admin
เงื่อนไขพร้อมทั้งราคาของนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาล ‘โดนัลด์ ทรัมป์’
ตัวอย่างที่ทรัมป์สัญญาว่าจะทำในรัฐบาลใหม่ มีทั้งขยายพร้อมทั้งเพิ่มมาตรการลดหย่อนภาษี ผ่อนคลายข้อกำกับทางธุรกิจโดยเฉพาะในภาคพลังงาน ตั้งกำแพงการค้า รวมถึงนำผู้อพยพผิดกฎหมายออกจากประเทศขนานใหญ่
การเดินหน้าตามแนวทางเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีเงื่อนไขที่นักวิเคราะห์จับตามอง ทั้งในฐานะของความท้าทายพร้อมทั้งสัญญาณที่น่าห่วงกังวล
นโยบายภาษี
เมื่อปี 2017 รัฐบาลทรัมป์ 1.0 ออกกฎหมาย Tax Cuts and Jobs Act ซึ่งมีบทบัญญัติให้ลดหย่อนภาษีเงินได้ของแรงงานพร้อมทั้งกลุ่มธุรกิจชั้นนำ โดยสิทธิประโยชน์ในบทบัญญัตินี้จะทยอยหมดอายุตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป
รัฐบาลทรัมป์ 2.0 ดูมีทีท่าจะร่วมกับสภานิติบัญญัติที่พรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากได้ทั้งสองสภา เพื่อทำให้การลดหย่อนภาษีดำรงอยู่ตลอดไป
ไม่เพียงเท่านั้น ทรัมป์ยังประกาศว่าจะเพิ่มเพดานลดหย่อนภาษีธุรกิจสูงสุดที่ 15% พร้อมทั้งไม่หักภาษีรายได้จากงานล่วงเวลา (โอที) ทิป พร้อมทั้งเงินได้จากประกันสังคม หรือ social security payment
สตีเวน บี คามิน ผู้เชี่ยวชาญจาก American Enterprise Institute สถาบันที่มีจุดยืนโน้มเอียงไปทางอนุรักษ์นิยม คาดว่านโยบายนี้จะทำให้รัฐบาลต้องกู้ยืมเงินมาทดแทนรายได้จากภาษีที่สูญเสียไป
เขาพบว่า “ท้ายที่สุดนั่นน่าจะนำไปสู่การสูญเสียการลงทุนภาคเอกชน อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งความกังวลเรื่องจุดยืนด้านความยั่งยืนของรัฐบาล” แต่ก็ทิ้งท้ายว่า ยังบอกไม่ได้ว่าระดับหนี้ที่เข้าข่ายน่ากังวลนั้นอยู่ที่จุดใด
ลดต้นทุนภาครัฐ
ทรัมป์เสนอลดค่าใช้จ่ายภาครัฐเพื่อชดเชยรายได้ที่เสียไปจากภาษี พร้อมทั้งมีแผนจะให้มหาเศรษฐีอิลอน มัสก์ ดูแลกระทรวงใหม่เกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลกลาง
มัสก์บอกว่า มีความเป็นไปได้ที่จะลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลางลงได้มากถึง 30% ต่อปี คิดเป็นมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์
การหั่นงบประมาณขนานใหญ่เช่นนี้จำเป็นต้องไปตัดงบในหลายภาคส่วน รวมถึงเงินประกันสังคม พร้อมทั้งโครงการประกันสุขภาพที่ภาครัฐอุดหนุน (Medicaid) ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าทรัมป์จะโน้มน้าวให้สมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกันผลักดันการตัดงบประมาณแบบกว้างขวางเช่นนี้ได้อย่างไร
นโยบายด้านผู้อพยพ
ทรัมป์ประกาศในการหาเสียงหลายครั้งว่าจะดำเนินการส่งผู้อพยพที่อยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายออกจากประเทศขนานใหญ่
ในความเห็นของมาร์คัส โนแลนด์ รองประธานบริหารจากสถาบัน Peterson Institute for International Economics มองว่าการทำเช่นนั้นเป็นการดึงแรงงานออกจากเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคส่วนก่อสร้างพร้อมทั้งเกษตรกรรม พร้อมทั้งทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
โนแลนด์บอกว่า “คนเหล่านี้กระจุกตัวในภาคเกษตรกรรม ซึ่งคุณจะไปกระทบภาคส่วนนั้นที่สุด โดยเฉพาะเมื่อผนวกเข้ากับกำแพงภาษี”
ตั้งกำแพงภาษี
ตัวเลขของมาตรการทางภาษีที่ทรัมป์ใช้หาเสียง มีตั้งแต่เพิ่มภาษีสินค้านำเข้าแบบยกแผง 10% เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 60% รวมถึงภาษีนำเข้า 25% ต่อสินค้าทุกประเภทจากเม็กซิโก
ทรัมป์ให้เหตุผลว่ากำแพงภาษีจะช่วยตรึงภาคการผลิตให้อยู่ในสหรัฐฯ ลดการขาดดุล พร้อมทั้งทำให้ราคาอาหารถูกลง
โนแลนด์จาก Peterson Institute for International Economics มองว่าการขึ้นภาษีนำเข้าตามที่ทรัมป์ตั้งใจ โดยเฉพาะกับสินค้าจากจีน จะทำให้ต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯ สูงขึ้น
เขากล่าวด้วยว่า “การลงทุนจะลดลง พร้อมทั้งการลงทุนนั้นมีจำนวนมากใน (ภาคส่วน) วัตถุดิบอุตสาหกรรม ดังนั้น (การตั้งกำแพงภาษี) มีผลตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผู้พูดเสนอไว้”
ที่มา: วีโอเอ
สื่อรายงานทรัมป์จ่อตั้ง ‘อาร์เอฟเค จูเนียร์’ เป็นรมต.สาธารณสุข
ในเวลาเดียวกันซีเอ็นเอ็น ยืนยันข่าวดังกล่าวเช่นกัน
โพลิติโคพร้อมทั้งซีเอ็นเอ็นอ้างแหล่งข่าวหนึ่งรายที่ทราบถึงแผนเเต่งตั้งรมต.สาธารณสุขสำหรับรัฐบาลใหม่ภายใต้ทรัมป์ ที่จะเริ่มต้นวันที่ 20 ม.ค.
โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ หรืออาร์เอฟเค จูเนียร์ เคยลงเเข่งประธานาธิบดีปีนี้เช่นกัน ก่อนถอนตัวในเดือนสิงหาคม พร้อมทั้งต่อมาประกาศสนับสนุนทรัมป์เป็นผู้นำคนต่อไป
ทรัมป์ กล่าวถึง อาร์เอฟเค จูเนียร์ วันที่ 6 พ.ย. ในคำประกาศชัยชนะเป็นประธานาธิบดีว่า ทายาทของตระกูลการเมือง ‘เคนเนดี’ รายนี้ “จะทำให้อเมริกาเเข็งเเรงอีกครั้งหนึ่ง”
กระทรวงสาธารณสุขพร้อมทั้งบริการประชาชน สหรัฐฯ เป็นหน่วยงานที่กำกับดูเเลองค์การอาหารพร้อมทั้งยา ศูนย์ป้องกันพร้อมทั้งควบคุมโรค รวมถึงสถาบันสุขภาพแห่งชาติ
กระทรวงยังรับผิดชอบโครงการสวัสดิการสาธารณสุขขนาดใหญ่ ‘เมดิเเคร์’ พร้อมทั้ง ‘เมดิเคด’ ที่ดูเเลค่ารักษาพยาบาลต่อคนยากจน ผู้สูงอายุ พร้อมทั้งคนพิการ
ชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนอยู่ในโครงการเหล่านี้ พร้อมทั้งกระทรวงฯ ใช้งบในปีงบประมาณ 2024 มูลค่า 3.09 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็น 22.8% ของงบรัฐบาลกลางอเมริกัน ตามรายงานของรอยเตอร์
ที่มา: รอยเตอร์ ซีเอ็นเอ็น โพลิติโค
อิสราเอลจู่โจมซีเรีย มีผู้จบชีวิต 15 ราย
ฝ่ายรัฐบาลเทลอาวีฟบอกว่าการจู่โจมครั้งนี้มีเป้าหมายเป็นที่ตั้งทางทหารพร้อมทั้งหน่วยงานหลักของกลุ่มอิสลามิกญิฮาด
ตึกที่ได้รับความเสียหายอยู่ในเขตชานเมืองสองแห่ง คือแมซเซห์ พร้อมทั้งคุดซายา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของกรุงดามัสกัส ตามข้อมูลของสื่อ SANA ที่อ้างเเหล่งข่าวทางทหารของซีเรียหนึ่งราย
ช่วงหลายปีที่ผ่านมาอิสราเอลจู่โจมใส่เป้าหมายในซีเรีย ที่เป็นกลุ่มซึ่งโยงใยกับอิหร่าน โดยกองทัพเทลอาวีฟยกระดับปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ปีที่เเล้ว หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธฮามาสที่เป็นชาวปาเลสไตน์จู่โจมอิสราเอล จนทำให้เกิดสงครามในกาซ่า
สำหรับเขตเเมซเซห์ บริเวณดังกล่าวเป็นที่ทราบกันว่าถูกใช้เป็นที่พักอาศัยของเหล่าผู้บัญชาการกลุ่มเฮซบอลลาห์แห่งเลบานอน พร้อมทั้งแกนนำของหน่วยทหาร Revolutionary Guards ของอิหร่าน ตามข้อมูลของผู้ที่เคยอยู่ในพื้นที่ พร้อมทั้งต่อมาอพยพออกไปเมื่อพื้นที่ถูกจู่โจมไม่นานนี้ซึ่งทำให้ผู้นำบางคนของทั้งสองกลุ่มจบชีวิต
นอกจากนี้รอยเตอร์รายงานว่า อาคารสูงที่กินพื้นที่หลายช่วงถนนในแมซเซห์ถูกใช้โดยทางการซีเรียในอดีตเพื่อจัดให้เป็นที่พักของผู้นำปาเลสไตน์บางคน รวมทั้งจากลุ่มฮามาสพร้อมทั้งอิสลามิกญิฮาด
ที่มา: รอยเตอร์
เอฟบีไอบุกบ้านซีอีโอ ‘โพลีมาร์เก็ต’ ปมพนันออนไลน์ช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯ
โพลีมาร์เก็ต เป็นเว็บไซต์ที่รับพนันจากผู้ใช้นอกสหรัฐฯ ด้วยเงินคริปโต พร้อมทั้งเป็นแพลตฟอร์มที่คนใช้เดิมพันออนไลน์กันอย่างคึกคักว่าใครจะชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แแล้วด้วย
อะพาร์ตเมนต์ของ คอปแลน ที่อยู่ในย่านโซโห (SoHo) ในนิวยอร์กโดนค้นช่วงเช้าตรู่
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 5 พ.ย. โดยช่วงหลายสัปดาห์ก่อนหน้านั้นการพนันที่เกิดขึ้นบนโพลีมาร์เก็ตสะท้อนว่าโอกาสที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส มีสูงมาก ซึ่งต่างจากตัวเลขของสำรวจความคิดเห็นประชาชนหลายสำนัก
คอปแลน วัย 26 ปีซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโพลีมาร์เก็ต ถูกเจ้าหน้าที่เอฟบีไอปลุกให้ตื่นจากเตียงเวลา 6 โมงเช้า โดยเจ้าหน้าที่ต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเขา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อคืนวันพุธว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังตรงจสอบบริษัทโพลีมาร์เก็ต ในข้อกล่าวหาว่าบริษัทเปิดให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ พนันออนไลน์ได้
โพลีมาร์เก็ตปฏิเสธที่จะเเสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเหล่านั้น
ถ้าหากว่าโฆษกคนหนึ่งบอกว่าเอฟบีไอภายใต้การบริหารของรัฐบาลปัจจุบันทำเช่นนี้ เพื่อ “แก้เเค้นทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด” เนื่องจากโพลีมาร์เก็ตได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยทำนายผลเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เพิ่งเกิดขึ้นได้อย่างเเม่นยำ
โพลีมาร์เก็ตได้บอกกล่าวกับรอยเตอร์ว่า คอปแลน ไม่ได้ถูกจับกุมตัวแต่อย่างใดในเวลานี้
ส่วนเอฟบีไอปฏิเสธที่จะเเสดงความเห็น พร้อมทั้งกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ไม่ได้ตอบรับการขอความเห็นเรื่องการบุกค้นครั้งนี้
ย้อนไปเมื่อใกล้วันเลือกตั้ง 5 พ.ย. เว็บไซต์ของโพลีมาร์เก็ตเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง จากการที่เเพลตฟอร์มนี้สะท้อนโอกาสที่ทรัมป์จะชนะอย่างชัดเจน ขณะที่ผลสำรวจความเห็นของประชาชนจากสำนักต่าง ๆ เเสดงให้เห็นว่าความนิยมในตัวทรัมป์พร้อมทั้งแฮร์ริสคู่คี่กันมาก
โพลีมาร์เก็ตซึ่งไม่ได้อนุญาตให้มีธุรกรรมเดิมพันในสรัฐฯ ยังถูกสอดส่องหลังจากที่นักลงทุนรายหนึ่งชาวฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ ‘Polymarket whale’ ลงเงินพนันมูลค่าสูงว่าทรัมป์จะชนะเลือกตั้ง
การลงเงินมหาศาลของนักพนันรายนี้เกิดขึ้นอย่างคล้องจองกับเเต้มต่อของทรัมป์ที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดรับพนันนี้
สรุปแล้ว ‘Polymarket whale’ ทำเงินกำไรไปได้กว่า 46 ล้านดอลลาร์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่กำกับดูเเลกฎระเบียบเรื่องการพนันของฝรั่งเศสบอกว่ากำลังตรวจสอบว่า ‘Polymarket whale’ ทำตามกฎหมายภายในประเทศหรือไม่
ที่มา: รอยเตอร์
‘โรงเรียนซานต้า’ เปิดภาคการศึกษาก่อนคริสต์มาสมาเยือน
ซานตาคลอส 6 คน เริ่มต้นการฝึกฝนการเป็นซานตาคลอสผู้อบอุ่น ในโรงเรียนสอนซานต้า ที่เพิ่งเปิดภาคการศึกษาไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
หลักสูตรซานต้าแบบสมบูรณ์แบบนั้นก็มีทั้ง เรียนรู้เทคนิคการหัวเราะ “โฮ่ โฮ่ โฮ่” แบบซิกเนเจอร์ ไปจนถึงการจดจำชื่อกวางเรนเดียร์ทั้งหมด โดยมีเทรนเนอร์อย่างเจมส์ โลเวลล์ ผู้อำนวยการของบริษัทธุรกิจบันเทิง FeeJee Mermaid ที่ช่วยฝึกฝนวิทยายุทธพร้อมทั้งเคล็ดวิชาที่จำเป็นให้กับเหล่าซานตาคลอสมานานถึง 25 ปี
โลเวลล์ บอกกับรอยเตอร์ว่า “เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อเด็กเข้าไปหาซานตาคลอส ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นซานต้าตัวจริง” ซานตาคลอสจะต้องจิตใจดี ดูมีมนตร์ขลัง พร้อมทั้งสนุกสนานร่าเริง
เทรนเนอร์ซานต้ารายนี้ เสริมว่า ยอดจองตัวซานตาคลอสปีนี้พุ่งสูงขึ้นราว 20% พร้อมทั้งว่าหนึ่งในหลายเหตุผลที่การว่าจ้างซานตาผู้โอบอ้อมอารีนี้ น่าจะมาจากความจริงที่ว่าผู้คนต้องการความสนุกสนานขึ้นกว่าเดิมในปีนี้
โลเวลล์ ทิ้งท้ายไว้ว่า กฎเหล็กที่ซานต้าควรต้องทำอย่างหนึ่งก็คือ อย่าเอ่ยถามเด็ก ๆ ว่าพวกเขาต้องการอะไรในวันคริสต์มาส เพราะเป็นการบอกเด็ก ๆ ไปว่าพวกเขาไม่ได้อ่านจดหมายที่เด็ก ๆ เขียนถึงซานตาคลอสเลยนั้นเอง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่หยาบคายทำร้ายหัวจิตหัวใจเด็กน้อยที่รอคอยของขวัญจากซานตาคลอสในวันคริสต์มาสอย่างยิ่ง
ที่มา: รอยเตอร์
‘ไบเดน’ ประชุมเอเปค-จี20 นัดสุดท้าย ช่วงผู้นำโลกกังวลนโยบายยุคทรัมป์ 2.0
ปธน.ไบเดนมีกำหนดการเดินทางไปยังเปรูพร้อมทั้งบราซิลในวันพฤหัสบดี เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำประเทศเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเปรู ในวันศุกร์พร้อมทั้งวันเสาร์ ที่กรุงลิมา ก่อนจะเดินทางต่อไปยังนครริโอ เดอ จาเนโร ในวันจันทร์พร้อมทั้งวันอังคาร ในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศจี20
ในการประชุดสุดยอดทั้ง 2 เวที ซึ่งคาดว่าจะเป็นการประชุมใหญ่ระหว่างประเทศนัดท้าย ๆ ในวาระของไบเดน เขาจะเผชิญหน้ากับพันธมิตรพร้อมทั้งหุ้นส่วนที่อาจตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวนโยบาย “อเมริกากลับมาแล้ว” พร้อมทั้งความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในเวทีโลก หลังจากในช่วงการดำรงตำแหน่งผู้นำสมัยแรก ทรัมป์มีท่าทีจะถอนสหรัฐฯ ออกจากปฏิญญาปารีสด้านการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ พร้อมทั้งขู่จะถอนสหรัฐฯ ออกจากพันธมิตรด้านการทหารนาโต้อีกด้วย
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯ จะยิ่งทำให้ความพยายามในการบรรลุเป้าหมายในประเด็นต่าง ๆ ของโลก อย่างเช่น การค้า ความยากจน การเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศผิดธรรมชาติ การพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งพลังงานทดแทน ได้รับผลกระทบมากขึ้นไปอีก
วิกเตอร์ ชา อดีตเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันทำงานให้กับ Center for Strategic and International Studies เผยกับวีโอเอว่า จะมีการ “คาดการณ์ คาดเดาถึงสิ่งที่จะได้เห็นในเชิงนโยบายที่หาเสียงไว้ พร้อมทั้งแนวทางที่ประเทศต่าง ๆ ปรับจุดยืนของตนเอง”
พันธมิตรอเมริกายังสำคัญ
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำทำเนียบขาว ได้บอกกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธว่า สำหรับผู้นำเหล่านี้ ถ้อยแถลงของไบเดนก็คือ “พันธมิตรของอเมริกามีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา” พร้อมทั้งว่า “พวกเขาทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาเพิ่มศักยภาพให้เรา พวกเราแบ่งเบาภาระออกไปได้ พวกเขามีจุดยืนร่วมกันกับเรา” พร้อมย้ำว่าไบเดนจะเข้าร่วมประชุมเอเปค ในช่วงที่พันธมิตรของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอยู่ใน “จุดสูงสุดตลอดกาล” ด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย พร้อมทั้งฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ ซัลลิแวน ยังเสริมว่า ไบเดนจะหารือไตรภาคีนอกรอบกับประธานาธิบดียูน ซุก ยอล แห่งเกาหลีใต้ พร้อมทั้งนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ แห่งญี่ปุ่น เพื่อหารือความสำคัญของความร่วมมือ 3 ฝ่ายที่จะเดินหน้าต่อไปในการเปลี่ยนผ่านไปยังคณะรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ
จอช ลิปสกี ผู้อำนวยการอาวุโสจาก GeoEconomics Center แห่ง Atlantic Council ได้บอกกล่าวกับวีโอเอว่า ไม่ว่าคำถามที่เกิดขึ้นกับคณะทำงานชุดใหม่จะเป็นอย่างไร ไบเดนจะยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นใน “อุดมการณ์ของการมีส่วนร่วมของอเมริกากับทั่วโลก” โดยเสริมว่าไบเดน “เชื่อในผลประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับอเมริกาพร้อมทั้งทั่วโลก” ในการผลักดันอุดมการณ์นี้ต่อไป พร้อมทั้ง “ไม่มีการเลือกตั้งครั้งหนึ่งหรือประธานาธิบดีคนหนึ่งที่จะเข้ามาลดทอนคุณค่าของแนวคิดนี้ได้ในมุมมองของเขา”
วาระของไบเดน
ในนครริโอ เดอ จาเนโร ไบเดนจะ “แสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่แข็งแกร่งของสหรัฐอเมริกาต่อประเทศกำลังพัฒนา พร้อมทั้งนำพากลุ่มจี20 ให้ทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับความท้าทายระดับโลกที่มีร่วมกัน” ตามการเปิดเผยของทำเนียบขาว โดยคาดว่าไบเดนจะหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีเปรู ดินา โบลูอาเต้ พร้อมทั้งประธานาธิบดีบราซิล ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ด้านเศรษฐกิจ สิทธิ์แรงงาน การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งการแก้ปัญหาความยากจน
ถ้าหากว่า นักวิเคราะห์ต่างมองว่าท่าทีต่าง ๆ ของไบเดนในเวทีทั้งหมดนี้ อาจเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์พร้อมทั้งมีผลแค่ในระยะสั้น เนื่องจากคณะทำงานชุดใหม่ของว่าที่ปธน.ทรัมป์ จะหยิบยกประเด็นอื่น ๆ มาเป็นวาระสำคัญ มากกว่าเรื่องโครงการสวัสดิการสังคมระดับโลกพร้อมทั้งภาวะโลกร้อน
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่า ทั่วโลกจับตาบทบาทผู้นำสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงจากตัวแทนพรรครีพับลิกันไปเป็นพรรคเดโมแครต พร้อมทั้งกลับไปเป็นรีพับลิกันอีกครั้งหนึ่งในช่วงหลายปีมานี้ พร้อมทั้งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะมองหาโอกาสในการฉายภาพของความมีเสถียรภาพ ในระหว่างที่เผยวิสัยทัศน์ของจีนในบทบาทที่เพิ่มขึ้นในเวทีโลก
ในเปรู ปธน.สี จะประกาศแผนโครงการท่าเรือการค้าขนาดใหญ่ ภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน ที่ทำให้ผู้นำรัฐบาลปักกิ่งมีอิทธิพลในหลายพื้นที่ทั่วโลก
พร้อมทั้งในการหารือระหว่างไบเดนพร้อมทั้งสี ซึ่งคาดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายในการดำรงตำแหน่งปธน.ของไบเดน จะเกิดขึ้นที่กรุงลิมาในวันเสาร์ พร้อมทั้งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ว่าที่ปธน.ทรัมป์ เสนอชื่อผู้ที่มีแนวคิดสายเหยี่ยวต่อต้านจีนให้ดำรงตำแหน่งสำคัญด้านนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นท่าทีที่อาจทำให้เกิดการเผชิญหน้ามากขึ้นระหว่างรัฐบาลวอชิงตันพร้อมทั้งรัฐบาลปักกิ่ง
ที่มา: วีโอเอ
รีพับลิกันกุมอำนาจ 3 สาขา เปิดทาง ‘ทรัมป์’ คุมรัฐบาลเบ็ดเสร็จ
พรรครีพับลิกันกุมชัยเลือกตั้งส.ส.ในรัฐแอริโซนาพร้อมทั้งแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันพุธ ยังผลให้พรรคครองเสียงข้างมากไปที่ 218 เสียง หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนของพรรคชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี พร้อมทั้งสว.รีพับลิกันพลิกกลับมาคุมสภาสูงได้ไปก่อนหน้านี้
ในการต่อสู้เพื่อให้ได้เสียงข้างมากแบบปริ่มน้ำเช่นนี้ แกนนำจากพรรครีพับลิกันกำลังเตรียมการสำหรับการใช้อำนาจในการควบคุมรัฐบาลพร้อมทั้งเดินหน้าการบริหารประเทศตามวิสัยทัศน์ของทรัมป์ทันที
ว่าที่ปธน.ทรัมป์ ได้สัญญาไว้ในการหาเสียงเลือกตั้งว่าจะเนรเทศผู้อพยพครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในสหรัฐฯ ขยายเวลาการลดหย่อนภาษี จัดการศัตรูทางการเมืองของเขา เข้าควบคุมอำนาจการบริหารสูงสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจประเทศ
ชัยชนะของพรรครีพับลิกันยิ่งทำให้ชัดเจนว่าสภาคองเกรสจะเดินหน้าตามแผนการที่วางไว้ ขณะที่พรรคเดโมแครตเกือบจะไร้อำนาจในการถ่วงดุล
ภาพของปรากฏการณ์ Trifecta เกิดขึ้นมาแล้วเมื่อครั้งที่ทรัมป์ชนะเลือกตั้งเมื่อปี 2016 แต่ในช่วงเวลานั้น ทรัมป์เผชิญกับแรงต่อต้านจากแกนนำพรรครีพับลิกันในเรื่องแนวทางนโยบายของเขา ขณะที่ศาลสูงสหรัฐฯ ยังมีกลุ่มแนวคิดเสรีนิยมเป็นเสียงส่วนใหญ่
แต่ในการเลือกครั้งครั้งนี้ สถานการณ์ต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อทรัมป์คืนสู่ทำเนียบขาวในต้นปีหน้า เขาจะทำงานร่วมกับพรรครีพับลิกันที่เปลี่ยนโฉมไปอย่างสิ้นเชิงด้วยการเคลื่อนไหว Make America Great Again พ่วงด้วยศาลสูงสหรัฐฯ ที่มีกลุ่มแนวคิดอนุรักษ์นิยม หลังการแต่งตั้งตุลาการศาลสูง 3 คนโดยทรัมป์ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งไปก่อนหน้านี้
ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ไมค์ จอห์นสัน ผู้ซึ่งทรัมป์ให้การสนับสนุน ยังคงเป็นประธานสภาฯ ต่อไปในปีหน้า ได้กล่าวถึงการจัดการนโยบายที่เดโมแครตได้ผลักดันในช่วงหลายปีมานี้ โดยกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า “รีพับลิกันในสภาผู้แทนฯพร้อมทั้งวุฒิสภามีอาณัติสัญญา .. ชาวอเมริกันต้องการให้เราดำเนินการพร้อมทั้งส่งมอบวาระอเมริกาต้องมาก่อน”
พันธมิตรทรัมป์ในสภาล่าง ได้ส่งสัญญาณว่าจะจัดการประเด็นทางกฎหมายที่ทรัมป์เผชิญระหว่างพ้นจากตำแหน่งในสมัยแรก โดยว่าที่ปธน.ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันพุธว่าตนจะเสนอชื่อ แมตต์ เกตซ์ (Matt Gaetz) ส.ส.จากพรรครีพับลิกัน ผู้ภักดีต่อทรัมป์อย่างเหนียวแน่น เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
ขณะที่ ส.ส.จิม จอร์แดน ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายตุลาการแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้บอกว่า ส.ส.รีพับลิกันยังไม่ตัดความเป็นไปได้ใด ๆ ในแผนการที่จะสอบสวนอัยการพิเศษแจ็ค สมิธ เกี่ยวกับคดีว่าด้วยการล้มการเลือกตั้งที่อัยการรัฐจอร์เจียพร้อมทั้งการจัดการเอกสารชั้นความลับของทรัมป์
ถ้าหากว่า ยังมีการแข่งขันอยู่บางสนามที่ยังไม่เคาะผู้ชนะในสภาล่าง เนื่องจากการตัดสินใจเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่าง ๆ ของทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมา ทั้ง ส.ส.เกตซ์ ส.ส.ไมเคิล วอลท์ซ พร้อมทั้งส.ส.เอลีส สเตฟานิค ซึ่งการดึงตัวส.ส.พรรคเหล่านี้ไปอาจกระทบต่อความสามารถของปธ.สภาฯ จอห์นสัน ในการรักษาเสียงข้างมากในสภาชุดใหม่ในช่วงเริ่มต้นได้ เนื่องจากต้องมีกระบวนการเลือกตั้งพิเศษตามหลังจากนั้น
ขณะที่ในฝั่งวุฒิสภา ผู้นำพรรครีพับลิกันในสภาสูงเดินหน้าทำงานร่วมกับทรัมป์ ในการรับรองสว.จอห์น ธูน จากเซาธ์ดาโกตา ให้ดำรงตำแหน่งผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ แทนสว.มิตช์ แมคคอนเนลล์
ในอดีต สว.ธูนเคยวิจารณ์ทรัมป์มาก่อน แต่ได้ยกย่องว่าที่ปธน.คนใหม่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พร้อมให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกับสภาล่างในการผลักดันวาระต่าง ๆ ของทรัมป์ โดยรีพับลิกันได้จำนวนสว. 53 เสียง ซึ่งเพียงพอต่อการรับรองตำแหน่งต่าง ๆ ในคณะรัฐบาลทรัมป์ หรือรับรองตุลาการศาลสูงคนใหม่อาจตำแหน่งเปิดว่างอีกครั้ง
ถ้าหากว่า ไม่ใช่ทุกตำแหน่งที่จะได้รับการรับรองพร้อมทั้งสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อวันพุธ สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนกังขาต่อการเสนอชื่อ ส.ส.เกตซ์ ให้นั่งเก้าอี้รมว.ยุติธรรม แม้กระทั่งพันธมิตรใกล้ชิดทรัมป์ในวุฒิสภายังเอาตัวออกห่างจากการสนับสนุนส.ส.เกตซ์ ซึ่งกำลังเผชิญกับการสอบสวนจากคณะกรรมาธิการด้านจริยธรรม จากข้อกล่าวหาละเมิดทางเพศพร้อมทั้งการใช้สารเสพติดผิดกฎหมาย
แต่สว.แมคคอนเนลล์ กล่าวย้ำว่าแรงต้านภายในพรรครีพับลิกันต่อทรัมป์นั้นหมดสิ้นลงไปแล้ว
ที่มา: เอพี