ทรัมป์ฟื้นแผนซื้อกรีนแลนด์ หลังหมายตาคลองปานามา

ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ฟื้นแผนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรก ในการซื้อเกาะกรีนแลนด์จากเดนมาร์ก หลังจากข่มขู่ว่าจะยึดคลองปานามากลับคืนมาเป็นของสหรัฐฯ นับเป็นการเพิ่มโจทย์ขัดแย้งกับประเทศพันธมิตรอเมริกา ก่อนกลับคืนสู่ทำเนียบขาวในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า

ทรัมป์ ระบุเมื่อวันอาทิตย์หลังเสนอชื่อทูตสหรัฐฯ ประจำเดนมาร์กว่ามีการซื้อเกาะกรีนแลนด์ “เพื่อเป้าหมายด้านความมั่นคงพร้อมทั้งเสรีภาพทั่วโลก สหรัฐฯ รู้สึกว่าการเป็นเจ้าของพร้อมทั้งควบคุมกรีนแลนด์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างที่สุด”

กรีนแลนด์มีประชากร 56,000 คน มีจุดเด่นด้านแหล่งประมงพร้อมทั้งพลังงานสะอาด รวมทั้งเป็นที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐฯ Thule Air Base ซึ่งเป็นฐานทัพอเมริกันที่อยู่เหนือสุดของโลก พร้อมทั้งเป็นที่หมายตาของสหรัฐฯมายาวนานตั้งแต่ในอดีต ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1946 ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประธานาธิบดีแฮร์รี ทรูแมนของสหรัฐฯในยุคนั้นขอซื้อกรีนเเลนด์ที่มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ แต่ถูกปฏิเสธโดยเดนมาร์ก

เมื่อปี 2019 ทรัมป์เคยแสดงความสนใจที่จะให้สหรัฐฯ ซื้อเกาะกรีนแลนด์ ก่อนที่รัฐบาลกรีนแลนด์ จะออกแถลงการณ์ว่า “กรีนแลนด์ไม่ได้มีไว้ขาย” จนเป็นเหตุให้ทรัมป์ยกเลิกแผนเยือนเดนมาร์กในปีเดียวกัน

พร้อมทั้งในครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลกรีนแลนด์ ยืนยันถ้อยคำดังกล่าวหลังทรัมป์ปัดฝุ่นข้อเรียกร้องนี้อีกครั้ง

การฟื้นแผนซื้อเกาะกรีนแลนด์ของทรัมป์ มีขึ้นหลังจากเขาขู่ว่าจะยึดคืนคลองปานามาหากไม่มีการแก้ปัญหาค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น ที่เรือสินค้าของสหรัฐฯ แล่นผ่านคลองดังกล่าว

ทรัมป์ระบุในสื่อสังคมออนไลน์ ทรูธ โซเชียล ว่า “กองเรือพร้อมทั้งการค้าของเราได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง ค่าธรรมเนียมที่ปานามาเรียกเก็บนั้นเหลวไหลจริง ๆ” พร้อมทั้งว่าการเอาเปรียบต่ออเมริกา “ต้องยุติลงทันที”

ทรัมป์ยังบอกว่า หากปานามาไม่สามารถรับรองความปลอดภัย ประสิทธิภาพพร้อมทั้งความน่าเชื่อถือของคลองแห่งนี้ได้ “สหรัฐฯ จะขอนำคลองปานามากลับคืนมาเป็นของเราอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีข้อสงสัย”

ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นผู้ขุดคลองปานามาเสร็จสิ้นเมื่อปี 1914 ก่อนที่จะส่งคืนให้แก่ปานามาภายใต้สนธิสัญญาเมื่อปี 1977 ที่ลงนามโดยอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ จากพรรคเดโมแครต พร้อมทั้งปานามาครอบครองคลองนี้อย่างสมบูรณ์ในปี 1999

ในเรื่องนี้ ประธานาธิบดีปานามา โฮเซ่ ราอูล มูลิโน ตอบโต้ท่าทีของทรัมป์ในวิดีโอว่า “ทุกตารางเมตรของคลองเป็นของปานามาพร้อมทั้งจะเป็นเช่นนั้นต่อไป” แต่ทรัมป์โต้กลับผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของตนว่า “เดี๋ยวได้รู้กัน”

ยิ่งไปกว่านั้น เอพีรายงานว่า ทรัมป์เคยแนะให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา พร้อมทั้งเรียกนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ว่า “ผู้ว่าการ” ของ “รัฐแคนาดาอันยิ่งใหญ่”

ในกรณีนี้ นายกฯ แคนาดา เห็นว่าทรัมป์แค่หยอกเล่น แต่ทั้งคู่ได้พบกันเมื่อไม่นานมานี้ที่รัฐฟลอริดา เพื่อหารือเรื่องที่ทรัมป์จะขึ้นกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าจากแคนาดา 25%

สตีเฟน ฟาร์นสเวิร์ธ อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์จาก University of Mary Washington ในรัฐเวอร์จิเนีย บอกว่า ทรัมป์ใช้แนวทางอันก้าวร้าวแบบนักธุรกิจในการหยิกแกมหยอกประเทศที่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ พร้อมทั้งมองว่าทั้งกรณีของแคนาดาพร้อมทั้งกรีนแลนด์ ทรัมป์เพียงแค่ต้องการเอาชนะ ไม่ว่าจะในเรื่องการค้า พรมแดน หรือในประเด็นอื่น ๆ กับประเทศพันธมิตร

ที่มา: เอพี

Volvo ดูแลลูกค้ารถยนต์ไฟฟ้า พร้อมให้บริการ Mobile Service เต็มรูปแบบ

วอลโว่ ดูแลลูกค้ารถยนต์ไฟฟ้า พร้อมให้บริการ Volvo Mobile Service เต็มรูปแบบ ทั้งบำรุงรักษารถแบบครบวงจรพร้อมอะไหล่แท้จากวอลโว่

กกต. เตือน เช็กคุณสมบัติให้ดีก่อนสมัคร อบจ. – จ่อลงพื้นที่ปราจีนฯ สัปดาห์หน้า

เลขา กกต. แนะวันแรกผู้จะสมัครเช็กคุณสมบัติก่อนสมัคร อบจ. ให้ดี เตือนได้หมายเลขแล้วอย่าตีกลองแห่รื่นเริง ประสานทุกหน่วยงาน ให้อำนวยความสะดวกประชาชนได้ใช้สิทธิ์วันเสาร์ที่ 1 ก.พ. เตรียมลงพื้นที่ปราจีนบุรีซาวเช็คหลังเหตุยิงกันดับ

ฤกษ์งามยามดี ขบวนขันหมากสู่ขอ “หมูมะนาว” เป็นสะใภ้สวนสัตว์เขาเขียว (คลิป)

ฤกษ์งามยามดี สีสันขบวนขันหมากสู่ขอ “หมูมะนาว” ให้ “หมูตุ๋น” ไปเป็นสะใภ้หมูเด้งที่สวนสัตว์เขาเขียว พร้อมรับขวัญคู่บ่าวสาวเข้าบ้าน ผู้สาวหมูกรอบ ผู้บ่าวหมูขนุน สู่เรือนหอสวนสัตว์โคราช

‘โซนิก 3’ เปิดตัวแรงแซง ‘มูฟาซา’ ก่อนสัปดาห์วันหยุดยาว

ศึกหนังแอนิเมชั่นแนวครอบครัวในช่วงเทศกาลปลายปี เริ่มต้นด้วยชัยชนะของ “Sonic the Hedgehog 3” จากค่ายพาราเมาท์ ที่เร่งสปีดแซง “Mufasa: The Lion King” จากค่ายดีสนีย์ ยึดบัลลังก์อันดับหนึ่งหนังทำเงินในข่วงสุดสัปดาห์นี้ไปตามความคาดหมาย

“Sonic the Hedgehog 3” ซึ่งนำตัวละครขวัญใจนักเล่นเกมส์มาลงจอเป็นภาคที่ 3 แล้ว เปิดตัวด้วยรายได้ 62 ล้านดอลลาร์ โดยได้แรงส่งจากเสียงวิจารณ์ด้านบวกทั้งจากนักวิจารณ์พร้อมทั้งผู้ชมทั่วไป 

ทั้งสองภาคก่อนหน้านี้สามารถทำเงินได้รวมกันกว่า 700 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก พร้อมทั้งคาดว่าภาคที่ 3 น่าจะทำได้ดีกว่านั้นอีก ในขณะที่ “Sonic 4” ก็กำลังก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาแล้วเช่นกัน

ตามมาอันดับ 2 แบบห่าง ๆ คือ “Mufasa” ซึ่งเป็นเรื่องราวก่อนที่จะมาเป็นหนังแอนิเมชันขวัญใจผู้ชมหลายยุคสมัย “The Lion King” เปิดตัวไม่ค่อยยิ่งใหญ่นักกับรายได้เพียง 35 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ แม้จะมีโรงฉายมากกว่า “Sonic 3” ก็ตาม 

“Mufasa” ทุ่มทุนสร้างไปกว่า 200 ล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งดูเหมือนยังห่างไกลกับการคุ้มทุน แม้จะกวาดเงินทั่วโลกไปแล้ว 87 ล้านดอลลาร์ก็ตาม เทียบกับ “The Lion King” ฉบับรีเมคที่เปิดตัวด้วยตัวเลข 191 ล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งกวาดเงินทั่วโลกไปถึง 1,660 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2019

ถ้าหากว่า แม้รายได้ของ “Mufasa” จะไม่ค่อยน่าประทับใจนัก แต่ดีสนีย์สตูดิโอก็ถือว่ามีปีที่ประสบความสำเร็จในปีนี้ด้วยยอดขายกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก พร้อมทั้งมีหนังสามเรื่องที่ทำรายได้สูงสุดสามอันดับแรก คือ “Inside Out 2” “Deadpool and Wolverine” พร้อมทั้ง “Moana 2” 

อันดับ 3 “Wicked” หนังจินตนิยายแนวมิวสิคัลทุนสร้างสูง “Wicked” เก็บเงินเข้ากระเป๋าเพิ่มได้อีก 13.5 ล้านดอลลาร์หลังฉายมาเป็นสัปดาห์ที่ 5 ขณะที่รายได้รวมจากการฉายในอเมริกาเหนือนั้นอยู่ที่กว่า 384 ล้านดอลลาร์

อันดับ 4 “Moana 2” แอนิเมชันภาคต่อจากค่ายดิสนีย์ตกลงมาจากอันดับ 1 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เก็บรายได้เพิ่มอีก 13.1 ล้านดอลลาร์ 

อันดับ 5 “Homestead” หนังฟอร์มเล็กจากแองเจิลสตูดิโอ เปิดตัวกระจุ๋มกระจิ๋มด้วยรายได้ 6 ล้านดอลลาร์ เรื่องราวของการเตรียมตัวรับวันสิ้นโลกหลังจากการจู่โจมด้วนระเบิดนิวเคลียร์ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย 

อันดับภาพยนตร์ในตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ สุดสัปดาห์ 20 – 22 ธ.ค. 2024 :

1. “Sonic the Hedgehog 3,” $62 million.

2. “Mufasa: The Lion King,” $35 million.

3. “Wicked,” $13.5 million.

4. “Moana 2,” $13.1 million.

5. “Homestead,” $6.1 million.

6. “Gladiator II,” $4.5 million.

7. “Kraven the Hunter,” $3.1 million.

8. “Red One,” $1.4 million.

9. “Lord of the Rings: The War of the Rohirrim,” $1.3 million.

10. “The Best Christmas Pageant Ever,” $825,000.

ที่มา: เอพี

คาดชาวอเมริกันเดินทางช่วงวันหยุดปลายปีนี้มากที่สุดเป็นสถิติใหม่

สมาคมยานยนต์ ทริปเปิลเอ (AAA) คาดการณ์ว่า ชาวอเมริกันกว่า 119 ล้านคนจะเดินทางไกลจากบ้านมากกว่า 80 กิโลเมตรในช่วงวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม ถึงวันที่ 1 มกราคม ซึ่งมากที่สุดเป็นสถิติใหม่ 

ขณะที่สมาคมการค้า Airlines for America ประเมินว่าจะมีผู้โดยสารเครื่องบินราว 54 ล้านคนระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม ถึง 6 มกราคม เพิ่มจากตัวเลขเมื่อปีที่แล้ว 6% 

สายการบินต่าง ๆ คาดว่าวันที่ 26 27 พร้อมทั้ง 29 ธันวาคมจะเป็นวันที่มีผู้เดินทางทางอากาศมากที่สุด ส่วนวันที่ 25 ธันวาคม พร้อมทั้งวันที่ 1 มกราคมนั้นจะเป็นวันที่การจราจรทางอากาศค่อนข้างบางตา 

สำนักงานความปลอดภัยด้านการคมนาคม หรือ ทีเอสเอ (Transportation Security Administration) คาดการณ์ว่าจะมีการตรวจผู้ดดยสารตามสนามบินต่าง ๆ ราว 40 ล้านคนในช่วงวันหยุดปลายปีนี้ 

ส่วน AAA ชี้ว่า ชาวอเมริกันราว 90% จะเดินทางด้วยรถยนต์ในช่วงวันหยุดยาว เช่นเดียวกับปีก่อน ๆ

บริษัทเก็บข้อมูลการเดินทาง INRIX พบว่า ผู้ขับขี่รถยนต์จะใช้เวลาบนท้องถนนนานขึ้น 30% ในช่วงวันหยุดเทศกาล เทียบกับช่วงเวลาปกติ โดยวันอาทิตย์จะเป็นวันที่การจราจรติดขัดมากที่สุด พร้อมทั้งประชาชนในนครใหญ่อย่างบอสตัน นิวยอร์ก ซีแอตเติล พร้อมทั้งกรุงวอชิงตัน จะต้องใช้เวลาบนถนนนานที่สุดในช่วงนี้

ที่มา: เอพี

รู้จักอาณาจักรยาเสพติด ‘แคปตากอน’ แหล่งรายได้ลับของรัฐบาลซีเรียที่ล่มสลาย

นับตั้งแต่การล่มสลายของรัฐบาลประธานาธิบดีบะชาร์ อัล-อัซซาด มีการเปิดโปงเรื่องราวเกี่ยวกับโรงงานระดับอุตสาหกรรมที่ใช้ผลิตสารเสพติดที่มีฤทธิ์คล้าย amphetamine พร้อมทั้งมีชื่อว่า Captagon โดยมีการพบโรงงานที่ว่าอยู่หลายจุดทั่วประเทศพร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า อุตสาหกรรมนี้น่าจะมีมูลค่าถึงราว 10,000 ล้านดอลลาร์ในตลาดยาเสพติดโลก

จุดที่มีการพบโรงงานที่ว่า มีอาทิ ฐานทัพอากาศมัสเซห์ ในกรุงดามัสกัส บริษัทซื้อ-ขายรถยนต์ในเมืองลาทาเกีย พร้อมทั้งโรงงานที่เคยเป็นที่ผลิตขนมทานเล่นซึ่งตั้งอยู่ชานกรุงดามัสกัส โดยรัฐบาลได้เข้ายึดโรงงานนี้ตั้งแต่เมื่อปี 2018

ในช่วงเกือบ 14 ปีที่ผ่านมา ซีเรียตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองที่ทำลายประเทศเป็นเสี่ยง ๆ พร้อมทั้งทำให้เศรษฐกิจพังครืน ทั้งยังทำให้พื้นที่ทั้งประเทศกลายมาเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดด้วย ขณะที่ กลุ่มติดอาวุธ ผู้นำทางทหารของกลุ่มติดอาวุธพร้อมทั้งรัฐบาลอัซซาดทำให้สายการผลิต Captagon ที่เคยอยู่ในวงเล็ก ๆ พร้อมทั้งควบคุมโดยกลุ่มแก็งอาชญากรรม ให้กลายมาเป็นอุตสาหกรรมมูลค่าหมื่นล้านไป

การโค่นอัซซาดลงจากตำแหน่งยังกลายมาเป็นปัจจัยที่ทำให้เครือข่ายยาเสพติดนี้ต้องเกิดสะดุดพร้อมทั้งเปิดทางให้คนภายนอกได้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเด็นสภาพเศรษฐกิจสงครามที่ทำให้อัซซาดอยู่ในอำนาจมาได้นาน

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า การเปลี่ยนแปลงในซีเรียครั้งนี้อาจทำให้เกิดโอกาสในการทลายอุตสาหกรรมยาเสพติด Captagon ก็เป็นได้

 

ซีเรียสร้างอาณาจักร Captagon ขึ้นมาได้อย่างไร

ยา Captagon นั้นถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในยุค 1960 ที่เยอรมนี ให้เป็นยาที่ต้องมีใบสั่งแพทย์สำหรับรักษาอาการโรคลมหลับ (นอนหลับเรื้อรังมากผิดปกติ) ก่อนจะมีกฎหมายประกาศห้ามใช้เพราะถูกพบว่าทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจพร้อมทั้งมีคุณสมบัติเป็นสารเสพติด

แต่คุณสมบัติที่เหมือนกับ amphetamine ของยานี้ทำให้ Captagon กลายมาเป็นที่นิยมในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในหมู่คนชั้นสูงพร้อมทั้งนักชกทั้งหลาย เพราะช่วยให้ตื่นตัวพร้อมทั้งลดอาการเหนื่อยล้าได้

รัฐบาลอัซซาดมองเห็นโอกาสของยาเสพติดต้นทุนต่ำในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำหนักพร้อมทั้งเผชิญกับมาตรการลงโทษมากมาจากนานาประเทศ

จากนั้น รัฐบาลรวมทั้งกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ ในซีเรียก็เริ่มลงทุนสร้างโรงงาน โกดังพร้อมทั้งเครือข่ายขนผลิตยาเสพติดนี้อย่างคึกคัก โดยเฉพาะในช่วงปี 2018-2019 จนทำให้ซีเรียกลายมาเป็นผู้ผลิต Captagon รายใหญ่ของโลก โดยมีการขยายฐานการผลิตบางส่วนในยังเลบานอนด้วย

ข้อมูลจาก New Lines Captagon Trade Project ซึ่งเป็นโครงการขององค์กรคลังสมอง New Lines Institute พบว่า ยา Captagon ส่วนใหญ่ที่ยึดมาได้นั้นมีต้นกำเนิดมาจากซีเรีย

ในเวลาเดียวกัน หลักฐานที่พิสูจน์ว่ารัฐบาลอัซซาดให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมยาเสพติดนี้ก็มีออกมามากมาย ตามรายงานที่ตีพิมพ์ออกมาในเดือนพฤษภาคมซึ่งระบุด้วยว่า หน่วย Security Office of the 4th Armored Division ของกองทัพอาหรับซีเรีย (Syrian Arab Army) ซึ่งมีน้องชายของอัซซาดเป็นผู้ดูแล ทำหน้าที่ควบคุธุรกิจพร้อมทั้งสายการผลิตทั้งหมด

 

มีการลักลอบขน Captagon ไปที่ใดพร้อมทั้งทำได้อย่างไร

รายงานข่าวพบว่า มีการลับลอบขนยา Captagon ข้ามพรมแดนด้วยรถบรรทุกพร้อมทั้งเรือขนส่งสินค้า โดยบางครั้งมีการซ่อนไว้ในอาหาร อุปกรณ์ก่อสร้างพร้อมทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อหลบหลีกการตรวจจับ

เส้นทางลักลอบหลักของยานี้ก็คือ ตามแนวชายแดนซีเรียที่ติดกับเลบานอน จอร์แดนพร้อมทั้งอิรัก ก่อนจะถูกกระจายไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยมีตลาดหลัก ๆ ในประเทศร่ำรวยในอ่าวเปอร์เซีย เช่น ซาอุดีอาระเบียพร้อมทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

นอกจากนั้น ยังพบว่า ยา Captagon หลุดมาไกลถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พร้อมทั้งบางส่วนของยุโรปด้วย

 

อุตสาหกรรมยาเสพติดนี้ทำรายได้ให้รัฐบาลอัซซาดมากเท่าใด

มีการประเมินมูลค่าการค้ายา Captagon จากทั่วโลกไว้ที่ 10,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งครอบครัวของอัซซาดน่าจะทำกำไรในแต่ละปีได้ถึง 2,400 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก แคโรไลน์ โรส ผู้อำนวยการของโครงการ New Lines Institute Captagon Trade Project

โรสบอกว่า การค้นพบโรงงานผลิตต่าง ๆ ในซีเรียนั้นน่าตกใจมาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ พร้อมกล่าวเสริมว่า เรื่องนี้ยืนยันถึง “ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง Captagon พร้อมทั้งรัฐบาลชุดก่อน” ด้วย

ในเวลานี้ ยังไม่สามารถยืนยันจำนวนโรงงานผลิต Captagon ในซีเรียได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญพร้อมทั้งสมาชิกกลุ่มแข็งข้อต่อต้าน ฮายัต ทาห์เรีย อัล-ชาม หรือ HTS ที่เป็นผู้ปกครองซีเรียอยู่ในเวลานี้ ประเมินว่า น่าจะมีโรงงานแบบนี้หลายร้อยแห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ

 

Captagon กับการทูตด้านการปราบปรามยาเสพติด

ประเทศเพื่อนบ้านของซีเรียพยายามหาทางควบคุมสกัดการหลั่งไหลเข้ามาของ Captagon มาโดยตลอด แต่ไม่สามารถทำให้อัซซาดลงมือทำการใด ๆ ได้มาก

ซาอุดีอาระเบียประกาศบทลงโทษรุนแรงสำหรับการลักลอบขน Captagon พร้อมทั้งสั่งเสริมกำลังตามแนวชายแดน รวมทั้งทำงานประสานกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียเพื่อสอดส่องดูแลเส้นทางลักลอบขนยา ถ้าหากว่า ความพยายามทั้งหมดนี้ต้องเผชิญกับความท้าทายมาก ๆ จากเครือข่ายค้ายาอันแสนซับซ้อนในซีเรีย เลบานอนพร้อมทั้งจอร์แดน

ยา Captagon นั้นช่วยให้รัฐบาลอัซซาดมีแรงต่อรองมากพอจนทำให้ตนไม่ต้องถูกโดดเดี่ยวทางการเมือง โดยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศอาหรับหลายประเทศได้กลับมามีความสัมพันธ์เป็นทางการกับอัซซาดอีกครั้ง โดยมีเงื่อนไขหลักก็คือการหยุดยั้งการค้า Captagon หากความสัมพันธ์ของซีเรียกับนานาประเทศจะกลับมาเป็นปกติได้ พร้อมทั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2023 ซีเรียได้รับอนุญาตให้กลับเข้ามาเป็นสมาชิกลีกอาหรับ (Arab League) หลังถูกพักสมาชิกภาพไปตั้งแต่เมื่อปี 2011 เนื่องจากการที่อัซซาดสั่งปราบปรามผู้ประท้วงอย่างโหดเหี้ยม

นอกจากนั้น ซีเรียยังสัญญาที่จะปราบปรามขบวนการลักลอบค้ายาด้วย จนทำให้เกิดการจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานด้านความมั่นคงในภูมิภาคขึ้น โดยหลังมีการประชุมสุดยอดเรื่องนี้ไม่นาน จอร์แดนได้สั่งยกระดับการระวังภัยตามแนวชายแดนที่ติดกับซีเรียทันที

พร้อมทั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์จู่โจมทางอากาศเข้าใส่บ้านของหัวหน้าองค์กรค้ายารายหนึ่งพร้อมทั้งใส่โรงงานที่เชื่อว่าใช้ผลิต Captagon หลังการประชุมสุดยอดดังกล่าว นักเคลื่อนไหวพร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพราะอัซซาดเห็นชอบ

 

อนาคตของ Captagon หลังยุคอัซซาด

อาห์หมัด อัล-ชารา หัวหน้ากลุ่ม HTS ระบุในคำปราศรัยประกาศชัยชนะของการล้มลางรัฐบาลเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า อัซซาดได้เปลี่ยนซีเรียให้เป็น “โรงงาน Captagon ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” พร้อมทั้งว่า “วันนี้ ซีเรียถูกล้างให้สะอาดแล้ว ต้องขอบคุณพรของพระผู้เป็นเจ้าด้วย”

พร้อมทั้งขณะที่ อัซซาดพร้อมทั้งคนรอบ ๆ ตัวของเขาจะได้ชื่อว่าเป็นผู้รับผลประโยชน์หลัก ๆ ของอุตสาหกรรมนี้ มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า กลุ่มต่อต้านในซีเรียเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบขนยาด้วย โดยนักวิเคราะห์พบว่า กลุ่มต่อต้าน กลุ่มติดอาวุธต่าง ๆ พร้อมทั้งเครือข่ายอาชญากรรมทั้งหลายเป็นผู้ผลิตพร้อมทั้งลักลอบขนยาเสพติดเพื่อนำเงินไปสนับสนุนปฏิบัติการของตน

แคโรไลน์ โรส ผู้อำนวยการของโครงการ New Lines Institute Captagon Trade Project ให้ความเห็นว่า จากนี้ น่าจะเกิดภาวะอุปทานยาเสพติดนี้ลดลงในระยะสั้น แต่บรรดาอาชญากรทั้งหลายก็ฉลาดหลักแหลมพอที่จะหาทางแก้ปัญหานี้ให้เหมือนเดิมได้ โดยเฉพาะเมื่อความต้องการ Captagon นั้นยังคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ พร้อมทั้งว่า องค์กรเหล่านี้อาจ “หาช่องทางทำการค้าผิดกฎหมายอื่น ๆ เพื่อมาชดเชยรายได้ก็เป็นได้”

 

ที่มา: เอพี

พลาด! เครื่องบินรบไอพ่นสหรัฐฯ ถูกพวกเดียวกันยิงตกในทะเลแดง

เครื่องบินรบไอพ่นของกองทัพสหรัฐฯ พร้อมนักบินสองคนถูกยิงตกในทะเลแดง ซึ่งคาดว่าเป็นฝีมือของพวกเดียวกันเอง จากการเปิดเผยของกองทัพสหรัฐฯ ถือเป็นเหตุการณ์ที่คุกคามชีวิตทหารอเมริกันมากที่สุดนับตั้งแต่การต่อสู้กับกลุ่มฮูตีในเยเมนปะทุขึ้นเมื่อกว่าหนึ่งปีก่อน

นักบินทั้งสองคนได้รับการช่วยเหลือหลังจากดีดตัวออกจากเครื่องบินได้ทัน โดยหนึ่งคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 

ขณะเกิดเหตุ กองทัพสหรัฐฯ กำลังจู่โจมทางอากาศใส่กลุ่มฮูตี ก่อนที่จรวดที่ยิงจากเรือยูเอสเอส เกตตีสเบิร์ก (USS Gettysburg) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส แฮร์รี เอส ทรูแมน (USS Harry S. Truman) จะพลาดไปโดนเครื่องบินรบไอพ่น เอฟเอ-18 ซูเปอร์ฮอร์เน็ต (F/A-18 Super Hornet) ลำดังกล่าว ตามแถลงการณ์ของกองบัญชาการภาคพื้นเอเชียกลางพร้อมทั้งตะวันออกกลางของสหรัฐฯ หรือ Central Command

เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึงภารกิจเสี่ยงอันตรายในแถบทะเลแดงที่ซึ่งกลุ่มฮูตียังคงจู่โจมเรือจนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ากองกำลังของสหรัฐฯ พร้อมทั้งยุโรปต่างร่วมกันลาดตระเวนน่านน้ำบริเวณนี้อย่างเข้มงวดก็ตาม

เครื่องบินเอฟเอ-18 ที่ถูกยิงตกนั้นประจำการอยู่บนเรือยูเอสเอส แฮร์รี เอส ทรูแมน ที่เดินทางไปถึงตะวันออกกลางเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม  

ยังไม่ชัดเจนว่า เรือยูเอสเอส เกตตีสเบิร์ก ผิพลาดในการแยกแยะเครื่องบินเอฟเอ-18 กับเครื่องบินหรือจรวดของศัตรูได้อย่างไร เนื่องจากเรือพร้อมทั้งเครื่องบินทุกลำของกองทัพสหรัฐฯ ในบริเวณนั้นล้วนเชื่อมต่อกันด้วยเรดาร์พร้อมทั้งการสื่อสารผ่านวิทยุ

ถ้าหากว่า Central Command พบว่า ก่อนหน้านี้เรือพร้อมทั้งเครื่องบินรบของสหรัฐฯ ได้ยิงจรวดพร้อมทั้งโดรนของกลุ่มฮูตีตกหลายลำ

ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้เพิ่มการจู่โจมทางอากาศใส่เป้าหมายกลุ่มฮูตีในเยเมน พร้อมทั้งทำลายจรวดหลายลำที่กลุ่มนี้ยิงมาในทะเลแดงพร้อมทั้งพื้นที่โดยรอบ ในการต่อสู้ที่ตึงเครียดที่สุดครั้งหนึ่งในแถบนี้ 

เมื่อคืนวันเสาร์ เครื่องบินสหรัฐฯ จู่โจมทางอากาศใส่กรุงซานา ที่กลุ่มฮูตีครอบครองไว้ตั้งแต่ปี 2014 โดยมุ่งเป้าที่คลังเก็บจรวดพร้อมทั้งศูนย์บัญชาการของกลุ่มนี้ตามรายงานของกองทัพสหรัฐฯ 

ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2023 กลุ่มฮูตีได้จู่โจมเรือสินค้าราว 100 ลำด้วยโดรนพร้อมทั้งจรวด โดยอ้างว่าเป็นการจู่โจมที่มุ่งเน้นไปที่เรือซึ่งมีความเชื่อมโยงกับอิสราเอล เพื่อกดดันให้อิสราเอลยุติสงครามในกาซ่า 

ถ้าหากว่า เรือที่ถูกจู่โจมส่วนใหญ่นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอลหรือสงครามในกาซ่าแต่อย่างใด พร้อมทั้งทำให้สหรัฐฯ พร้อมทั้งสหภาพยุโรปต้องร่วมมือกัยจัดตั้งกองกำลังลาดตระเวนในน่านน้ำแห่งนี้เพื่อสกัดการจู่โจมของกลุ่มติดอาวุธในเยเมน 

ที่มา: เอพี