admin
“วิสุทธิ์” เผย ดันกฎหมาย 20 ฉบับในสมัยนี้ ขอ สส. ให้ความสำคัญประชุมสภา
กกต. ส่งมอบหีบเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ คาดรู้ผลไม่ทางการ 5 ทุ่มพรุ่งนี้
ก.อุตฯ ตรวจพบสายไฟฟ้าที่วางขายในห้างโมเดิร์นเทรด ไม่ได้มาตรฐาน 3 พื้นที่
“โกทร” ไม่เข้าเกณฑ์พักโทษ แต่หากป่วยจริง อนุมัติไปรักษานอกเรือนจำ แบบ “ทักษิณ” ได้
กกต. ประกาศวันเลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ. 68 เปิดรับสมัคร 23-27 ธ.ค. นี้
เจ้าของเศร้า วอนคนใจบุญช่วยรับเลี้ยงลูกหมา 8 ตัว หลังแม่หมาถูกยิงตาย
รัสเซียส่งขีปนาวุธจู่โจมกรุงเคียฟ หลังยูเครนยิงขีปนาวุธของสหรัฐฯ ถล่มข้ามแดน
รายงานข่าวพบว่า เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นอย่างน้อย 3 ครั้งก่อนรุ่งสางในกรุงเคียฟ ขณะที่ กองทัพอากาศยูเครนเปิดเผยว่า ได้ยิงสกัดขีปนาวุธแบบทิ้งตัวรุ่น Iskander จำนวน 5 ลูกที่รัสเซียส่งมาจู่โจมเมืองหลวงของประเทศได้
เจ้าหน้าที่รัฐบาลกรุงเคียฟรายงานว่า การจู่โจมล่าสุดโดยรัสเซียทำให้ระบบทำความร้อนของอาคารที่พักอาศัย 630 แห่ง โรงพยาบาลพร้อมทั้งคลินิก 16 แห่ง รวมทั้งโรงเรียนพร้อมทั้งโรงเรียนอนุบาล 30 แห่ง หยุดทำงานไป ขณะที่ เศษซากของขีปนาวุธที่ถูกยิงตกลงมายังสร้างความเสียหายพร้อมทั้งทำให้เกิดเหตุไฟไหม้ในพื้นที่ 3 เขตของเมืองหลวงด้วย
ในช่วงเกือบ 3 ปีของสงครามระหว่างทั้งสอง รัสเซียทิ้งระเบิดถล่มพื้นที่พลเรือนของยูเครนเป็นประจำ ด้วยจุดประสงค์หลัก ๆเพื่อสร้างความเสียหายให้กับโครงข่ายจ่ายพลังงานพร้อมทั้งสร้างความกลัวให้ชาวยูเครน
ในเวลาเดียวกัน ยูเครนได้พยายามสกัดกั้นกองทัพรัสเซียไม่ให้รุกคืบฝ่ายแนวหน้าของการรบมาได้ พร้อมทั้งยิงจู่โจมโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการทำสงครามของมอสโกมาโดยตลอด
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียบอกว่า การจู่โจมของตนนั้นเป็นการโต้ตอบการยิงขีปนาวุธของยูเครนเข้าใส่แคว้นรอสตอฟที่ตั้งอยู่ตรงชายแดนระหว่างสองประเทศเมื่อ 2 วันก่อน
รัสเซียพบว่า การจู่โจมดังกล่าวของยูเครนใช้ขีปนาวุธ ATACMS (Army Tactical Missile System) ที่สหรัฐฯ ผลิตจำนวน 6 ลูกพร้อมทั้งขีปนาวุธที่ยิงจากอากาศสู่พื้นดิน Storm Shadow ซึ่งอังกฤษส่งมอบให้อีก 4 ลูก
ในเหตุการณ์วันนั้น ยูเครนอ้างว่า ได้ยิงจู่โจมเป้าหมายที่เป็นโรงกลั่นน้ำมันรอสตอฟ ภายใต้แผนงานถล่มโครงสร้างพื้นฐานที่รัสเซียใช้สนับสนุนปฏิบัติการทำสงครามครั้งนี้
ยูเครนเริ่มใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่อเมริกาผลิตยิงเข้าไปในอาณาเขตของรัสเซียครั้งแรกเมื่อ 19 พฤศจิกายน หลังกรุงวอชิงตันปลดล็อกข้อจำกัดการอาวุธที่มอบให้ แต่การที่ยูเครนนำอาวุธที่ชาติตะวันตกส่งมาให้จู่โจมรัสเซียทำให้ทำเนียบเครมลินเดือดดาลอย่างมาก
สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้รัสเซียเปิดตัวขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง “โอเรชนิก” รุ่นใหม่ของตนเพื่อใช้ในสงครามนี้เป็นครั้งแรก พร้อมทั้งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ก็ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า อาวุธใหม่นี้มีความสามารถที่จะบินไปยังเป้าหมายที่ไกลพร้อมทั้งเจาะจงอย่างอาคารต่าง ๆ ในกรุงเคียฟได้ แม้ว่า จะยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธนี้รอบที่ 2 ออกมาก็ตาม
ในส่วนของการโต้ตอบการจู่โจมด้วยขีปนาวุธจากสหรัฐฯ ของยูเครน กระทรวงกลาโหมรัสเซียพบว่า ได้ส่งขีปนาวุธจำนวนหนึ่งที่ “มีพิสัยไกลพร้อมทั้งมีความแม่นยำสูง” เข้าถล่มศูนย์บัญชาการหน่วยงานข่าวกรองกองทัพยูเครนพร้อมทั้งเป้าหมายอีกแห่งที่อ้างว่าเป็นพื้นที่ออกแบบพร้อมทั้งผลิตระบบขีปนาวุธ Neptune ของยูเครน รวมทั้ง เป้าหมายที่เป็นระบบขีปนาวุธแบบร่อนที่ยิงจากพื้นดินพร้อมทั้งระบบป้องกันการจู่โจมแพทริออตที่สหรัฐฯ มอบให้กรุงเคียฟด้วย
อย่างไรก็ดี เอพีไม่สามารถยืนยันว่า สิ่งที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวอ้าง เป็นความจริงหรือไม่
ที่มา: เอพี
มาเลเซียเดินหน้าหาซาก MH370 หลังหายปริศนาเกิน 10 ปี
แอนโธนี โลค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย ระบุในการแถลงข่าวว่า การค้นหาถือเป็นหน้าที่พร้อมทั้งความรับผิดชอบที่มีต่อลูกหลานของผู้สูญหาย พร้อมทั้งหวังว่าครั้งนี้จะค้นพบซากเครื่องบิน พร้อมทั้งคลี่คลายปมในใจของครอบครัวผู้สูญเสีย
เจียง ฮุ่ย สูญเสียแม่ไปในเที่ยวบินดังกล่าว บอกว่า ยินดีที่มีการกลับมาค้นหาอีกครั้ง แต่มองว่ากระบวนการกินเวลายาวนานเกินไป พร้อมทั้งจะดีกว่านี้ หากรัฐบาลจะเปิดให้มีคนเข้าร่วมการค้นหามากขึ้นด้วยการให้รางวัลกับผู้พบซากเครื่องบิน
เที่ยวบิน MH370 บรรทุกผู้โดยสาร 227 คน พร้อมทั้งลูกเรือ 12 คนบนเครื่องบินโบอิ้ง 777 หายไปจากจอเรดาร์ 40 นาทีหลังขึ้นบินจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปยังกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2014
นักบินส่งสัญญาณเป็นครั้งสุดท้ายขณะเครื่องบินเข้าสู่น่านฟ้าของเวียดนาม ในพื้นที่อ่าวไทย ก่อนที่อุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณจะปิดตัวลง
เรดาร์ของทหารพบว่า MH370 ออกจากเส้นทางการบิน พร้อมทั้งพยายามกลับมาทางตอนเหนือของมาเลเซีย จากนั้นบินออกไปทางทะเลอันดามัน หันหัวลงใต้ จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อใด ๆ ได้อีก
ชิ้นส่วนเครื่องบินหลายชิ้น ทั้งที่ได้รับการยืนยันพร้อมทั้งเป็นที่เชื่อว่ามาจาก MH370 ถูกพบตามแนวชายฝั่งทวีปแอฟริกาพร้อมทั้งหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดีย
รมต.โลค บอกว่า บริษัท Ocean Infinity ผู้ทำปฏิบัติการค้นหาเครื่องลำดังกล่าวมาก่อนหน้านี้ ที่จบลงในปี 2018 เป็นผู้ส่งข้อเสนอรื้อฟื้นการค้นหาอีกครั้ง โดยลงพิกัดไปที่ตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย แต่ยังไม่มีการลงตำแหน่งปฏิบัติการอย่างชัดเจนมากไปกว่านี้
ปฏิบัติการครั้งใหม่จะใช้เวลา 18 เดือน ใต้ท้องทะเลกว้าง 15,000 กม. โดยจะได้รับค่าตอบแทน 70 ล้านดอลลาร์ หากพบซากเครื่องบิน
โลคบอกว่า ทางการมาเลเซียวิเคราะห์ข้อมูลชุดใหม่ที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญพร้อมทั้งบริษัท Ocean Infinity พร้อมทั้งมั่นใจว่ามีโอกาสที่จะค้นพบ MH370
ที่มา: รอยเตอร์
ผู้เชี่ยวชาญชี้ กองทัพเมียนมากำลังใช้การจับกุมชาวประมงไทยต่อรองกับรัฐบาลไทย
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลเมียนมาในเกาะสอง (Kawthong) มีคำพิพากษาลงโทษเจ้าของเรือประมงที่เจ้าหน้าที่ยึดมาให้จำคุกเป็นเวลา 6 ปีพร้อมทั้งสั่งจำคุกชาวประมงอีก 3 คนเป็นเวลา 4 ปี ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศไทยพยายามผลักดันให้มีการปล่อยตัวทุกคนพร้อมทั้งรัฐบาลเมียนมากำลังให้ความสนใจกับการประชุมระดับสูงในกรุงเทพฯ
ศ.ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ แห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้บอกกล่าวกับวีโอเอ ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นชัดเจนแล้วว่า เมียนมาใช้กรณีชาวประมงไทยเพื่อต่อรองผลประโยชน์ของตน พร้อมทั้งพบว่า การควบคุมตัวชาวประมงทั้ง 4 คนนั้นมีจุดประสงค์ที่จะบีบให้ไทยยอมยกระดับความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับตนพร้อมทั้งให้มีการยอมรับสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC – State Administration Council)
อาจารย์ฐิตินันท์ให้ความเห็นว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดสถานการณ์เช่นนี้ทำมีแต่จะทำให้ประเทศไทยดูอ่อนแอในสายตานานาชาติ
แซคคารี อาบูซา ศาสตราจารย์จาก National War College ในกรุงวอชิงตัน เห็นด้วยในเรื่องนี้ แต่ก็ชี้ว่า เมียนมาอาจกลายมาเป็นผู้เสียผลประโยชน์ได้ หากควบคุมตัวชาวประมงไทยไว้นานเกินไป เพราะแม้ “รัฐบาลไทยจะพยายามสนับสนุนรัฐบาลทหารมากเท่าที่จะทำได้ อาจเกิดแรงต้านสะท้อนกลับจากประชาชนได้”
วีโอเอพยายามติดต่อขอความเห็นจากสภาบริหารแห่งรัฐเกี่ยวกับประเด็นนี้ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับก่อนจัดพิมพ์รายงานข่าว
ข้อพิพาทด้านการประมงเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างไทยพร้อมทั้งเมียนมามานาน แต่ โดมินิก ธอมสัน ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Environmental Justice Foundation บอกว่า นี่เป็นครั้งแรกอย่างน้อยในรอบ 9 ปี พร้อมให้ความเห็นว่า ลักษณะของปัญหาพร้อมทั้งกรณีการกักเรือประมงพร้อมทั้งควบคุมตัวลูกเรือนั้น “ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างเพื่อนบ้านสองประเทศนี้เกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมว่าด้วยเรื่องของความมั่นคงตามแนวชายแดน อาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมทั้งบทบาทของอาเซียนในวิกฤตเมียนมาที่เปิดฉากขึ้นในวันพฤหัสบดี
ศ.ดร.ฐิตินันท์บอกว่า การที่ไทยจะทำงานร่วมกับเมียมาในระดับที่สูงขึ้นนั้น “เป็นปัญหาพอควร” จึงไม่น่าแปลกใจที่กองทัพเมียนมาดึงเรื่องชาวประมงไทยเอาไว้ พร้อมทั้งบอกว่า คำถามที่สำคัญคือ ทำไมรัฐบาลไทยจึงยอมเล่นตามเกมของเมียนมา
รายงานข่าวพบว่า เจ้าหน้าที่ไทยพยายามทำให้ประเด็นนี้ไม่เป็นข่าวใหญ่มาตลอด พร้อมทั้งนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ออกมาบอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยังแข็งแกร่ง พร้อมพบว่า เมียนมาจะปล่อยตัวชาวประมงทั้งหมดในวันที่ 4 มกราคม หรือ 5 สัปดาห์หลังจากที่ทั้งหมดถูกจับกุมตัวไป
ที่มา: วีโอเอ