“โรม” แฉ “ภูมิธรรม” หลอกลวงคนไทย ไม่เคยประท้วงเมียนมาปมยิงเรือประมงไทย

“รังสิมันต์ โรม” รุกบี้รัฐบาลต้องช่วย 4 ลูกเรือกลับประเทศก่อนปีใหม่ ชี้ยิงเรือประมงไทยเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ แฉ “ภูมิธรรม” โกหกคนไทย ไม่เคยประท้วงเมียนมา

เมียนมาเสนอโรดเเมพเลือกตั้งปี 2025 ที่การประชุมที่กรุงเทพฯ

รัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลทหารเมียนมา ตัน ชเว ได้บอกกล่าวกับประเทศเพื่อนบ้านที่การประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่กรุงเทพฯ วันพฤหัสบดีว่าต้องการจัดการเลือกตั้งในปีหน้า พร้อมทั้งอาจจะเชิญผู้สังเกตการณ์ต่างชาติเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย

ขณะนี้ ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับภูมิภาคถึงสองวาระด้วยกัน ซึ่งต่างเกี่ยวข้องกับเมียนมา ประกอบด้วยวงหารือกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนอีกเวทีหนึ่งในวันศุกร์จะมีผู้เข้าร่วมจากประเทศสมาชิกอาเซียนบางราย

สำหรับการหารือในวันพฤหัสบดีกับประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา นอกจากผู้เเทนของเมียนมาเเละไทยเเล้ว มีเจ้าหน้าที่จากประเทศจีน อินเดีย พร้อมทั้งบังกลาเทศเข้าประชุมด้วย

ที่การประชุมวันพฤหัสบดี รัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมา ตัน ชเว ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนโรดเเมพทางการเมืองพร้อมทั้งความคืบหน้าเรื่องการเตรียมตัวเลือกตั้ง ซึ่งรวมถึงการทำสำมะโนประชากรพร้อมทั้งการลงทะเบียนพรรคการเมือง 53 พรรค โดยผู้ที่ให้ข้อมูลในเรื่องนี้คือรัฐมนตรีต่างประเทศองไทยมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ตามรายงานของรอยเตอร์

รมต.ของไทยระบุด้วยว่าเมียนมามีความตั้งใจที่จะเชิญผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งจากต่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

ทั้งนี้เมียนมาประสบความปั่นป่วนภายในประเทศ ตั้งเเต่ต้นปี 2021 ที่กองทัพโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนเเละปราบปรามผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย สถานการณ์ต่าง ๆ จุดชนวนให้เกิดการจู่โจมรัฐจากกลุ่มเเข็งข้อต่อต้านที่เเข็งเเกร่งขึ้น

เเม้ว่าเมียนมาเผชิญสิ่งท้าทายหลายด้าน รวมถึงวิกฤตเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเกิดการตัดสิทธิ์การเมืองของพรรคการเมืองหลายสิบพรรค แต่รัฐบาลทหารยังคงผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งปีหน้า ซึ่งผู้ที่เห็นต่างมองว่าเป็นเพียงการจัดฉากเท่านั้น

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยนิกรเดช พลางกูรบอกว่า ประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมาตอบรับกับแผนเลือกตั้งนี้ “ในเชิงบวกโดยรวม” เขายำ้ว่านานาประเทศต้องการเห็นทางออกโดยเร็วต่อวิกฤตที่เกิดขึ้น

ที่มา: รอยเตอร์

 

‘ลุยจิ เเมนจิโอนี’ ถูกนำตัวมารับทราบข้อหาสังหารซีอีโอที่นิวยอร์กแล้ว

ลุยจิ เเมนจิโอนี ผู้ต้องหาสังหารซีอีโอบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์แคร์ ไบรอัน ธอมป์สัน ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวมารับทราบข้อหาที่นครนิวยอร์ก ในวันพฤหัสบดี

แมนจิโอนี ที่ถูกนำมาตัวมานิวยอร์กโดยเครื่องบินพร้อมทั้งเฮลิคอปเตอร์จาก รัฐเพนซิลเวเนียซึ่งเป็นรัฐที่เขาถูกจับ เผชิญข้อหาฆ่าคนตายพร้อมทั้งติดตามสะกดรอย

เขาถูกจับตัวในรัฐเพนซิลเวเนียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากธอมป์สันถูกสังหารบนเกาะแแมนฮัตตันวันที่ 4 ธ.ค.

ในการเดินทางจากรัฐเพนซิลเวเนีย แมนจิโอนีถูกคุมตัวโดยตำรวจนิวยอร์กอย่างน้อย 12 นาย ขึ้นเครื่องบินมาที่ลองไอส์เเลนด์ ต่อด้วยเฮลิคอปเตอร์มายังเกาะเเมนฮัตตัน 

เอกสารของรัฐบาลกลางที่ถูกเปิดเผยในวันพฤหัสบดีชี้ว่าแแมนจิโอนีเผชิญข้อหาสะกดรอยสองข้อหา พร้อมทั้งในเเต่ละข้อหาสะกดรอย เขายังเจอกกับข้อหาฆ่าคนตายด้วยอาวุธปืนพร้อมทั้งกระทำผิดด้านอาวุธปืน

ข้อหาของรัฐบาลกลางเรื่องการสังหารผู้อื่นด้วยปืน อาจมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต หากผู้ต้องหาถูกตัดสินว่ามีความผิด

ถ้าหากว่าอัยการยังไม่ได้พบว่าจะดำเนินการเพื่อให้เเมนจิโอนีถูกประหารชีวิตหรือไม่

ส่วนข้อหาระดับรัฐประกอบด้วย ฆ่าผู้อื่นโดยเป็นการกระทำก่อวินาศกรรม ซึ่งอาจเจอโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีเงื่อนไขภาคทัณฑ์

แมนจิโอนี วัย 26 ปี ที่จบการศึกษาจากมหาวิยาลัยอันดับต้น ๆ ของสหรัฐฯ กลุ่มไอวีลีค ถูกตั้งข้อหาว่าซุ่มจู่โจมพร้อมทั้งสังหารธอมป์สัน ที่ด้านนอกของโรงเเรมบนเกาะเเมนฮัตตัน โดยธอมป์สันกำลังเดินไปร่วมประชุมนักลงทุนของบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ 

เมื่อตอนที่ตำรวจเข้าจับตัวแมนจิโอนีที่ร้านฟาสต์ฟู้ดแม็คโดนัลด์ วันที่ 9 ธ.ค. เขาพกบัตรประจำตัวปลอม หนังสือเดินทาง พร้อมทั้งเงินราว 10,000 ดอลลาร์ 

เจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่าสาเหตุของการสังหารธอมป์สันมาจากที่เเมนจิโอนีไม่พอใจระบบประกันสุขภาพสหรัฐฯ พร้อมทั้งมองบริษัทขนาดใหญ่ว่าดำเนินธุรกิจด้วยความโลภ

ถ้าหากว่าบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์แคร์ บอกว่าเเมนจิโอนีไม่เคยทำประกันกับบริษัทมาก่อน

ข้อมูลในเอกสารของรัฐบาลกลาง พบว่าในสมุดโน้ตที่พบว่าอยู่กับเเมนจิโอนี ในตอนถูกจับมีเนื้อหาหลายหน้าที่เขียนด้วยลายมือ แสดงอารมร์รุนเเรงต่อธุรกิจประกันสุขภาพ พร้อมทั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้บริหารบริษัทต่าง ๆ ที่ร่ำรวย

ในสมุดดังกล่าว มีการเขียนบันทึกในเดือนสิงหาคมว่า “เป้าอยู่ที่ (ธุรกิจ) ประกัน” เพราะ “เช็คถูกทุกข้อ” พร้อมทั้งในเดือนตุลาคม บันทึกพบว่า “ต้องการ ‘ฟาด’ ซีอีโอของบริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งที่การประชุมนักลงทุน ”

ทั้งนี้การสังหารธอมป์สัน จุดชนวนให้ผู้คนต่างสะท้อนความรู้สึกไม่พอใจที่มีต่อบรรดาบริษัทประกันสุขภาพ

ผู้ใช้โซเชียลมีเดียบางรายเปรียบการจบชีวิตของผู้บริหารวัย 50 ปีรายนี้ว่าเป็นการ “ชำระคืน”

ดูเหมือนว่าแมนจิโอนี ไม่ได้ติดต่อครอบครัวพร้อมทั้งเพื่อนสนิทในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา 

ครอบครัวของเขาเเจ้งกับตำรวจซานฟรานซิสโกว่าเเมนจิโอนีหายตัวไปพร้อมทั้งไม่สามารถติดต่อได้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ญาติ ๆ ของเขากล่าวในแถลงการณ์ว่าพวกเขา “ช็อคพร้อมทั้งสูญสลาย” จากข่าวการจับตัวเขา

สำหรับธอมป์สัน เขาเติบโตในฟาร์มรัฐไอโอวา พร้อมทั้งเรียนเป็นนักบัญชี เขาเเต่งงานมีลูกสองคนซึ่งอยู่ชั้นมัธยมปลาย เขาทำงานบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์แคร์มายาวนาน 20 ปีพร้อมทั้งรับตำแหน่งซีอีโอของบริษัทลูกธุรกิจประกันในปี 2021

ที่มา: เอพี

 

ส่องประวัติไม่ธรรมดาของผบ.ตร.หญิงนิวยอร์ก 

เมื่อต้นเดือนธันวาคม ชาวอเมริกันทั่วประเทศได้รู้จักกับผู้บัญชาการตำรวจหญิงแห่งนครนิวยอร์ก หรือ NYPD “เจสซิกา ทิส์ช”

เธอคือผู้รับภารกิจหนักในการตามล่าตัวผู้ต้องสงสัย ยิงซีอีโอบริษัทประกันสุขภาพอันดับหนึ่งยูไนเต็ดเฮลธ์แคร์ ไบรอัน ธอมป์สันจบชีวิตกลางเกาะแมนฮัตตันเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.

น้อยครั้งที่จะได้เห็นผู้หญิงเป็นผู้บัญชาการตำรวจโดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กซึ่งมีขนาดกองงานตำรวจใหญ่กว่าเมืองใด ๆ ในประเทศ

ผบ.ตร. NYPD ผู้นี้อายุ 43 ปีเท่านั้น แต่ต้องบริหารคนในหน่วยงานกว่า 50,000 คน

แต่ถ้าดูประวัติส่วนตัวของเธอแล้ว ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ทิส์ช จบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด พร้อมทั้งปริญญาโทบริหารธุรกิจจากสถาบันแห่งนี้เช่นกัน

เธอยังมาจากครอบครัวผู้กุมบังเหียนธุรกิจร้านวัสดุก่อสร้างยักษ์ใหญ่ Lowe’s ของสหรัฐฯ

ก่อนที่เธอจะเป็น ผบ.ตร. NYPD เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน เธอรับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสุขอนามัยของนครแห่งนี้ แต่ก่อนหน้านั้นเคยทำงานอยู่ใน NYPD มาแล้ว

ทิส์ชได้แสดงฝีมือในการยกเครื่องความทันสมัยของระบบเทคโนโลยีของตำรวจนิวยอร์กซึ่งในที่สุดโครงการนี้ มีส่วนนำไปสู่การได้มาซึ่งภาพจากระบบกล้องตรวจการณ์ พร้อมทั้งจับตัวผู้ต้องหาได้ 6 วันหลังจากเกิดเหตุ

อนาคตของทิส์ชจะเป็นอย่างไรพร้อมทั้งจะไปได้ไกลกว่างานที่นครนิวยอร์กหรือไม่ เป็นสิ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

 ที่มา The Wall Street Journalพร้อมทั้ง NYC.GOV

สหรัฐฯ ยอมรับ การสกัดจีน-รัสเซียไม่ให้เข้าถึงชิปคอมพิวเตอร์ล้ำสมัย ‘ยังทำไม่ดีพอ’

รายงานล่าสุดโดยคณะอนุกรรมาธิการถาวรวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนพบว่า ความพยายามของกระทรวงพาณิชยในการสกัดกั้นจีนพร้อมทั้งรัสเซียไม่ให้เข้าถึงเทคโนโลยีชิปคอมพิวเตอร์ล้ำสมัยนั้น “ยังทำได้ไม่ดีพอ” พร้อมทั้งยังต้องการงบสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อขัดขวางไม่ให้ทั้งสองประเทศนี้รุดหน้าในการผลิตอาวุธทันสมัย

รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน สั่งดำเนินมาตรการควบคุมการส่งออกเพื่อจำกัดความสามารถของจีนพร้อมทั้งรัสเซียในการเข้าถึงชิปประมวลผลที่ผลิตในสหรัฐฯ หลังรัฐบาลมอสโกส่งทัพรุกรานยูเครนเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน

รายงานฉบับดังกล่าวพบว่า สำนักอุตสาหกรรมพร้อมทั้งความมั่นคง (Bureau of Industry and Security – BIS) ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ไม่มีทรัพยากรมากเพียงพอที่จะบังคับใช้กฎการควบคุมที่ว่า พร้อมทั้งพึ่งพาผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ ให้ยินยอมปฏิบัติตามกฎด้วยตนเองมากเกินไป

แต่การร้องของบพร้อมทั้งทรัพยากรเพิ่มเพื่อช่วยดำเนินแผนงานนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เล็งที่จะลดขนาดพร้อมทั้งความสามารถของรัฐบาลกลางอยู่

เอพีพบว่า ได้ติดต่อทีมงานเปลี่ยนถ่ายของทรัมป์เพื่อขอความเห็น แต่ไม่ได้รับการตอบกลับก่อนจัดพิมพ์รายงานข่าวนี้

ชาร์ลี แอนดรูว์ โฆษกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า งบประมาณของสำนัก BIS นั้นไม่เคยเพิ่มขึ้นพร้อมทั้งอยู่ที่ระดับราว 190 ล้านดอลลาร์มาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว ขณะที่ เจ้าหน้าที่ของสำนักฯ พยายามทำงานอย่างหนัก “เพื่อบรรลุเป้าหมายของภารกิจพร้อมทั้งปกป้องความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ”

เมื่อวันพุธ สว.ริชาร์ด บลูเมนธัล สังกัดพรรคเดโมแครตจากรัฐคอนเนคติกัตที่ดำรงตำแหน่งรองประธานคณะอนุกรรมการถาวรวุฒิสภา ส่งจดหมายถึง จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมทั้งหยิบยกประเด็นข่าวที่ว่า กองทัพรัสเซียยังคงได้รับชิ้นส่วนต่าง ๆ จากบริษัท Texas Instruments ผ่านบริษัทในฮ่องกงที่ทำธุรกิจบังหน้าให้ พร้อมชี้ว่า นี่คือตัวอย่างของการที่มาตรการควบคุมการส่งออกล้มเหลว

สว.บลูเมนธัล ยังเรียกร้องขอให้ “กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการต่าง ๆ ในทันทีพร้อมทั้งปราบปราบบริษัทที่ปล่อยให้ชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่ทำในสหรัฐฯ หลุดไปช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้อาวุธรัสเซียพร้อมทั้งให้ความฮึกเหิมของจีน”

ในเวลาเดียวกัน Texas Instruments พบว่า บริษัทนั้นคัดค้านการใช้งานชิปของตนเพื่อผลิตอาวุธให้กับกองทัพรัสเซียรวมทั้งกรณีที่มีการแอบส่งผลิตภัณฑ์ของตนไปยังรัสเซียด้วย

แต่นี่ไม่ใช่บริษัทแห่งเดียวที่ประสบปัญหาแบบนี้ เพราะรายงานของคณะอนุกรรมาธิการเมื่อเดือนกันยายนก็พบว่า มีการส่งออกชิปจากบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ จำนวน 4 แห่งในปี 2022 ไปยังประเทศอาร์เมเนียพร้อมทั้งจอร์เจียรวมกันแล้วสูงขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับตัวเลขในปี 2021

รายงานข่าวพบว่า ทั้งสองประเทศนี้เป็นที่ตั้งของบริษัทหลายแห่งที่ทำธุรกิจบังหน้าเพื่อช่วยเหลือรัสเซียหาซื้อชิปล้ำสมัยที่ผลิตในสหรัฐฯ

ในกรณีของจีนนั้น รายงานของคณะอนุกรรมาธิการฯ พบว่า บริษัทหลายแห่งพบวิธีที่จะหลบเลี่ยงมาตรการควบคุมการส่งออกได้ เพราะกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านจีนพร้อมทั้งผู้ที่พูดภาษาจีนประจำอยู่ที่หน่วยควบคุมการส่งออก

รายงานนี้ยังชี้ด้วยว่า งบของกระทรวงพาณิชย์ไม่มากพอที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการตรวจสอบบริษัทผู้จัดจำหน่ายในต่างประเทศหรือบริษัทผู้ซื้อชิปของสหรัฐฯ ว่า ส่งต่อไปให้ใครหรือไม่ โดยในเวลานี้ กระทรวงฯ มีเจ้าหน้าที่ควบคุมการส่งออกตามจุดต่าง ๆ ของโลกอยู่เพียง 11 คนเท่านั้น

 

 

ที่มา: เอพี

ปูตินอ้าง รัสเซียใกล้บรรลุเป้าหมายในยูเครนแล้ว

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า กองกำลังรัสเซียกำลังใกล้ที่จะบรรลุเป้าหมายหลักในสนามรบกับยูเครนแล้ว พร้อมคุยโอ่เกี่ยวกับขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงของมอสโกว่า มีความแข็งแกร่งคงกระพันอย่างมากด้วย

ในการให้สัมภาษณ์พิเศษประจำปีที่มีการออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลมอสโก ปูตินบอกว่า กองทัพรัสเซียได้รุกคืบเข้าไปตามแนวหน้าของสนามรบกับยูเครนแล้ว แม้ว่า สถานการณ์นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทุกวัน

นักวิเคราะห์ทั้งฝั่งรัสเซียพร้อมทั้งชาติตะวันตกบอกว่า รัสเซียกำลังทำการรุกคืบเข้าไปในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนในระดับที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 มา รวมทั้งเข้ายึดหมู่บ้านหลายแห่งพร้อมทั้งเข้าใกล้เมืองสำคัญ ๆ รวมทั้งถนนสายหลักพร้อมทั้งศูนย์กลางระบบขนส่งทางรางด้วย

ปูตินกล่าวด้วยว่า นักรบรัสเซียเข้ายึดอาณาเขตต่าง ๆ ได้ในแต่ละวัน แต่ก็ยอมรับว่า สถานการณ์การต่อสู้นั้นมีความซับซ้อน

ผู้นำรัสเซียพบว่า “ทุกคนนั้นสู้ เยี่ยงวีรบุรุษ พร้อมทั้งทั้งหมดก็ยังคงสู้ต่อไป ขอให้ทุกคนอวยพรพวกเขาโชคดี มีชัยพร้อมทั้งได้กลับคืนสู่บ้านของพวกเขาในที่สุด”

พร้อมทั้งเมื่อมีผู้ถามเกี่ยวกับทัพยูเครนที่ประจำอยู่ในแคว้นเคิร์สก ปูตินตอบว่า ทัพทหารของกรุงเคียฟจะถูกขับออกไปในที่สุด แต่ก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่น่าจะเกิดขึ้น

ในเวลาเดียวกัน ผู้นำเครมลินใช้เวลาในการสัมภาษณ์เพื่อพูดถึงความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครทำลายได้ของขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง “โอเรชนิก” ที่รัสเซียทำการยิงทดสอบเข้าใส่โรงงานของกองทัพยูเครนมาแล้ว โดยบอกว่า ตนพร้อมที่จะทำการยิงขีปนาวุธที่ว่าอีกครั้ง เพื่อดูว่า ระบบป้องกันการจู่โจมทางอากาศของชาติตะวันตกจะยิงสกัดได้ไหม

ปูตินกล่าวด้วยว่า “ไม่มีทางเลยที่จะยิงขีปนาวุธเหล่านี้ตกลงได้”

ปธน.รัสเซียยังกล่าวท้าทายชาติตะวันตกพร้อมทั้งสหรัฐฯ ให้มาทดสอบความสามารถของขีปนาวุธ “โอเรชนิก” ด้วยการใช้กรุงเคียฟเป็นเป้าพร้อมทั้งให้ติดตั้งระบบป้องกันการจู่โจมทั้งหมดที่มีเพื่อดูว่า จะเกิดอะไรขึ้นด้วย

 

ที่มา: วีโอเอ

ทรัมป์ระดมเสียงคองเกรสปฏิเสธร่างกม.งบใหม่-ส่งกระแสกังวลรัฐบาลปิดทำการชั่วคราว

 

ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสร่วมปฏิเสธร่างกฎหมายงบประมาณที่จะช่วยให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินงานต่าง ๆ ต่อไปได้อีกระยะ

การเคลื่อนไหวของว่าที่ผู้นำทำเนียบขาวที่มีออกมาในวันพุธส่งผลให้เกิดความเสี่ยงสูงขึ้นว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องการปิดทำการบางส่วนหลังวันศุกร์นี้

นอกจากนั้น ทรัมป์พร้อมทั้งว่าที่รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ร่วมกันเร่งเร้าให้สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายชั่วคราวอีกฉบับที่ปราศจากส่วนที่ทั้งสองพบว่าเป็น “ของแจกจากพรรคเดโมแครต” เพื่อแทนร่างกฎหมายที่มีการเปิดเผยออกมาเมื่อวันอังคาร

ทรัมป์ยังขอให้สมาชิกสภาใช้ร่างกฎหมายฉบับซึ่งจะมาแทนที่ ในการหยิบยกประเด็นการขยายเพดานหนี้ของประเทศขึ้นมาหารือต่อรอง พร้อมทั้งเพิ่มองค์ประกอบใหม่ ๆ ที่ทำให้กระบวนการผ่านงบมีความซับซ้อนมากขึ้นด้วย

ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการปิดทำการชั่วคราวของรัฐบาลยุ่งยากขึ้น พร้อมทั้งนำความกังวลมาสู่ทุกฝ่ายอย่างมาก เพราะนั่นหมายถึงผลกระทบต่อส่วนงานต่าง ๆ ตั้งแต่การควบคุมการเดินทางทางอากาศไปจนถึงงานด้านการรักษากฎหมายในช่วงก่อนวันหยุดคริสต์มาส

พร้อมทั้งหากสถานการณ์นี้เกิดขึ้นจริง นี่จะเป็นการปิดทำการชั่วคราวของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ครอบคลุมช่วงเวลาเทศกาลวันหยุดส่งท้ายปีครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 ถึงต้นปี 2019 หรือช่วงวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกของทรัมป์ โดยครั้งนั้นเป็นการปิดทำการยาวที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ซึ่งก็คือ 34 วัน

เนื้อหาของร่างกฎหมายงบที่ทรัมป์ไม่เห็นด้วยนี้มีการจัดงบประมาณให้กับหน่วยงานรัฐบาลทั้งหลายให้ดำเนินงานตามปกติต่อไป พร้อมทั้งมีการตั้งงบ 100,000 ล้านดอลลาร์เพื่อการบรรเทาภัยพิบัติ รวมทั้งการเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศซึ่งเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองที่น่าจะต้องมีการลงมือจัดการในปีหน้าอยู่ดี

แถลงการณ์ของทรัทป์พร้อมทั้งแวนซ์ ระบุด้วยว่า “ถ้าพรรคเดโมแครตไม่ยอมร่วมมือในเรื่องเพดานหนี้ตอนนี้ อะไรทำให้ทุกคนคิดว่า พวกเขาจะยอมร่วมมือในเดือนมิถุนายนในช่วงรัฐบาลใหม่ของเรา”

ในเวลานี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า คองเกรสจะเดินหน้าต่อไปในทิศทางใด เพราะการผ่านร่างกฎหมายงบนั้นต้องได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งพรรครีพับลิกันกุมเสียงข้างมากอยู่ พร้อมทั้งในวุฒิสภาที่เดโมแครตควบคุมเสียงข้างมาก

เหตุผลของการที่ต้องออกกฎหมายงบประมาณที่เรียกว่า stopgap funding bill ออกมา ก็คือ การที่สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านกฎหมายงบประมาณฉบับปกติสำหรับปีงบประมาณปัจจุบันที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาได้

ทั้งนี้ ปัญหาการจัดงบนี้จะไม่มีผลต่อโครงการสวัสดิการรัฐต่าง ๆ เช่น ระบบประกันสังคม (social security) ที่สามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยอัตโนมัติ แม้ว่าสภาคองเกรสจะยังไม่ผ่านกฎหมายงบใหม่ออกมาก็ตาม

รายงานข่าวพบว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สูงกว่ารายได้ที่เก็บได้ในช่วงกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เพราะพรรคเดโมแครตได้ดำเนินการขยายโครงการด้านสุขภาพต่าง ๆ ให้ประชาชน ขณะที่ พรรครีพับลิกันสั่งลดการเก็บภาษี ในช่วงที่ ภาวะประชากรสูงอายุทำให้มีการคาดการณ์ว่า ต้นทุนการเกษียณพร้อมทั้งการดูแลสุขภาพของประเทศจะพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีจากนี้

ปัจจุบัน ภาวะหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงค่อย ๆ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมาอยู่ที่ระดับ 36 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว พร้อมทั้งสถานการณ์เช่นนี้น่าจะบีบให้สภาคองเกรสต้องปรับขึ้นเพดานหนี้ประเทศไม่ช้าก็เร็ว เพราะหากไม่มีการทำอะไรในเรื่องนี้ ก็อาจส่งแรงสั่นสะเทือนไปยังตลาดพันธบัตรพร้อมทั้งผลกระทบรุนแรงด้านเศรษฐกิจต่อไปได้

ความเห็นของทรัมป์เรื่องกฎหมายงบชั่วคราวนี้มีออกมา หลัง อิลอน มัสก์ กดดันให้สภาคองเกรสปฏิเสธร่างกฎหมายดังกล่าวพร้อมทั้งบอกว่า ผู้ที่สนับสนุนร่างนี้ควรถูกโหวตให้ออกจากตำแหน่งไป

อภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจรถยนต์เทสลาพร้อมทั้งกิจการด้านอวกาศสเปซเอ็กซ์รายนี้ที่ควักเงินสนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์ไปกว่า 250 ล้านดอลลาร์ ได้รับมอบหมายจากว่าที่ปธน.สหรัฐฯ ให้จัดการตัดงบรัฐบาลกลาง

ทั้งนี้ หากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบชั่วคราวออกมาได้ทัน หน่วยงานรัฐบาลกลางต่าง ๆ จะไม่มีงบดำเนินงานตั้งแต่วันเสาร์นี้เป็นต้นไป แต่ถ้าหากทุกอย่างเดินหน้าไปได้ งบชั่วคราวนี้จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดทำการต่อไปได้ถึง 14 มีนาคมปีหน้า

 

ที่มา: รอยเตอร์

 

พรรคประชาชน เฉ่งนายกฯ เบี้ยวตอบ 2 กระทู้ ฉุนไม่ให้ความสำคัญงานสภา

“เท้ง ณัฐพงษ์” นำทีมยื่นกระทู้ถามสด นายกรัฐมนตรี เดือดไม่มาแจงเอง มอบ “ภูมิธรรม-พีระพันธุ์” ตอบแทน แต่ขอเลื่อนตอบทั้งคู่ อัด ไม่ให้ความสำคัญต่อสภา ทั้งที่ล็อกคิวตารางงานล่วงหน้าได้

“บิ๊กเต่า” เผยปมไร่ภูนับดาวคืบหน้ากว่า 80% ลั่นไม่อยากให้คิดเรื่องการเมือง

“บิ๊กเต่า” ร่วมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปแนวทางบังคับใช้กฎหมายเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิ์ เอื้อนายทุนไร่ภูนับดาวพร้อมทั้งพื้นที่ข้างเคียงกว่า 600 ไร่ เผยตอนนี้มีพยานหลักฐานมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์

ทนายมาดามอ้อย ให้การเพิ่มเติมเอาผิด “ทนายตั้ม” ยันไม่กังวลเรื่องตามทรัพย์สินคืน

ทนาย “มาดามอ้อย” มาให้การเพิ่มเติมเอาผิด “ทนายตั้ม” ยืนยันไม่กังวลเรื่องตามทรัพย์สินกลับคืน แม้ตอนนี้ตามอายัดได้เพียงแค่ครึ่งเดียว