ข่าวด่วนวันนี้
thailandtvhd.com
สอบสวนกลาง บอกมันจบแล้วครับบอส ลุยจับ 18 คน ตามหมาย
รมว.ดีอี ตั้ง “ชาติพงษ์ จีระพันธุ์” นั่งประธาน สอบปม “เทวดา สคบ.” รายงานผลใน 30 วัน
เกาะติดหาเสียงรัฐเพนซิลเวเนีย – สมรภูมิสำคัญตัดสินปธน.สหรัฐฯ
ความสำคัญของรัฐเพนซิลเวเนียในฐานะ swing state
รัฐเพนซิลเวเนีย คือหนึ่งในกลุ่มรัฐที่ถือว่าเป็น battleground states หรือ รัฐสมรภูมิ ที่มีทั้งหมด 7 รัฐในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้แก่ รัฐเพนซิลเวเนีย มิชิแกน วิสคอนซิน จอร์เจีย แอริโซนา เนวาดา พร้อมทั้งนอร์ธแคโรไลนา
รัฐเพนซิลเวเนีย นอกจากจะเป็นรัฐสมรภูมิที่มีจำนวนผู้แทนเลือกตั้ง หรือ electoral college มากที่สุด คือ 19 คน ยังถือเป็นรัฐที่คะแนนเสียงมีโอกาสเปลี่ยนเป็นของพรรคใดพรรคหนึ่งมากที่สุด พร้อมทั้งยังได้รับความสนใจมากขึ้นหลังเกิดเหตุความพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน เมื่อเดือนกรกฎาคม
ในการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ ในอดีต ผู้สมัครที่ชนะในรัฐเพนซิลเวเนียสามารถชนะการเลือกตั้งทั่วประเทศได้ถึง 10 ครั้งจาก 12 ครั้งหลังสุด รวมทั้งโอบาม่าในปี 2012 ทรัมป์เมื่อปี 2016 พร้อมทั้งไบเดนในปี 2020
นั่นคือสาเหตุที่ผู้สมัครทั้งสองคนต่างทุ่มเทเงินพร้อมทั้งเวลาไปที่รัฐนี้มากที่สุด โดยข้อมูลของสื่อซีบีเอสพบว่า ผู้สมัครทั้งสองคนคือ รองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส พร้อมทั้งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้เงินหาเสียงที่รัฐนี้รวมกันถึง 436 ล้านดอลลาร์จนถึงขณะนี้
เพนซิลเวเนีย ถือเป็นรัฐที่มีความหลากหลายอย่างมากด้านประชากรศาสตร์ สังคม เศรษฐกิจ พร้อมทั้งการเมือง เคยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหนักในอเมริกาพร้อมทั้งมีพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ ประชากรส่วนใหญ่คือคนอเมริกันผิวขาวซึ่งคิดเป็น 74% ของประชากรทั้งหมด พร้อมทั้งมีประชากรผิวดำ 12.3% พร้อมทั้งฮิสแปนิก 8.9% นอกจากนี้ยังมีสัดส่วนประชากรสูงอายุในระดับสูง คือ 20% อ้างอิงข้อมูลจาก US News & World Report
ในทางการเมือง เมืองใหญ่อย่างเช่น นครฟิลาเดลเฟีย พร้อมทั้งนครพิตตส์เบิร์ก มักเอียงไปทางพรรคเดโมแครต แต่ในเขตนอกเมืองพร้อมทั้งชนบทมักเลือกพรรครีพับลิกัน ทำให้รัฐนี้กลายเป็นสมรภูมิสำคัญของสองพรรค โดยผลการสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของนิวยอร์กไทมส์ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ชี้ว่า แฮร์ริสนำทรัมป์ที่รัฐนี้ 49 – 48%
ความสำคัญของเขตปกครองเอียรีเคาน์ตี ในเชิงการเมือง
เขตปกครองเอียรีเคาน์ตี้ (Erie County) ตั้งอยู่ปลายสุดด้านตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐเพนซิลเวเนีย มีพรมแดนติดกับทะเลสาบเอียรีพร้อมทั้งประเทศแคนาดา ลักษณะด้านประชากรศาสตร์คล้ายกับของรัฐเพนซิลเวเนีย คือมีคนผิวขาวราว 80% พร้อมทั้งคนผิวดำราว 7% โดยมีผู้ที่ลงทะเบียนสังกัดพรรคเดโมแครต 46% พรรครีพับลิกัน 39% จากประชากรทั้งหมดราว 300,000 คน
นักวิเคราะห์หลายคนบอกว่า เอียรีเคาน์ตี้คือ สมรภูมิสำคัญในรัฐสมรภูมิสำคัญ หมายความว่า ผู้สมัครที่ชนะที่เคาน์ตีนี้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 16 ปีที่ผ่านมา จะชนะที่รัฐเพนวิลเวเนียด้วยพร้อมทั้งจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
โจ มอร์ริส อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเมอร์ซีย์เฮิร์สต ในเมืองเอียรี ระบุในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย ว่า “ตั้งแต่ปี 2008 รัฐเพนซิลเวเนียจัดการเลือกตั้งทั้งในระดับชาติพร้อมทั้งระดับท้องถิ่นรวม 25 ครั้ง ในจำนวนนี้มี 23 ครั้งที่ผู้ชนะสามารถได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ที่เอียรีเคาน์ตีด้วย พร้อมทั้งเป็นพรรคเดแมครตที่ชนะถึง 20 ครั้ง ขณะที่พรรครีพับลิกันชนะไป 5 ครั้ง”
นักวิชาการผู้นี้ชี้ว่า มีไม่มีเขตการปกครองในอเมริกาที่จะมีส่วนสำคัญในการชี้วัดว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดี พร้อมทั้งเอียรีคือหนึ่งในนั้น
บรรยากาศการหาเสียงของรองปธน.แฮร์ริส
ในการหาเสียงของรองปธน.แฮร์ริส ที่ Erie Insurance Arena มีผู้เข้าร่วมราว ๆ 8,000 – 9,000 (เต็มความจุ) ถือเป็นการหาเสียงของแฮร์ริสในแถบตะวันตกของรัฐเพนซิลเวเนียที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุด
การรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด หลังจากที่มีเหตุความพยายามลอบสังหารอดีตปธน.ทรัมป์ ที่เมืองบัตเวอร์ ไม่ไกลจากเมืองเอีนรี เมื่อเดือนกรกฎาคม มีการนำโดรนมาบินตรวจตรา ใช้เครื่องตรวจจับวัตถุแปลกปลอมพร้อมทั้งสุนัขดมกลิ่น มีตำรวจพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่อารักขาของหน่วยงาน Secret Service ประจำทั่วบริเวณ พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่แม่นบืนประจำบนหลังคาศูนย์จัดงาน
บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีการเปิดเพลงเหมือนงานปาร์ตี มีนักการเมืองของรัฐเพนวิลเวเนียเข้าร่วมกล่าวปราศรัยหลายคน รวมทั้งวุฒิสมาชิก จอห์น เฟธเธอร์แมน
ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาร่วมงาน รวมทั้งประชาชนในเมืองเอียรี ทั้งที่เชียร์เดโมแครตพร้อมทั้งรีพับลิกันพร้อมทั้งให้สัมภาษณ์ไว้กับสื่อต่าง ๆ ต่างพบว่า ปัญหาเศรษฐกิจคือประเด็นสำคัญที่สุด หลังจากที่การระบาดของไวรัสโคโรน่าทำให้เศรษฐกิจของเมืองนี้ซบเซาเช่นเดียวกับเศรษฐกิจโดยรวมของรัฐเพนซิลเวเนีย ทำให้ผู้สมัครทั้งสองคนต้องพยายามชูนโยบายด้านเศรษฐกิจของตนในการหาเสียงในรัฐนี้
นอกจากนี้ ผู้สังกัดพรรคเดโมแครตยังกังวลถึงประเด็นสิทธิการทำแท้ง พร้อมทั้งการปกป้องประชาธิปไตยของชาติ ขณะที่ผู้นิยมพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่กังวลถึงปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองพร้อมทั้งปัญหาอาชญากรรม
ที่มา: วีโอเอ ภาคภาษาไทย
‘ทูตแพนด้าจีน’ เดินทางถึงกรุงวอชิงตันแล้ว-เตรียมเปิดตัว ม.ค. 2568
เป่า ลี่ พร้อมทั้ง ชิง เป่า แพนด้าอายุ 3 ขวบ คือ ทูตคู่ใหม่ที่เดินทางจากจีนมายังท่าอากาศยานนานาชาติดัลเลส ที่ชานกรุงวอชิงตัน หลังเครื่องบินแวะเติมน้ำมันที่อลาสกามาแล้ว โดยทั้งคู่เดินทางต่อด้วยรถบรรทุกพิเศษจากบริการจัดส่ง FedEx มายังสวนสัตว์ในเมืองหลวงของสหรัฐฯ ก่อนเที่ยงวันอังคาร
แบรนดี สมิธ ผู้อำนวยการสวนสัตว์ที่เดินทางไปจีนเพื่อร่วมงานเลี้ยงส่งหมีแพนด้าทั้งสองตัวด้วย กล่วาว่า ทีมงานของสวนสัตว์เร่งทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อเตรียมรับทูตคู่ใหม่นี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางมาเยี่ยมชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ในเร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ดี สวนสัตว์แห่งชาติสมิธโซเนียนปิดบริการในวันอังคารเป็นพิเศษ เพื่อต้อนรับ เป่า ลี่ พร้อมทั้ง ชิง เป่า ซึ่งต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวเฝ้าระวังเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน ขณะที่ แถลงการณ์ของทางสวนสัตว์พบว่า จะมีการเปิดตัวแพนด้าทั้งสองตัวอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนพร้อม ๆ กับการเปิดบ้านหลังใหม่ที่มีการปรับปรุงบูรณะใหม่แล้วในวันที่ 24 มกราคมปีหน้า
ทั้ง “เป่า ลี่” (precious vigor หรือ พลกำลังอันล้ำค่า”) พร้อมทั้ง “ชิง เป่า” (green treasure หรือ ขุมทรัพย์สีเขียว) คือทูตสันถวไมตรีที่ทางการจีนส่งมาอยู่ที่สหรัฐฯ ภายใต้ข้อตกลงระยะเวลา 10 ปี
นอกจากแพนด้าทั้งสองตัวนี้แล้ว กรุงปักกิ่งได้ดำเนินการส่งแพนด้าอีก 4 ตัวมาให้สวนสัตว์ในนครเมมฟิส ในรัฐเทนเนสซี พร้อมทั้งนครซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเพิ่งส่งแพนด้ากลับไปจีนก่อนหน้านี้
เมื่อครั้งที่สหรัฐฯ จำต้องส่งแพนด้ากลับคืนนั้น หลายคนกังวลว่า ชาวอเมริกันจะไม่ได้เห็นสัตว์หายากนี้อีก เนื่องจากความตึงเครียดทางการทูตระหว่างสองประเทศ จนกระทั่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่แล้วที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะเดินหน้าโครงการแลกเปลี่ยนแพนด้าต่อไป
ทั้งนี้ หมีแพนด้ากลายมาเป็นสัญลักษณ์อย่างไม่เป็นทางการของเมืองหลวงของสหรัฐฯ ตั้งแต่เมื่อปี 1972 ที่กรุงวอชิงตันได้รับแพนด้าคู่แรก ซึ่งก็คือ “หลิง หลิง” พร้อมทั้ง “ชิง ชิง” ที่อดีตนายกรัฐมนตรีโจว เอิ้นไหล ของจีน มอบให้อดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เป็นของขวัญระหว่างที่เยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์ ก่อนจะมีการทำข้อตกลงอายุ 10 ปีขึ้นมา
ที่มา: เอพี
ไมโครซอฟท์: อาชญากรไซเบอร์เดินหน้าช่วยรัสเซีย-จีน-อิหร่าน จู่โจมสหรัฐฯ หนักขึ้น
ความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นระหว่างรัฐบาลเผด็จการพร้อมทั้งแฮกเกอร์ของแก๊งอาชญากรรมทั้งหลายกลายมาเป็นประเด็นที่หน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งชาติพร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ต่าง ๆ รู้สึกกังวลหนักขึ้นอย่างมาก
หนึ่งในตัวอย่างที่ไมโครซอฟท์อ้างถึงในรายงานฉบับนี้คือ กรณีที่นักวิเคราะห์พบว่า แก๊งแฮกเกอร์กลุ่มหนึ่งที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาลอิหร่านทำการแทรกซึมเข้าไปในเว็บหาคู่ของอิสราเอลพร้อมทั้งขโมยข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งานออกมาเพื่อเรียกค่าไถ่หรือนำไปขายต่อ ซึ่งไมโครซอฟท์สรุปว่า แฮกเกอร์มีแรงจูงใจ 2 ประการ นั่นคือ เพื่อทำให้อิสราเอลขายหน้าพร้อมทั้งเพื่อหาเงิน
อีกตัวอย่างเหตุการณ์หนึ่งที่มีการระบุในรายงานดังกล่าวคือ กรณีที่เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนระบุตัวเครือข่ายอาชญากรรมสัญชาติรัสเซียกลุ่มหนึ่งได้ว่า ทำการแทรกซึมเข้าไปในอุปกรณ์อิเลกทรอนิกกว่า 50 เครื่องของกองทัพยูเครนเมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งเชื่อกันว่า น่าจะเพื่อหาข้อมูลที่ช่วยให้รัสเซียรุกรานยูเครนได้สำเร็จ แต่ในกรณีนี้ ไม่พบแรงจูงใจด้านการเงินใด ๆ นอกจากค่าจ้างที่รัสเซียจ่ายให้เท่านั้น
ทอม เบิร์ท รองประธานบริษัทไมโครซอฟท์ ด้านความปลอดภัยพร้อมทั้งความเชื่อมั่นของลูกค้า บอกว่า การศึกษาชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ประเทศอย่างเช่น รัสเซีย จีน อิหร่านพร้อมทั้งเกาหลีเหนือ หันมาร่วมมือกับอาชญากรไซเบอร์เพิ่มมากขึ้นเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย
อย่างไรก็ดี เบิร์ทเปิดเผยว่า ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนที่จะยืนยันว่า รัสเซีย จีนพร้อมทั้งอิหร่านแบ่งปันทรัพยากรด้านนี้ระหว่างกัน หรือทำงานร่วมกับเครือขายอาชญากรกลุ่มเดียวกัน แต่ก็ชี้ว่า การที่รัฐบาลเหล่านี้เลือกมาพึ่ง “ทหารรับจ้าง” ทางไซเบอร์ที่เป็นเอกชนมากขึ้นแสดงให้เห็นว่า ศัตรูของสหรัฐฯ กำลังมุ่งใช้อินเทอร์เน็ตเป็นอาวุธจู่โจมหนักขึ้นแล้ว
ทั้งนี้ รายงานของไมโครซอฟท์พบว่า ปฏิบัติการส่วนใหญ่ที่รัสเซียมีส่วนร่วมนั้นมุ่งเน้นไปยังยูเครน โดยมีเป้าหมายการจู่โจมเป็นระบบของรัฐบาลพร้อมทั้งกองทัพ พร้อม ๆ กับการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนเพื่อหวังบ่อนทำลายแรงสนับสนุนของชาติพันธมิตรทั้งหลายของกรุงเคียฟ แต่ยูเครนก็มีการตอบโต้ด้วยปฏิบัติการทางไซเบอร์ด้วย ดังเช่นในกรณีของสัปดาห์ที่แล้วที่มีการทำให้ระบบของสื่อรัฐบาลมอสโกบางแห่งล่มไป
นอกจากนั้น ยังมีการพบว่า เครือข่ายอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ทำงานกับรัสเซีย จีนพร้อมทั้งอิหร่านยังพุ่งเป้าจู่โจมมายังผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันด้วยการสร้างเว็บไซต์พร้อมทั้งบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมเพื่อปล่อยข้อมูลเท็จพร้อมทั้งข้อมูลที่ทำให้สังคมเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งปีนี้
นักวิเคราะห์ของไมโครซอฟท์ยังเห็นด้วยกับการประเมินของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ ที่ว่า รัสเซียมุ่งจู่โจมแผนหาเสียงของรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ขณะที่ อิหร่านนั้นพยายามต่อต้านอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นหลัก
ทอม เบิร์ท รองประธานบริษัทไมโครซอฟท์ กล่าวเสริมว่า ทั้งรัสเซียพร้อมทั้งอิหร่านน่าจะเร่งเครื่องปฏิบัติการทางไซเบอร์ของตนในช่วงที่วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ งวดเข้ามาอยู่นี้
ในส่วนของจีนนั้น รายงานของไมโครซอฟท์พบว่า ไม่ได้ยุ่งกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีเลย แต่มุ่งเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสพร้อมทั้งการเลือกตั้งในระดับรัฐพร้อมทั้งท้องถิ่นเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งหลิว เพ็งหยู โฆษกประจำสถานทูตจีน กรุงวอชิงตัน บอกว่า คำกล่าวอ้างทั้งหมดนี้ไม่มีมูล พร้อมทั้งกล่าวหาสหรัฐฯ ว่า เป็นผู้ปล่อย “ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับภัยคุกคามจากการแฮกของจีน” เสียเอง
รัสเซียพร้อมทั้งอิหร่านนั้นก็ปฏิเสธคำกล่าวหาว่า ตนใช้ปฏิบัติการทางไซเบอร์ที่มุ่งเป้ามายังชาวอเมริกัน ขณะที่ ตัวแทนของเกาหลีเหนือยังไม่ติดต่อผู้สื่อข่าวกลับมาก่อนจัดพิมพ์รายงานข่าวนี้เสร็จ
ที่มา: เอพี
รัสเซีย-จีน กระชับความสัมพันธ์ทางกลาโหม “อย่างมีนัยสำคัญ”
รัฐบาลปักกิ่งพร้อมทั้งมอสโกยังได้ยกระดับการวิจารณ์ความพยายามของสหรัฐฯ ที่ขยายอิทธิพลในเอเชีย
กระทรวงกลาโหมโพสต์ลงเเพลตฟอร์มเทเลเเกรม โดยอ้างรมต.เบลูซอฟที่พบว่า “หน่วยต่าง ๆ ทางทหารของรัสเซียพร้อมทั้งจีนมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการประเมินสถานการณ์ที่ดำเนินไปในโลก”
โพสต์ระบุด้วยว่า จีนพร้อมทั้งรัสเซีย “มีความเข้าใจตรวจกันถึงสิ่งที่จำเป็นต้องทำในสถานการณ์ปัจจุบัน”
รมต.กลาโหมรัสเซีย บอกว่าเขาพร้อมทั้งรองประธานคณะกรรมการกลางด้านกลาโหมของจีน จาง ยู่เซียะ พบกันที่กรุงปักกิ่งเพื่อการเจรจาอย่าง “มีนัยสำคัญ”
กระทรวงกลาโหมจีนกล่าวหลังการพบกันของทั้งสองฝ่าย ว่ารัฐบาลปักกิ่งหวังว่าจะกระชับพร้อมทั้งขยายความสัมพันธ์ทางทหาร พร้อมทั้งรักษาระดับการหารือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่อไป
การเยือนกรุงปักกิ่งของเบลูซอฟเกิดขึ้นขณะที่กองทัพจีนตั้งมั่นที่จะดำเนินการกดดันไต้หวันเพิ่มมากขึ้นถ้าจำเป็น หลังจากที่เพิ่งปฏิบัติการ ‘เกมส์สงคราม’ โดยจีนบอกว่าเป็นการเตือนไต้หวันเรื่อง “พฤติกรรมแบกแยกดินเเดน”
การกระทำของจีนทำให้รัฐบาลไต้หวันพร้อมทั้งสหรัฐฯ ออกมากล่าวประณาม
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 จีนพร้อมทั้งรัสเซียประกาศว่าจะสานความเป็นหุ้นส่วนกัน “อย่างไม่มีขีดจำกัด” ในตอนที่ปธน.รัสเซียวลาดิเมียร์ ปูติน เดินทางไปปักกิ่ง
พร้อมทั้งจากนั้นไม่ถึง 3 สัปดาห์รัสเซียบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ จนกลายเป็นสงครามภาคพื้นดินที่ทำให้มีคนจบชีวิตมากที่สุดในยุโรป ตั้งเเต่สงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปูตินพร้อมทั้งปธน.จีน สี จิ้นผิง ให้คำมั่นว่าจะให้เกิด “ยุคใหม่” ของความเป็นหุ้นส่วนกัน ระหว่างจีนพร้อมทั้งรัสเซีย ซึ่งเป็นคู่แข่งมหาอำนาจที่ใหญ่สุดของสหรัฐฯ
โดยจีนพร้อมทั้งรัสเซียพยายามให้เห็นว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศก้าวร้าวแห่งยุคสงครามเย็นที่ต้องการมีอำนาจสูงสุดพร้อมทั้งหว่านเมล็ดแห่งความโกลาหลทั่วโลก
เบลูซอฟบอกว่าปูตินพร้อมทั้งสีตกลงกันที่จะสร้างความลึกซึ้งของการเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์”
ถ้าหากว่า เบลูซอฟไม่ได้ให้ข้อมูล เขาได้เเต่พบว่า ตนมั่นใจว่า “การทำงานที่จะเกิดผลพร้อมทั้งการดำเนินการตามการตัดสินใจที่สำคัญพร้อมทั้งมีนำ้หนักกำลังรออยู่ข้างหน้า”
รัสเซียกล่าวในสัปดาห์ที่แล้วว่า กำลังยืนเคียงข้างจีนในประเด็นที่เกี่ยวกับเอเชีย ซึ่งรวมถึงคำวิจารณ์การขับเคลื่อนโดยสหรัฐฯ ที่จะขยายอิทธิพล พร้อมทั้ง “ความพยายามอย่างจงใจ” ที่จะโหมไฟต่อสถานการณ์รอบ ๆ ไต้หวัน
สหรัฐฯบอกว่าจีนสนับสนุนการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน ด้วยการส่งสินค้า เช่น อุปกรณ์ไมโครอิเล็กทรอลิกส์ ในการช่วยรัสเซียเพื่อผลิตอาวุธ
ด้านจีนพบว่าไม่ได้ส่งอาวุธให้กับกลุ่มใด พร้อมทั้งว่าการค้าตามปกติกับรัสเซียไม่ควรถูกจำกัดเเละขัดขวาง
ที่มา: รอยเตอร์
เสียงชาวอเมริกันที่ยังไม่ตัดสินใจ อาจกำหนดผู้ชนะการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ
ในเวลานี้ ชาวอเมริกันจำนวนหนึ่งได้ตัดสินใจแล้วว่า ต้องการเห็นใครก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทำเนียบขาวในการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าที่เริ่มขึ้นแล้วในพื้นที่หลายรัฐ
แต่ในเวลาเดียวกัน ยังมีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนหนึ่งที่เผยว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะกาบัตรเลือกทรัมป์หรือแฮร์ริส
แมรีเบ็ธ จิโอวาคคินิ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในนครนิวยอร์ก บอกกับ วีโอเอ ว่า เธอต้องการเข้าใจตัวตนของตัวแทนของทั้งสองพรรคให้มากกว่านี้ พร้อมทั้งมองว่า ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้จักมากดีพอภายใต้บรรยากาศทางการเมืองในปัจจุบันที่ต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง
ข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนพบว่า ตัวเลขของผู้มีสิทธิ์ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใครนั้นคิดเป็นสัดส่วนราว 3% ของคณะผู้แทนเลือกตั้งปธน.
จอห์น จอห์นสัน นักวิชาการจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยมาร์เค็ต (Marquette University) ให้ความเห็นว่า ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนมากยังไม่ได้หันมาสนใจการเลือกตั้งครั้งนี้มากนัก
จอห์นสันคิดว่า ถ้าจะมีการลองสุ่มเดินไปถามผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครในตอนนี้ คำตอบที่จะได้กลับมาก็คือว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ได้ติดตามการเมืองมากนัก ขณะที่ ผู้ที่อยู่ในแถบตะวันตกตอนกลางของสหรัฐฯ (มิดเวสต์) อาจไม่อยากบอกว่า จะเลือกใครพร้อมทั้งอาจเลี่ยงตอบด้วยการบอกว่า “ไม่รู้” ก็เป็นได้
ทาทิเช นเททา อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ (University of Massachusetts) ให้ความเห็นกับ วีโอเอ ด้วยว่า การหาเสียงเลือกตั้งของทั้งแฮร์ริสพร้อมทั้งทรัมป์นั้นต่างกำลังมุ่งหน้าไปยังกลุ่มที่บอกว่า “ยังไม่ตัดสินใจ” อย่างหนัก
อาจารย์นเททาบอกว่า จำนวนผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครนั้นหดลงเรื่อย ๆ แล้ว พร้อมทั้งคนส่วนใหญ่น่าจะตัดสินใจได้ก่อนวันเลือกตั้ง ดังนั้นสิ่งที่จะส่งผลต่อทิศทางการเลือกตั้งก็คือ การเคลื่อนพลของทั้งพรรคเดโมแครตพร้อมทั้งพรรครีพับลิกันในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อดึงคะแนนจากผู้มีสิทธิ์ในสภาพการณ์แข่งขันที่สูสีกันอย่างสุด ๆ ในครั้งนี้
อย่างไรก็ดี ดาร์เรลล์ เวสต์ นักวิชาการอาวุโสจากสถาบันบรู๊กกิงส์ (Brookings Institution) บอกว่า ทั้งทรัมป์พร้อมทั้งแฮร์ริสต่างกำลังเผชิญความท้าทายที่ต่างกันในการทำให้ชาวอเมริกันเทคะแนนให้ตน
เวสต์บอกกับ วีโอเอ ว่า ทรัมป์ต้องทำให้ชาวอเมริกันเชื่อว่า ตนเป็นคนที่เคารพกฎหมาย ไม่ได้เป็นคนบ้าหรือชอบความวุ่นวาย ขณะที่ แฮร์ริสซึ่งมีประสบการณ์น้อยกว่าต้องทำให้ผู้มีสิทธิ์เชื่อว่า เธอผู้ที่นำเสนอนโยบายเสรีที่ไม่สุดโต่งมากนักเมื่อเทียบกับเมื่อตอนเข้ารับตำแหน่งรองประธานาธิบดีใหม่ ๆ คือ คน ๆ เดียวกับที่ชาวอเมริกันจะได้เห็น ถ้าเธอได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี
ส่วน จอห์น จอห์นสัน นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยมาร์เค็ต กล่าวเสริมว่า ทรัมป์ที่ชาวอเมริกันรู้จักดีกว่านั้นก็มีทั้งข้อได้เปรียบพร้อมทั้งความเสียเปรียบในการดึงคะแนนเสียงจากผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจ
จอห์นสันบอกว่า เพราะโดนัลด์ ทรัมป์ หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ประชาชนส่วนใหญ่จึงจำภาพของเขาได้ดี ทำให้เหลือสัดส่วนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพียงหลักเดียวที่ทั้งสองพรรคต้องเร่งทำงานอย่างหนักเพื่อดึงให้คนกลุ่มนี้ลงคะแนนให้
นั่นเป็นเพราะ ตัวเลขผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจที่ว่ากันว่า มีเพียงไม่มากนี้ คือ ปัจจัยที่อาจจะชี้ชะตาว่า ใครจะเป็นผู้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ในพื้นที่รัฐที่เรียกว่า swing state หรือรัฐที่ทั้งสองพรรคมีโอกาสคว้าชัยชนะซึ่งการแข่งขันระหว่างสองผู้ท้าชิงนั้นยังคู่คี่แบบหายใจรดต้นคอกันอยู่
ที่มา: วีโอเอ
องค์กรเด็กแห่งยูเอ็นเผยมีเยาวชนพลัดถิ่น 4 แสนคนในเลบานอน
ที่ผ่านมา อิสราเอลยกระดับปฏิบัติการต่อกลุ่มติดอาวุธเฮซบอลลาห์ที่อยู่ในเลบานอน ซึ่งรวมถึงการบุกภาคพื้นดิน หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายยิงตอบโต้กัน ช่วงสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในกาซ่า
การต่อสู้ในเลบานอนได้ทำให้คน 1 ล้าน 2 แสนคนออกจากที่อยู่ของตน โดนส่วนมากหนีเข้าไปในกรุงเบรุต พร้อมทั้งเมืองอื่น ๆ ทางตอนเหนือในช่วง 3 สัปดาห์ที่การต่อสู้รุนเเรงขึ้น
เท็ด ชายบัน รองผู้อำนวยการบริหารของ UNICEF หรือกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ที่ทำงานด้านมนุษยธรรม ได้เดินทางไปเยือนโรงเรียนที่เป็นสถานที่พักพิงต่อครอบครัวผู้พลัดถิ่น
“สิ่งที่กระทบใจผมคือสงครามนี้ดำเนินมา 3 สัปดาห์ พร้อมทั้งมีเด็กจำนวนมากมายได้รับผลกระทบ” ชายบันกล่าวต่อเอพีที่กรุงเบรุต
“เรากำลังนั่งอยู่ที่นี่ตรงนี้ เด็ก 1 ล้าน 2 แสน ถูกพรากโอกาสทางศึกษา โรงเรียนรัฐของพวกเขาไม่สามารถเข้าถึงได้ พร้อมทั้งได้รับความเสียหายจากสงคราม หรือถูกใช้เป็นที่พักพิง” เขากล่าว พร้อมทั้งเเสดงความกังวลต่อ ผลกระทบที่เกิดต่อประชากรกลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียพร้อมทั้งปาเลสไตน์
มีผู้จบชีวิตในเลบานอนจำนวน กว่า 2,300 คน จากการจู่โจมของอิสราเอล โดยร้อยละ 75 จบชีวิตในช่วงเดือนที่ผ่านมาตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข
ชายบันแห่งองค์กร UNICEF บอกว่าในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เด็กกว่า 100 คนจบชีวิต พร้อมทั้งกว่า 800 คนบาดเจ็บ
เขาบอกว่า เด็กพลัดถิ่นอยู่กันอย่างแออัด ซึ่งห้องเรียนของโรงเรียนแต่ละห้องเป็นที่อาศัยของคน 3 – 4 ครอบครัว
สถานพักพิงเป็นที่อาศัยของคนประมาณ 1,000 คน โดยมีห้องน้ำเพียง 12 ห้อง ซึ่งบางห้องใช้ไม่ได้
พร้อมทั้งประชาชนบางครอบครัวตั้งเต็นท์ข้างถนนหรือตามชายหาดเป็นที่อาศัย
ผู้บริหาร UNICEF รายนี้บอกว่า เด็ก ๆ เผชิญกับความรุนเเรง ตลอดจนเสียงกระสุนปืน พร้อมทั้งรู้สึกหวาดกลัว
ในเวลาเดียวกัน สถานที่ให้การดูเเลทางการเเพทย์เบื้องต้นกว่า 100 ไม่สามารถดำเนินการได้ ส่วนโรงพยาบาล 12 แห่งไม่สามารถให้บริการได้ หรือใช้ได้เพียงบางส่วน
นอกจากนั้น ระบบน้ำประาสำหรับประชาชนยังได้รับความเสียหายด้วย พร้อมทั้งกระทบคนเกือบ 350,000 คน ซึ่ง UNICEF กำลังทำงานเพื่อซ่อมเเซมสถานที่เหล่านี้กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
ชายบัน เรียกร้องให้ระบบพื้นฐานสำหรับประชาชนได้รับการปกป้อง พร้อมทั้งขอให้เกิดข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอนพร้อมทั้งกาซ่า
เขาบอกว่า การขอความช่วยเหลือเร่งด่วนมูลค่า 108 ล้านดอลลาร์ ได้รับเงินเเล้วเพียง 8% ช่วง 3 สัปดาห์ที่เกิดการยกระดับความรุนเเรง
ที่มา: เอพี
สหรัฐฯ อาจหยุดให้การสนับสนุนอิสราเอล หากไม่เปิดทางความช่วยเหลือมนุษยธรรม
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พร้อมทั้งลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ร่วมกันส่งจดหมายไปยังฝ่ายอิสราเอลที่ผู้สื่อข่าวของ Axios เผยแพร่ออกมาทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ในวันอังคาร พร้อมทั้งมีเนื้อหาว่า “เราขอแจ้งมาเพื่อย้ำถึงความกังวลอย่างหนักของรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซ่า พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลของท่านลงมือทำการต่าง ๆ ที่ยั่งยืนพร้อมทั้งเร่งด่วนในเดือนนี้ เพื่อเปลี่ยนแปลงทิศทาง(ของสถานการณ์)นี้”
นอกจากสื่อ Axios แล้ว ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ Israeli News 12 ยังรายงานเกี่ยวกับเนื้อหาของจดหมายนี้ ขณะที่ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับประเด็นนี้ 2 รายยืนยันเนื้อหาของตัวจดหมายดังกล่าวแล้วด้วย
รอยเตอร์ติดต่อกระทรวงต่างประเทศพร้อมทั้งเพนตากอนเพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับจดหมายที่ว่า แต่ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ ขณะจัดทำรายงานข่าวนี้ พร้อมทั้งผู้สื่อข่าวก็ไม่สามารถติดต่อตัวแทนของรัฐบาลอิสราเอลเพื่อขอความเห็นใด ๆ ด้วย
กรุงวอชิงตันพยายามกดดันอิสราเอลให้เร่งทำการต่าง ๆ เพื่อเปิดทางการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในกาซ่า นับตั้งแต่อิสราเอลเปิดศึกทำสงครามกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสเมื่อต้นเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว แต่รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ยังไม่ได้ดำเนินมาตรการจำกัดความช่วยเหลือทางทหารใด ๆ เลย
รายงานเกี่ยวกับคำเตือนของสหรัฐฯ นี้มีออกมาขณะที่กองกำลังอิสราเอลกำลังขยายปฏิบัติการเข้าไปในพื้นที่ตอนเหนือของกาซ่า ท่ามกลางความกังวลในด้านการแจกจ่ายความช่วยเหลือต่าง ๆ ให้กับพลเรือนในพื้นที่การสู้รบที่ไม่สามารถเข้าถึงอาหาร น้ำดื่มพร้อมทั้งยารักษาโรคได้
รอยเตอร์รายงานเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า เสบียงอาหารสำหรับการแจกจ่ายในกาซ่าร่อยหรอลงอย่างมาก นับตั้งแต่ทางการอิสราเอลประกาศกฎด้านศุลกากรใหม่เพื่อควบคุมการขนส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม พร้อม ๆ กับทำการลดการนำส่งความช่วยเหลือโดยภาคธุรกิจทั้งหลายด้วย
ในส่วนของจดหมายจากสองรัฐมนตรีสหรัฐฯ นี้ รายงานข่าวเปิดเผยว่า มีการลงข้อมูลขั้นตอนที่อิสราเอลต้องดำเนินการภายใน 30 วัน ซึ่งรวมถึง การเปิดทางให้รถบรรทุกขนส่งความช่วยเหลือเข้าไปในกาซ่าได้วันละ 350 คันเป็นอย่างต่ำ การสั่งหยุดการสู้รบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการขนส่งเสบียงต่าง ๆ พร้อมทั้งการยกเลิกคำสั่งอพยพชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ที่ไม่ได้ต้องมีปฏิบัติการทางทหารด้วย
จดหมายฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า “ความล้มเหลวในการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างยั่งยืนที่จะดำเนินการพร้อมทั้งคงไว้ซึ่งมาตรการเหล่านี้อาจมีผลต่อนโยบายของสหรัฐฯ … พร้อมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯ ได้” โดยมีการอ้างถึงมาตรา 620i ของกฎหมาย Foreign Assistance Act ที่ห้ามไม่ให้มีการส่งความช่วยเหลือทางทหารไปให้ประเทศที่ขัดขวางการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของสหรัฐฯ พร้อมทั้งยังอ้างถึงบันทึก National Security Memorandum ของปธน.ไบเดน ที่ออกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์พร้อมทั้งสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศต้องรายงานให้กับสภาคองเกรสรับทราบว่า ได้รับการรับรองอันน่าเชื่อถือได้จากอิสราเอลแล้วหรือไม่ว่า จะไม่ใช้อาวุธที่สหรัฐฯ ส่งให้ในการทำการใด ๆ ก็ตามที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎหมายของสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ เคยกล่าวไว้ว่า อิสราเอลอาจละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้านมนุษยธรรมด้วยการใช้อาวุธที่สหรัฐฯ ส่งมอบให้ในการทำปฏิบัติการทางทหารในกาซ่า
สงครามระหว่างอิสราเอลพร้อมทั้งฮามาสที่ดำเนินมากว่าปีนี้เริ่มต้นขึ้น หลังฮามาสจู่โจมเข้าใส่ภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมพร้อมทั้งทำให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คน ทั้งยังมีการจับตัวประกันไปกว่า 250 คนด้วย ก่อนอิสราเอลจะจู่โจมโต้กลับเข้าไปในกาซ่า โดยมีชาวปาเลสไตน์จบชีวิตไปแล้วกว่า 42,300 คน ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า
อิสราเอลรุกจู่โจมทางเหนือของเลบานอน
ในวันอังคาร สำนักงานด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอนเรียกร้องให้มีการเปิดการสอบสวนกรณีการจู่โจมทางอากาศของอิสราเอลในวันจันทร์ที่ทำให้มีผู้คนในพื้นที่ภาคเหนือของเลบานอนจบชีวิตอย่างน้อย 22 คน
เจเรมี ลอเรนซ์ โฆษกของสำนักงานสิทธมนุษยชนยูเอ็น บอกกับผู้สื่อข่าวที่นครเจนีวาว่า ได้รับรายงานที่พบว่า มีผู้หญิง 12 คนพร้อมทั้งเด็ก 2 คนจบชีวิตในการจู่โจมดังกล่าวที่หมู่บ้านไอโต
ในเวลาเดียวกัน กองทัพอิสราเอลเปิดเผยในวันอังคารด้วยว่า ได้เปิดสัญญาณไซเรนเตือนภัยในแคว้นไฮฟา โดยระบบป้องกันการจู่โจมทางอากาศของตนสามารถสกัดจรวดหลายลูกที่ถูกยิงมาจากเลบานอนไว้ได้
ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพีพร้อมทั้งเอเอฟพี