admin
ร้องตรวจสอบ “ลัทธิประหลาด” สำนักสงฆ์ฝึกเด็ก-ผู้ปฏิบัติธรรมเรียนหูทิพย์-ตาทิพย์
ปศุสัตว์ จ.บุรีรัมย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีไก่ชาวบ้านตายปริศนา คืนเดียว 12 ตัว
อิสราเอลถล่มเมืองหลวงเลบานอน สังหารโฆษกเฮซบอลลาห์
ไบเดนไฟเขียวยูเครนใช้อาวุธสหรัฐฯ จู่โจมลึกในแดนรัสเซีย
การตัดสินใจคร้ังนี้ถือเป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งสำคัญของรัฐบาลอเมริกันในสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ดำเนินมานานกว่าสองปี พร้อมทั้งมีขึ้นในขณะที่ปธน.ไบเดน จะพ้นจากตำแหน่งในอีกสองเดือน
ทางยูเครนเตรียมการจู่โจมระยะไกลเข้าใส่รัสเซียในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คาดว่าจะเริ่มด้วยการใช้จรวด ATACMS จู่โจมใส่รัสเซีย ซึ่งมีระยะทำการราว 300 กม. อ้างอิงจากแหล่งข่าวดังกล่าว ขณะที่ทั้งทำเนียบขาวพร้อมทั้งรัฐบาลยูเครนปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้
เดอะ ร็อค พาหนังฟอร์มยักษ์ ‘เรด วัน’ เปิดตัวกร่อยก่อนเทศกาลปลายปี
“Red One” หนังแอ็คชั่นปนตลกที่เต็มไปด้วยดาราคับคั่ง เปิดตัวไปได้เพียง 34 ล้านดอลลาร์ จากการทุ่มทุนสร้างกว่า 200 ล้านดอลลาร์ ทำท่าจะกลายเป็นหนังคว่ำต้อนรับเทศกาลปลายปีในอเมริกาเสียแล้ว
ถ้าหากว่า เนื่องจากหนังเรื่องนี้สร้างพร้อมทั้งจัดจำหน่ายโดย Amazon MGM Studios ซึ่งมีชื่อในการดันรายได้ในระยะยาวมากกว่าการพึ่งพาการฉายในโรงภาพยนตร์ในประเทศเพียงอย่างเดียว ทำให้ต้องรอดูว่า หนังภารกิจช่วยซานตาครอสเรื่องนี้จะกลับมาได้หรือไม่บนแพลตฟอร์มอื่น ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ที่ไม่สู้ดีนัก
ตามมาอันดับ 2 คือ “Venom: The Last Dance” หรือ เวน่อม มหาศึกอสูรอหังการ เติมเงินเข้ากระเป๋าอีก 7.4 ล้านดอลลาร์ รายได้รวมในอเมริกาเหนือไต่ไปถึง 127.6 ล้านดอลลาร์แล้ว ส่วนรายได้ทั่วโลกตอนนี้อยู่ที่ 436 ล้านดอลลาร์
อันดับ 3 – “The Best Christmas Pageant Ever” หนังต้อนรับเทศกาลปลายปีเช่นกัน สร้างจากนิยายเด็กที่โด่งดังของบาร์บารา โรบินสัน สัปดาห์ที่สองทำรายได้ไปอีก 5.4 ล้านดอลลาร์
อันดับ 4 – “Heretic” หนังแนวสยองขวัญ ผลงานการแสดงเรื่องล่าสุดจาก ฮิวจ์ แกรนท์ นักแสดงชาวอังกฤษ ที่จับมือกับค่ายหนัง A24 เข้าฉายสัปดาห์ที่สองเก็บรายได้อีกเบา ๆ 5.2 ล้านดอลลาร์
ส่วนหนังแอนิเมชั่นจากค่ายดรีมเวิร์กสพร้อมทั้งยูนิเวอร์แซล “The Wild Robot” ยังคงวนเวียนอยู่ที่ 5 หลังจากเข้าฉายมาแล้ว 8 สัปดาห์ เก็บเงินไปอีก 4.3 ล้านดอลลาร์ แต่รายได้ทั่วโลกทะลุ 300 ล้านดอลลาร์ไปแล้ว
อันดับภาพยนตร์ในตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ สุดสัปดาห์ 15-17 พ.ย. 2024
1. “Red One,” $34.1 million.
2. “Venom: The Last Dance,” $7.4 million.
3. “The Best Christmas Pageant Ever,” $5.4 million.
4. “Heretic,” $5.2 million.
5. “The Wild Robot,” $4.3 million.
6. “Smile 2,” $3 million.
7. “Conclave,” $2.9 million.
8. “Hello, Love, Again,” $2.3 million.
9. “A Real Pain,” $2.3 million.
10. “Anora,” $1.8 million.
ที่มา: เอพี
ซอฟต์แวร์ ‘แอบส่องคนอู้งาน’ หัวหน้ายิ้ม ลูกน้องยี้
แม้การศึกษาจะแสดงให้เห็นว่า การทำงานจากระยะไกลสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานได้ แต่บริษัทพร้อมทั้งองค์กรบางแห่ง ต้องการสร้างความแน่ใจว่าพนักงานที่ทำงานจากระยะไกล มีความตั้งใจพร้อมทั้งทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการติดตั้งซอฟต์แวร์ติดตามการทำงานของพนักงานเหล่านี้
ซอฟต์แวร์ดังกล่าวชื่อว่า “บอสแวร์” (Bossware) พร้อมทั้งผสมผสานการตรวจสอบที่หลากลาย ทั้งการใช้งานแป้นพิมพ์ การเคลื่อนไหวของดวงตา จับภาพหน้าจอ รวมถึงติดตามเว็บไซต์ที่พนักงานเข้าชม
แจเร็ด บราวน์ ซีอีโอ บริษัท ฮับสตาฟ (Hubstaff) ผู้ผลิต Bossware เผยว่า พนักงานที่ทำงานจากระยะไกล ราว 4 ถึง 8% ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อหลอกให้ดูเหมือนว่ากำลังทำงานอยู่
เขาอธิบายว่า การพิจารณาจะประเมินจากหลายปัจจัย เช่น การเคลื่อนไหวของเมาส์ การใช้งานแป้นพิมพ์ พร้อมทั้งไม่ได้ดูสิ่งที่พนักงานพิมพ์ แต่จะดูว่ามีการเคาะคีย์บอร์ดหรือไม่ โดยไม่ได้บันทึกว่า มีการกดแป้นพิมพ์ใด แต่จะตรวจดูการใช้งานคอมพิวเตอร์ว่ามีการเปิดเว็บเบราว์เซอร์ของผู้ใช้งาน เป็นต้น
อย่างไรก็ดี การเฝ้าติดตามลักษณะดังกล่าวอาจส่งผลลบได้ โดยข้อมูลจากเว็บไซต์กลาสดอร์ (Glassdoor) ที่สำรวจพนักงานจำนวน 2,000 คน พบว่า มีประมาณ 40 % ที่รู้สึกว่า ประสิทธิภาพการทำงานของตนเองลดลง เมื่อถูกนายจ้างจับตามองผ่านเครื่องมือต่าง ๆ
สเตฟานี อัลสตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรพร้อมทั้งการสรรหาบุคลากร บอกว่า ตารางการทำงานที่ยืดหยุ่นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ส่วนซอฟต์แวร์เฝ้าติดตามจะไปลดทอนความพึงพอใจของลูกจ้าง
เธอบอกว่า “ถ้าบริษัทต่าง ๆ เริ่มนำซอฟแวร์เฝ้าติดตามการทำงานมาใช้ ฉันรับรองได้ว่าเราจะเห็นพนักงานลาออกเป็นจำนวนมาก” โดยอัลสตันเสริมว่า มีข้อมูลที่ยืนยันเกี่ยวกับพนักงานที่ทำงานจากบ้านว่า เป็นกลุ่มที่ทำงานหนักเกินกว่าที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว
ทางด้าน อนิตา วิลเลียมส์ วูลลีย์ อาจารย์ด้านพฤติกรรมองค์กร จากมหาวิทยาลัย คาร์เนกี เมลลอน (Carnegie Mellon University) พบว่า “มีงานวิจัยจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่า ความคิดสร้างสรรค์พร้อมทั้งความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในงานที่ทำ เกิดจากการที่ผู้คนมีเวลาพักเป็นระยะ ๆ หรือเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่นบ้าง” ซึ่งรวมไปถึงการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน แล้วค่อยกลับมาแก้ไขปัญหาที่เผชิญอยู่ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า วิธีตรวจสอบการทำงานแบบดั้งเดิมอาจส่งผลเสียต่อองค์กรได้
อาจารย์ท่านนี้ ยกตัวอย่าง ในปี 2015 สำนักงานสิทธิบัตรพร้อมทั้งเครื่องหมายการค้าสหรัฐฯ (United States Patent and Trademark Office – USPTO) ตัดสินใจนำระบบเฝ้าติดตามการทำงานมาใช้ ปรากฎว่าผลิตผลจากการทำงานปรับเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับอัตราการลาออกของพนักงานที่สูงขึ้นถึงสามเท่า โดยเชื่อว่าเหล่าลูกจ้างไม่ต้องการทำงานภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้องค์กรต้องสูญเสียบุคลากรที่มีทักษะสูง
จากการสำรวจในปี 2024 จัดทำโดย ฟอร์บส์ แอดไวเซอร์ (Forbes Advisor) ชี้ว่า พนักงาน 43% พบว่า นายจ้างมีการตรวจสอบกิจกรรมออนไลน์ของพวกเขา ส่วนพนักงานที่ทำงานทั้งจากที่บ้านพร้อมทั้งออฟฟิศ เผยว่าถูกตรวจสอบในระดับที่สูงพร้อมทั้งเข้มข้นกว่า
ที่มา: วีโอเอ
‘ไบเดน-สี’ ย้ำความสำคัญการจัดการความเป็นอริ สหรัฐฯ-จีน
ปธน.ไบเดน บอกว่า ความสัมพันธ์สหรัฐฯ – จีน คือสิ่งสำคัญที่สุดในโลก พร้อมทั้งผู้นำของสองประเทศมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการความสัมพันธ์เชิงแข่งขันนี้ไม่ให้กลายเป็นความขัดแย้ง
“การเจรจาช่วยป้องกันความคำนวณผิดพลาด พร้อมทั้งในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา เราได้พิสูจน์แล้วว่าความสัมพันธ์ในลักษณะนี้เป็นไปได้จริง” ไบเดนกล่าว
ปธน.สี ย้ำว่า ทั้งสองประเทศควรจดจำไว้ว่าต้องถือเอาผลประโยชน์ของทั้งโลกมาก่อน พร้อมทั้งต้องเพิ่มความมั่นคงแน่นอนพร้อมทั้งพลังด้านบวกเข้าไปในโลกแห่งความยุ่งเหยิงนี้
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงของทำเนียบขาว พบว่า ผู้นำทั้งสองได้หารือกันตั้งแต่ความร่วมมือในการต้านยาเสพติด การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ พร้อมทั้งการควบคุมการใช้อาวุธนิวเคลียร์
ไบเดนยังเตือนจีนถึงเรื่องอาชญากรรมทางไซเบอร์ กิจกรรมทางทหารของจีนรอบไต้หวันพร้อมทั้งทะเลจีนใต้ พร้อมทั้งการสนับสนุนทางทหารต่อรัสเซียในสงครามยูเครน ตลอดจนการที่เกาหลีเหนือส่งทหารเข้าไปช่วยรัสเซียในการรบครั้งนี้
ทำเนียบขาวบอกว่า ไบเดนได้ย้ำความกังวลต่อการใช้นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนซึ่งไม่เป็นธรรมต่อประเทศอื่น พร้อมทั้งทำร้ายอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในสหรัฐฯ แม้ว่าก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง สีได้ได้บอกกล่าวกับผู้ร่วมประชุมเอเปกว่า จีนคือผู้ปกป้อง “ความร่วมมือพหุภาคีพร้อมทั้งเศรษฐกิจเสรี” พร้อมทั้งขอให้บรรดาผู้นำร่วมกันทำลายกำแพงที่ขวางกั้นการหลั่งไหลของการค้า การลงทุน เทคโนโลยี พร้อมทั้งบริการต่าง ๆ
ปธน.สี ยังกล่าวสนับสนุนความพยายามผลักดันให้เกิดข้อตกลงการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิก ระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่มเอเปก 21 ประเทศด้วย
ต่อจากการประชุมเอเปกที่กรุงลิมา เปรู ปธน.ไบเดน เดินทางต่อไปยังนครริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เพื่อร่วมประชุม จี20 ในวันอาทิตย์ โดยได้แวะเยือนป่าอะเมซอนของบราซิล เพื่อกล่าวปราศรัยเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก
ไบเดน ถือเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่เยือนป่าแห่งนี้ขณะอยู่ในตำแหน่ง
ที่มา: วีโอเอ