ข่าวด่วนวันนี้
thailandtvhd.com
PTG ส่ง “ออโต้แบคส์” ใช้กลยุทธ์ด้านราคา สู้ศึกตลาดศูนย์บริการรถครบวงจร
สหรัฐฯ-ยูเครนเตรียมเจรจาที่ซาอุฯ ปูทางยุติสงครามกับรัสเซีย
แถลงการณ์อย่างเป็นทางการพบว่าภารกิจต้องการ “ทำให้เกิดความคืบหน้าต่อเป้าหมายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อให้สงครามรัสเซีย-ยูเครนยุติลง”
การเยือนครั้งนี้เกิดขึ้น ไม่นานหลังจากที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนพยายามฟื้นบรรยากาศตึงเครียดที่เกิดจากการพบกันระหว่างเขาพร้อมทั้งประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดยผู้นำยูเครนได้ส่งจดหมายเเสดงความสมานฉันท์ไปยังผู้นำสหรัฐฯ
ทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า “ผมคิดว่าเราไปได้ดีกับรัสเซีย เเต่ตอนนี้ พวกเขาทิ้งระเบิดลงยูเครนอย่างหนัก ส่วนยูเครนนั้นผมพบว่าดีลกับยูเครนได้ยากขึ้น”
หนึ่งในวิธีการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้เพื่อให้ประเทศที่เกี่ยวข้องยอมเจรจากัน คือการระงับความช่วยเหลือทางทหารแก่กองทัพรัฐบาลเคียฟ พร้อมทั้งขู่ใช้มาตรการลงโทษต่อรัสเซีย
นักวิเคราะห์บอกว่า การผลักดันให้เกิดข้อตกลงเป็นสิ่งสำคัญทางการเมืองสำหรับทรัมป์
วิลเลียม พอเมอรานซ์ นักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบันเคนเเนน (Kennan Institute) บอกว่า “เขาเดิมพันความเป็นประธานาธิบดีจากการให้เกิดความตกลงอย่างใดอย่างหนึ่ง พร้อมทั้งผมไม่ทราบ คือว่ามันมีตัวเเสดงมากมาย ระหว่างที่เจรจาเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย ยูเครน พร้อมทั้งอียู”
คาดว่าที่เมืองเจดดาห์ การเจรจาระหว่างผู้เเทนสหรัฐฯ พร้อมทั้งยูเครนจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 12 มีนาคม
นอกจากรัฐมนตรีรูบิโอแล้ว ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ไมค์ วอลต์ซ เป็นตัวเเทนอีกคนหนึ่งจากทำเนียบขาวที่ไปร่วมเจรจาที่ซาอุดีอาระเบีย
แหล่งข่าวจากรัฐบาลอเมริกันบอกว่า สิ่งที่ฝ่ายสหรัฐฯ มุ่งหวังให้เกิดขึ้นจากการประชุมครั้งนี้คือกรอบความตกลงสันติภาพพร้อมทั้งการหยุดยิงระหว่างรัสเซียเเละยูเครน
ก่อนหน้านี้ราว 3 สัปดาห์ สหรัฐฯ หารือกับรัสเซียที่กรุงริยาร์ด ในซาอุดีอาระเบียไปเเล้ว
ฝ่ายยูเครนพบว่า “ตั้งใจอย่างเต็มที่” ที่จะให้เกิดการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ กับสหรัฐฯ พร้อมทั้งหวังว่า “จะพูดคุยพร้อมทั้งตกลงกันในเรื่องที่ต้องตัดสินใจพร้อมทั้งก้าวย่างต่าง ๆ ที่สำคัญ”
ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวผ่านเเพลตฟอร์ม X เมื่อวันเสาร์ว่า “ยูเครนพยายามเเสวงหาสันติภาพตั้งเเต่วินาทีเเรกของสงครามครั้งนี้ ข้อเสนอที่เป็นไปตามสถานการณ์จริงวางอยู่บนโต๊ะเเล้ว กุญเเจสำคัญคือการเดินหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งได้ผล”
พร้อมทั้งในเวลาเดียวกัน ผู้สนับสนุนยูเครนออกมาเเสดงพลังที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันเสาร์ ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐบาลเคียฟออกมาประณามการจู่โจมหลายชุดของรัสเซียที่เขตดอแนตสก์รวมทั้งภูมิภาคอื่น ๆ
หลังจากซาอุดีอาระเบีย จุดหมายถัดไปของรัฐมนตรีรูบิโอคือเมืองชาร์เลอวัวซ์ ประเทศเเคนาดา ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมของกลุ่มจี7 ระหว่างวันที่ 12 – 14 มีนาคม
ทั้งนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ กลุ่มจี7 ประชุมนอกรอบที่เวที Munich Security Conference โดยรัฐมนตรีของประเทศสมาชิกออกเเถลงการณ์ร่วมที่ย้ำถึงความพยายามให้เกิด “สันติภาพที่คงทน” พร้อมทั้ง “ความจำเป็นที่จะสร้างการการันตีที่แข็งแกร่งด้านความมั่นคงต่อยูเครน”
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุด้วยว่า “การใช้มาตรการลงโทษเพิ่มเติมใด ๆ หลังจากเดือนกุมภาพันธ์ ควรยึดโยงกับเรื่องที่ว่ารัสเซียดำเนินความพยายามที่จริงจังพร้อมทั้งจริงใจเพื่อทำให้เกิดการยุติลงอย่างยั่งยืนของสงครามกับยูเครน”
ที่มา: วีโอเอ
“ออนแทรีโอ” สั่งขึ้นค่าไฟผู้บริโภคอเมริกา 25%-ตอบโต้สงครามการค้าทรัมป์
มณฑลออนแทรีโอคือ เขตการปกครองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของแคนาดาพร้อมทั้งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าส่งให้พื้นที่รัฐมินนิโซตา นิวยอร์กพร้อมทั้งมิชิแกนของสหรัฐฯ
ดัก ฟอร์ด มุขมนตรีของมณฑลนี้ กล่าวระหว่างที่แถลงข่าวในนครโตรอนโตว่า ตนไม่ลังเลเลยในการสั่งปรับขึ้นค่าไฟ พร้อมทั้งหากสหรัฐฯ ทำให้สถานการณ์การค้าระหว่างสองประเทศตึงเครียดขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่ ตนจะสั่งให้ปิดการส่งไฟให้ผู้บริโภคอเมริกันทันที
ฟอร์ดกล่าวด้วยว่า “เชื่อเถอะ ผมไม่ต้องการจะทำอย่างนี้เลย ผมรู้สึกแย่แทนคนอเมริกันที่ไม่ได้เป็นคนเริ่มสงครามการค้านี้ คน ๆ เดียวที่ต้องรับผิดชอบคือ ประธานาธิบดีทรัมป์”
มุขมนตรีมณฑลออนแทรีโอกล่าวด้วยว่า จะเดินหน้าการเก็บภาษีดังกล่าวต่อไป แม้ปธน.ทรัมป์จะสั่งเลื่อนการบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าแคนาดาอัตรา 25% เป็นเวลา 4 สัปดาห์ก็ตาม เพราะ 1 เดือนของการระงับการใช้นโยบายนี้ไม่ได้มีผลดีอะไรเลย แต่ยังทำให้เกิดความไม่แน่นอนยิ่งกว่าเดิมด้วย ขณะที่ มณฑลควิเบกก็กำลังพิจารณาจะดำเนินมาตรการขึ้นภาษีค่าไฟที่ส่งไปสหรัฐฯ เช่นกัน
ตามข้อมูลจากสำนักงานมุขมนตรีมณฑลออนแทรีโอ กฎใหม่นี้พบว่า ผู้ผลิตไฟฟ้าในแคนาดาที่ขายไฟฟ้าให้สหรัฐฯ ต้องคิดค่าธรรมเนียมเพิ่ม 25% โดยมณฑลแห่งนี้คาดว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้มีรายได้เพิ่มวันละ 208,000-277,000 ดอลลาร์ “ซึ่งจะถูกนำไปใช้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ สมาชิกในครอบครัวพร้อมทั้งบริษัทในออนแทรีโอ”
ค่าธรรมเนียมนี้เป็นส่วนที่คิดเพิ่มเติมจากภาษีโต้ตอบมูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลกลางแคนาดาสั่งดำเนินการเก็บจากสินค้าต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ตั้งแต่น้ำส้มคั้น ไปจนถึงเนยถั่ว กาแฟ เครื่องใช้ในครัวเรือน รองเท้า เครื่องสำอาง มอเตอร์ไซเคิลพร้อมทั้งผลิตภัณฑ์กระดาษพร้อมทั้งเยื่อกระดาษบางประเภท
ทั้งนี้ ประเด็นสงครามการค้าเพราะนโยบายของทรัมป์พร้อมทั้งการที่ผู้นำทำเนียบขาวเรียกแคนาดาว่าเป็น รัฐที่ 5 ของสหรัฐฯ ทำให้ชาวแคนาดาโกรธเคืองมาก จนมีคนทำเสียงโห่ระหว่างมีการบรรเลงเพลงชาติสหรัฐฯ ที่การแข่งขันฮอกกี้ NHL พร้อมทั้งบาสเก็ตบอล NBA ไปแล้ว ขณะที่ บางคนตัดสินใจยกเลิกแผนการท่องเที่ยวในสหรัฐฯ พร้อมทั้งหลายคนหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าอเมริกันบ้างแล้ว
ดัก ฟอร์ด มุขมนตรีของมณฑลออนแทรีโอ ยังเปิดเผยด้วยว่า มณฑลแอลเบอร์ตาได้ตกลงที่จะคิดภาษีส่งออกสำหรับน้ำมันด้วย โดยมณฑลแห่งนี้ส่งน้ำมันถึง 4.3 ล้านบาร์เรลไปสหรัฐฯ ในแต่ละวัน
แม้ทรัมป์จะกล่าวอ้างว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันจากแคนาดา ข้อมูลชี้ว่า เกือบ 1 ใน 4 ของน้ำมันที่สหรัฐฯ ใช้อยู่นั้นมาจากประเทศเพื่อนบ้านทางเหนือแห่งนี้ ขณะที่ ราว 60% ของน้ำมันดิบที่อเมริกานำเข้ามาจากแคนาดาเช่นกัน พร้อมทั้ง 85% ของไฟฟ้าที่สหรัฐฯ นำเข้าก็มาจากแคนาดา
ที่มา: เอพี
ฮิวแมนนอยด์: หุ่นยนต์รับใช้อัจฉริยะ ช่วยงานบ้าน ควบคุมได้จากทุกที่
ในอนาคต หุ่นยนต์ประเภทนี้อาจกลายเป็นผู้ช่วยภายในบ้าน คอยทำงานทั่วไปแทนมนุษย์ ตัวอย่างเช่น นีโอ (NEO) หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) พัฒนาโดยบริษัท วันเอ็กซ์ (1X) ที่ตั้งอยู่ในนอร์เวย์พร้อมทั้งซิลิคอนแวลลีย์
เบิร์นท์ บอร์นิช ซีอีโอ พร้อมทั้งผู้ก่อตั้งบริษัท 1X ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์ว่า “ในระยะยาว หุ่นยนต์ตัวนี้ จะสามารถช่วยซักผ้า ทำความสะอาด พร้อมทั้งจัดบ้าน ทำให้ผู้คนมีเวลามากขึ้นในชีวิตประจำวัน”
หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ NEO เป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันของภาคธุรกิจ ที่ต้องการเห็นหุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทในที่พักอาศัย ซึ่งการควบคุมหุ่นยนต์สามารถสั่งการได้จากระยะไกลทั่วทุกมุมโลก
บอร์นิช บอกว่า “เราตื่นเต้นอย่างมาก ที่จะสามารถควบคุมหุ่นยนต์จากระยะไกลด้วยตนเอง” บางครั้งเราอาจหลงลืม หรือต้องทำบางสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ให้อาหารแมว ปิดหน้าต่าง หรือตรวจตราความเรียบร้อยภายในบ้าน ซึ่งเราจะสามารถ “เทเลพอร์ต” (Teleport) หรือโยกย้ายตัวเองเข้าไปสู่หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ เพื่อจัดการงานเหล่านี้ให้สำเร็จ
หุ่นยนต์รุ่นต้นแบบที่นำมาสาธิตถูกควบคุมโดยมนุษย์จากระยะไกล ถ้าหากว่า ตัวแทนของบริษัท 1X เปิดเผยว่า สำหรับรุ่นที่เตรียมวางจำหน่ายในท้องตลาด จะผสานการใช้ AI พร้อมทั้งการควบคุมผ่านรีโมทคอนโทรล โดยหุ่นยนต์รุ่นดังกล่าวมีกำหนดเปิดตัวภายในปีนี้ ซึ่งคาดว่าราคาจะใกล้เคียงกับรถยนต์คันใหม่ที่มีราคาปานกลาง
ก่อนหน้านี้ บอร์นิช ซีอีโอของบริษัท 1X ได้นำหุ่นยนต์รุ่น “อีฟ” (Eve) มาทดลองใช้งานภายในบ้านร่วมกับสมาชิกในครอบครัวของเขา การทดลองที่เกิดขึ้นได้มอบบทเรียนสำคัญหลายประการ ซึ่งถูกนำไปใช้ปรับปรุงพร้อมทั้งพัฒนาการออกแบบหุ่นยนต์รุ่น NEO ทั้งในด้านชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์พร้อมทั้งระบบ AI
เส้นทางของ NEO ในตลาดหุ่นยนต์อาจจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือด เนื่องจากบริษัทชั้นนำอย่าง Tesla ภายใต้การบริหารของอิลอน มัสก์ เตรียมเปิดตัวหุ่นยนต์รุ่น “ออพทิมัส” (Optimus) หรือที่รู้จักในชื่อ “เทสล่า บอท” (Tesla Bot) ซึ่งมัสก์เคยกล่าวไว้ว่า “(หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ดังกล่าว) จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา”
นอกจากนี้ มัสก์เคยทำนายไว้ว่า ภายในปี 2040 จะมีหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จำนวนราว 10,000 ล้านตัว ซึ่งคาดว่าจะมีราคาต่อตัวที่ประมาณ 20,000 ถึง 25,000 ดอลลาร์ หรือราว 700,000 ถึง 860,000 บาท
การแข่งขันในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภายในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังได้รับความสนใจจากบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทสตาร์ทอัพ โรโบทติค อีรา (Robotic Era) ที่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งได้เผยแพร่ภาพวิดีโอของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์รุ่น “สตาร์ วัน” (STAR 1) ที่กำลังเดินทางผ่านทะเลทรายโกบี (Gobi Desert) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของหุ่นยนต์ในการอยู่รอด ภายใต้ภูมิประเทศที่มีความท้าทาย
ที่มา: รอยเตอร์
รื้อถนน “Black Lives Matter” ใกล้ทำเนียบขาว หลังทรัมป์-คองเกรสกดดันหนัก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มิวเรียล เบาเซอร์ นายกเทศมนสตรีหญิงกรุงวอชิงตัน ระบุในโพสต์ทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ว่า “ภาพวาดตามผนังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนนับล้านพร้อมทั้งช่วยให้เมืองของเราผ่านพ้นช่วงเวลาอันแสนเจ็บปวด แต่ตอนนี้ เราไม่อาจยอมให้การแทรกแซงอันไร้สาระจากคองเกรสทำให้เราเขวไปได้ ผลกระทบที่สร้างความเสียหายจากการปลดเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางต้องเป็นความกังวลอันดับหนึ่งของเรา”
ความเห็นดังกล่าวของเบาเซอร์แสดงอย่างชัดเจนของการปรับเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับทรัมป์พร้อมทั้งสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ที่สังกัดพรรครีพับลิกันของนายกเทศมนตรีหญิงผู้นี้ เมื่อเทียบกับเมื่อครั้งสมัยแรกของรัฐบาลทรัมป์
เมื่อเกือบ 5 ปีก่อน เบาเซอร์ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต สั่งให้มีการทาสีชื่อ Black Lives Matter พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อทางแยกตรงจุดนั้นให้เป็น Black Lives Matter Plaza เพื่อแสดงการขัดขืนทางสังคม หลังเกิดเหตุประท้วงหนักติดต่อกันหลายวันที่บริเวณดังกล่าว เพราะเหตุการใช้ความรุนแรงของตำรวจในนครมินนิอาโปลิสจนทำให้ชายชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา จอร์จ ฟลอยด์ จบชีวิต
ในครั้งนั้น การที่เบาเซอร์เปิดทางให้มีการชุมนุมประท้วงโดยสันติเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ จอร์จ ฟลอยด์ ทำให้เกิดความขัดแย้งกับทรัมป์ที่กล่าวหานายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตันว่า ควบคุมความสงบของเมืองไม่อยู่พร้อมทั้งขู่จะใช้อำนาจประธานาธิบดีเข้าควบคุมหน่วยงานตำรวจของเมืองหลวงสหรัฐฯ แม้จะไม่ได้ทำตามคำขู่ก็ตาม
แต่ในสมัย 2 ของรัฐบาลทรัมป์ เบาเซอร์เลือกใช้วิธีที่จะหลีกเลี่ยงการสร้างความขัดแย้งต่าง ๆ กับผู้นำสหรัฐฯ พร้อมทั้งยังได้เดินทางไปยังบ้านพักตากอากาศ มาร์-อะ-ลาโก ของทรัมป์หลังทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 ก่อนจะออกมาประกาศเกี่ยวกับประเด็นที่ทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน เช่น การสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางกลับมาทำงานที่สำนักงานเต็มเวลาอีกครั้ง เป็นต้น
ถึงกระนั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทรัมป์เริ่มออกมาพูดถึงแผนการเข้าควบคุมเมืองหลวงของสหรัฐฯ โดยอ้างว่า เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม การขีดเขียนพร้อมทั้งวาดตามกำแพงพร้อมทั้งผนัง รวมทั้งปัญหาคนไร้บ้านตั้งเต็นท์นอนอยู่ทั่วเมือง ขณะที่ พรรครีพับลิกันพยายามส่งสัญญาณขู่ออกมาหลายครั้งว่า จะดำเนินการแทรกแซงการบริหารกรุงวอชิงตัน ซึ่งรวมถึงการเสนอร่างกฎหมาย Bowser Act ที่มีจุดประสงค์ยกเลิกกฎหมาย Home Rule Act ปี 1973 ที่ให้เมืองหลวงของประเทศมีอำนาจปกครองตนเองแบบจำกัด
ในอีกมุมหนึ่ง การที่เบาเซอร์ออกตัวสนับสนุนการเคลื่อนไหว Black Lives Matter ไม่ได้ชนะใจนักเคลื่อนไหวนักในปี 2020 เพราะกลุ่มผู้สนับสนุนเรื่องนี้มองว่า นายกเทศมนตรีหญิงผู้นี้ทำไปเพื่อให้คนเห็นว่าได้ทำ พร้อมทั้งหลังเบาเซอร์โพสต์ข้อความเรียกร้องให้ผู้คนสนใจเรื่องการลดขนาดรัฐบาลกลางมากกว่าเรื่องการรื้อถนน เน เน เทย์เลอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม D.C. Black Lives Matter ก็ออกมาให้ความเห็นว่า “(เบาเซอร์)ไม่เคยแคร์เรื่องของ Black Lives Matter การทาสีถนนนั้นก็เป็นแค่การทำให้คนดูเท่านั้น”
ที่มา: เอพี
เซเลนสกีเยือนซาอุฯ ก่อนยูเครนเจรจาสหรัฐฯ หาทางยุติสงคราม
การเยือนซาอุฯ ครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ กำลังปรับเปลี่ยนนโยบายที่เกี่ยวกับสงครามยูเครนพร้อมทั้งรัสเซีย ด้วยการกดดันให้ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ พร้อมไปกับการตัดความช่วยเหลือทางทหารพร้อมทั้งด้านข่าวกรองที่ให้กับกรุงเคียฟ
ที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียรับบทบาทสำคัญในการเป็นตัวกลางระหว่างยูเครนกับรัสเซีย รวมทั้งการไกล่เกลี่ยให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเชลยศึก พร้อมทั้งเป็นเจ้าภาพการประชุมระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้ว
การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ พร้อมทั้งยูคเรน จะมีขึ้นในวันอังคารนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดการโต้เถียงกันระหว่างประธานาธิบดีเซเลนสกีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
คาดว่าการเจรจารอบนี้จะมุ่งเน้นหารือเรื่องการจัดทำข้อตกลงสินแร่ที่ชะงักไปหลังเหตุวิวาทะที่ทำเนียบขาว รวมทั้งแนวทางในการยุติสงครามในยูเครน
เซเลนสกียืนยันว่า ตนจะไม่เข้าร่วมในการเจรจาในวันอังคารนี้ แต่ส่งผู้แทนยูเครนไปแทน รวมทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศพร้อมทั้งรัฐมนตรีกลาโหมยูเครน ตลอดจนหัวหน้าคณะทำงานของตนพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการทหารของยูเครน
เซเลนสกีโพสต์ทางสื่อสังคมออนไลน์ X ว่า “เรายึดมั่นต่อการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ พร้อมทั้งหวังว่าจะมีความตกลงในการตัดสินใจพร้อมทั้งขั้นตอนสำคัญต่าง ๆ” พร้อมทั้งว่า “ข้อเสนอที่ทำได้จริงนั้นวางอยู่บนโต๊ะแล้ว สิ่งสำคัญคือการเดินหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งมีประสิทธิภาพ”
ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บอกว่า จะใช้การเจรจาครั้งนี้เพื่อตัดสินใจว่ายูเครนมีความตั้งใจยุติสงครามกับรัสเซียมากน้อยแค่ไหน ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงคำพูด พร้อมทั้งไม่ใช่แค่สันติภาพ แต่เป็น “สันติภาพที่เป็นไปได้จริง”
เมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดีทรัมป์บอกว่า ตนคาดหวังว่าจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีจากการเจรจานี้ ขณะที่ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของปธน.ทรัมป์ ชี้ว่า “ต้องการให้เกิดกรอบข้อตกลงสันติภาพ พร้อมทั้งการหยุดยิงในเบื้องต้น”
ก่อนหน้านี้ เซเลนสกีเรียกร้องให้เกิดการหยุดยิงทั้งทางอากาศพร้อมทั้งในทะเล รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนเชลยศึก ซึ่งจะเป็นบททดสอบความตั้งใจของรัสเซียในการยุติสงคราม แต่ทางรัสเซียปฏิเสธการจัดทำข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวดังกล่าว โดยบอกว่าเป็นเพียงการซื้อเวลาของรับบาลกรุงเคียฟเพื่อไม่ให้กองทัพยูเครนล่มสลาย
เซเลนสกีกล่าวด้วยว่า ยูคเรนพร้อมทำข้อตกลงสินแร่กับสหรัฐฯ ที่จะนำไปสู่การจัดตั้งกองทุนร่วมของสองประเทศจากการขายสินแร่ในยูเครน ซึ่งทางรัฐบาลกรุงวอชิงตันเชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการเดินหน้าสนับสนุนยูเครนต่อไป
พร้อมทั้งในขณะที่ความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ยังคงไม่แน่นอน ทางยูเครนได้หันหาพันธมิตรในยุโรปให้เพิ่มการสนับสนุนทางการเงินพร้อมทั้งการทหารเพื่อรับมือการจู่โจมจากรัสเซียที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ผู้นำยูเครนพบว่า ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียได้ใช้ระเบิดนำวิถี 1,200 ลูก โดรนเกือบ 870 ครั้ง พร้อมทั้งจรวดกว่า 80 ลูก จู่โจมใส่หลายพื้นที่ของยูเครน
ที่มา: รอยเตอร์
รูบิโอเผยถ่ายเลือด USAID เสร็จสิ้น ตัดทิ้งโครงการช่วยเหลือ 83%
คำประกาศของรัฐมนตรีรูบิโอถูกโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ X ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในรอบ 60 ปีของโครงการความช่วยเหลือต่าง ๆ ภายใต้การดูแลของ USAID ที่ถูกสั่งปิดชั่วคราวจากคำสั่งของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมทั้งคณะทำงานของหน่วยงานเพื่อประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ DOGE (Department of Government Efficiency) ที่นำโดยอิลอน มัสก์
รูบิโอกล่าวขอบคุณ DOGE พร้อมทั้งพบว่า “เจ้าหน้าที่ของเราทำงานอย่างหนักเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อให้การปฏิรูปครั้งประวัติศาสตร์ด้านความช่วยเหลือต่างประเทศนี้บรรลุผล”
เมื่อเดือนมกราคม ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารให้ระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศพร้อมทั้งทบทวนโครงการความช่วยเหลือพร้อมทั้งพัฒนาในต่างประเทศทั้งหมดมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ โดยพบว่า ความช่วยเหลือส่วนใหญ่นั้นสูญเปล่าพร้อมทั้งถูกนำไปใช้สนับสนุนแนวคิดเสรีนิยม
พร้อมทั้งในวันจันทร์ รัฐมนตรีรูบิโอยืนยันว่า การทบทวนโครงการเหล่านั้น “เสร็จสิ้นแล้วอย่างเป็นทางการ” โดยมีโครงการของ USAID ถูกตัดทิ้งราว 5,200 โครงการจากทั้งหมด 6,200 โครงการ
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุใน X ว่า โครงการเหล่านั้น “ใช้เงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในแนวทางที่ไม่เป็นประโยชน์ (พร้อมทั้งในบางกรณีกลายเป็นอันตราย) ต่อผลประโยชน์หลักแห่งชาติของสหรัฐฯ”
พร้อมทั้งว่า “เรามุ่งหวังว่าโครงการที่เหลืออยู่อีก 18% จะได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นภายใต้การดูแลของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ”
ถ้าหากว่า ยังไม่มีข้อมูลว่าโครงการที่รอดจากการถูกตัดนั้นมีอะไรบ้าง พร้อมทั้งกระทรวงการตางประเทศจะบริหารโครงการเหล่านั้นอย่างไร
ด้านสมาชิกรัฐสภาจากพรรคเดโมแครตหลายคนบอกว่า การสั่งปิดโครงการที่ได้รับการรับรองรัฐสภาสหรัฐฯ ถือเป็นการละเมิดกฎหมาย พร้อมทั้งจำเป็นต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาสหรัฐฯ เสียก่อน
USAID เป็นที่หมายตาของผู้ที่ต้องการตัดลดงบประมาณมาระยะหนึ่งเเล้ว องค์กรนี้ดูเเลเรื่องโครงการพัฒนา งานด้านความมั่นคง พร้อมทั้งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในประเทศต่าง ๆ รวมแล้ว 120 ประเทศ
ไม่กี่สัปดาห์หลังคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ มีเจ้าหน้าที่ของ USAID หลายคนในหลายประเทศที่ถูกปลดจากตำแหน่งหรือถูกพักงาน รวมทั้งยกเลิกโครงการความช่วยเหลือพร้อมทั้งพัฒนาต่าง ๆ หลายพันโครงการ ส่งผลให้หน่วยงานที่ทำงานรูปแบบเดียวกันต้องปลดคนออกจากงาน หรือพักงานจำนวนมากเช่นกัน
การปิดการทำงานของ USAID ทำให้มีเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งลูกจ้างจำนวนมาก รวมทั้งครอบครัวของพวกเขา ที่ตกค้างอยู่ในหลายประเทศ เฝ้ารอเงินเดือนย้อนหลังจากทางการสหรัฐฯ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับประเทศด้วย
ที่มา: เอพี
แคนาดาได้นายกฯ คนใหม่ ‘มาร์ค คาร์นีย์’ แทนทรูโด
คาร์นีย์ วัย 59 ปี ได้รับชัยชนะเหนืออดีตรัฐมนตรีการคลัง คริสเทีย ฟรีแลนด์ ในการลงคะแนนเมื่อวันอาทิตย์ โดยมีสมาชิกพรรคกว่า 150,000 คนร่วมออกเสียง
คาร์นีย์จะเข้ารับตำแหน่งในช่วงเวลาที่ท้าทายของแคนาดา ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ ที่เป็นพันธมิตรกันมาช้านาน พร้อมทั้งคำกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะรวมแคนาดาเข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ
จัสติน ทรูโด ประกาศไว้เมื่อเดือนมกราคมว่าจะลงจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้กับผู้นำคนใหม่ หลังจากที่นั่งในตำแหน่งนายกฯ มานานกว่า 9 ปี พร้อมทั้งคะแนนนิยมเริ่มลดต่ำลงในช่วงหลัง ทำให้พรรคลิเบอรัลต้องเร่งเฟ้นหาผู้นำคนใหม่มาทำหน้าที่แทน
คาร์นีย์ ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน แต่เป็นหน้าใหม่ทางการเมือง บอกว่า ตนคือทางเลือกที่ดีที่สุดในการกู้ภาพลักษณ์ของพรรค พร้อมทั้งจัดการเจรจาการค้ากับประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ใช้กำแพงภาษีข่มขู่แคนาดา
ระหว่างที่หาเสียง คาร์นีย์บอกว่าตนจะใช้มาตรการตอบโต้กำแพงภาษีของสหรัฐฯ แบบตาต่อตา-ฟันต่อฟัน-ดอลลาร์ต่อดอลลาร์ พร้อมทั้งสนับสนุนการลงทุนในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาลง
ทำความรู้จัก ‘มาร์ค คาร์นีย์’
มาร์ค คาร์นีย์ เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติแคนาดา (Bank of Canada) ระหว่างปี 2008 – 2013 พร้อมทั้งผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติอังกฤษ (Bank of England) ระหว่างปี 2013 – 2020 ถือเป็นชาวต่างชาติคนแรกที่ได้เป็นผู้บริหารสูงสุดของธนาคารแห่งชาติอังกฤษ
ในปี 2020 คาร์นีย์รับตำแหน่งผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติด้านสภาพอากาศพร้อมทั้งการเงิน
เขาจบการศึกษาปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พร้อมทั้งปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์เช่นกัน จากมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด พร้อมทั้งเคยเป็นผู้บริหารของธนาคารโกลด์แมนแซคส์ นาน 13 ปี
ที่ผ่านมา คาร์นีย์คือตัวเต็งตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ พร้อมทั้งได้รับเสียงสนับสนุนมากที่สุดจากบรรดาสมาชิกพรรคลิเบอรัล
ชัยชนะของเขาในครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งแรกที่บุคคลผู้ไม่มีภูมิหลังทางการเมืองสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของแคนาดาได้
ที่มา: รอยเตอร์ พร้อมทั้งเอพี