โจมของตนพุ่งเป้าไปยังนักรบฮามาสพร้อมทั้งกลุ่มอิสลามิกจิฮัดหลายสิบคนที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนแห่งดังกล่าว

ฟาเรส อาบู ฮัมซา หัวหน้าหน่วยฉุกเฉินพื้นที่ภาคเหนือของกระทรวงสาธารสุขกาซ่า ยืนยันตัวเลขผู้จบชีวิต พร้อมทั้งบอกว่า มีผู้คนอีกหลายสิบคนที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมเปิดเผยว่า “ผู้หญิงพร้อมทั้งเด็กหลายคนมีอาการเจ็บสาหัส” ด้วย

กลุ่มฮามาสเปิดฉากจู่โจมภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อต้นเดือนตุลาคมของปีที่แล้วซึ่งส่งผลให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คนพร้อมทั้งมีการจับตัวประกันไปกว่า 250 คน ก่อนอิสราเอลจะจู่โจมโต้กลับเข้าไปในกาซ่าจนถึงบัดนี้ที่ทำให้มีชาวปาเลสไตน์จบชีวิตกว่า 42,400 คนแล้ว โดยกว่าครึ่งนั้นเป็นผู้หญิงพร้อมทั้งเด็ก ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารสุขกาซ่า

 

การนำส่งความช่วยเหลือให้ชาวกาซ่า

ในการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเมื่อวันพุธ นักการทูตทั้งหลายได้รับแจ้งรายงานล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซ่าที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งอิสราเอลเดินหน้ายกระดับปฏิบัติการทางทหารอยู่

จอยซ์ มซูยา รักษาการหัวหน้าโครงการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมยูเอ็นแจ้งต่อที่ประชุมว่า “ไม่มีความช่วยเหลือด้านอาหารเข้าไปยังภาคเหนือของกาซ่าตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมถึง 15 ตุลาคม เมื่อมีการอนุญาตให้นำส่งสิ่งของไม่มากเข้าไปได้เท่านั้น พร้อมทั้งเสบียงสิ่งของจำเป็นทั้งหมดเพื่อการใช้ชีวิตให้อยู่รอดก็เริ่มหมดลงแล้ว”

มซูยายังกล่าวด้วยว่า “ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม มีการประสานการเคลื่อนย้าย(ความช่วยเหลือ)เพียง 1 เที่ยวจากทั้งหมด 54 เที่ยวที่เข้าไปยังภาคเหนือ(ของกาซ่า) ผ่านจุดตรวจข้ามแดน อัล ราชิด ด้วยการอำนวยความสะดวกโดยทางการอิสราเอล ขณะที่ การนำส่งอีก 4 เที่ยวถูกขัดขวางในช่วงต้นก่อนจะไปถึงที่หมายได้” พร้อมทั้งว่า “85% ของการนำส่งนั้นถูกปฏิเสธพร้อมทั้งที่เหลือก็ถูกสกัดไว้หรือยกเลิก เนื่องจากประเด็นด้นความปลอดภัยหรือโลจิสติกส์”

สมาชิกคณะมนตรีฯ ที่เข้าร่วมประชุมต่างประณามสถานการณ์ดังกล่าวรวมทั้งประเด็นคำสั่งอพยพของอิสราเอลด้วย พร้อมทั้งหลายคนบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่คณะมนตรีฯ จะพิจารณา “เครื่องมือ” ทั้งหลายที่มีเพื่อบังคับใช้มติที่มีออกมา ซึ่งหมายถึงการลงโทษทางเศรษฐกิจต่าง ๆ

การประชุมนัดนี้เกิดขึ้นหลังสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้อิสราเอลเพิ่มการนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับชาวปาเลสไตน์ในกาซ่าภายในเดือนหน้า มิฉะนั้นกรุงวอชิงตันอาจตัดความช่วยเหลือทางทหารเพื่อสนับสนุนการสู้รบกับกลุ่มฮามาส

 

 

 

ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีพร้อมทั้งรอยเตอร์