เจาะเส้นทาง “สแตมป์ แฟร์เท็กซ์” จากมวยบ้าน สู่ความฝันแชมป์นักสู้หญิง MMA 

ก่อนหน้านี้วีโอเอไทยได้รายงานการเดินทางมายังสหรัฐฯ ของ “สแตมป์ แฟร์เท็กซ์” นักสู้ซูเปอร์สตาร์หญิงไทย เพื่อสอนเทคนิคมวยไทยให้ชาวอเมริกัน รายงานพิเศษตอนสุดท้ายนี้จะเป็นเจาะลึกถึงเส้นทางพร้อมทั้งการต่อสู้ไขว่คว้าฝัน เพื่อเป็นเจ้าของเข็มขัดการต่อสู้แบบผสมผสานของนักชกหญิงจากระยองคนนี้

ภาพของนักมวยเด็กหญิงร่างเล็ก ที่เข้าคลุกวงใน ตีเข่า รัวหมัดไม่ยั้งใส่คู่ต่อสู้ไซส์บอบบางพอกัน ท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้ใหญ่หลายสิบคน เป็นภาพในอดีตของ เด็กหญิง ณัฐวรรณ พานทอง ที่ในวันนี้ แฟนมวยพร้อมทั้งการต่อสู้แบบผสมผสานทั้งในพร้อมทั้งต่างประเทศ จะรู้จักเธอในนาม “สแตมป์ แฟร์เท็กซ์” ซูเปอร์สตาร์นักสู้หญิงไทย ที่คว้าแชมป์ใหญ่มาแล้วสามรายการ

“หนูภูมิใจในตัวเองมาก ถ้ามองย้อนกลับไป หนูก้าวมาเยอะมาก ๆ พร้อมทั้งแต่ละทางที่หนูเดินมา มันผ่านร้องไห้ ดราม่า ท้อ ทุก ๆ อย่างเลย แต่หนูก็ยังผ่านมาได้จนถึงทุกวันนี้ หนูรู้สึกตัวเองเก่งมาก ๆ พร้อมทั้งภูมิใจที่ตัวเองยืนอยู่ได้ทุกวันนี้” สแตมป์ได้บอกกล่าวกับวีโอเอไทย

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แชมป์ วัน (ONE) เวิลด์ กรังซ์ปรีด์ ประเภทการสู้แบบผสมผสาน หรือ mixed martial arts (MMA) รุ่นอะตอมเวต เดินทางข้ามฟ้ามายังสหรัฐฯ เพื่อสอนทักษะมวยไทยให้กับยิมสอนศิลปะการต่อสู้ 10 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

เป็นที่น่าสนใจว่า ที่ยิมบางแห่ง เช่น T.A.G. Muay Thai ในเมืองสเตอร์ลิง รัฐเวอร์จิเนีย สแตมป์เป็นนักชกหญิงคนที่สอง ที่ได้มาจัดเวิร์คชอบมวยไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้มักจะมีแต่นักชกชายเท่านั้นที่ได้มาเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ของไทย

โอกาสที่สแตมป์ได้รับ ทั้งในการแข่งขันระดับโลกอย่างทัวร์นาเมนต์ วัน แชมเปียนชิพ (One Championship) จนเคยคว้าเข็มขัดแชมป์ประเภทมวยไทย พร้อมทั้งคิกบ็อกซิ่ง kickboxing) รุ่นอะตอมเวต พร้อมทั้งการตอบรับทั้งในพร้อมทั้งต่างประเทศ ยังแสดงให้เห็นถึงโอกาสของนักกีฬาหญิงที่มีมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในสังเวียนการต่อสู้ ทั้งมวยไทย พร้อมทั้งการต่อสู้แบบผสมผสาน

“หนูรู้สึกว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีมาก ๆ มันเป็นการเปิดโอกาสให้นักมวยหญิงเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ทำให้หลาย ๆ คนที่มีฝีมืออยู่แล้ว ได้เข้าไปเวทีใหญ่ ทำให้โปรโมเตอร์หลายๆ คนได้เห็น ได้จับตามอง มีแมวมองเห็น หนูรู้สึกว่ามันดีมาก ๆ ที่เปิดรับผู้หญิงมากขึ้น”

ก่อนหน้านี้ นักมวยหรือนักสู้หญิงหลายคนพบว่าเส้นทางของพวกเธอมักจะถูกจำกัด มีน้อยคนที่จะได้รับโอกาสทางอาชีพ หรือรายได้

เส้นทางของสแตมป์ เมื่อสิบกว่าปีก่อนก็ไม่ต่างกัน

เด็กหญิงร่างเล็กจากระยองเริ่มหัดชกมวยตั้งแต่อยู่ชั้นอนุบาลพร้อมทั้งอายุเพียง 5 ขวบ หลังจากที่เธอถูกเพื่อนที่โรงเรียนกลั่นแกล้ง พ่อของสแตมป์เป็นอดีตนักมวยไทยชื่อ “วิสันต์เล็ก ลูกบางปลาสร้อย” ในขณะที่ลุงก็มีค่ายมวยเล็ก ๆ ของตัวเอง

สแตมป์ได้ฝึกซ้อม พร้อมทั้งมีโอกาสขึ้นชกครั้งแรก โดยน็อกคู่ต่อสู้ตั้งแต่ยกที่หนึ่ง

ฝีไม้ลายมือทำให้เธอได้เป็นแชมป์ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ด้วยความที่มวยหญิงนั้นไม่ได้เป็นที่นิยมนัก การหาคู่ชก พร้อมทั้งโอกาสชกจึงยากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เธอต้องหยุดชกมวยไปถึง 8 ปี

“ถ้าเป็นตอนเด็ก ๆ ที่แตมป์ต่อยยังไม่มีการยอมรับใด ๆ ทั้งสิ้น แค่ในเมืองภูธรน่ะโอเคอยู่ แต่ยังไม่มีการยอมรับขนาดนั้น ซึ่งพอเป็นเวทีใหญ่ก็ไม่มีใครจะเอาผู้หญิงมาจัดเวทีใหญ่อยู่แล้ว”

เธอเคยคิดจะทำอาชีพอื่น จนกระทั่งได้รับการชักชวนให้ไปคัดตัวเข้าร่วมค่ายดังแห่งเมืองพัทยาอย่างแฟร์เท็กซ์ (Fairtex) พร้อมทั้งได้รับโอกาสชิงแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวตในทันที

“สแตมป์คิดว่า ตัวแตมป์เองได้รับการสนับสนุนจากแฟร์เท็กซ์ด้วย เพราะว่าแตมป์เป็นผู้หญิงคนแรกด้วย ก็เลยมีการเข้าถึงเยอะ มีการจ้างโค้ชมาสอน ทั้ง MMA (การต่อสู้แบบผสมผสาน) BJJ (บราซิลเลียนยิวยิตสุ) แล้วก็สากล”

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โปรโมเตอร์พร้อมทั้งองค์กรกีฬามวยหลายองค์กร ได้หันมาลุยตลาดมวยหญิงมากขึ้น มีการจัดชกเป็นมวยคู่เอกในการชิงแชมป์ใหญ่ สร้างเม็ดเงินพร้อมทั้งมูลค่าทางการตลาดให้กับนักสู้หญิงมากกว่าเดิม ถึงแม้จะยังไม่เท่ากับนักสู้ชายก็ตาม

ในในเวลาเดียวกัน สนามมวยลุมพินี พร้อมทั้งเวทีราชดำเนิน สังเวียนใหญ่ระดับชาติของไทย ที่ไม่เคยอนุญาตให้ผู้หญิงขึ้นชกหรือแม้แต่สัมผัสพื้นเวที ก็ยังได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการอนุญาตให้มีการจัดการชกมวยหญิงขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงเวลาเพียงสองปีที่ผ่านมา

“หนูว่า ณ ตอนนี้ น่าจะยอมรับกันมากขึ้นแล้วเพราะว่ามวยหญิงหลาย ๆ คน สามารถทำชื่อเสียงให้ประเทศไทยได้ ยกตัวอย่างอย่างเช่นหนู เวลาหนูไปต่อย หนูไม่ได้เอาแต่ชื่อตัวเองหรือชื่อค่ายไป หนูเอาประเทศไปด้วย สมมติว่าถ้าเราชนะ มันทำให้หลาย ๆ คนยอมรับว่า เรามาจากประเทศไทย แล้วเราก็ทำได้ดี ทุกคนเวลาเขามอง เขาไม่ได้มองคนคนเดียว มองภาพรวม หนูมองว่า หลาย ๆ คนเร่ิมยอมรับว่าผู้หญิงก็เก่งพอสมควร”

ในการมาจัดเวิร์คชอบมวยไทยในสหรัฐฯ สิ่งหนึ่งที่ชาวอเมริกันที่เข้าร่วมให้ความสนใจ คือคำถามที่ว่าสแตมป์ทำอย่างไรเมื่อเธอรู้สึกย่ำแย่กับผลงานตัวเอง ซึ่งนักชกวัยเบญจเพศได้เล่าอย่างเปิดเผยว่า ช่วงที่เธอสูญเสียเข็มขัดแชมป์สองเส้นไล่เลี่ยกัน พร้อมทั้งเลิกกับแฟนหนุ่ม เป็นช่วงที่หนักที่สุดในชีวิต

“คนอื่นให้กำลังใจก็ไม่เท่าตัวเองให้กำลังใจ ต่อให้คนอื่นให้กำลังใจมากแค่ไหน ตัวเองยังดาวน์มันก็ไม่ขึ้นอยู่ดี มันสุดแล้ว ลงสุดแล้ว มันไม่มีทางลงอีกแล้ว ก็ต้องขึ้นแล้วแหละ ก็ให้ตัวเองว่า ไม่เป็นไรเอาใหม่ ความรักก็ช่างมัน อายุแค่นี้เองเดี๋ยวก็เจออีก เรื่องมวย คือเรายังมีโอกาส เราอยู่ค่ายใหญ่ เราต้องขยันกว่าเดิม เล่นแค่นี้เราต้องเล่นมากขึ้น”

เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของสแตมป์ คือความร่าเริง ขี้เล่น พร้อมทั้งการเต้นบนเวที แต่บางคนอาจไม่รู้ว่า เพียงไม่กี่นาทีก่อนขึ้นเวที นักสู้หญิงวัย 25 ปี จะรู้สึกประหม่าอย่างมากจนส่งผลต่อร่างกายเธอทุกครั้ง

“พอใกล้จะต่อยแล้ว มีเอฟเฟ็คต์มาเต็ม อ้วกบ้าง ปวดฉี่บ้าง อยู่ไม่เป็นสุข กระสับกระส่าย นั่งหายใจในห้องน้ำ พูดกับตัวเองว่า วันนี้วันของตัวเองนะ วันของสแตมป์นะ มึงซ้อมมามากมาย มีงต้องทำได้ มึงเจ็บอะไรมามากมาย กับอีกแค่วันเดียว แค่ไม่กี่นาที มึงต้องทำได้ ออกไปทำ”

เรื่องราวชีวิตพร้อมทั้งเส้นทางของ สแตมป์ สู่นักสู้ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตลอดจนการฝ่าฟันอุปสรรค ไต่เต้าขึ้นมาเป็นนักสู้ระดับแนวหน้า ยังทำให้ผู้เข้าร่วมเวิร์คชอบมวยไทยอย่าง อแมนดา พาร์ค (Amanda Park) หญิงอเมริกันเชื้อสายเอเชียวัย 27 ประทับใจพร้อมทั้งอยากมาสัมผัสตัวจริง

“สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดเกี่ยวกับสแตมป์ก็คือ เธอเป็นผู้หญิงที่แกร่งมาก ถึงแม้ว่าจะต้องเจ็บตัว บาดเจ็บ หรือมีความไม่พร้อม เธอก็ไม่เคยแสดงออก ฉันว่ามันต้องใช้ความเข้มแข็งมาก ๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง พร้อมทั้งการที่เธอต้องขึ้นชกตั้งแต่ยังเด็กมาก มีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ได้มีอะไรมาก แต่ยังสามารถรักษาวินัยตั้งแต่ยังเด็กจนถึงทุกวันนี้ ฉันว่ามันเป็นคุณสมบัติที่น่าทึ่งน่าชื่นชมมาก ๆ” อแมนดากล่าว

ทุกวันนี้ สแตมป์ฝึกซ้อม 6 วันต่อสัปดาห์ ทั้งซ้อมมวยไทย การต่อสู้แบบผสมผสาน วิ่งพร้อมทั้งยกน้ำหนัก พร้อมทั้งใช้เวลาวันอาทิตย์เพื่อไปเรียน ซึ่งเธอบอกว่าความอดทนเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ

“หนูอดทนสุด ๆ เลยในค่าย ซึ่ง หนูซ้อมมากกว่าคนอื่นเยอะมาก ๆ เช้า กลางวัน เย็น กลางคืน ซึ่งข้อนี้เป็นข้อที่ดีของหนู เป็นคนมีความอดทนสูง ถึงอาจจะไม่ขยันซักเท่าไหร่ อาจจะหัวช้าไปบ้าง แต่หนูก็อดทนที่จะเรียนรู้ต่อ”

สแตมป์สามารถหารายได้จากการชกมวย ช่วยยกฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก เธอบอกว่านั่นเป็นความภูมิใจที่กลายมาเป็นแรงขับผลักดันให้เธอก้าวไปข้างหน้า ถึงแม้ว่าการชกมวยจะต้องแลกมากับอะไรหลายอย่างก็ตาม

“ครอบครัวค่ะ ครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญสุด ๆ เลย ที่แบบพยายามเดินเข้ามา ถึงมันจะแบบ เฮ้ยถ้าต่อยไปแล้วมันต้องเจ็บตัวนะ ก็พยายามเดิน เดินต่อไป พร้อมทั้งอีกอย่างหนึ่งเราชอบด้วย เหตุผลหลัก ๆ ก็มีครอบครัวด้วยที่พยายามให้กำลังใจ เราก็คิดว่า ต่อยไปนาน ๆ เราก็มีเงิน เราก็ช่วยพ่อกับแม่ได้ ช่วยครอบครัวได้ สามารถสร้างฐานของครอบครัวให้มันสูงขึ้นได้อีก”

จากเด็กหญิงนักมวยจังหวัดระยอง สู่แชมป์การแข่งขันระดับโลก แสตมป์บอกว่าวันนี้เธอมาไกลมากกว่าที่คิด เป้าหมายต่อไปของเธอ คือการคว้าแชมป์การต่อสู้แบบผสมผสานให้ได้ พร้อมทั้งเธอมั่นใจว่าปีใหม่นี้ จะเป็นปีที่ดีของเธอ

วิเวียน เวสต์วูด ‘กบฏแห่งวงการแฟชั่น’ สิ้นลมด้วยอายุ 81

ดีไซเนอร์อังกฤษระดับตำนาน ‘วิเวียน เวสต์วูด’ ที่ได้ชื่อว่าเป็น กบฏแห่งวงการแฟชั่น จบชีวิตในวันพฤหัสบดี ด้วยอายุ 81 ปี ตามรายงานของสำนักข่าวนานาชาติเอพี

สำนักงานของนักออกแบบอาวุโสผู้นี้ประกาศข่าวการจบชีวิตของ เวสต์วูด ซึ่งเป็นผู้ที่ทำให้กระแสพังค์เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ในวันพฤหัสบดี โดยพบว่า เธอสิ้นลมอย่างสงบ แต่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของการจบชีวิต

เวสต์วูด เริ่มต้นอาชีพนักออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่นในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1970 พร้อม ๆ กับปรากฏการณ์การแต่งกายแนวพังค์ ก่อนจะมีชื่อเสียงโด่งดังพร้อมทั้งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกตลอดระยะเวลาหลายสิบปี โดยมีผลงานขึ้นแสดงบนแคตวอล์คสำคัญ ๆ ตั้งแต่ลอนดอน ไปถึง ปารีส มิลาน พร้อมทั้งนิวยอร์ก

 

เอพี พบว่า ชื่อของ เวสต์วูด นั้นกลายมาเป็นคำพ้องกับนิยามว่าด้วยสไตล์พร้อมทั้งทัศนคติ ที่สะท้อนออกมาด้วยผลงานการออกแบบในแต่ละปีที่ไม่เคยซ้ำเก่า พร้อมทั้งไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่า เธอจะนำเสนองานแบบใดออกมาจนกระทั่งนางแบบก้าวขึ้นมาบนแคตวอล์ค

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คนที่รู้จัก เวสต์วูด ยอมรับว่า เธอนำเสนอแนวคิดที่ขัดแย้งกันในตัวได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ดังดูได้จากที่ตัวตนของเธอที่แสดงความเป็นขบฏ แต่ก็ได้รับเกียรติเข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 หลายต่อหลายครั้ง พร้อมทั้งเธอก็ยังเคยแต่งตัวเหมือนวัยรุ่นอยู่บ่อย ๆ แม้จะมีอายุถึง 60 ปีแล้ว พร้อมทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ที่ออกมาเรียกร้องให้คนทั่วโลกใส่ใจเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนด้วย

เวสต์วูด เคยให้สัมภาษณ์กับ เอพี เมื่อปี 2010 หลังจัดแสดงคอลเลคชั่นล่าสุดเสร็จ ว่า “แฟชั่นอาจเป็นเรื่องน่าเบื่อได้ …. ฉันก็พยายามหาอะไร(ใหม่ ๆ) ทำ” โดยในเวลานั้น นักออกแบบระดับตำนานรายนี้บอกว่า กำลังคิดจะผลิตซีรีย์เกี่ยวกับงานศิลป์พร้อมทั้งวิทยาศาสตร์ออกฉายทางโทรทัศน์

 

ที่มา: เอพี

‘อิลอน มัสก์’ ปลอบขวัญพนักงานเทสลา หลังหุ้นร่วงเกือบ 70%

อิลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา ปลอบขวัญพนักงานอย่าหวั่นไหวกับตลาดหุ้นอันบ้าคลั่ง หลังหุ้นเทสลาร่วมเกือบ 70% ในการซื้อขายช่วงปีนี้ จากความต้องการรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่อ่อนตัวลงพร้อมทั้งการที่มัสก์ให้น้ำหนักกับการบริหารทวิตเตอร์มากขึ้น

รอยเตอร์อ้างรายงานจากเนื้อหาในอีเมลที่มัสก์แจ้งต่อพนักงานในวันพุธ ซีอีโอเทสลาระบุในข้อมูลว่า “อย่ากังวลกับตลาดหุ้นอันบ้าคลั่ง ในระหว่างที่เราเดินหน้าทำผลประกอบการที่ดีเยี่ยม ตลาดจะรับรู้ได้เอง” พร้อมกับบอกว่า เขาเชื่อว่าในระยะยาว เทสลาจะเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก

นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้พนักงานเร่งจัดส่งรถภายในปลายไตรมาสนี้ หลังจากเทสลามอบส่วนลดสำหรับลูกค้าในอเมริกาพร้อมทั้งจีนไป เขาระบุในอีเมลว่า “โปรดทุ่มให้สุดตัวในอีก 2-3 วันข้างหน้า พร้อมทั้งอาสาที่จะช่วยจัดส่งรถหากทำได้ มันจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง!”

นักวิเคราะห์ต่างคาดว่าเทสลาจะจัดส่งรถที่ผลิตได้ 442,452 คันในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ อ้างอิงจากข้อมูลของ Refinitiv

มูลค่าหุ้นเทสลาที่ร่วงหนักในปีนี้ กระทบกับมูลค่าของหุ้นที่พนักงานเทสลาถืออยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งทางบริษัทได้เสนอเงินชดเชยให้กับพนักงานส่วนใหญ่ รวมทั้งพนักงานที่โรงงานผลิตรถของเทสลาด้วย

ที่มา: รอยเตอร์

สหรัฐฯ เดินหน้าช่วยขจัด ‘ฝนเหลือง’ ในเวียดนาม

รัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่งประกาศทำสัญญาฉบับใหม่ที่มูลค่าถึง 29 ล้านดอลลาร์เพื่อขจัด ‘ฝนเหลือง’ หรือสารไดออกซินที่กองทัพสหรัฐฯ ใช้ในช่วงสงครามเวียดนามพร้อมทั้งยังคงหลงเหลือตกค้างอยู่ในประเทศนี้

คำประกาศแผนงานดังกล่าวมีออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีเป้าหมายการดำเนินงานที่ฐานทัพอากาศ เบียน ฮัว ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเวียดนาม ใกล้ ๆ กับ นครโฮจิมินห์ พร้อมทั้งเพื่อแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันใกล้ชิดขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ แม้ว่าความสัมพันธ์สหรัฐฯ-เวียดนามจะไม่ได้อยู่ในภาวะแนบแน่นก็ตาม

สหรัฐฯ ใช้สารเคมีดังกล่าวจำนวนถึง 20,000 ตันเข้าใส่เมืองฮานอยพร้อมทั้งเมืองไฮฟอง ในช่วงสงครามเวียดนาม ในปฏิบัติการที่มีชื่อว่า ‘ระเบิดคริสต์มาส’ ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมเมื่อ 50 ปีก่อน

ความร่วมมือขจัดสารสีส้ม หรือ ‘ฝนเหลือง’ ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานระหว่างสหรัฐฯ พร้อมทั้งเวียดนามในการทำงานแก้ไขปัญหาหลายด้าน ตั้งแต่เรื่องการค้า ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

เมื่อ 4 ปีก่อน หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐฯ (USAID) เพิ่งเสร็จสิ้นโครงการขจัดสารสีส้มพร้อมทั้งสารพิษเคมีอื่น ๆ ที่หลงเหลือจากสงครามเมื่อครึ่งศตวรรษก่อนในเมืองดานัง ซึ่งตั้งอยู่ในภาคกลางของเวียดนาม แต่หน่วยงานแห่งนี้ให้ความเห็นว่า การจัดการกับปัญหาใน เบียน ฮัว นั้น ต้องใช้งบประมาณพร้อมทั้งเวลามากกว่าที่ดานังถึง 4 เท่า เนื่องจากการปนเปื้อนระดับสูงของสารพิษในดินของบริเวณดังกล่าวที่เป็นสาเหตุให้เกิดความผิดปกติโดยกำเนิดในทารก

 

รายงานข่าวพบว่า รัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมทั้งเวียดนามยังคงร่วมมือกันดำเนินการขจัดสารพิษทั่วประเทศซึ่งมีการประเมินว่า น่าจะต้องใช้เวลากว่า 10 ปี พร้อมทั้งงบประมาณราว 450 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ รัฐบาลกรุงวอชิงตันคาดการณ์ว่า จะมีการจัดสรรงบระมาณให้ 300 ล้านดอลลาร์เพื่อการนี้ พร้อมทั้งได้เบิกจ่ายไปแล้วกว่า 163 ล้านดอลลาร์

 

 ที่มา: วีโอเอ

แหล่งท่องเที่ยวในเอเชียตั้งการ์ดสูงรับคลื่นนนท.แดนมังกร

ประเทศในเอเชียเตรียมรับแรงปะทะจากคลื่นนักท่องเที่ยวจีน ควบคู่ไปกับการเตรียมบุฟเฟต์หม้อไฟเพื่อเตรียมรับทรัพย์จากนักท่องเที่ยวแดนมังกร หลังจากรัฐบาลกรุงปักกิ่งตัดสินใจพลิกกลับมาผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดไวรัสโคโรน่า-19

เริ่มต้นในวันที่ 8 มกราคมปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนไม่จำเป็นต้องกักตัวสังเกตอาการเมื่อเดินทางกลับประเทศอีกต่อไป ตามประกาศของทางการจีน เป็นมาตรการที่ช่วยกระตุ้นให้ชาวจีนจองตั๋วท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ในฐานะตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของโลกเมื่อปี 2019 พร้อมทั้งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายทั่วโลก 255,000 ล้านดอลลาร์ก่อนไวรัสโคโรน่าระบาด

ในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 เที่ยวบินระหว่างประเทศที่เดินทางเข้าออกจีนอยู่ที่ระดับ 8% จากปริมาณเที่ยวบินช่วงก่อนไวรัสโคโรน่าระบาด อ้างอิงจากข้อมูลของ VariFlight ที่ติดตามเส้นทางการบิน พร้อมทั้งบรรดาสายการบินเตรียมเพิ่มจำนวนเที่ยวบินเข้าออกประเทศจีนมากขึ้น

บิล บาร์เน็ตต์ ผู้บริหารบริษัทที่ปรึกษา C9 Hotelworks พบว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่านักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่จะเป็นตัวฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวของไทย” พร้อมทั้งว่า “คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าจะมากแค่ไหนพร้อมทั้งเร็วแค่ไหน”

สายการบินของจีนเตรียมเพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูร้อนของจีน พร้อมทั้งสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ของมาเลเซีย พร้อมทั้งเวียตเจ็ต ของเวียดนาม หวังฟื้นเส้นทางบินกับจีนให้กลับสู่ระดับก่อนโรคระบาด ภายในเดือนมิถุนายนปีหน้า ขณะที่สิงคโปร์ แอร์ไลน์ พร้อมทั้งสายการบินควอนตัส แอร์เวย์ ปฏิเสธที่ลงข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการบินหลังมาตรการในจีนเปลี่ยนแปลง

จีนคืนชีพ ‘เที่ยวล้างแค้น’

การกลับมาเฟื่องฟูของนักช้อปจีนที่หลั่งไหลไปตามถนนแหล่งช้อปปิ้งทั่วโลก กระตุ้นหุ้นในกลุ่มสินค้าหรูหราในสัปดาห์นี้ ระหว่างที่นักช้อปจีนคิดเป็นสัดส่วน 21% ของตลาดสินค้าหรูหราทั่วโลกมูลค่า 371,910 ล้านดอลลาร์

พร้อมทั้งในช่วงเทศกาลวันหยุดตรุษจีนที่จะมาถึงนี้ จะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวใหญ่ของชาวจีน เริ่มต้น 21 มกราคมนี้ ซึ่งภาคธุรกิจเตรียมรับกับคลื่นนักท่องเที่ยวบ้างแล้ว อย่างที่โรงแรมโซฟิเทล เซนโตซา ในสิงคโปร์ เตรียมแพคเกจตรุษจีนที่เอาใจนักท่องเที่ยวแดนมังกร ด้วยการจัดบุฟเฟต์หม้อไฟพร้อมทั้งแพคเกจสุดโรแมนติกสำหรับคู่รักชาวจีน พร้อมทั้งเครือโรงแรมใหญ่มุ่งหมายเทรนด์การเที่ยวล้างแค้นของชาวจีนเป็นเดิมพัน

ส่วนที่ญี่ปุ่น รถบัสทัวร์ฮาโตะ บัส เตรียมจัดทัวร์โดยไกด์ที่สื่อสารด้วยภาษาจีนในเดือนหน้า พร้อมทั้งหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเต็มที่ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้

ญี่ปุ่นยังระมัดระวังกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนอยู่จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าในแดนมังกร เช่นเดียวกับสหรัฐฯ อินเดีย ไต้หวัน ที่มีมาตรการให้ผู้เดินทางจากจีนแสดงผลการตรวจไวรัสโคโรน่าแบบ PCR ที่เป็นลบ ส่วนฟิลิปปินส์กำลังพิจารณาให้นักท่องเที่ยวจีนตรวจเชื้ออยู่

ขณะที่ ออสเตรเลีย เยอรมนี ไทย พร้อมทั้งพื้นที่อื่น ๆ ในโลก พบว่า จะไม่บังคับใช้มาตรการเพิ่มเติมกับนักท่องเที่ยวจีนในตอนนี้ ขณะที่ฝรั่งเศส ทำคลิปต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เว่ยโป๋ ส่วนเวียดนามที่ยังไม่เปิดทำวีซ่าท่องเที่ยวให้กับชาวจีนในตอนนี้ แต่ได้เตรียมรับนักท่องเที่ยวจีนกลับมาในไตรมาสสองปีหน้าแล้ว

ที่มา: รอยเตอร์

ถอดรหัส “ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น” คำตอบของพลังงานสะอาดไร้ขีดจำกัด

เมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งเพิ่งประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญของการวิจัยปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น (nuclear fusion) ที่กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐฯ โดยเป็นครั้งแรกที่มีการใช้กระบวนการทำปฏิกิริยาซึ่งสร้างพลังงานออกมาได้มากกว่าพลังงานตั้งต้น

นักวิทยาศาสตร์จากห้องทดลอง Lawrence Livermore National Laboratory ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำการยิงลำแสงเลเซอร์ที่มีพลังงานมหาศาลไปยังแคปซูลที่มีขนาดราวครึ่งหนึ่งของลูกกระสุนปืน BB ซึ่งทำให้เกิดปฏิกิริยาที่สร้างพลังงานได้มากกว่าแหล่งพลังงานเดิมที่ยิงออกมาถึง 1.5 เท่า

อย่างไรก็ดี การค้นพบที่น่าสนใจครั้งนี้ยังต้องใช้เวลาอีกนานหลายทศวรรษ ก่อนที่ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นจะถูกนำมาใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้งานทั่วไป

ถ้าหากได้รับการควบคุมพร้อมทั้งใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม วิธีนี้จะสามารถผลิตพลังงานในปริมาณที่เกือบไร้ขีดจำกัดพร้อมทั้งปราศจากก๊าซคาร์บอนที่จะตอบสนองการใช้งานไฟฟ้าของมนุษยชาติ โดยที่ไม่ส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นหรือทำให้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศเลวร้ายลงไปกว่าที่เป็นอยู่ได้

มาร์วิน “มาร์ฟ” อดัมส์ รองผู้อำนวยการของสำนักงานความมั่นคงทางนิวเคลียร์แห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวในงานแถลงข่าวว่า แม้จะมีการทดลองเช่นนี้มาแล้วหลายร้อยครั้ง แต่การทดลองครั้งล่าสุดนี้เป็นครั้งแรกที่มีการออกแบบกระบวนการที่ช่วยให้เชื้อเพลิงฟิวชั่นในแคปซูลถูกบีบอัด รักษาสถานะความร้อนพร้อมทั้งความหนาแน่นเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเพียงพอที่จะนำไปสู่การจุดติดลุกไหม้ต่อได้ โดยปฏิกริยานี้ผลิตพลังงานได้มากกว่าพลังงานที่แสงเลเซอร์ยิงส่งเข้าไปเสียอีก

อ้างอิงตามคำอธิบายของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ปฏิกิริยานี้เกิดขึ้นเมื่อนิวเคลียสของอะตอมของธาตุที่มีน้ำหนักเบาคู่หนึ่ง หลอมรวมกันจนเกิดเป็นนิวเคลียสที่มีน้ำหนักของธาตุมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งมีพลังงานส่วนเกินถูกผลิตออกมาจากกระบวนการดังกล่าว

ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นเป็นแหล่งพลังงานของดาวต่าง ๆ รวมถึงดวงอาทิตย์ที่ซึ่งอุณหภูมิความร้อนที่สูงนับล้านองศาเซลเซียส ผนวกกับแรงดันที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงในดวงอาทิตย์ ก่อให้เกิดปฏิกริยาทำให้อะตอมหลอมรวมกันเกิดเป็นพลังงานนั่นเอง

นักวิทยาศาสตร์มีความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นมานานแล้ว พร้อมทั้งได้จำลองกระบวนการข้างต้นทดลองบนโลกมาตั้งแต่ในช่วงปี 1930

รายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ พบว่า ในปัจจุบันมีความพยายามที่จะหลอมรวมไอโซโทปไฮโดรเจนคู่หนึ่ง ได้แก่ ดูเทอเรียม (deuterium) พร้อมทั้งทริเทียม (tritium) โดยกระบวนการนี้จะปลดปล่อย “พลังงานมากกว่าปฏิกิริยาฟิวชั่นส่วนใหญ่” พร้อมทั้งใช้อุณหภูมิความร้อนที่ต่ำกว่า

ศาสตราจารย์แดเนียล เเคมเมน ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานพร้อมทั้งมิติด้านสังคม ที่มหาวิทยาลัยแห่งเเคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์คลีย์ ชี้ว่า พลังงานจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นอาจนำไปต่อยอดได้อย่างไร้ขีดจำกัด เมื่อมีเทคโนโลยีมารองรับในการใช้งานเชิงพานิชย์ โดยอะตอมของธาตุที่ต้องใช้ก็มีอยู่ในน้ำทะเลอยู่แล้ว อีกทั้งกระบวนการดังกล่าวยังไม่ก่อให้เกิดกากกัมมันตภาพรังสี แบบที่พบได้จากกระบวนการนิวเคลียร์ฟิชชั่น (nuclear fission) ซึ่งเป็นการแบ่งแยกนิวเคลียส

แคโรลีน คูรานซ์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งมิชิแกนพร้อมทั้งเป็นนักฟิสิกส์ด้านการทดลองพลาสมา กล่าวเสริมว่า การสร้างพลังงานได้มากกว่าพลังงานสุทธิถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญอย่างยิ่ง

 

หนึ่งในวิธีที่นักวิทยาศาสตร์เคยพยายามสร้างนิวเคลียร์ฟิวชั่น โดยใช้เตาปฏิกรณ์โทคาแมค (tokamak) ซึ่งเป็นห้องสุญญากาศรูปทรงคล้ายโดนัทพร้อมทั้งใช้พลังงานมหาศาลจากแม่เหล็กในการเปลี่ยนเชื้อเพลิงให้เป็นพลาสมาที่มีอุณหภูมิความร้อนสูงถึงระหว่าง 150 ล้าน ถึง 300 ล้านองศาเซลเซียส จนอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น

แต่ในการทดลองครั้งล่าสุด ห้องปฏิบัติการ Livermore ใช้เทคนิคที่ต่างออกไป โดยนักวิจัยทำการยิงแสงเลเซอร์ 192 ลำแสงใส่แคปซูลขนาดเล็กที่บรรจุเชื้อเพลิงดูทีเรียมพร้อมทั้งทริเทียม

 

รายงานผลการทดสอบในเดือนสิงหาคม ปี 2021 พบว่า การทดลองครั้งนั้นสามารถผลิตพลังงานฟิวชั่นได้ 1.35 เมกะจูล ซึ่งถือว่ามากกว่าประมาณ 70% ของพลังงานที่ยิงเข้าไป อย่างไรก็ดี การทดลองที่ตามมาอีกหลายครั้งได้ผลลัพธ์ที่ลดลง แต่นักวิจัยเชื่อว่า พวกเขาสามารถระบุปัจจัยในการแก้ไขให้ดีขึ้นได้ อย่างเช่น คุณภาพของเชื้อเพลิงในแคปซูล หรือการตั้งค่าความสมมาตรของลำแสงเลเซอร์

ทั้งนี้ สเตฟานี ดีม ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์วิศวกรรม จากมหาวิทยาลัยแห่งวิสคอนซิน-เมดิสัน อธิบายว่า องค์ประกอบที่สำคัญของการสร้างปฏิกิริยานี้ไม่ใช่เรื่องของความร้อนพร้อมทั้งแรงกดดันมหาศาลเท่านั้น แต่พลังงานจากลำแสงเลเซอร์ยังต้องถูกยิงออกไปอย่างแม่นยำเพื่อที่จะก่อเกิดเชื้อเพลิงฟิวชั่น

ถ้าหากว่า แม้ความสำเร็จในห้องปฏิบัติการนี้จะยืนยันว่า การผลิตพลังงานฟิวชั่นนั้นเป็นไปได้จริง การพัฒนาต่อยอดไปสู่การผลิตไฟฟ้าในขั้นของโรงไฟฟ้ายังถือว่าเป็นเรื่องยากกว่ามาก

แคโรลีน คูรานซ์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งมิชิแกน ยกตัวอย่างให้ฟังว่า การยิงแสงเลเซอร์ในห้องปฏิบัติการนั้นสามารถทำได้เพียงไม่กี่ครั้งต่อวัน แต่ในการผลิตพลังงานเพื่อใช้งานจริง จำเป็นที่จะต้องยิงลำแสงอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งต้องมีการบรรจุแคปซูลหลายครั้งภายในช่วงเวลา 1 นาทีหรืออาจต้องเร็วกว่านั้นด้วยซ้ำ

เจเรมี ชิทเทนเดน ศาสตราจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านพลาสมาฟิสิกส์ จาก Imperial College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายอีกข้อ ซึ่งก็คือ การเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการนี้ โดยบอกว่า เลเซอร์ในห้องปฏิบัติการของ Livermore ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก ซึ่งหมายความว่า เหล่านักวิจัยจำเป็นต้องหาวิธีที่ที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์แบบเดียวกันได้อีกเรื่อย ๆ ในแบบที่ให้ผลตอบแทนที่สูงแต่มีต้นทุนที่ต่ำกว่าให้ได้

 

ที่มา: เอพี

 

ไฟไหม้ทางด่วนเกาหลีใต้ปลิด 5 ชีวิต-บาดเจ็บนับสิบ

เกิดเหตุไฟไหม้บนทางด่วนสายหนึ่งในเกาหลีใต้ในวันพฤหัสบดี ขณะที่สภาพการจราจรติดขัดหนัก โดยมีผู้จบชีวิตอย่างน้อย 5 รายพร้อมทั้งบาดเจ็บเกือบ 40 ราย ตามรายงานของสำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์ที่อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งสื่อท้องถิ่น

คลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นภาพของหลังคากันเสียงเหนือทางด่วนเส้น Second Gyeongin Expressway ใกล้ ๆ กับกรุงโซล ขณะที่มีไฟลุกท่วม เมื่อเวลา 13.49 น. ตามเวลาท้องถิ่น

สถานีโทรทัศน์ YTN ของเกาหลีใต้รายงานการสัมภาษณ์พยานรายหนึ่งที่พบว่า สภาพการจราจรติดขัดหนักทำให้พาหนะบนทางด่วนไม่สามารถขับหนีหรือเลี่ยงบริเวณเกิดเหตุได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งไฟก็ขยายวงต่อเนื่อง โดยได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นครั้งหนึ่งด้วย

สื่อเกาหลีใต้ยังรายงานด้วยว่า จุดเริ่มต้นของเหตุไฟไหม้นี้น่าจะเกิดจากรถโดยสารคันหนึ่งพร้อมทั้งรถบรรทุกอีกคันชนกัน แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงรายหนึ่งที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ ณ ที่เกิดเหตุ บอกว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงสืบสวนหาสาเหตุอยู่

เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวบอกกับรอยเตอร์ด้วยว่า มีพาหนะจำนวน 44 คันที่ถูกทำลายเสียหายในเหตุการณ์ครั้งนี้ที่คร่าชีวิตผู้คนไป 5 คนพร้อมทั้งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 37 คน โดย 3 คนมีอาการสาหัส

 

ที่มา: รอยเตอร์

‘ทีเอสเอ็มซี’ เริ่มผลิตชิปไฮเทคในไต้หวัน

บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ TSMC เริ่มต้นการผลิตชิปไฮเทคทางตอนใต้ของไต้หวัน เมื่อวันพฤหัสบดี พร้อมทั้งทางบริษัทเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตในไต้หวันมากขึ้น ตามรายงานของรอยเตอร์

มาร์ค หลิว ประธานบริษัท TSMC กล่าวในพิธีเปิดสายการผลิตในเมืองไถหนานว่า “TSMC ยังคงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระหว่างที่ลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในไต้หวัน จะเดินหน้าลงทุนพร้อมทั้งประสบความสำเร็จต่อไป” พร้อมทั้งว่าความต้องการชิป 3 นาโนเมตรอยู่ในระดับที่ “แข็งแกร่งอย่างมาก” ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีใหม่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงพร้อมทั้งรองรับเครือข่ายบริการสัญญาณ 5จี แต่ไม่ได้ลงข้อมูลเพิ่มเติม

หลิว เสริมว่า การผลิตชิปล็อตใหญ่ประสบความสำเร็จพร้อมทั้งให้ผลตอบแทนที่ดี พร้อมทั้งว่าเทคโนโลยีชิป 3 นาโนเมตร เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคที่มีมูลค่าตลาด 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในเวลา 5 ปี

นอกจากนี้ TSMC เตรียมสร้างโรงงานสำหรับชิป 2 นาโนเมตร ที่ตอนเหนือพร้อมทั้งตอนกลางของไต้หวันเพิ่มเติมด้วย

การผลิตชิป 3 นาโนเมตรล็อตใหญ่ของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ไต้หวัน มาในช่วงที่ทั่วโลกจับตาแผนการลงทุนทั้งในพร้อมทั้งต่างประเทศของบริษัท TSMC ผู้นำด้านการผลิตชิปชั้นสูงรองรับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงเครื่องบินรบ

เมื่อต้นเดือนธันวาคม บริษัท TSMC พบว่า จะขยายการลงทุน 40,000 ล้านดอลลาร์ในโรงงานผลิตที่รัฐแอริโซนา นับเป็นการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ พร้อมทั้งกำลังสร้างโรงงานผลิตชิปประมวลผลในญี่ปุ่น รวมทั้งพบว่ายังอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการพิจารณาการขยายการลงทุนในเยอรมนีด้วย

ด้านรัฐบาลไต้หวัน ปฏิเสธประเด็นความกังวลเรื่องการย้ายฐานการผลิตชิปออกจากไต้หวัน โดยพบว่า ไต้หวันยังคงบทบาทในฐานะผู้ผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่พร้อมทั้งผู้ผลิตชิปขั้นสูงต่อไป

ที่มา: รอยเตอร์

ผู้อพยพมุสลิมโรฮีนจานับร้อยหนีตายขึ้นฝั่งอินโดนีเซีย

ผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮีนจาหลายร้อยคนรอดชีวิตจากที่ต้องลอยคออยู่ในทะเลเป็นเวลา 40 วัน หลังได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่จากอินโดนีเซีย ตามรายงานของสำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์

ชาวมุสลิมโรฮีนจาจำนวน 174 คนเพิ่งได้รับการช่วยชีวิตจากเรือหาปลาที่ถูกซัดเข้าฝั่งในจังหวัดอาเจห์ในสัปดาห์นี้

รายงานข่าวพบว่า ผู้อพยพกลุ่มนี้ประกอบด้วยชาวโรฮีนจาราว 200 คนซึ่งตัดสินใจหลบหนีขึ้นเรือลำเดียวกันออกมาจากบังกลาเทศเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ก่อนที่กว่า 20 คนจะจบชีวิตระหว่างที่ล่องเรือกันในมหาสมุทรอินเดีย โดยบางรายกระโดดลงน้ำ หลังเรือเริ่มแตกพร้อมทั้งมีน้ำรั่วเข้ามา จนทำให้ผู้อพยพกลัวว่า เรือจะล่มในที่สุด

การประเมินโดยองค์การสหประชาชาติชี้ว่า ชาวมุสลิมโรฮีนจาประมาณ 800,000 คนถูกบีบให้ต้องลี้ภัยออกจากเมียนมา หลังกองทัพทำการปรามปรามชนกลุ่มน้อยนี้ในปี ค.ศ. 2017 โดยจำนวนมากยอมหนีตายเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในค่ายผู้อพยพที่มีสภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ในบังคลาเทศแทน

ในเวลาเดียวกัน หน่วยงานของยูเอ็นที่ดูแลผู้อพยพลี้ภัยเปิดเผยว่า ชาวโรฮีนจาส่วนหนึ่งเลือกหนีไปอยู่ที่อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดในโลก โดยในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนเกือบ 500 คนที่รอนแรมมาถึงจุดหมายดังกล่าวสำเร็จ

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ทางการอินโดนีเซียได้จัดหาความช่วยเหลือด้านการแพทย์ อาหารพร้อมทั้งที่พักชั่วคราวให้กลุ่มคนเหล่านี้ พร้อม ๆ กับประสานงานกับหน่วยงานด้านผู้อพยพระหว่างประเทศเพื่อให้คนเหล่านี้มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยเต็มตัว

 

ที่มา: รอยเตอร์

เหตุเพลิงไหม้โรงแรม-คาสิโนกัมพูชาคร่า 19 ชีวิต-เจ็บหลายสิบ

มีผู้จบชีวิตอย่างน้อย 19 คนในเหตุการณ์ไฟไหม้ที่โรงแรมพร้อมทั้งคาสิโนแห่งหนึ่งในกัมพูชา ขณะที่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยเปิดเผยว่า จำนวนเหยื่อเพลิงไหม้ครั้งนี้น่าจะสูงกว่านี้

เจ้าหน้าที่กัมพูชาเปิดเผยว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ Grand Diamond City hotel-casino ในเมืองปอยเปต ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ในช่วงดึกของคืนวันพุธที่ผ่านมา

อาสาสมัครรายหนึ่งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ทีมงานมาถึงที่เกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 2 นาฬิกาพร้อมทั้งพบว่า มีผู้ประสบเหตุหลายคนพยายามกระโดดหนีตายออกมาจากอาคารโรงแรมแห่งนี้

คลิปวิดีโอของเหตุเพลิงไหม้ที่มีผู้บันทึกไว้แสดงให้เห็นว่า ตัวอาคารนั้นถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง ขณะที่ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามเข้าควบคุมสถานการณ์พร้อมทั้งหน่วยกู้ภัยพยายามเอาตัวผู้ประสบเหตุที่หนีออกมานอกหน้าต่างอาคารลงมาที่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วน

ผู้ว่าการจังหวัดสระแก้ว ปริญญา โพธิสัตย์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลในฝั่งไทยรับตัวเหยื่อเหตุการณ์ครั้งนี้กว่า 100 คน โดยเป็นชาวไทย 79 คน ชาวกัมพูชา 30 คนพร้อมทั้งชาวอินโดนีเซีย 8 คน

เอเอฟพีรายงานโดยอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ทางการไทยในจังหวัดสระแก้วซึ่งอยู่ติดกันว่า มีเหยื่อเหตุเพลิงไหม้นี้ข้ามมารักษาตัวในโรงพยาบาลที่ต้องอาศัยอุปกรณ์ช่วยพยุงชีพ 13 คน

 

ที่มา: เอเอฟพี