“ทานตะวัน” บานสะพรั่งเหลืองอร่ามเต็มทุ่งที่ลพบุรี รับฤดูกาลท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกทานตะวัน หลายพื้นที่ในเขตอำเภอเมืองลพบุรีพร้อมทั้งพัฒนานิคม บานสะพรั่งเหลืองอร่าม ความสูงท่วมศีรษะ ดอกใหญ่บานพร้อมกันสม่ำเสมอ

ญาติสงสัยการตาย “หนุ่มวัยเบญจเพส” จบชีวิตในทริปน้ำไม่อาบ

ญาติติดใจ สงสัยการตาย หนุ่มวัยเบญจเพส เกิดอุบัติเหตุจบชีวิต “ทริปน้ำไม่อาบ” ไม่คิดว่าจะมาจบชีวิตเพราะสิ่งที่ตัวเองรัก

‘วิกเก็ด’ ข่ม ‘กลาดิเอเตอร์ 2’ แย่งซีนอันดับ 1 หนังทำเงินอเมริกาเหนือ

“Wicked” พร้อมทั้ง “Gladiator II” สองหนังฟอร์มยักษ์ที่ลงฉายในสุดสัปดาห์เดียวกัน กวาดรายได้ไปรวมกันถึง 170 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ พร้อมทั้ง 270 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก ถือเป็นหนึ่งในสุดสัปดาห์ที่ดีที่สุดในปีนี้สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในสหรัฐฯ 

หนังจินตนิยายแนวมิวสิคัลทุนสร้างสูง “Wicked” ที่ได้ อาริอะนา แกรนเด พร้อมทั้งซินเธีย เอริโว มารับบทนำ เปิดตัวด้วยรายได้ 114 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ พร้อมทั้ง 164 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก ถือเป็นหนังที่เปิดตัวสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของปีนี้ รองจาก “Deadpool & Wolverine” พร้อมทั้ง “Inside Out 2” นอกจากนี้ยังเป็นหนังที่ดีดแปลงจากละครบรอดเวย์ที่ทำเงินได้สูงสุดด้วย

ขณะที่ “Gladiator II” ของผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อตต์ ที่เป็นภาคต่อจากภาคแรกซึ่งออกฉายเมื่อปี 2000 ตามมาอันดับ 2 ดยเปิดตัวด้วยรายได้ 55.5 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ พร้อมทั้ง 50 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก

การเปิดตัวหนังฟอร์มยักษ์สองเรื่องพร้อมกันนี้ ทำให้นึกถึงปรากฏการณ์ “Barbenheimer” เมื่อปีที่แล้วซึ่งมีหนังดังสองเรื่องออกฉายสุดสัปดาห์เดียวกัน คือ  “Barbie” พร้อมทั้ง “Oppenheimer” โดยในครั้งนี้ ผู้คนในวงการภาพยนตร์เรียกหนังสองเรื่องรวมกันว่า “Glicked” แม้ว่าจะคาดหมายกันว่า “Wicked” พร้อมทั้ง “Gladiator II” อาจจะไม่สามารถทำเงินถล่มทลายได้เหมือน “Barbenheimer” ก็ตาม

อันดับ 3 – “Red One” ภารกิจกอบกู้คริสต์มาส ผลงานล่าสุดของ ‘เดอะ ร็อค’ ดเวน จอห์นสัน พร้อมทั้ง ‘กัปตันอเมริกา’ คริส เอฟวานส์ เก็บค่าของขวัญไปอีก 13.3 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่สอง รายได้รวม 117 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก จากการทุ่มทุนสร้างกว่า 200 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นหนังคว่ำต้อนรับเทศกาลปลายปีในอเมริกาไปแล้ว

อันดับ 4 –  “Bonhoeffer: Pastor Spy Assassin” เก็บรายได้ไป 5 ล้านดอลลาร์

อันดับ 5 – “Venom: The Last Dance” หรือ เวน่อม มหาศึกอสูรอหังการ เติมเงินเข้ากระเป๋าอีก 4 ล้านดอลลาร์

อันดับภาพยนตร์ในตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ สุดสัปดาห์ 22-24 พ.ย. 2024

1. “Wicked,” $114 million.

2. “Gladiator II,” $55.5 million.

3. “Red One,” $13.3 million.

4. “Bonhoeffer: Pastor Spy Assassin,” $5.1 million.

5. “Venom: The Last Dance,” $4 million.

6. “The Best Christmas Pageant Ever,” $3.5 million.

7. “Heretic,” $2.2 million.

8. “The Wild Robot,” $2 million.

9. “Smile 2,” $1.1 million.

10. “A Real Pain,” $1.1 million.

ที่มา: เอพี

สหรัฐฯ จับตา ‘ขยะอวกาศ’ รอบโลก ด้วยเอไอ

ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอวกาศที่รุดหน้าอย่างต่อเนื่องหมายถึง โอกาสที่จะเกิดปริมาณขยะอวกาศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย พร้อมทั้งประเด็นนี้ก็ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความเสี่ยงสำหรับปฏิบัติการต่าง ๆ นอกโลกได้ ทำให้มีผู้คิดค้นหาทางช่วยป้องกันสถานการณ์อันไม่พึงประสงค์นี้แล้ว

บริษัทสตาร์ทอัพแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ หวังรับมือกับปัญหาขยะอวกาศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยระบบติดตามที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะช่วยแจ้งเตือนผู้ควบคุมให้หลีกเลี่ยงเหตุดาวเทียมปะทะกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเศษขยะบนอวกาศเพิ่มขึ้น

บริษัท ไพรเวทเทียร์ (Privateer) ที่ตั้งในรัฐฮาวายพร้อมทั้งก่อตั้งโดย สตีฟ วอซเนียก ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิล (Apple) ระบุถึงความสำคัญของการติดตาม บันทึก พร้อมทั้งเฝ้าจับตาขยะอวกาศจำนวนมหาศาลที่กำลังเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรอย่างต่อเนื่อง

 

เดแคลน ลินช์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ของบริษัท Privateer ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์ว่า “ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องสำคัญ พร้อมทั้งทวีความสำคัญมากขึ้น เมื่อเราส่งสินทรัพย์ไปยังอวกาศ (เช่นดาวเทียม พร้อมทั้งสถานีภาคพื้นดิน)”

แพลตฟอร์มติดตามวัตถุบนอวกาศของบริษัท Privateer ชื่อว่า “เวย์ไฟน์เดอร์” (Wayfinder) เป็นการผสานข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น ข้อมูลจากกองบัญชาการอวกาศสหรัฐอเมริกา (U.S. Space Command) รวมไปถึงข้อมูลจากผู้ให้บริการดาวเทียมรายอื่น ๆ พร้อมทั้งสามารถติดตามวัตถุในวงโคจรได้มากกว่า 35,000 ชิ้นแล้ว โดยจะนับเฉพาะวัตถุที่มีขนาดใหญ่กว่า 10 เซนติเมตรเท่านั้น ขณะที่ วัตถุที่มีขนาดเล็กกว่านั้นจะไม่สามารถติดตามได้จากพื้นโลกได้ ซึ่งหากจะประเมินนับรวมเศษซากในอวกาศที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 มิลลิเมตรดูแล้ว คาดว่าจะมีปริมาณถึงราว 100 ล้านชิ้น

การติดตามวัตถุจำนวนมหาศาล พร้อมคาดการณ์วิถีโคจรที่จะเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมงนั้น จำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากพร้อมทั้งต้องการคอมพิวเตอร์ที่ศักยภาพในการประมวลผลด้วย พร้อมทั้งลินช์ จากบริษัท Privateer เผยว่า “เราสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของ AI ทำสิ่งเหล่านี้ได้ ในเวลาเพียงเสี้ยวเดียว เมื่อเทียบกับ (การประมวลผล) ในอดีต ที่ทำโดยมนุษย์”

ทั้งนี้ เศษซากต่าง ๆ ในอวกาศนั้นโดยมากแล้วประกอบด้วยดาวเทียมที่หมดอายุ ส่วนประกอบของจรวดที่ใช้งานแล้วพร้อมทั้งชิ้นส่วนจากการแตกสลายรวมถึงการชนกัน โดยเศษซากเหล่านี้จะเคลื่อนที่โคจรรอบโลกด้วยความเร็ว 27,350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

เศษซากเหล่านี้ถือเป็นภัยคุกคามต่อสถานีอวกาศนานาชาติพร้อมทั้งดาวเทียมที่ปฏิบัติการอยู่ อย่างเช่น ดาวเทียมระบบสื่อสารซึ่งหลายดวงก็มีความสำคัญไม่น้อยสำหรับระบบล้ำสมัยต่าง ๆ บนพื้นโลก

ด้วยเหตุนี้ การตระหนักรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในอวกาศที่คล้าย ๆ กับการควบคุมการจราจรทางอากาศแต่เป็นระบบสำหรับดาวเทียมจึงมีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับผู้ดูแลควบคุมดาวเทียม ในช่วงที่ยังไม่มีข้อตกลงมาตรฐานสากลที่กำกับดูแลในเรื่องนี้

 

ลินช์ ประธานเจ้าหน้าที่ของบริษัท Privateer อธิบายว่า ประเด็นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นในอวกาศพร้อมทั้งกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่นั่น (Space Domain Awareness) ยังเป็นเรื่องที่รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ พยายามทำความเข้าใจอยู่ ขณะที่ ผู้ดำเนินงานพร้อมทั้งกิจการด้านอวกาศที่เดินหน้าส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรอยู่ก็ต้องหันมาดูแลกันเองไปก่อน

บริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้ตั้งเป้าที่จะเปิดให้ผู้ประกอบการดาวเทียม หน่วยงานอวกาศนานาชาติ พร้อมทั้งชุมชนวิทยาศาสตร์ทั่วโลก สามารถเข้าถึงข้อมูลการติดตามวัตถุที่โคจรบนอวกาศให้ได้ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงเจตนารมย์ของบริษัทที่เชื่อว่า “การแบ่งปันข้อมูล” เป็นองค์ประกอบสำคัญ ในการต่อสู้พร้อมทั้งรับมือกับปัญหาขยะบนอวกาศ

 

 

ที่มา: รอยเตอร์

 

ทหารยูเครนเผยรัสเซียยึดแคว้นเคิร์สกคืนได้แล้ว 40%

เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพยูเครนผู้หนึ่งเปิดเผยว่า ยูเครนสูญเสียการครอบครองพื้นที่แคว้นเคิร์สกราว 40% คืนให้แก่รัสเซียแล้ว หลังจากที่ยึดดินแดนดังกล่าวมาได้เมื่อเดือนสิงหาคมจากปฏิบัติการจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว ตามรายงานของรอยเตอร์

แหล่งข่าวดังกล่าวซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ บอกว่า รัสเซียได้ส่งกำลังทหารราว 59,000 คนไปยังแคว้นเคิร์สกเพื่อทำการชิงพื้นที่คืนจากยูเครน พร้อมทั้งว่า “ในจุดหนึ่งเราสามารถยึดครองพื้นที่ได้ราว 1,376 ตร.กม. แต่ขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวลดลงเมื่อกองทัพรัสเซียเพิ่มปฏิบัติการจู่โจมโต้กลับ พร้อมทั้งขณะนี้เราเหลือพื้นที่ราว 800 ตร.กม. ซึ่งเราจะรักษาให้ได้เท่าที่กำลังทหารจะเอื้ออำนวย” 

การสูญเสียแคว้นเคิร์สกเมื่อเดือนสิงหาคม ถือเป็นครั้งแรกที่กองทัพต่างชาติสามารถบุกยึดดินแดนในรัสเซียได้นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง 

การยึดแคว้นเคิร์สกของรัสเซียซึ่งมีพรมแดนติดกับยูเครน คือยุทธศาสตร์ของกรุงเคียฟที่มีเป้าหมายสกัดการรุกคืบของรัสเซียในแถบภาคตะวันออกพร้อมทั้งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ด้วยการทำให้รัสเซียต้องถอนทหารบางส่วนออไปจากพื้นที่ขจองยูเครนเพื่อนำไปป้องกันแคว้นเคิร์สก พร้อมทั้งยังเพิ่มอำนาจต่อรองของยูเครนในการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียด้วย

ถ้าหากว่า ปฏิบัติการนี้ได้ผลเพียงบางส่วน เพราะกองทัพรัสเซียยังคงเดินหน้ารุกเข้าไปในภาคตะวันออกของยูเครนอย่างต่อเนื่อง

ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี เชื่อว่า เป้าหมายหลักของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน คือการยึดครองแคว้นดอนบาสของยูเครนทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยเขตปกครองดอแนตส์ก พร้อมทั้งลูฮันส์ก รวมทั้งขับไล่ทหารยูเครนออกจากแคว้นเคิร์สก

เซเลนสกี บอกว่า “ปูตินต้องการบึดแคว้นเคิร์สกคืนให้ได้ก่อนวันที่ 20 มกราคม” เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัสเซียสามารถควบคุมสถานการณ์นี้ไว้ได้ โดยวันดังกล่าวคือวันเดียวกับที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะปฏิญาณตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ 

แหล่งข่าวเดียวกันนี้เผยด้วยว่า ขณะนี้เขตปกครองคูราโคฟของยูเครนกำลังถูกกองทัพรัสเซียคุกคามอย่างหนัก โดยทหารสามารถรุกกินแดนเข้ามาได้ราว 200-300 เมตรต่อวัน ด้วยการใช้รถหุ้มเกราะจู่โจมเปิดทางพร้อมทั้งมีระบบต่อต้านโดรนเป็นฝ่ายสนับสนุน

คูราโคฟถือเป็นประตูสำคัญสู่เมืองโพครอฟส์กซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งในเขตปกครองดอแนตส์ก 

ขณะนี้คาดว่ามีทหารรัสเซียรบอยู่ในยูคเรนราว 575,000 คน ดยทางการกรุงมอสโกมีแผนเพิ่มกำลังทหารเป็น 690,000 คน แต่ทางรอยเตอร์ยังไม่สามารถยืนยันตัวเลขนี้ได้ 

ด้านยูเครนซึ่งมีกำลังพลพร้อมทั้งอาวุธน้อยกว่า พยายามใช้วิธีทำลายเสน้ทางการขนส่งเสบียงของรัสเซียด้วยการจู่โจมโกดังอาวุธ สนามบิน พร้อมทั้งเป้าหมายทางทหารอื่น ๆ ของรัสเซีย

เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว กองทัพยูเครนได้รับข่าวดีเมื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ยืนยันว่าจะยินยอมให้ยูคเรนสามาราถใช้อาวุธจู่โจมพิสัยไกล ATACMS เพื่อจู่โจมลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียได้ เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียนำทหารเกาหลีเหนือเข้ามาร่วมในสงครามครั้งนี้

ยูเครนเริ่มการจู่โจมด้วยขีปนาวุธ ATACMS เข้าไปในรัสเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยขีปนาวุธลูกหนึ่งจู่โจมใส่โกดังอาวุธของรัสเซียที่อยู่ห่างออกไปราว 110 กม. 

พร้อมทั้งเมื่อวันพฤหัสบดี รัสเซียตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธพิสัยกลางรุ่นใหม่เข้าใส่เมืองดนิโปรของยูเครน ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงองค์การนาโต้ด้วย

ปัจจุบัน รัสเซียครอบครองพื้นที่ราว 1 ใน 5 ของยูเครนเอาไว้ได้ ดยปธน.ปูติน ต้องการให้กรุงเคียฟยุติการสมัครเข้าเป็นสมาชิกขององค์การนาโต้ พร้อมทั้งถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากเขตปกครอง 4 แห่งในยูเครนที่รัสเซียสามารถยึดครองไว้ได้ตั้งแต่ช่วงต้นของสงครามครั้งนี้ 

ที่มา: รอยเตอร์

ผู้นำเพนตากอนเผย ทหารเกาหลีเหนือเตรียมรบกับยูเครน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า สหรัฐฯ เชื่อว่าทหารเกาหลีเหนือนับหมื่นคนที่อยู่ในรัสเซีย กำลังจะเข้าร่วมต่อสู้กับยูเครนเร็ว ๆ นี้

รัฐมนตรีออสตินระบุกับผู้สื่อข่าวขณะเยือนประเทศฟิจิว่า มีทหารเกาหลีเหนือราว 10,000 คนซึ่งเชื่อว่าเดินทางเข้าไปฝึกที่รัสเซียตั้งแต่เดือนที่แล้ว ประจำการอยู่ในแคว้นเคิร์สกของรัสเซียไม่ไกลจากชายแดนยูเครน พร้อมทั้งกำลังจะถูกรวมอยู่ในการจัดทัพของรัสเซียเพื่อเข้าร่วมในสงครามกับยูเครน

รัฐมนตรีออสตินบอกว่า “จากสิ่งที่พวกเขา (ทหารเกาหลีเหนือ) ได้รับการฝึกฝน พร้อมทั้งแนวทางที่พวกเขาถูกผนวกเข้ากับการจัดทัพของรัสเซีย ทำให้เชื่อได้ว่าพวกเขาจะเข้าสู่สนามรบเร็ว ๆ นี้” พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมายังไม่มีรายงานว่าทหารเกาหลีเหนือร่วมในต่อสู้กับยูเครนแล้วแต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ พร้อมทั้งองค์กรวิจัยกลุ่มหนึ่ง กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า รัสเซียได้จัดหาน้ำมัน ขีปนาวุธ พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมแก่รัฐบาลกรุงเปียงยาง แลกกับการส่งทหารเกาหลีเหนือเข้าสู่การทำสงครามกับยูเครน

ทางด้านยูเครนเตือนว่า เวลานี้รัสเซียมีกำลังพลราว 50,000 คน รวมทั้งทหารเกาหลีเหนือ ในการบุกกดดันเพื่อขับไล่ทหารยูเครนออกจากดินแดนบางส่วนของรัสเซียที่ยูเครนยึดไว้ได้ก่อนหน้านี้ 

ทั้งนี้ ยูเครนอ้างว่าได้ยึดพื้นที่บางส่วนในแคว้นเคิร์สกของรัสเซียตั้งแต่เดือนสิงหาคม ระหว่างปฏิบัติการจู่โจมสายฟ้าแลบ แม้ว่ากำลังทหารของยูเครนจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกองทัพรัสเซียก็ตาม

ที่มา: เอเอฟพี

วิเคราะห์: เกาหลีเหนือช่วยรัสเซียรบ จุดวัดใจการทูตจีน

การส่งกำลังพลเกาหลีเหนือไปช่วยรัสเซียกำลังส่งผลกระทบไปยังจีนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งสองชาติ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าทำให้ท่าทีต่อสงครามในยูเครนของรัฐบาลปักกิ่งเผชิญปัจจัยที่ซับซ้อนขึ้น

สิ่งที่บ่งชี้ว่าจีนพัวพันในสมการความขัดแย้งนี้ มาจากการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ที่บราซิล พร้อมทั้งในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่เปรู ที่หลายชาติคู่ค้าของจีนร้องขอให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กดดันเกาหลีเหนือให้เลิกส่งกำลังไปช่วยรัสเซียรบกับยูเครน

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีจีนกล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับ ปธน.ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา แห่งบราซิล เรียกร้องให้มี “เสียงแห่งสันติภาพมากขึ้น” ในยูเครน พร้อมทั้งผลักดันฉันทามติหกข้อที่จีนพร้อมทั้งบราซิลเคยเสนอเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่มุ่งเน้นให้เกิดการเจรจาพร้อมทั้งหาข้อสรุปในทางการเมือง

เมื่อวันอังคาร นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โอลาฟ โชลต์ซ ได้บอกกล่าวกับสีในเวที G20 ว่าการร่วมรบของเกาหลีเหนือคือการยกระดับสงครามในยูเครน

ด้านประธานาธิบดียูน ซุก ยอล แห่งเกาหลีใต้ ร้องขอผู้นำจีนในเวทีเอเปค ให้มีบทบาท “อย่างสร้างสรรค์” ในเรื่องความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้นระหว่างรัฐบาลกรุงเปียงยางพร้อมทั้งกรุงมอสโก

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้บอกกล่าวกับสีในเวทีเอเปคว่า การร่วมสงครามของเกาหลีเหนือ ขัดกับจุดยืนของจีนที่ไม่ต้องการให้สงครามในยูเครนบานปลายขยายวง พร้อมทั้งจีนมีศักยภาพพร้อมทั้งอิทธิพลในการป้องกันไม่ให้สงครามดำเนินไปในทางนั้น อ้างอิงจากการแถลงข่าวของที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เจค ซัลลิแวน

นักวิเคราะห์มองว่าจีนกำลังเผชิญโจทย์ที่ท้าทาย ในการมีท่าทีต่อสงครามที่ซับซ้อนขึ้นไปพร้อม ๆ กับการคานอำนาจกับชาติตะวันตก

แพทริเซีย คิม ผู้ทำโครงการ Global China Project จากสถาบันบรูคกิง (Brooking Institute) ได้บอกกล่าวกับวีโอเอว่าจีนคงไม่สบายใจกับสัมพันธ์ทางทหารที่ลึกซึ้งขึ้นของรัสเซียพร้อมทั้งเกาหลีเหนือ แต่ก็ไม่สามารถโดดเดี่ยวทั้งสองชาติในขณะที่อาจต้องเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ มากขึ้นในรัฐบาลต่อไปที่จะนำโดยโดนัลด์ ทรัมป์

เธอบอกว่า “ตอนนี้ปูตินติดหนี้คิม (คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ) พร้อมทั้งนี่อาจไปส่งเสริมให้กรุงเปียงยางมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงมากขึ้นในประเทศตัวเอง ซึ่งอาจส่งผลกระทบกลับไปยังจีนได้”

ที่ผ่านมา จีนยังลังเลที่จะพูดคุยกับคิม จอง อึน กรณีการส่งกองกำลังพร้อมทั้งยุทธปัจจัยไปช่วยรัสเซีย

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครน กล่าวเมื่ออังคารที่ผ่านมาว่ากรุงเปียงยางอาจส่งทหารมาร่วมรบถึง 100,000 คน ในขณะที่สหรัฐฯ ประเมินว่าตอนนี้มีกำลังรบจากเกาหลีเหนืออยู่ในแคว้นเคิร์สก์แล้วราว 11,000 คน

บอนนี กเลเซอร์ ผู้อำนวยการโครงการอินโด-แปซิฟิก จากองค์กรคลังความคิด German Marshall Fund of the United States บอกว่า สี จิ้นผิง ไม่น่าจะเผชิญหน้ารัสเซียพร้อมทั้งเกาหลีเหนือในประเด็นนี้ พร้อมทั้งคงจะกังวลกับท่าทีของสหรัฐฯ ญี่ปุ่นพร้อมทั้งเกาหลีใต้ ที่จะกระทบกับผลประโยชน์ของจีนมากกว่า

ที่ผ่านมา จีนเองก็ถูกกล่าวหาว่าจัดส่งวัตถุดิบที่ทั้งพลเรือนพร้อมทั้งทหารใช้งานได้ (dual use goods) ไปให้รัสเซียผลิตอาวุธ พร้อมทั้งทางสหภาพยุโรปก็เคยเตือนจีน กรณีรายงานการผลิตโดรนจู่โจมของรัสเซียในเขตปกครองพิเศษซินเจียงของจีนเช่นกัน

หลิว เพ็งหยู โฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ได้บอกกล่าวกับวีโอเอเมื่อวันพุธว่าจุดยืนของจีนเกี่ยวกับยูเครนพร้อมทั้งคาบสมุทรเกาหลียังคง “เสมอต้นเสมอปลาย” พร้อมทั้งที่ผ่านมา รัฐบาลกรุงปักกิ่ง “พยายามเดินหน้าให้สถานการณ์บรรเทาลง” ในยูเครน

โจเซฟ เดอทรานี อดีตผู้แทนพิเศษในเวทีปลดอาวุธนิวเคลียร์หกฝ่ายปี 2003-2006 ที่มีจีนพร้อมทั้งเกาหลีเหนือร่วมโต๊ะด้วย บอกว่าจีนมีประสบการณ์ พร้อมทั้งทำได้ดีในการมีบทบาทที่คลุมเครือทางการทูต สะท้อนจากการสนับสนุนรัสเซียไปพร้อม ๆ กับเลี่ยงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ พร้อมทั้งสหภาพยุโรป

เขามองว่าผู้นำจีนจะไม่สนับสนุนการทำสงครามของรัสเซียอย่างเปิดเผย เพราะกังวลว่าจะเสียความน่าเชื่อถือในหมู่ประเทศกำลังพัฒนาที่สี จิ้นผิง พยายามสื่อสารว่าระบบการปกครองของจีนเหนือกว่าระบบเสรีประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯ

ริชาร์ด ไวซ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์การเมือง-การทหาร จากสถาบันฮัดสัน (Hudson Institute) บอกว่าจีนพร้อมทั้งรัสเซีย “มีจุดร่วมพื้นฐานในระดับโลกที่ต่อต้านระเบียบของสหรัฐฯ พร้อมทั้งชาติตะวันตก ดังนั้น พวกเขาจะไม่ให้ความเห็นต่างในประเด็นจำเพาะมาแทรกแซงขบวนแนวร่วมในระดับโลก”

หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวในการพบกับเซอร์เก ลาฟรอฟ รมต.ต่างประเทศของรัสเซียระหว่างประชุม G20 เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ว่ารัฐบาลปักกิ่งพร้อมร่วมมือกับรัสเซียอย่างใกล้ชิดภายใต้กรอบองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) อ้างอิงจากสื่อ TASS ของรัฐบาลรัสเซีย

ในวันต่อมา กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเน้นย้ำถึงความสำคัญของทั้งสองชาติ ในการเสริมสร้างนโยบายต่างประเทศในเวทีระดับโลก รวมถึงในเวทีองค์การสหประชาชาติ ในกลุ่มประเทศ BRICS พร้อมทั้ง G20

ที่มา: วีโอเอ

เตือนภัยสภาวะอากาศเลวร้ายทั่วอเมริกา สัปดาห์วันขอบคุณพระเจ้า

พยากรณ์อากาศทั่วสหรัฐฯ เตือนภัยสภาวะอากาศเลวร้ายปกคลุมหลายพื้นที่ในอเมริกาช่วงสัปดาห์วันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งอาจสร้างปัญหาให้กับการเดินทางในช่วงเทศกาลนี้ 

ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย มีรายงานผู้จบชีวิตหนึ่งรายในรถยนต์ที่จมน้ำหลังเกิดน้ำท่วมเมื่อวันเสาร์ ขณะที่ประชาชนหลายพันครอบครัวยังคงเผชิญกับไฟฟ้าดับต่อเนื่องหลายวัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้จบชีวิตสองคนจากเหตุการณ์พายุ “บอมบ์ไซโคลน” พัดถล่มทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ทำให้ประชาชนหลายแสนคนไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนใหญ่อยู่ในแถบนครซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน พร้อมทั้งมีบ้านเรือนรวมทั้งรถยนต์เสียหายจำนวนมาก

ที่รัฐวอชิงตัน ประชาชนมากกว่า 185,000 คน ไม่มีไฟฟ้าใช้มาตั้งแต่วันอังคาร สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่กำลังนำเสาไฟฟ้า ต้นไม้พร้อมทั้งเศษซากปรักหักพังออกจากพื้นถนน พร้อมทั้งคาดว่าไฟฟ้าจะไม่ทำงานไปจนถึงวันเสาร์

เมืองซานตาโรซา รัฐแคลิฟอร์เนีย เผชิญฝนตกหนักสามวันติดต่อกัน ปริมาณน้ำฝนสูงถึง 32 ซม. เมื่อวันศุกร์ ขณะที่มีรายงานไร่องุ่นเสียหายจำนวนมาก

พายุรุนแรงที่ขึ้นฝั่งสหรัฐฯ ครั้งนี้ เป็นปรากฏการณ์ที่นักอุตุนิยมวิทยาเรียกว่าบอมโบเจเนซิส (bombogenesis) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่า บอมบ์ไซโคลน หมายถึงภาวะที่ความรุนแรงของพายุไซโคลนเพิ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว

สำนักงานภูมิอากาศแห่งชาติในรัฐแคลิฟอร์เนีย เตือนภัยพายุฤดูหนาวในแถบเทือกเขาเซียร์ราเนวาดาในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าจะมีหิมะตกหนักในแถบภูเขา บางพื้นที่อาจมีหิมะสูงราว 1.2 เมตร 

ส่วนแถบภาคกลางพร้อมทั้งภาคเหนืออาจมีฝนตกหนักพร้อมทั้งหิมะในวันจันทร์ ส่วนภาคตะวันออกอาจเผชิญกับพายุหิมะในวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันขอบคุณพระเจ้า พร้อมทั้งวันศุกร์ นครนิวยอร์กพร้อมทั้งนครบอสตันอาจเผชิญกัยฝนตก ลมพัดแรงพร้อมทั้งหิมะ 

พยากรณ์อากาศคาดว่าจะมีหิมะตกหนักทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐเพนซิลเวเนีย พื้นที่แถบหุบเขาอาจมีหิมะสูงถึง 43 ซม.

ที่มา: เอพี

 

‘ทรัมป์’ เสนอชื่อรัฐมนตรีคลัง-เกษตร-แรงงาน-การเคหะ

ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ บรูค โรลลินส์ ซีอีโอสถาบัน America First Policy Institute เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรคนใหม่

หากผ่านการรับรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ โรลลินส์จะทำหน้าที่ดูแลกระทรวงที่มีเจ้าหน้าที่ 100,000 คนพร้อมทั้งมีสำนักงานอยู่ในทุกเขตปกครองทั่วประเทศ พร้อมทั้งบริหารงบประมาณราว 437 ล้านดอลลาร์ 

กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ดูแลโครงการด้านการเกษตรพร้อมทั้งอาหารต่าง ๆ ตรวจสอบความปลอดภัยทางอาหาร พัฒนาที่ดินเพื่อการเกษตร ตลอดจนการวิจัยในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอาหารพร้อมทั้งสินค้าการเกษตร เป็นต้น

กระทรวงการคลัง

เมื่อคืนวันศุกร์ โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ สก็อตต์ เบสเซนต์ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่

เบสเซนต์ มหาเศรษฐีวัย 62 ปี เป็นผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Key Square Capital Management พร้อมทั้งเคยทำงานให้กับกองทุนการเงิน Soros Fund Management เขาเคยสนับสนุนพรรคเดโมแครตก่อนที่จะเปลี่ยนมาสนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขัน

คาดว่าเบสเซนต์จะใช้นโยบายควบคุมงบประมาณทางการเงินอย่างเข้มงวดพร้อมทั้งจะมุ่งเน้นการลดยอดขาดดุลปบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ รวมทั้งขยายนโยบายการลดภาษีรายได้ พร้อมทั้งเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะสินค้าจากจีน

หากผ่านการรับรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ เขาจะเป็นรัฐมนตรีคลังคนแรกที่เปิดเผยว่าตนเองเป็นเกย์ โดยทรัมป์บอกว่า สก็อตต์คือนักลงทุนระดับแนวหน้าของโลก พร้อมทั้งยังเป็นนักวางแผนด้านเศรษฐกิจพร้อมทั้งภูมิศาสตร์การเมืองโลกตัวยง

สำนักงบประมาณ กระทรวงแรงงาน พร้อมทั้งการเคหะ

เมื่อคืนวันศุกร์ ทรัมป์ยังได้เสนอชื่อ รัสเซลล์ เธอร์โลว์ วอจต์ เป็นผู้อำนวยการสำนักงานบริหารพร้อมทั้งงบประมาณ (Office of Management and Budget) ซึ่งเขาเคยดำรงตำแหน่งเดียวกันนี้มาแล้วในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก พร้อมทั้งยังมีส่วนร่วมในการจัดทำนโยบายของฝ่ายอนุรักษ์นิยมสำหรับรัฐบาลทรัมป์สมัยที่สอง หรือที่เรียกกันว่า Project 2025

ในวันเดียวกัน ทรัมป์ยังเสนอชื่อ ลอรี ชาเวซ-เดอเรมเมอร์ สมาชิกรัฐสภารัฐโอเรกอน ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รวมทั้งเลือก สก็อตต์ เทอร์เนอร์ ให้นั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเคหะ โดยเทอร์เนอร์เคยอยู่ในคณะทำงานทำเนียขาวในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรกเช่นกัน

ในส่วนของความมั่นคง ทรัมป์ประกาศชื่อ อเล็กซ์ หว่อง อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ให้เป็นรองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยทรัมป์บอกว่า หว่องซึ่งเคยทำงานเป็นรองผู้แทนพิเศษด้านเกาหลีเหนือในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก คือผู้มีบทบาทสำคัญในการเจรจาให้เกิดการประชุมสุดยอดระหว่างตนกับผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน มาเแล้ว

พร้อมทั้งเมื่อวันพฤหัสบดี ทรัมป์บอกว่า ตนจะเสนอชื่อ แพม บอนดี อัยการสูงสุดของรัฐฟลอริดา ให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมคนใหม่ แทนอดีต ส.ส.พรรครีพับลิกัน แมตต์ เกตซ์ ที่ประกาศถอนตัวจากการพิจารณาท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดทางเพศพร้อมทั้งการใช้ยาเสพติด

แพม บอนดี อัยการหญิงวัย 59 ปี เคยเป็นหนึ่งในทีมทนายความของทรัมป์ที่ช่วยปกป้องเขาระหว่างที่ถูกพิจารณาถอดถอนขณะดำรงตำแหน่งสมัยแรก พร้อมทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องให้คว่ำผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2020 ที่ทรัมป์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ด้วย

ถ้าหากว่า คาดว่าผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์หลายคนจะต้องเผชิญการไต่สวนอย่างเข้มข้นในวุฒิสภาสหรัฐฯ ก่อนที่จะผ่านการรับรองให้ดำรงตำแหน่ง รวมทั้ง พีท เฮกเซ็ธ ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ที่มีข่าวอื้อฉาวเรื่องการละเมิดทางเพศ พร้อมทั้ง โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ต่อต้านวัคซีน ซึ่งได้รับเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขพร้อมทั้งบริการประชาชนคนใหม่ด้วย

ข้อมูลบางส่วนจากเอพีพร้อมทั้งรอยเตอร์