กลุ่มชาติพันธุ์ต่อต้านรัฐบาลเมียนมาเเย้มพร้อมเจรจา

กองทัพชนกลุ่มน้อยตะอางในเมียนมาที่ต่อต้านรัฐบาล กล่าววันจันทร์ว่าพร้อมจะเจรจากับทางการเพื่อยุติการต่อสู้กันที่ดำเนินมากว่าหนึ่งปีบริเวณเเนวชายแดนติดกับจีน

กองทัพของชนกลุ่มน้อยนี้ Ta’ang National Liberation Army หรือ TNLA ซึ่งมีนักรบของตนประมาณ 7,000 คน ได้ต่อสู้เรียกร้องเป็นเวลากว่าสิบปีเพื่อสิทธิ์การปกครองตนเองให้กับกลุ่มชาติพันธ์ุชาวปะหล่องในรัฐฉานทางเหนือของเมียนมา

เมื่อปีที่เเล้วกองทัพ TNLA พร้อมทั้งแนวร่วมกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมาอีกสองกลุ่ม จู่โจมกองทัพของทางการ ที่ได้ยึดพื้นที่ในรัฐฉาน ซึ่งรวมถึงเหมืองทับทิม พร้อมทั้งเส้นทางเดินรถสำคัญทางเศรษฐกิจที่เชื่อมการค้ากับจีน

ฝ่ายรัฐบาลจู่โจมใส่พื้นที่ที่เสียการควมคุมไปด้วยปืนใหญ่พร้อมทั้งเครื่องบินรบ

กองทัพ TNLA กล่าวผ่านเเพลตฟอร์มเทเลเเกรม ว่า “เราขอประกาศว่าเราพร้อมที่จะเจรจาเพื่อให้ความขัดเเย้งทางทหารยุติลงจากทั้งสองฝั่ง….คนท้องถิ่นได้รับความเดือดร้อนมากจากสงคราม”

ถ้าหากว่า TNLA บอกว่า เเม้จะพร้อมเจรจาแต่ก็ขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องตนเอง พร้อมทั้งยังได้บอกกับสื่อเอเอฟพีว่าจะไม่ยกพื้นที่ให้กับฝ่ายตรงข้าม

เอเอฟพีไม่สามารถติดต่อไปยังโฆษกของกองทัพรัฐบาลทหารเมียนมาได้เพื่อขอความคิดเห็น

เมื่อเดือนกันยายน รัฐบาลทหารเมียนมาออกเทียบเชิญให้ฝ่ายตรงเข้าร่วมเจรจา ซึ่งเป็นท่าทีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ความพยายามนี้ถูกปฏิเสธโดยบรรดากลุ่มต่อต้านรัฐบาล

นักวิเคราะห์บอกว่า รัฐบาลปักกิ่งกดดันให้กองทัพ TNLA ของกลุ่มตะอาง พร้อมทั้งแนวร่วมจากกลุ่ม Myanmar National Democratic Alliance Army หรือ MNDAA หยุดการต่อสู้กับรัฐบาลทหารเมียนมา

ทั้งนี้จีน เป็นพันธมิตรพร้อมทั้งผู้ส่งอาวุธให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา แต่ในเวลาเดียวกันก็รักษาสัมพันธ์กับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ต่าง ๆ โดยกลุ่มเหล่านี้ปักหลักตามดินเเดนใกล้ชายเเดนจีน

ที่ผ่านมา จีนต้องการให้เกิดการยุติการต่อสู้ในรัฐฉานซึ่งเป็นส่วนเชื่อมต่อที่สำคัญของโครงการ ‘หนึ่งเเถบหนึ่งเส้นทาง’ มูลค่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ของจีน  

ที่มา: เอเอฟพี

นักวิจัยชี้ เกาหลีเหนือขยายโรงงานขีปนาวุธเพื่อช่วยรัสเซียบุกยูเครน

นักวิจัยในสหรัฐฯ วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมในเกาหลีเหนือพร้อมทั้งสรุปความว่า กรุงเปียงยางกำลังทำการขยายโรงงานผลิตขีปนาวุธของตนเพื่อช่วยรัสเซียทำสงครามในยูเครนอยู่ ตามรายงานของสำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์

แซม แลร์ นักวิจัยจากศูนย์ James Martin Center for Nonproliferation Studies (CNS) ของสถาบัน Middlebury Institute of International Studies ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองมอนเทอร์เรย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย บอกว่า โรงงานดังกล่าวมีชื่อว่า February 11 พร้อมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของ Ryongsong Machine Complex ในเมืองฮัมฮัง ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ พร้อมทั้งเป็นโรงงานแห่งเดียวที่ทราบกันดีว่า เป็นสถานที่ผลิตขีปนาวุธ Hwasong-11 ที่ใช้เชื้อเพลิงแข็งเป็นส่วนประกอบ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยูเครนรายงานว่า ขีปนาวุธ Hwasong-11 ที่ชาติตะวันตกรู้จักกันในชื่อขีปนาวุธ KN-23 ถูกกองทัพรัสเซียนำมาใช้เพื่อจู่โจมยูเครนอยู่

รอยเตอร์พบว่า ไม่เคยมีรายงานข่าวการขยายพื้นที่โรงงานที่ว่ามาก่อนเลย

ทั้งมอสโกพร้อมทั้งเปียงยางต่างปฏิเสธข่าวที่ว่า เกาหลีเหนือโอนถ่ายอาวุธต่าง ๆ ให้รัสเซียเพื่อใช้รบกับยูเครน แม้สองประเทศนี้จะลงนามในสนธิสัญญาด้านกลาโหมระหว่างกันเมื่อเดือนมิถุนายนพร้อมทั้งประกาศคำมั่นที่จะยกระดับความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างทั้งคู่ก็ตาม

รอยเตอร์ติดต่อคณะผู้แทนเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาติเพื่อขอความเห็นในเรื่องนี้แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ

ทั้งนี้ การวิเคราะห์โดยนักวิจัยของ CNS พบว่า ภาพถ่ายดาวเทียมที่บันทึกไว้โดยบริษัทดาวเทียม Planet Labs เมื่อต้นเดือนตุลาคมแสดงให้เห็นว่า มีการเดินหน้าสร้างอาคารโรงงานต่อเติมเพิ่ม รวมทั้งอาคารที่พักซึ่งเชื่อว่ามีเอาไว้รองรับคนงานด้วย

นอกจากนั้น การวิเคราะห์ยังเชื่อว่า กรุงเปียงยางกำลังทำการปรับปรุงทางเข้าโรงงานใต้ดินของพื้นที่ตั้งคอมเพล็กซ์โรงงานนี้ด้วย

แลร์ นักวิจัยของ CNS กล่าวเสริมว่า การตรวจสอบทั้งหมดชี้ให้เห็นว่า เกาหลีเหนือกำลังเร่งขยายพื้นที่โรงงานอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งทำให้ตัวโรงงานประกอบอาวุธดังกล่าวใหญ่กว่าเดิม 60-70% ด้วย

เมื่อปีที่แล้ว รอยเตอร์ตรวจสอบภาพถ่ายที่สื่อรัฐบาลเปียงยางเผยแพร่ออกมาพร้อมทั้งแสดงให้เห็น คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กำลังเดินผ่านโรงงานใหม่ในฮัมฮัง ขณะที่ คนงานกำลังประกอบส่วนหางพร้อมทั้งส่วนหัวของสิ่งที่นักวิเคราะห์เชื่อว่าเป็นขีปนาวุธ KN-23

นักวิเคราะห์บอกกับรอยเตอร์ว่า ขีปนาวุธดังกล่าวถูกทดสอบใช้งานครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2019 โดยถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถหลบหลีกระบบป้องกันขีปนาวุธด้วยการบินในระดับต่ำ ทำให้อาวุธนี้กลายมาเป็นสิ่งที่รัสเซียเลือกใช้ในการบุกทะลวงระบบป้องกันการจู่โจมของยูเครน

ในเวลาเดียวกัน นักวิจัยจาก SI Analytics ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมในเกาหลีใต้ยังใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อตรวจสอบภาพชุดเดียวกันกับที่ CNS ทำการวิเคราะห์พร้อมทั้งยืนยันในรายงานที่เปิดเผยออกมาในวันจันทร์ว่า มีการก่อสร้างใหม่ ๆ ที่โรงงาน February 11 จริง พร้อมพบว่า โครงการก่อสร้างบางส่วนใกล้กับพื้นที่ขนถ่ายสินค้าน่าจะเป็นการสร้างเพื่อปกปิดตัวโรงงานไม่ให้ภาพถ่ายดาวเทียมจับข้อมูลได้อย่างชัดเจนในอนาคตด้วย

 

 

 

ที่มา: รอยเตอร์

ทรัมป์ ‘กังวลอย่างมาก’ เกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ “มีความกังวลอย่างมาก” เกี่ยวกับการยกระดับของสถานการณ์ด้านการใช้อาวุธต่าง ๆ ในสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี ตามการเปิดเผยของผู้ถูกเสนอชื่อเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติคนใหม่

ไมเคิล วอลซ์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาคองเกรสตัวแทนรัฐฟลอริดา กล่าวระหว่างที่ให้สัมภาษณ์กับรายการ “Fox News Sunday” ว่า การตัดสินใจของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่อนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในการสกัดการรุกล้ำเข้ามาของทหารราบรัสเซียได้ทำให้การต่อสู้ในภูมิภาคตะวันออกของยูเครนกลายมาเป็นสถานการณ์คล้าย ๆ กับ “สงครามสนามเพลาะในสงครามโลกครั้งที่ 1” แล้ว

วอลซ์บอกว่า การตัดสินใจดังกล่าว “จำเป็นต้องอยู่ในกรอบกว้าง ๆ ของการหาทางยุติความขัดแย้งนี้” พร้อมทั้งว่า “(อาวุธดังกล่าว)คือเครื่องบดเนื้อของผู้คนพร้อมทั้งบุคลากรที่แนวหน้าไปโดยปริยายแล้ว”

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ บอกว่า สหรัฐฯ กำลังส่งทุ่นระเบิดสังหารบุคคลไปยังยูเครนเนื่องจากสภาพความขัดแย้งในภาคตะวันออกของประเทศซึ่งเป็นสนามรบหลักนั้นได้เปลี่ยนแปลงไป

ลอยด์กล่าวด้วยว่า ทหารราบของรัสเซียคือหน่วยที่นำทีมของกองทัพมอสโกในการรุกคืบเข้ามา พร้อมทั้งยูเครน “จำเป็นต้องมีสิ่งที่จะมาช่วยชะลอความพยายามที่ว่านี้”

แต่วอลซ์บอกว่า ทรัมป์มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์นองเลือดที่อาจเกิดขึ้น แต่ก็ยอมรับว่า ในภาพกว้างนั้น คำถามสำคัญกว่าก็คือ “เราจะทำให้มีการป้องปรามพร้อมทั้งนำสันติภาพกลับคืนมาได้อย่างไร”

ที่ผ่านมา ทรัมป์กล่าวเสมอว่า ตนจะทำให้สงครามรัสเซีย-ยูเครนยุติลงก่อนจะเข้าพิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า แต่ก็ไม่เคยเปิดเผยว่า จะทำอย่างไรพร้อมทั้งปฏิเสธที่จะกล่าวในระหว่างที่โต้อภิปรายเมื่อเดือนกันยายนว่า ตนนั้นต้องการให้ยูเครนเป็นฝ่ายชนะหรือไม่

ไบเดนเพิ่งให้ไฟเขียวแก่ยูเครนในการใช้ขีปนาวุธที่กรุงวอชิงตันส่งให้พร้อมทั้งมีสมรรถนะที่จะจู่โจมลึกเข้าไปเป็นระยะทางถึง 300 กิโลเมตรในดินแดนของรัสเซียได้ เพื่อตอบโต้การที่เกาหลีเหนือส่งทหารจำนวน 10,000 นายไปช่วยมอสโกรบ

หลังได้รับอนุญาตจากวอชิงตัน ยูเครนยิงขีปนาวุธของอเมริกาเข้าจู่โจมคลังอาวุธของรัสเซียในแคว้นบรีแยงสก์ทันที ก่อนที่ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินจะสั่งยิงทดสอบจรวดแบบใหม่เข้าไปยังเมืองดนิโปร ทางตะวันออกของยูเครน

ว่าที่ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลปธน.ทรัมป์บอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “การยกระดับ(ของสถานการณ์)ที่ชัดเจน” พร้อมทั้งว่า “แล้วการยกระดับที่ว่านี่จะไปถึงไหน พร้อมทั้งเราจะทำให้ทั้งสองฝ่ายยอมลงนั่งที่โต๊ะ” เพื่อเจรจาสันติภาพได้อย่างไร

ส.ส.วอลซ์ที่จะก้าวขึ้นรับตำแหน่งใหม่ได้โดยไม่ต้องได้รับการยืนยันรับรองจากวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า ตนได้เข้าประชุมกับเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของปธน.ไบเดนแล้ว พร้อมชี้ว่า ศัตรูของสหรัฐฯ นั้น “คิดผิด” หากจะพยายาม “ชี้นำให้ฝ่ายหนึ่งปะทะกับอีกฝ่าย” ในช่วงที่มีการโอนถ่ายอำนาจระหว่างไบเดนพร้อมทั้งทรัมป์

วอลซ์แสดงความมั่นใจด้วยว่า ทรัมป์จะสามารถสร้างสันติภาพในพื้นที่ ๆ มีความขัดแย้งอยู่ในตะวันออกกลางที่เป็นการต่อสู้ระหว่างอิสราเอลพร้อมทั้งนักรบกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านหนุนหลังอยู่ ทั้งกลุ่มฮามาสในกาซ่าพร้อมทั้งกลุ่มเฮซบอลลาห์ในเลบานอนด้วย

 

 

ที่มา: วีโอเอ

“บิ๊กเต่า” เผย เตรียมมอบกุญแจมือให้คนดัง-นักร้อง ส่งนอนห้องวีไอพีในเรือนจำ

“บิ๊กเต่า” เผย เตรียมมอบกุญแจมือ เป็นของขวัญปีใหม่ ให้อินฟลูฯ คนดัง-นักร้อง ส่งนอนห้องวีไอพีในเรือนจำ หากมีหลักฐานเกี่ยวข้องกับ กิไแคอนฯ

“พิพัฒน์” คาด ประชุมเคาะค่าจ้าง 400 บาท ใน ธ.ค.นี้ เป็นของขวัญปีใหม่

“พิพัฒน์” ยืนยัน ครม.สัญจร 29 พ.ย.นี้ เสนอชื่อ 2 บอร์ดค่าจ้างแทนคนเกษียณเข้า ครม. คาดประชุมเคาะค่าจ้าง 400 บาท ในเดือน ธ.ค. เป็นของขวัญปีใหม่ 2568

“ทานตะวัน” บานสะพรั่งเหลืองอร่ามเต็มทุ่งที่ลพบุรี รับฤดูกาลท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยวแห่ชมดอกทานตะวัน หลายพื้นที่ในเขตอำเภอเมืองลพบุรีพร้อมทั้งพัฒนานิคม บานสะพรั่งเหลืองอร่าม ความสูงท่วมศีรษะ ดอกใหญ่บานพร้อมกันสม่ำเสมอ

ญาติสงสัยการตาย “หนุ่มวัยเบญจเพส” จบชีวิตในทริปน้ำไม่อาบ

ญาติติดใจ สงสัยการตาย หนุ่มวัยเบญจเพส เกิดอุบัติเหตุจบชีวิต “ทริปน้ำไม่อาบ” ไม่คิดว่าจะมาจบชีวิตเพราะสิ่งที่ตัวเองรัก

‘วิกเก็ด’ ข่ม ‘กลาดิเอเตอร์ 2’ แย่งซีนอันดับ 1 หนังทำเงินอเมริกาเหนือ

“Wicked” พร้อมทั้ง “Gladiator II” สองหนังฟอร์มยักษ์ที่ลงฉายในสุดสัปดาห์เดียวกัน กวาดรายได้ไปรวมกันถึง 170 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ พร้อมทั้ง 270 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก ถือเป็นหนึ่งในสุดสัปดาห์ที่ดีที่สุดในปีนี้สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในสหรัฐฯ 

หนังจินตนิยายแนวมิวสิคัลทุนสร้างสูง “Wicked” ที่ได้ อาริอะนา แกรนเด พร้อมทั้งซินเธีย เอริโว มารับบทนำ เปิดตัวด้วยรายได้ 114 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ พร้อมทั้ง 164 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก ถือเป็นหนังที่เปิดตัวสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของปีนี้ รองจาก “Deadpool & Wolverine” พร้อมทั้ง “Inside Out 2” นอกจากนี้ยังเป็นหนังที่ดีดแปลงจากละครบรอดเวย์ที่ทำเงินได้สูงสุดด้วย

ขณะที่ “Gladiator II” ของผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อตต์ ที่เป็นภาคต่อจากภาคแรกซึ่งออกฉายเมื่อปี 2000 ตามมาอันดับ 2 ดยเปิดตัวด้วยรายได้ 55.5 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ พร้อมทั้ง 50 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก

การเปิดตัวหนังฟอร์มยักษ์สองเรื่องพร้อมกันนี้ ทำให้นึกถึงปรากฏการณ์ “Barbenheimer” เมื่อปีที่แล้วซึ่งมีหนังดังสองเรื่องออกฉายสุดสัปดาห์เดียวกัน คือ  “Barbie” พร้อมทั้ง “Oppenheimer” โดยในครั้งนี้ ผู้คนในวงการภาพยนตร์เรียกหนังสองเรื่องรวมกันว่า “Glicked” แม้ว่าจะคาดหมายกันว่า “Wicked” พร้อมทั้ง “Gladiator II” อาจจะไม่สามารถทำเงินถล่มทลายได้เหมือน “Barbenheimer” ก็ตาม

อันดับ 3 – “Red One” ภารกิจกอบกู้คริสต์มาส ผลงานล่าสุดของ ‘เดอะ ร็อค’ ดเวน จอห์นสัน พร้อมทั้ง ‘กัปตันอเมริกา’ คริส เอฟวานส์ เก็บค่าของขวัญไปอีก 13.3 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่สอง รายได้รวม 117 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก จากการทุ่มทุนสร้างกว่า 200 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นหนังคว่ำต้อนรับเทศกาลปลายปีในอเมริกาไปแล้ว

อันดับ 4 –  “Bonhoeffer: Pastor Spy Assassin” เก็บรายได้ไป 5 ล้านดอลลาร์

อันดับ 5 – “Venom: The Last Dance” หรือ เวน่อม มหาศึกอสูรอหังการ เติมเงินเข้ากระเป๋าอีก 4 ล้านดอลลาร์

อันดับภาพยนตร์ในตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ สุดสัปดาห์ 22-24 พ.ย. 2024

1. “Wicked,” $114 million.

2. “Gladiator II,” $55.5 million.

3. “Red One,” $13.3 million.

4. “Bonhoeffer: Pastor Spy Assassin,” $5.1 million.

5. “Venom: The Last Dance,” $4 million.

6. “The Best Christmas Pageant Ever,” $3.5 million.

7. “Heretic,” $2.2 million.

8. “The Wild Robot,” $2 million.

9. “Smile 2,” $1.1 million.

10. “A Real Pain,” $1.1 million.

ที่มา: เอพี

สหรัฐฯ จับตา ‘ขยะอวกาศ’ รอบโลก ด้วยเอไอ

ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอวกาศที่รุดหน้าอย่างต่อเนื่องหมายถึง โอกาสที่จะเกิดปริมาณขยะอวกาศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย พร้อมทั้งประเด็นนี้ก็ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความเสี่ยงสำหรับปฏิบัติการต่าง ๆ นอกโลกได้ ทำให้มีผู้คิดค้นหาทางช่วยป้องกันสถานการณ์อันไม่พึงประสงค์นี้แล้ว

บริษัทสตาร์ทอัพแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ หวังรับมือกับปัญหาขยะอวกาศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยระบบติดตามที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะช่วยแจ้งเตือนผู้ควบคุมให้หลีกเลี่ยงเหตุดาวเทียมปะทะกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเศษขยะบนอวกาศเพิ่มขึ้น

บริษัท ไพรเวทเทียร์ (Privateer) ที่ตั้งในรัฐฮาวายพร้อมทั้งก่อตั้งโดย สตีฟ วอซเนียก ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิล (Apple) ระบุถึงความสำคัญของการติดตาม บันทึก พร้อมทั้งเฝ้าจับตาขยะอวกาศจำนวนมหาศาลที่กำลังเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรอย่างต่อเนื่อง

 

เดแคลน ลินช์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ของบริษัท Privateer ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์ว่า “ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องสำคัญ พร้อมทั้งทวีความสำคัญมากขึ้น เมื่อเราส่งสินทรัพย์ไปยังอวกาศ (เช่นดาวเทียม พร้อมทั้งสถานีภาคพื้นดิน)”

แพลตฟอร์มติดตามวัตถุบนอวกาศของบริษัท Privateer ชื่อว่า “เวย์ไฟน์เดอร์” (Wayfinder) เป็นการผสานข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น ข้อมูลจากกองบัญชาการอวกาศสหรัฐอเมริกา (U.S. Space Command) รวมไปถึงข้อมูลจากผู้ให้บริการดาวเทียมรายอื่น ๆ พร้อมทั้งสามารถติดตามวัตถุในวงโคจรได้มากกว่า 35,000 ชิ้นแล้ว โดยจะนับเฉพาะวัตถุที่มีขนาดใหญ่กว่า 10 เซนติเมตรเท่านั้น ขณะที่ วัตถุที่มีขนาดเล็กกว่านั้นจะไม่สามารถติดตามได้จากพื้นโลกได้ ซึ่งหากจะประเมินนับรวมเศษซากในอวกาศที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 มิลลิเมตรดูแล้ว คาดว่าจะมีปริมาณถึงราว 100 ล้านชิ้น

การติดตามวัตถุจำนวนมหาศาล พร้อมคาดการณ์วิถีโคจรที่จะเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 24 ถึง 72 ชั่วโมงนั้น จำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากพร้อมทั้งต้องการคอมพิวเตอร์ที่ศักยภาพในการประมวลผลด้วย พร้อมทั้งลินช์ จากบริษัท Privateer เผยว่า “เราสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของ AI ทำสิ่งเหล่านี้ได้ ในเวลาเพียงเสี้ยวเดียว เมื่อเทียบกับ (การประมวลผล) ในอดีต ที่ทำโดยมนุษย์”

ทั้งนี้ เศษซากต่าง ๆ ในอวกาศนั้นโดยมากแล้วประกอบด้วยดาวเทียมที่หมดอายุ ส่วนประกอบของจรวดที่ใช้งานแล้วพร้อมทั้งชิ้นส่วนจากการแตกสลายรวมถึงการชนกัน โดยเศษซากเหล่านี้จะเคลื่อนที่โคจรรอบโลกด้วยความเร็ว 27,350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

เศษซากเหล่านี้ถือเป็นภัยคุกคามต่อสถานีอวกาศนานาชาติพร้อมทั้งดาวเทียมที่ปฏิบัติการอยู่ อย่างเช่น ดาวเทียมระบบสื่อสารซึ่งหลายดวงก็มีความสำคัญไม่น้อยสำหรับระบบล้ำสมัยต่าง ๆ บนพื้นโลก

ด้วยเหตุนี้ การตระหนักรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในอวกาศที่คล้าย ๆ กับการควบคุมการจราจรทางอากาศแต่เป็นระบบสำหรับดาวเทียมจึงมีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับผู้ดูแลควบคุมดาวเทียม ในช่วงที่ยังไม่มีข้อตกลงมาตรฐานสากลที่กำกับดูแลในเรื่องนี้

 

ลินช์ ประธานเจ้าหน้าที่ของบริษัท Privateer อธิบายว่า ประเด็นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นในอวกาศพร้อมทั้งกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่นั่น (Space Domain Awareness) ยังเป็นเรื่องที่รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ พยายามทำความเข้าใจอยู่ ขณะที่ ผู้ดำเนินงานพร้อมทั้งกิจการด้านอวกาศที่เดินหน้าส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรอยู่ก็ต้องหันมาดูแลกันเองไปก่อน

บริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้ตั้งเป้าที่จะเปิดให้ผู้ประกอบการดาวเทียม หน่วยงานอวกาศนานาชาติ พร้อมทั้งชุมชนวิทยาศาสตร์ทั่วโลก สามารถเข้าถึงข้อมูลการติดตามวัตถุที่โคจรบนอวกาศให้ได้ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงเจตนารมย์ของบริษัทที่เชื่อว่า “การแบ่งปันข้อมูล” เป็นองค์ประกอบสำคัญ ในการต่อสู้พร้อมทั้งรับมือกับปัญหาขยะบนอวกาศ

 

 

ที่มา: รอยเตอร์