“อนุทิน” มั่นใจไม่ใช่ตัวเองชัวร์ หลัง “ทักษิณ” เหน็บอีแอบพรรคร่วม

“อนุทิน” มั่นใจไม่ใช่ตัวเองชัวร์ หลัง “ทักษิณ” เหน็บอีแอบพรรคร่วม แจงเข้า ครม. ร่วมประชุมไม่ได้หาย ย้ำ อย่าไปใส่ใจเรื่องหยุมหยิม หยอกนักข่าว “วันนี้หล่อหรือยัง”

ล้างบางมาเฟียปราจีนบุรี บุกค้น 5 จุด เครือข่าย “โกทร” ยังไร้เงา “ผู้ใหญ่แอ้ด-นายโจ้”

ปราจีนบุรี – เริ่มแล้ว ปฏิบัติการล้างบางมาเฟียปราจีนฯ ตำรวจกองปราบปราม ผนึกกำลังสืบสวนภูธรภาค 2 พร้อมทั้งภูธรปราจีนบุรีกว่า 100 นาย บุกตรวจค้น 5 เป้าหมายเครือข่าย “โกทร” คุมตัวเลขาฯคนสนิท สอบหาความเชื่อมโยงคลี่คลายปมสังหารโหด สจ.โต้ง ยังไร้เงา “ผู้ใหญ่แอ้ด-นายโจ้” หลังพบมีการเข้าออกบ้านโกทร ก่อนคืนสังหาร เพียงไม่นาน

รทสช. ลงช่วยน้ำท่วมภาคใต้ หลัง 4 จังหวัดกระทบหนัก ขอรัฐบาลเร่งบรรเทาเดือดร้อน

“อัครเดช” เผย พรรครวมไทยสร้างชาติ ระดมความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ “ธนกร” ห่วง 4 จังหวัดใต้หนัก ขอ รัฐบาล-ส่วนราชการเร่งช่วย อพยพด่วนผู้ป่วยติดเตียง คนแก่พร้อมทั้งเด็ก

เร่งตามล่า 2 คนร้าย ควงปืนจี้เจ้าของลานรับซื้อยางพารา จ.เลย ชิงเงินไป 1.7 ล้าน

จ.เลย เกิดเหตุระทึก 2 คนร้ายใช้ “ปืนเอ็ม 16” จี้ชิงเงินสด 1.7 ล้านบาท จากเจ้าของลานรับซื้อยางพารา บ้านเหมืองแพร่ อ.นาแห้ว ตำรวจเร่งระดมกำลังตามล่าตัว

ราชทัณฑ์แจงคืนที่ 2 ขาใหญ่ปราจีน กินได้นอนหลับ อาจนำตัว “โกทร” มาอยู่สถานพยาบาลเรือนจำ

ราชทัณฑ์แจง “โกทร” พร้อมสมุนอีก 6 คน นอนคุกคืนที่ 2 กินได้นอนหลับ หากพ้นกักไวรัสโคโรน่า 5 วัน เตรียมพิจารณาจะนำตัว “โกทร” มาอยู่ที่สถานพยาบาลเรือนจำจังหวัดนครนายก เพื่อสะดวกต่อการดูแล เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังสูงอายุ ลุกเดินลำบากพร้อมทั้งมีโรคประจำตัว

อีกครั้ง! นิตยสารไทม์ยกให้ ‘ทรัมป์’ เป็นบุคคลแห่งปี 2024

ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลั่นระฆังเปิดการซื้อขายในตลาดซื้อขายหุ้นนิวยอร์ก เมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากนิตยสารไทม์ ยกให้เขาเป็นบุคคลแห่งปีเป็นครั้งที่ 2 ตามรายงานของเอพี ในครั้งนี้นิตยสารไทม์ ยกย่องโดนัลด์ ทรัมป์ นักธุรกิจที่ผันตัวเป็นนักการเมือง ในการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง จากอดีตประธานาธิบดีที่ปฏิเสธผลการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน กลับมาเป็นว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ หลังได้รับชัยชนะเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

สถานศึกษา-หน่วยงานไทย เตือน นศ.เตรียมรับมือช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ‘ทรัมป์

การกวดขันคนเข้าเมือง ในยุครัฐบาล ประธานาธิบดีทรัมป์สมัยแรก เป็นสิ่งที่ชาวต่างชาติพร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างตื่นตัวว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่ในรัฐบาลใหม่ ที่อีกเพียงหนึ่งเดือนก็จะขึ้นสู่ตำแหน่ง

ทึ่ง! เงือกน้อยไทยวัย 5 ขวบสร้างชื่อกระฉ่อนในการว่ายน้ำระดับโลก

สำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์รายงานว่าเด็กหญิงวัย 5 ขวบจากกรุงเทพฯ “วาณญา ไม่สูญผล” สร้างกระเเสบนโลกโซเชียล หลังจากที่คุณพ่อของเธอเปิดบัญชีติ๊กตอกพร้อมทั้งอินสตาเเกรม ที่โชว์ผลงานการว่ายนำ้ของเงือกน้อยผู้นี้

มีคนดูคลิปนับล้าน ที่เป็นภาพน้องวาณญา ว่ายนำคู่เเข่งรายอื่น ๆ ที่อายุเท่า ๆ กัน

รักสกุล ไม่สูญผล คุณพ่อของน้องวาณญา บอกว่าเด็กหญิงคนนี้เริ่มว่ายนำ้ตั้งเเต่ 6 เดือน

เขาบอกกับรอยเตอร์ว่า เมื่อตอนที่สอนเธอว่ายท่าฟรีสไตล์ เขาเห็น “จุดเริ่มต้นของความหัศจรรย์”

ผู้จัดการเเข่งขันว่ายนำ้ เวิร์ลด์ อะควาติกส์ เชิญให้วาณญาพร้อมทั้งพ่อเเม่ของเธอเดินทางมาที่กรุงบูดาเปสต์ของประเทศฮังการี

นอกจากจะได้ลงว่ายนำ้ในสระที่นักเเข่งระดับโลกเคยลงเเข่งแล้ว เด็กหญิงผู้นี้ได้พบกับเพอร์นิลล์ บลูม เเชมป์โอลิมปิก ประเภทฟรีสไตล์ 50 เมตร อีกด้วย

บลูม ที่ได้เหรีญญทองที่การเเข่งขันในบราซิล ปี 2016 บอกว่าความสามารถของวาณญา “น่าทึ่ง”

เจ้าหน้าที่เวิลด์ อะควาติกส์ บอกกับรอยเตอร์ว่า นักว่ายน้ำอันดับต้น ๆ ของโลกต่างหยุดขอถ่ายรูปเซลฟี กับวาณญา โดยต่างเคยเห็นฝีมือของเธอผ่านคลิปต่าง ๆ บางคนเรียกเธอว่าเป็น “หนูน้อยมหัศจรรย์”

โค้ชของ เวิร์ลด์ อะควาติกส์ เจมส์ กิบสัน บอกว่า วาณญามีโอกาสพัฒนาต่อไปได้อีกมากเพื่อลงเเข่งระดับสูงสุดเมื่อเธอโตขึ้นแต่ก็ยอมรับว่าทักษะทางเทคนิคพื้นฐานของเงือกน้อยคนนี้จัดว่า “ดีมาก”

ที่มา: รอยเตอร์

ไบเดนสั่งลดโทษ-อภัยโทษบุคคลจำนวนมากเป็นสถิติใหม่ในหนึ่งวัน

Washington — ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ใช้อำนาจฝ่ายบริหารลดหย่อนโทษจำคุกบุคคลราว 1,500 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำแล้วแต่ถูกจำกัดบริเวณให้อยู่ที่บ้าน ช่วงการระบาดของโคโรนาไวรัส

นอกจากนั้นเขาอภัยโทษชาวอเมริกันอีก 39 คน ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีที่ไม่ใช่กรณีที่ใช้ความรุนเเรง

การใช้อำนาจลดหย่อนโทษในวันเดียวครั้งนี้มีผลต่อจำนวนบุคคลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบันของสหรัฐฯ 

การลดหย่อนโทษที่ประกาศออกมาในวันพฤหัสบดี ครอบคลุมบุคคลที่ถูกจองจำภายใต้เงื่อนไขกักบริเวณในบ้านของตนมาเเล้วอย่างน้อยหนึ่งปี หลังจากออกมาจากเรือนจำ

ทั้งนี้ในช่วงไวรัสโคโรน่าระบาด สภาพเรือนทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อการระบาดของเชื้อ คนจำนวนหนึ่งจึงได้ออกจากทัณฑสถานเนื่องจากรัฐต้องการยับยั้งการระบาด

อัตราส่วนการติดไวรัสโคโรน่าในคุก เคยอยู่สูงระดับที่มีผู้ติดเชื้อ 1 คนในทุก ๆ 5 คน ตามข้อมูลของสื่อเอพี

ไบเดนบอกว่า ในช่วงหลายสัปดาห์จากนี้เขาจะพิจารณาคำขอลดหย่อนโทษ ในกรณีอื่น ๆ เพิ่มเติม

ในอดีต บารัค โอบามาเคยใช้อำนาจฝ่ายบริหารลดหย่อนโทษบุคคล  330 รายภายในหนึ่งวันเมื่อปี 2017 ก่อนที่เขาจะลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัวเลขดังกล่าวคืดสถิติเดิมก่อนไบเดนประกาศการตัดสินใจของเขาในวันพฤหัสบดี

ไบเดนกล่าวในเเถลงการณ์ว่า “ประเทศสหรัฐฯ ถูกสร้างขึ้นบนสัญญาของความเป็นไปได้พร้อมทั้งการให้โอกาสครั้งที่สอง… ในฐานะประธานาธิบดี ผมมีสิทธิ์พิเศษอันยิ่งใหญ่ ในการให้ความเมตตาต่อคนที่สำนึกผิดพร้อมทั้งปรับตัว เพื่อการฟื้นฟูโอกาสให้กับชาวอเมริกัน ที่จะใช้ชีวิตเเต่ละวันเพื่อทำประโยชน์ในกับชุมชน”

เขาบอกว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นการดำเนินการเพื่อลดช่องว่างของความรุนเเรงจากโทษจำคุกที่มีต่ออาชญากรรมที่ไม่ใช้ความรุนเเรงพร้อมทั้งผู้กระทำผิดเรื่องสารเสพติดด้วย

เมื่อต้นเดือนธันวาคม ไบเดน ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งในเดือนหน้า ประกาศอภัยโทษบุตรชาย ฮันเตอร์​ ไบเดน ที่กำลังเผชิญการพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการซื้ออาวุธปืนเมื่อปี 2018 พร้อมทั้งคดีจ่ายภาษีไม่ทันตามกำหนดมูลค่า 1.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเขายอมรับสารภาพไปแล้ว

ก่อนหน้านี้ ไบเดน เคยรับปากว่าจะไม่อภัยโทษให้กับบุตรชายของตน แต่ในคำแถลงในเวลาต่อมา ไบเดนบอกว่าการตัดสินใจให้อภัยโทษครั้งนี้คือการตอบโต้ต่อการดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรมพร้อมทั้งเลือกปฏิบัติ

ที่มา: เอพี

สถานศึกษาสหรัฐฯ-หน่วยงานไทยขยับ รับมือช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ‘ทรัมป์’

การกวดขันคนเข้าเมืองในยุครัฐบาล ‘ทรัมป์’ สมัยแรก เป็นสิ่งที่ชาวต่างชาติพร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างตื่นตัวว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่ในรัฐบาลใหม่ ที่อีกเพียงหนึ่งเดือนก็จะขึ้นสู่ตำแหน่ง

หนึ่งในคำสั่งฝ่ายบริหารที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2017 คือคำสั่งระงับการเดินทางเข้าสหรัฐฯ จากกลุ่มประเทศมุสลิมเจ็ดประเทศ ก่อนที่ต่อมาก็ขยายคำสั่งครอบคลุมไปยังอีกหลายประเทศ

กลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้ตรง ๆ คือ กลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่อยู่ระหว่างที่เรียนการสอนในสถานศึกษาของสหรัฐฯ ที่เดินทางออกนอกประเทศพร้อมทั้งประสบปัญหาในการเดินทางกลับเข้าประเทศ ไม่สามารถกลับเข้าไปศึกษาต่อได้อย่างน้อยหลายร้อยคนตั้งแต่ช่วงแรกของการประกาศบังคับใช้

ในจังหวะเวลาที่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งพร้อมทั้งจะหวนคืนสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง สถานศึกษาหลายแห่งในสหรัฐฯ ส่งคำแนะนำถึงนักศึกษา เพื่อให้เตรียมตัวล่วงหน้า

เฉิน (นามสมมติ) นักศึกษาชาวจีน จากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน อ่านจดหมายที่ได้รับจากสำนักงานนักศึกษานานาชาติของมหาวิทยาลัย ที่แนะนำให้นักศึกษาเดินทางกลับมายังสหรัฐฯ ก่อนวันปฏิญานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2025

จดหมายดังกล่าวพบว่านี่เป็นเพียงหนึ่งในคำแนะนำหลายอย่างเพื่อเลี่ยงเหตุไม่คาดฝันด้านการเดินทางเข้าประเทศ สืบเนื่องจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นจากคำสั่งในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก พร้อมทั้งย้ำว่า “นี่ไม่ใช่เงื่อนไขหรือข้อบังคับจากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน (พร้อมทั้ง) ไม่ได้อ้างอิงกับนโยบายหรือคำแนะนำใด ๆ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ในปัจจุบัน”

การควบคุมการเข้า-ออกของคนต่างชาติเป็นหนึ่งในนโยบายที่ทรัมป์ใช้หาเสียงอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการจัดการกับผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 เคยประกาศว่าจะรื้อฟื้นคำสั่งห้ามเดินทางต่อชาติมุสลิมขึ้นมาอีกครั้งเช่นกัน

ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ พร้อมทั้งจีน พร้อมทั้งท่าทีแข็งกร้าวที่ทรัมป์มีต่อรัฐบาลปักกิ่ง ทำให้นักศึกษาชาวจีนคนนี้กังวลว่า คนเชื้อสายจีนในสหรัฐฯ รวมถึงตัวเขาอาจได้รับผลกระทบไปด้วย

เฉิน ให้สัมภาษณ์โดยขอไม่เปิดเผยชื่อพร้อมทั้งใบหน้า ด้วยเหตุผลในความกังวลเกี่ยวกับการพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ พร้อมทั้งจีน ที่อาจส่งผลกระทบต่อสถานะ การอยู่อาศัย พร้อมทั้งสวัสดิภาพของตัวเองในอนาคต

“ข้อกังวลที่ใหญ่ที่สุดของผมก็คือ มันมีคำพูดที่ว่า เวลาเทพเจ้าสู้กัน คนที่เดือดร้อนคือเหล่าไพร่ฟ้า พร้อมทั้งเราในตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าทรัมป์ หรือประธานาธิบดีของเรา สี จิ้นผิง ต้องการจะทำอะไร พร้อมทั้งหากสถานการณ์ไม่ดี เราอาจเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับผลกระทบ”

มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ อีกหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยคอร์แนล มหาวิทยาลัยเวสเลียน หรือมหาวิทยาลัยแห่งแมสซาชูเซตส์ มีคำแนะนำลักษณะนี้เช่นกัน ทำให้สำนักงานผู้ดูแลนักเรียนไทยในสหรัฐฯ หรือ สนร. ส่งข้อแนะนำดังกล่าวไปยังนักเรียนในสังกัดเกือบจะทันที

ปจิตา ดิศกุล ณ อยุธยา อัครราชทูต ฝ่ายการศึกษา สถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงวอชิงตัน พบว่า หน่วยงานของไทย ทั้งทาง สนร. พร้อมทั้งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) ได้แจ้งข้อมูลต่อนักเรียนทุนรัฐบาลที่มีอยู่ราว 650 คนทั่วสหรัฐฯ แล้ว

“เราก็จะมีนโยบายเชิงป้องกัน เบื้องต้นเราก็เตือนให้ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด อย่าให้ผิดระเบียบข้อบังคับอะไรของสหรัฐฯ แต่ส่วนใหญ่นักเรียนทุนก็ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเราก็เข้าออกประเทศอย่างถูกต้อง”

ทางด้านสิรภพ พิชิตการณ์ นักศึกษาทุนกระทรวงการต่างประเทศของไทย จากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน พบว่าได้รับแจ้งจากทั้งสำนักงานผู้ดูแลนักเรียนในสหรัฐฯ พร้อมทั้งจากสถานศึกษา

สิรภพ หวังว่า รัฐบาลทรัมป์จะไม่เพิ่มมาตรการตรวจการเดินทางเข้าประเทศให้เข้มงวดมากขึ้น พร้อมทั้งไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์การเลือกปฏิบัติ ภายใต้ปัญหาสังคมที่แบ่งขั้วข้างทางความคิดมากขึ้น

“ที่ผมกังวลก็คือประเทศเป็นไบโพลาร์ (แบ่งเป็นสองขั้วข้าง) มากขึ้น ผมกลัวว่าจะมีกระแสเกลียดคนอเชียขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวไม่ได้มีประสบการณ์ แต่ก็กังวล เพราะโลกทุกวันนี้ก็ค่อนข้างไปเร็ว ไหนจะมีข่าวปลอมต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ก็อาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมกังวลในรัฐบาลทรัมป์”

เฉินหวังว่าในระยะเวลาสี่ปีข้างหน้า ความสัมพันธ์ทางการค้าพร้อมทั้งการทูตระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะดีขึ้น พร้อมทั้งหวังว่าทรัมป์จะไม่มองการมีนักศึกษาจีนในสหรัฐฯ เป็นภัยคุกคามของประเทศ

เฉินบอกว่า “จีนพร้อมทั้งสหรัฐฯ ผ่านขาขึ้นพร้อมทั้งขาลงมาแล้ว…พวกเราผ่านอะไรกันมาเยอะ ท้ายที่สุด ในฐานะคนธรรมดาจริง ๆ เราหวังว่าพวกเราจะสามารถใช้ชีวิตที่ดีได้”

ในปีการศึกษา 2023-2024 จำนวนนักศึกษาต่างชาติที่อยู่ในสหรัฐฯ มีจำนวนมากกว่า 1.1 ล้านคน ถือว่าเพิ่มขึ้นจากภาคเรียนที่แล้ว 7% พร้อมทั้งในจำนวนนี้เป็นนักศึกษาใหม่ที่เพิ่งเคยมาเรียนที่นี่ราว 290,000 คน ถือว่ามากเทียบเท่ากับช่วงเวลาก่อนไวรัสโคโรน่า-19 ระบาด อ้างอิงจากรายงานประจำปีของสถาบันการศึกษานานาชาติ (IEE) ที่เก็บข้อมูลจำนวนนักศึกษาในสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 1919

ถ้าหากว่าที่ผ่านมา ว่าที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ไม่ได้กล่าวถึงมาตรการควบคุมนักศึกษาต่างชาติเป็นการเฉพาะ ทั้งในช่วงการหาเสียงพร้อมทั้งหลังชนะเลือกตั้ง แต่กลับเน้นย้ำว่าต้องการจะมอบสถานะผู้พำนักถาวร หรือกรีนการ์ด ให้กับนักศึกษาที่จบการศึกษาในสหรัฐฯ เพื่อให้คนเหล่านี้ทำงานอยู่ในสหรัฐฯ

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก: IEE, All-in Podcast, Higher Eds Insider, Dallas News