admin
MIT ประกาศ รายได้ต่อปีต่ำกว่า 1 แสนดอลลาร์ เรียนฟรี!
MIT พบว่าผู้ได้รับทุนการศึกษา จะยังต้องจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ตกเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 5,400 ดอลลาร์ (ราว 187,000 บาท) ซึ่งนักศึกษาสามารถหามาใช้ได้ผ่านการทำงานหรือกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา
ในปีการศึกษาเดียวกัน ครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่าปีละ 200,000 ดอลลาร์ จะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเล่าเรียน (tuition fee) ด้วย ตามการประกาศในเว็บไซต์สถานศึกษา
ต้นทุนค่าเล่าเรียนใน MIT ประจำปีการศึกษา 2024-2025 รวมแล้วอยู่ที่ 85,960 ดอลลาร์ หรือเกือบ 3 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นค่าธรรมเนียมการศึกษา ถึง 72% ตามมาด้วยค่าที่อยู่อาศัยพร้อมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ซึ่งอาจสูงได้ถึง 24,000 ดอลลาร์
ความเคลื่อนไหวล่าสุดถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการสนับสนุนนักศึกษาภายใต้หลักการไม่นำเรื่องเงินมาเป็นปัจจัยคำนึงการรับเข้าเรียน พร้อมทั้งพร้อมช่วยเหลือผู้เรียนเท่าที่มีความจำเป็น (need blind and full need) ซึ่งมีสถานอุดมศึกษาในสหรัฐฯ เพียงเก้าแห่งที่ยึดหลักการนี้ อ้างอิงตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของ MIT
ที่ผ่านมา สถาบันเทคโนโลยีแห่งนี้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่นักศึกษามาเป็นเวลาหลายสิบปี โดยในปีการศึกษาปัจจุบันได้มอบทุนการศึกษาไปแล้ว 167 ล้านดอลลาร์ เพิ่มจากปีการศึกษาที่แล้วที่จ่ายไปราว 158 ล้านดอลลาร์
MIT News ซึ่งเป็นสื่อในมหาวิทยาลัย พบว่าเกณฑ์ทุนการศึกษาใหม่นี้ครอบคลุมคอรบครัวสหรัฐฯ 80% ที่มีรายได้ต่อปีต่ำกว่า 200,000 ดอลลาร์ พร้อมทั้งอีก 50% ที่มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์
ทั้งนี้ MIT พบว่า กลุ่มครอบครัวที่เข้าเกณฑ์รายได้นี้ จะต้องมีสินทรัพย์ในระดับที่ปกติด้วย
สำนักข่าว CBS รายงานว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่อยู่ใกล้เคียงก็มีเกณฑ์ช่วยเหลือทางการเงินเช่นกัน โดยให้ครอบครัวที่มีรายได้ระหว่าง 85,000-150,000 ดอลลาร์ จ่ายค่าเล่าเรียนในสัดส่วน 0-10% ของรายได้ พร้อมทั้งมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่างกันไปสำหรับผู้มีรายได้มากกว่านั้น
เมื่อเดือนที่แล้ว มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ บอสตัน (UMass Boston) ก็ประกาศไม่เก็บค่าเทอมกับครอบครัวผู้อาศัยในรัฐแมสซาชูเซตส์ที่มีรายได้ต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์ต่อปี พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาครึ่งหนึ่งของค่าเทอมให้กับครอบครัวที่รายได้ไม่เกินปีละ 200,000 ดอลลาร์
ที่มา: CBS News, MIT News, MIT
จัดใหญ่! เมืองในรัฐจอร์เจียเตรียมฉลอง 2025 ด้วยการระเบิดตึก
เขตปกครองมาคอน-บิบบ์ ในรัฐจอร์เจียทางใต้ของสหรัฐฯ มีแผนระเบิดโรงแรมร้าง 16 ชั้นเมื่อนาฬิกาขยับเข็มมาที่เที่ยงคืนของค่ำวันที่ 31 ธันวาคมนี้
เมื่อปีที่เเล้วรัฐบาลท้องถิ่นของที่นี่ ซื้อโรงเเรม ‘รามาดา พลาซ่า’ แห่งนี้ ที่ถูกปล่อยร้างมาราว ๆ 7 ปี ไปที่ราคา 4 ล้าน 5 แสนดอลลาร์ หรือกว่า 155 ล้านบาท ระหว่างกระบวนการล้มละลายของกิจการดังกล่าว
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาทางการตกลงที่จะจ้างบริษัทมาทำลายตึกของโรงเเรมร้างด้วยเงินที่อาจสูงถึง 2 ล้าน 6 แสนดอลลาร์ ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น
นายกเทศมนตรีของเมืองมาคอน เลสเตอร์ มิลเลอร์บอกกับสถานีโทรทัศน์ WMAZ-TV “เราซื้ออสังหาริมทรัพย์นี้มาเพื่อระเบิดมัน”
โรงเเรมรามาดา พลาซ่า เริ่มเปิดกิจการเมื่อปี 1970 พร้อมทั้งเป็นที่เเวะเวียนมาพักของคนดังอย่างเช่น ราชาร็อคเเอนด์โรล เอลวิส เพรสลีย์
แต่กิจการก็ไม่เคยเฟื่องฟู พร้อมทั้งถูกยึดโดยหน่วยงานของรัฐนิวยอร์กเมื่อปี 1991 เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่พัวพันกับการฟอกเงินที่โยงใยกับธนาคาร Bank of Credit and Commerce International
สถาบันการเงินดังกล่าวถูกกล่าวหาช่วยอดีตผู้นำอิรัคซัดดัม ฮุสเซน ปิดบังอำพรางกำไรจากการค้านำ้มัน
นายกเทศมนตรีมิลเลอร์ บอกว่าเทศบาลเมืองยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะนำที่ดินไปทำอะไรหลังจากที่ระเบิดทำลายตัวอาคาร
คนในชุมชนบางรายกังวลว่าการระเบิดจะกระทบต่อโบสถ์เก่าแก่ Christ Episcopal Church อายุ 173 ปี ที่อยู่ห่างไป 2 ช่วงถนน
ด้านมิลเลอร์ บอกว่าเจ้าของบ้านเรือนพร้อมทั้งอาคารใกล้ ๆ จะได้รับการติดต่อเพื่อหารืออีกไม่กี่สัปดาห์จากนี้ เพราะทางการจะช่วยป้องกันพวกเขาจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
ที่มา: เอพี
อาวุธใหม่ ยุทธศาสตร์เดิม: วิเคราะห์รัสเซียยิงขีปนาวุธรุ่นใหม่ใส่ยูเครน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เมืองดนิโปรของยูเครน เป็นพื้นที่เป้าหมายของขีปนาวุธพิสัยกลาง ‘โอเรชนิค’ ของรัสเซีย ซึ่งเป็นอาวุธรุ่นใหม่ที่รวดเร็ว ทรงพลัง พร้อมทั้งสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกการจู่โจมดังบอกว่าเป็น “การผจญภัยด้านนิวเคลียร์” ถือเป็นสัญญาณการยกระดับของสงครามที่กำลังเข้าขวบปีที่สาม พร้อมทั้งบ่งชี้ว่าปูติน “กำลังใช้ยูเครนเป็นพื้นที่ทดลองอาวุธที่คุกคามโลก”
คำกล่าวของเซเลนสกีสะท้อนถึงความกังวลของกรุงเคียฟต่อความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะใช้ระบบอาวุธที่ทันสมัยจู่โจมเป้าหมายพลเรือน
ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน บอกว่า “สหพันธรัฐรัสเซียได้ทดลองขีปนาวุธพิสัยกลางที่รู้จักกันในชื่อโอเรชนิคระหว่างปฏิบัติการในยูเครน”
รองโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซาบรินา ซิงห์ บอกว่าสหรัฐฯ ได้รับการแจ้งเตือนก่อนมีการยิงขีปนาวุธดังกล่าวผ่านช่องทางสื่อสาร Nuclear Risk Reduction channels ซึ่งเป็นช่องทางสื่อสารกับรัฐบาลต่างชาติ เพื่อลดความเสี่ยงในการใช้อาวุธนิวเคลียร์
วาเลรีย์ เชลี อดีตเอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐฯ ได้บอกกล่าวกับวีโอเอว่าการใช้ขีปนาวุธครั้งล่าสุดนี้ถือเป็นความท้าทายที่ทั้งยูเครนพร้อมทั้งชาติพันธมิตรตะวันตกต้องเผชิญ
เขาบอกว่าการตอบโต้การจู่โจมนี้จะต้องชัดเจน เด็ดขาด พร้อมทั้งเป็นหนึ่งเดียว ที่จะไม่ไปหนุนเสริมความมั่นใจของรัสเซีย พร้อมทั้งบั่นทอนความมั่นคงปลอดภัยของโลก
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ เรียกการจู่โจมของรัสเซียว่า “บ้าบิ่นพร้อมทั้งอันตราย” ส่วนปีเตอร์ สตาโน โฆษกสหภาพยุโรปด้านกิจการระหว่างประเทศ มองว่ารัสเซียยกระดับยุทธวิธีขึ้น สืบเนื่องจากการใช้ขีปนาวุธครั้งนี้
ความกำกวมทางยุทธศาสตร์
ชาวเมืองดนิโปรที่มีความคุ้นเคยกับสัญญาณเตือนภัยทางอากาศ พร้อมทั้งถูกจู่โจมด้วยขีปนาวุธ พบว่าการถูกยิงด้วยโอเรชนิคให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากการจู่โจมครั้งก่อน ๆ
โอเลคซีย์ โปลโตราซกี ชาวเมืองดนิโปร บอกว่าขีปนาวุธนี้ตกถึงเป้าหมายแทบจะทันทีที่เสียงไซเรนเตือนภัยหยุดลง
จอร์จ บาร์รอส ผู้เชี่ยวชาญด้านรัสเซียจากสถาบันการศึกษาสงคราม ได้บอกกล่าวกับวีโอเอว่า “เรื่องหลักก็คือการไม่ตื่นตระหนก ไม่มีเหตุผลที่จะคิดว่าแนวโน้มที่ปูตินจะใช้อาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธทำลายล้างสูง จะมีมากไปกว่าช่วงอื่น ๆ ในสงครามนี้”
เขาบอกว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัสเซียใช้ระบบอาวุธที่สามารถปรับใช้ในด้านนิวเคลียร์ได้กับยูเครน” พร้อมทั้งมองว่าการใช้โอเรชนิคคือการส่งสัญญาณไปยังชาติตะวันตก เพื่อป้องปรามการสนับนนุนยูเครน
ถ้าหากว่า นอกเหนือไปจากการยืนยันการใช้ขีปนาวุธจากปากของปูติน ข้อมูลจากแหล่งข่าวอื่น ๆ เช่นโฆษกรัฐบาลเครมลิน ดิมิทรี เพสคอฟ หรือรัฐมนตรีต่างประเทศ มาเรีย ซาคาโรวา ก็มีอยู่อย่างจำกัด พร้อมทั้งมีการรายงานด้วยว่าซาคาโรวาถูกกำชับว่าไม่ให้พูดถึงการจู่โจมเมื่อวันพฤหัสบดีในการแถลงข่าว
ด้วยข้อมูลที่มีจำกัดเช่นนี้ ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่ารัสเซียกำลังใช้ความกำกวมเป็นหนึ่งในเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อหวังให้ชาติตะวันตกเกิดความไม่แน่ใจว่ารัสเซียจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป
ที่มา: วีโอเอ
พิษพายุถล่มสหรัฐฯ ดับแล้วสอง นับแสนไร้ไฟฟ้าใช้ตั้งแต่อังคาร
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติพบว่าพื้นที่ตะวันออกของรัฐวอชิงตัน โอเรกอนพร้อมทั้งไอดาโฮเผชิญกับหิมะที่ตกหนัก ในขณะที่ทางใต้ของโอเรกอนพร้อมทั้งตอนเหนือของแคลิฟอร์เนียมีฝนปานกลางในช่วงเช้าวันศุกร์
ที่รัฐวอชิงตัน ประชาชนมากกว่า 185,000 คน ส่วนมากอยู่ในพื้นที่นครซีแอตเติล ไม่มีไฟฟ้าใช้มาตั้งแต่วันอังคาร สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่กำลังนำเสาไฟฟ้า ต้นไม้พร้อมทั้งเศษซากปรักหักพังออกจากพื้นถนน พร้อมทั้งคาดว่าไฟฟ้าจะไม่ทำงานไปจนถึงวันเสาร์
ในเวลาเดียวกัน รัฐนิวเจอร์ซีย์พร้อมทั้งนิวยอร์กที่อยู่ฝั่งตะวันออกของประเทศ รอคอยฝนจากพายุด้วยความหวังว่าจะมาช่วยยับยั้งพร้อมทั้งบรรเทาสถานการณ์ไฟป่าที่ดำเนินอยู่พร้อมทั้งมีความเสี่ยงที่จะเกิดไปจนถึงสิ้นปี
ไบรอัน กรีนแบลตต์ นักอุตุนิยมวิทยาจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ รัฐนิวยอร์ก กล่าวด้วยว่าน้ำฝนพร้อมทั้งหิมะจะช่วยบรรเทาภาวะแห้งแล้งที่รุนแรงเป็นพิเศษในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้
รัฐเพนซิลเวเนียที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ รายงานว่ามีหิมะตกอย่างหนักจนต้องปิดโรงเรียนหลายแห่ง พร้อมทั้งมีประชาชนมากกว่า 100,000 คนไม่มีไฟฟ้าใช้
พายุรุนแรงที่ขึ้นฝั่งสหรัฐฯ ครั้งนี้ เป็นปรากฏการณ์ที่นักอุตุนิยมวิทยาเรียกว่าบอมโบเจเนซิส (bombogenesis) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่า บอมบ์ไซโคลน หมายถึงภาวะที่ความรุนแรงของพายุไซโคลนเพิ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
ที่รัฐวอชิงตันมีผู้จบชีวิตอย่างน้อยสองคนจากพายุลูกนี้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่เมืองอิซซาควาห์ในรัฐแห่งนี้ บอกว่าอยู่ในพื้นที่มาตั้งแต่กลางทศวรรษ 1980 แต่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
เจ้าหน้าที่ด้านสภาวะอากาศบอกว่ายังมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันพร้อมทั้งหินถล่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ภูเขาที่ได้รับความเสียหายจากไฟป่า
ทางหลวงระหว่างรัฐหมายเลข 5 ที่รัฐแคลิฟอร์เนียถูกจำกัดจำนวนผู้ใช้ถนนสืบเนื่องจากหิมะตก นอกจากนั้นยังมีการยกเลิกเที่ยวบินกว่า 50 เที่ยว พร้อมทั้งเลื่อนการเดินทางอีกมากกว่า 200 เที่ยวในท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโก อ้างอิงจากบริการตรวจสอบการบินไฟลท์อแวร์
ที่มา: เอพี
‘เพื่อนหญิงต่างความสูง’ จิบชาฉลองวันแห่งการทำลายสถิติโลก
รูเมย์ซา เกลกิ ที่มีความสูงลิ่ว 2 เมตร 15.16 เซนติเมตร สังสรรค์กันอย่างเป็นมิตร กับจโยติ อัมจี สตรีที่มีความสูงเพียง 62.8 เซนติเมตร ที่โรงเเรมซาวอย
“มันอบอุ่นน่ารักมากที่ได้เจอกับผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลกเป็นครั้งเเรก” อัมจี ผู้มีอาชีพนักเเสดงจากอินเดียกล่าว “เธอนิสัยดี พร้อมทั้งฉันรู้สึกสบาย ๆ ที่ได้คุยกับเธอ”
เกลกิ ที่ทำงานเป็นนักวิจัยที่ตุรกี รู้สึกเช่นเดียวกันต่ออัมจีพร้อมทั้งบอกว่าเธอกับอัมจีมีความสนใจเหมือนกันในเรื่องการ “ดูเเลตัวเอง การเเต่งหน้าพร้อมทั้งทำเล็บ”
ตั้งเเต่ปี 2004 วัน Guinness World Records Day ได้รับการส่งเสริมให้เป็นวันแห่งการสร้างสติถิใหม่ ๆ
เครก เกลนเดย์ บรรณาธิการใหญ่ของ Guinness World Records Day บอกว่า “ปีนี้ไม่ใช่เป็นเป็นการครบรอบ 20 ปีของวัน Guinness World Records Day แต่ยังเป็นการเริ่มต้นของการครบรอบ 70 ปี ของหนังสือ” Guinness World Records ที่รวบรวมอันดับโลกด้านต่าง ๆ
ที่มา: รอยเตอร์
วิเคราะห์: ประชุมสุดยอดคิม-ทรัมป์ จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่?
คิม สื่อสารจุดยืนของตนเรื่องนี้ ที่การประชุมกับเจ้าหน้าที่ของทัพบกเกาหลีเหนือเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งเป็นครั้งเเรกที่เขาส่งสัญญาณนี้ตั้งเเต่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
คิมบอกว่าจะพัฒนาความสามารถทางนิวเคลียร์ “อย่างไม่มีข้อจำกัด” เขายังได้ประณามรัฐบาลกรุงวอชิงตัน ที่ร่วมมือกับเกาหลีใต้ในยุทธศาสตร์ป้องปรามเกาหลีเหนือ
สื่อ KCNA ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานถึงถ้อยเเถลงของคิม ที่พบว่า “สหรัฐฯ ญี่ปุ่นพร้อมทั้งเกาหลีใต้ จะไม่มีวันหลีกหนีความรับผิดชอบในฐานะผู้กระทำผิดที่ทำลายสันติภาพพร้อมทั้งความมั่นคงของคาบสมุทรเกาหลี พร้อมทั้งของภูมิภาค”
คิมเสริมว่า “งานที่สำคัญที่สุด ของกองทัพคือการเตรียมการทำสงคราม”
เอแวนส์ รีเวียร์ อดีตรักษาการผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ด้านกิจการเอเชียตะวันออกเเละแปซิฟิก ตีความว่าสิ่งที่คิมกล่าวเปรียบได้กับข้อความโดยตรงไปยังว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งผู้นำทั้งสองเคยพบกันมาเเล้วสามครั้งระหว่างปี 2018 – 2019
“คิม จอง อึน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนต่อ ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ว่าทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปตั้งแต่การพบกันก่อนหน้านี้” รีเวียร์ได้บอกกล่าวกับวีโอเอภาคภาษาเกาหลีผ่านอีเมล
“เปียงยางได้กลายมาเป็นรัฐที่มีอาวุธนิวเคลียร์ทางพฤตินัยพร้อมทั้งจะไม่ยอมทิ้งดาบอันทรงคุณค่านี้ ” เขากล่าว
การหารือกับระหว่างคิมกับทรัมป์เรื่องนิวเคลียร์ ที่กรุงฮานอย เมื่อวันเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 ไม่ประสบความสำเร็จ
ทรัมป์ปฏิเสธที่จะยกเลิกมาตรการลงโทษต่อเกาหลีเหนือ เพื่อเเลกกับการที่คิมจะรื้อถอนสถานที่สำคัญภายใต้โครงการนิวเคลียร์ของประเทศ พร้อมทั้งตั้งเเต่นั้นเป็นต้นมารัฐบาลเปียงยางไม่ได้ชะลอการพัฒนาศักยภาพทางนิวเคลียร์เลย
นอกจากนั้น ห้าวันก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธวิถีโค้งข้ามทวีปรุ่นใหม่ที่ชื่อ ‘ฮวาซอง-19’ ที่มีพิสัยการยิงที่อาจไกลถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ
รีเวียร์บอกว่า ” หลังจากที่ได้พัฒนาศักยภาพการป้องปรามที่น่าเชื่อถือ ที่มีทั้งระบบยิงที่ลำ้สมัยในระยะกลางพร้อมทั้งระยะไกล เกาหลีเหนือ ต้องการเป็นที่ยอมรับ หรืออย่างน้อยให้ได้รับรู้ว่า (ฝ่ายตน) คือหนึ่งในตัวเเสดงที่มีอำนาจด้านนิวเคลียร์”
นักวิเคราะห์ผู้นี้กล่าวด้วยว่า คิมต้องการจะบอกทรัมป์ว่า “ประตูปิดสนิทแล้วสำหรับการปลดอาวุธนิวเคลียร์”
นั่นหมายว่าว่าทรัมป์ ต้องรับมือกับการที่เกาหลีเหนือแน่วแน่ที่จะรักษาความสามารถทางนิวเคลียร์ของตน
อีกด้านหนึ่ง โจเซฟ เดทรานี อดีตเจ้าหน้าที่พิเศษในการเจรจาหกฝ่ายกับเกาหลีเหนือเพื่อการปลดอาวุธนิวเคลียร์ บอกว่าคิม น่าจะยังคงต้องการพบกับทรัมป์
แต่การพบกันในอนาคตนี้ จะเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขใดนั้น เดทรานีบอกว่าปัจจัยเเวดล้อมในเวลานี้น่าจะเเตกต่างจากอดีตอย่างมาก
เขากล่าวในอีเมลกับวีโอเอเมื่อวันอังคารว่า หากมีการประชุมสุดยอดระหว่างทรัมป์พร้อมทั้งคิมอีกครั้ง ฝ่ายเกาหนีเหนือน่าจะเจรจา “จากจุดยืนของความเข้มเเข็ง” เพราะคิมได้ทำสนธิสัญญาไว้กับรัสเซีย ซึ่งพบว่า กองทัพเครมลินพร้อมทั้งเปียงยางจะเข้ามาช่วยอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าประเทศคู่สัญญาถูกจู่โจม
ถ้าหากว่า นักวิเคราะห์บางรายพบว่า ยังไม่น่าตีความท่าทีของคิมเลยเถิดไปมากนัก
ซิดนีย์ เซเลอร์ อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ด้านเกาหลีเหนือ บอกว่าสิ่งที่คิม จอง อึนกล่าวไม่ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกมากนักเกี่ยวกับวิธีที่เขาจะปฏิบัติต่อรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯภายใต้ทรัมป์
นอกจากนั้น เเกรี เซมอร์ อดีตเจ้าหน้าที่ประสานงานของทำเนียบขาวด้านการควบคุมอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างรุนเเรงกล่าวในอีเมลต่อวีโอเอภาคภาษาเกาหลีว่า เนื่องจากคิมมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขึ้นกับปูติน ผู้นำเกาหลีเหนืออาจไม่ได้มองว่าการประชุมสุดยอดกับทรัมป์อีกรอบเป็นวาระสำคัญลำดับต้น ๆ
เซมอร์กล่าวด้วยว่าในทางกลับกัน “ประเด็นการต่างประเทศอันดับต้น ๆ ของทรัมป์ คือการยุติสงครามในยูเครนพร้อมทั้งตะวันออกกลาง พร้อมทั้งการขึ้นภาษีกับจีน….(ส่วน) สถานการณ์เกาหลีค่อนข้างนิ่งพร้อมทั้งเงียบ ไม่มีใครคิดว่าการประชุมสุดยอมทรัมป์-คิมอีกครั้งจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่”
วีโอเอติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เรื่องสัญญาณล่าสุดจากคิม จอง อึน ต่อสหรัฐฯ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับโดยทันที
ที่มา: วีโอเอ