“ประเสริฐ” ประกาศพื้นที่ทำนาปรัง 12 ล้านไร่ ปีนี้ปริมาณน้ำเฉลี่ยสูงกว่าปกติ

“ประเสริฐ” เผยข่าวดี ประกาศพื้นที่ทำนาปรัง 12 ล้านไร่ หลังปีนี้ปริมาณน้ำโดยเฉลี่ยสูงกว่าปกติ กำชับภาคใต้ตั้งศูนย์ส่วนหน้ารับมือเหตุอุทกภัย-ศูนย์พักพิงช่วยเหลือประชาชน

ทนายสายหยุด เข้าเยี่ยม “เมียทนายตั้ม” ยืนยันตอนนี้มุ่งเน้นไปที่การประกันตัว

ทนายสายหยุด เข้าเยี่ยม “เมียทนายตั้ม” ยืนยันมุ่งเน้นการประกันตัว ส่วน “ทนายตั้ม” จะขออยู่ในเรือนจำจนกระทั่งพิจารณาคดี ย้ำเรื่องเงินเจ๊อ้อย เป็นการขอมาลงทุน

เช็คปมใหญ่ ที่ ‘ทรัมป์’ ประกาศจะทำในวันแรกที่รับตำแหน่ง

หนึ่งในธรรมเนียมทางการเมืองของสหรัฐฯ ที่ต้องจับตามองกัน ก็คือความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีว่าจะใช้อำนาจฝ่ายบริหารเพื่อทำอะไรบ้างในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง สำนักข่าวนานาชาติเอพีรวบรวมเรื่องราวที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไปได้ประกาศเอาไว้

 

ฮิวจ์ แกรนท์ พา ‘เฮเรติก’ เปิดตัวอันดับ 2 บ็อกซ์ออฟฟิศ ตามหลัง ‘เวน่อม’

“Venom: The Last Dance” ครองอันดับ 1 ตารางหนังทำเงินในอเมริกาเหนือเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบเหงาของสุดสัปดาห์หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐฯ

“Venom ภาค 2” เก็บเงินไปได้อีก 16.2 ล้านดอลลาร์ โดยสามารถทำรายได้ทั่วโลกแล้ว 394 ล้านดอลลาร์จากการเข้าฉาย 3 สัปดาห์ 

อันดับ 2 –  “Heretic” หนังแนวสยองขวัญ ผลงานการแสดงเรื่องล่าสุดจาก ฮิวจ์ แกรนท์ นักแสดงชาวอังกฤษ ที่จับมือกับค่ายหนัง A24 เปิดตัวสัปดาห์แรกด้วยรายได้ 11 ล้านดอลลาร์ 

อันดับ 3 – “The Best Christmas Pageant Ever” หนังต้อนรับเทศกาลปลายปี สร้างจากนิยายเด็กที่โด่งดังของบาร์บารา โรบินสัน ทำรายได้เปิดตัว 9 ล้านดอลลาร์

อันดับ 4 – ยังไม่ไปไหนสำหรับหนังแอนิเมชั่นค่ายดรีมเวิร์ก “The Wild Robot” ที่เข้าฉายมาแล้ว 7 สัปดาห์ เก็บเงินเข้ากระเป๋าอีก 6.6 ล้านดอลลาร์ ทำรายได้รวมในอเมริกาเหนือไปแล้ว 130 ล้านดอลลาร์ 

อันดับ 5 – หนังสยองขวัญ “ยิ้มสยอง” หรือ “Smile 2” ยังเก็บเงินเพิ่มไปได้อีก 5 ล้านดอลลาร์ แม้ผ่านเทศกาลฮาโลวีนมาแล้ว

อันดับภาพยนตร์ในตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ สุดสัปดาห์ 8-10 พ.ย. 2024

1. “Venom: The Last Dance,” $16.2 million.

2. “Heretic,” $11 million.

3. “The Best Christmas Pageant Ever,” $8.9 million.

4. “The Wild Robot,” $6.7 million.

5. “Smile 2,” $5 million.

6. “Conclave,” $4.1 million.

7. “Anora,” $2.5 million.

8. “Here,” $2.4 million.

9. “We Live in Time,” $2.2 million.

10. “Terrifier 3,” $1.4 million.

‘เฉือนตอนฉ่ำ’ หุ่นยนต์เกษตรสุดล้ำ ช่วยเก็บสตรอเบอร์รี

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์ได้มาถึงจุดที่เกษตรกรสามารถนำมาดัดแปลงใช้ในการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ทั้งถูกใจผู้บริโภค ในราคาที่ดีสุดซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากคุณภาพ พร้อมทั้งหนึ่งในตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่ว่านี้ก็คือ ธุรกิจปลูกสตรอเบอร์รีในสหรัฐฯ

ความหวานฉ่ำพร้อมทั้งรสชาติเปรี้ยวอมหวานของสตรอเบอร์รีที่สุกกำลังดี คือสิ่งที่ผู้บริโภคมองหา พร้อมทั้งในรัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกสตรอเบอร์รีที่สำคัญของสหรัฐฯ ปัจจุบัน เหล่าเกษตรกรกำลังหันมาใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เพื่อช่วยเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด

 

ฮวน บราโว ผู้ก่อตั้ง บริษัท อโกรบอต (Agrobot) เป็นผู้สร้าง “หุ่นยนต์การเกษตร” ที่มีความสามารถเก็บเกี่ยวสตรอว์เบอร์รีได้อย่างนุ่มนวล โดยใช้เซ็นเซอร์พร้อมทั้งกล้องช่วยเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ความสุกของสตรอว์เบอร์รีทีละลูก จากนั้น แขนกลที่ถูกโปรแกรมไว้จะเก็บเกี่ยวพืชผลแบบไม่รบกวนกิ่งก้านของลูกที่ยังไม่สุกเต็มที่

 

บราโวให้สัมภาษณ์กับวีโอเอว่า “ผลสตรอเบอร์รีจะสุกจากล่างขึ้นบน ช่วงปลายด้านล่างจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะที่ส่วนอื่นของผลยังคงเป็นสีเขียว ขนาดของลูกจะค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น” โดยเขาเสริมว่า มีการประเมินสัดส่วนระหว่างสีแดงพร้อมทั้งสีเขียวทีละผล โดยลูกสตรอเบอร์รีที่ต้องการมักจะมีสัดส่วนของสีแดงประมาณ 90% พร้อมทั้งสีเขียว 10%

โดยเฉลี่ยแล้ว ทุก ๆ 10 วินาที หุ่นยนต์จะสามารถเก็บสตรอว์เบอร์รีได้ 1 ผล ดังนั้น ในเวลาสาม เครื่องจักรนี้จะช่วยเก็บสตรอว์เบอร์รีได้ถึงประมาณ 50 ไร่เลยทีเดียว

บราโว่ เผยถึงเคล็ดลับสำคัญในการเก็บเบอร์รีสีแดงนี้ ว่าจะต้องไม่ไปแตะที่บริเวณผิว “ไม่ว่ากรณีใด ๆ เราไม่อยากสัมผัสผิวของลูกสตรอเบอร์รี พืชผลที่เก็บได้จะไม่ถูกปนเปื้อน ทั้งจากเชื้อราความชื้น รวมถึงเชื้อไวรัสต่าง ๆ”

อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การเก็บเกี่ยวเป็นไปอย่างราบรื่น คือการใช้ “หุ่นยนต์กำจัดศัตรูพืช” คอยวิ่งดูดแมลงออกจากพุ่มไม้ โดยไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง พร้อมทั้งที่สำคัญ ไม่สร้างความบอบช้ำหรืออันตรายให้กับผลผลิตด้วย

แมตต์ คอนรอย ผู้จัดการเขต บริษัท กูด ฟาร์มส์ (Good Farms) มองว่า หุ่นยนต์ไม่ได้มาแย่งงานมนุษย์ พร้อมทั้งแสดงความชื่นชมว่า เครื่องจักรเหล่านี้สามารถทำงานแบบไม่มีความเหน็ดเหนื่อยด้วย

 

เขาพบว่า “สำหรับอุตสาหกรรมดังกล่าว เรามีแรงงานไม่เพียงพอ ในแต่ละปีต้องจ้างคนเพิ่ม ราว 15 ถึง 20%” ด้วยเหตุนี้ ทางออกของปัญหาขาดแคลนแรงงาน คือ การนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์เข้ามาเสริม ช่วยเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว

นอกจากนี้ คอนรอยยังตั้งใจที่จะดัดแปลงหุ่นยนต์การเกษตรเพื่อใช้เก็บเกี่ยวพืชผลประเภทอื่น ๆ ในอนาคตอีกดวย

ตามข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ พบว่า ในปี 2020 เกษตรกรสหรัฐฯ ผลิตสตรอเบอร์รีออกมามีมูลค่าสูงถึง 2,200 ล้านดอลลาร์พร้อมทั้งผลผลิตส่วนใหญ่มาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย

 

ที่มา: รอยเตอร์

 

อิสราเอลจู่โจมทั่วกาซ่า สังหารประชาชนกว่า 40 คน

อิสราเอลระดมจู่โจมทางอากาศทั่วฉนวนกาซ่าในวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้จบชีวิตอย่างน้อย 40 คน จากรายงานของสำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์

องค์กรสิทธิมนุษยชน Palestinian Center for Human Rights (PCHR) ในกาซ่า พบว่า อิสราเอลจู่โจมใส่อาคารที่พักอาศัยขนาดสามชั้นแห่งหนึ่งในเมืองจาบาเลีย ทางภาคเหนือของกาซ่า ทำให้มีประชาชนจบชีวิตอย่างน้อย 24 คน พร้อมทั้งมีผู้บาดเจ็บ 30 คน

ภาพที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นร่างไร้ชีวิตมากกว่า 10 รายภายใต้ผ้าคลุม วางเรียงอยู่บนพื้นด้านนอกโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองจาบาเลีย โดยสื่อท้องถิ่นพบว่าเป็นผู้จบชีวิตจากการจู่โจมอาคารดังกล่าว

ด้านกองทัพอิสราเอลแถลงว่า เป็นการจู่โจม “ฐานปฏิบัติการของผู้ก่อการร้าย” ในเมืองจาบาเลีย 

สมาคมเสี้ยววงเดือนแดงแห่งปาเลสไตน์ (Palestinian Red Crescent Society) รายงานว่า ได้ทำงานร่วมกับองค์การกาชาดสากลเพื่ออพยพผู้ป่วยราว 20 คนออกจากโรงพยาบาลอัล-อวดา ในเมืองจาบาเลีย เพื่อส่งไปยังโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งในกาซ่าซิตี้ เมื่อวันอาทิตย์ พร้อมทั้งมีผู้ป่วยหนึ่งคนจบชีวิตขณะที่รถพยาบาลถูกทหารอิสราเอลสกัดไว้ที่ด่านแห่งหนึ่งนานหลายชั่วโมง

กองทัพอิสราเอลกล่าวหาว่า กลุ่มฮามาสได้ใช้อาคารของพลเรือนในกาซ่าเป็นฐานปฏิบัติการ ซึ่งทางฮามาสได้ออกมาปฏิเสธ

ฝ่ายทำการรบของฮามาสเปิดเผยในวันอาทิตย์ว่า ได้สังหารทหารอิสราเอล 15 คนระหว่างที่จู่โจมที่เมืองลาฮิยา ทางเหนือของเมืองจาบาเลีย แต่ยังไม่มีความเห็นจากทางอิสราเอลในเรื่องนี้ พร้อมทั้งรอยเตอร์ยังไม่สามารถยืนยันคำกล่าวอ้างของฮามาสได้

อิสราเอลส่งทหารเข้าไปในเมืองจาบาเลีย เมืองลาฮิยา พร้อมทั้งเมืองฮานาว ทางเหนือของกาซ่า ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม เพื่อต่อสู้กับกลุ่มฮามาสพร้อมทั้งป้องกันไม่ให้นักรบกลุ่มนี้กลับมารวมตัวได้อีก โดยทางอิสราเอลพบว่าสามารถสังหารนักรบฮามาสได้แล้วหลายร้อยคน ในพื้นที่นี้นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการรอบใหม่

ในเวลาเดียวกัน ความพยายามจัดทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาสยังคงชะงักงัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันพร้อมทั้งกันว่าเป็นต้นเหตุของความล้มเหลวนี้ 

ฮามาสจู่โจมอิสราเอลเมื่อ 13 เดือนก่อน ทำให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คน รวมทั้งมีการจับตัวประกันไปกาซ่ากว่า 250 คน อิสราเอลได้ทำการจู่โจมโต้กลับเข้าไปในเขตปกครองของชาวปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีผู้จบชีวิตกว่า 43,500 คนแล้ว อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า

ที่มา: รอยเตอร์

‘ทรัมป์’ ยืนยันกวาดชัยชนะรัฐสมรภูมิ เริ่มเผยรายชื่อคณะทำงาน

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งแบบทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต คามาลา แฮร์ริส โดยเฉพาะในรัฐสมรภุมิทั้ง 7 รัฐ จากผลการนับคะแนนล่าสุดอย่างเป็นทางการที่ประกาศในวันอาทิตย์ 

ก่อนหน้าวันเลือกตั้ง ผลโพลล์จากแทบทุกสำนักชี้ว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้จะเป็นไปอย่างสูสีคู่คี่ที่สุดครั้งหนึ่ง รวมทั้งในรัฐสมรภูมิ หรือ battleground states ทั้ง 7 รัฐที่จะเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง

ถ้าหากว่า ผลการนับคะแนนชี้ว่า ทรัมป์ได้รับชนะในทั้ง 7 รัฐพร้อมทั้งจะได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ด้วยจำนวน 312 – 226 ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างห่าง โดยผลคะแนนล่าสุดที่รัฐแอริโซนา ชี้ว่าทรัมป์ได้คะแนนเสียงมากกว่าแฮร์ริสถึง 6% 

ผลการโหวตรายบุคคล

ทรัมป์ยังเป็นผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันคนแรกในรอบ 20 ปีที่ได้รับคะแนนเสียงรายบุคคล หรือ popular vote มากกว่าคู่แข่ง โดยคนสุดท้ายที่ทำได้คือ อดีตปธน.จอร์จ ดับเบิลยู บุช เมื่อปี 2004 

จนถึงขณะนี้ ทรัมป์ได้คะแนน popular vote ไปแล้ว 75 ล้านเสียง มากกว่า 4 ปีก่อนที่เขาได้ไป 74 ล้านเสียง ขณะที่แฮร์ริสได้ไป 71 ล้านเสียง น้อยกว่าตอนที่ไบเดนได้รับชัยชนะเมื่อปี 2020 ราว 10 ล้านเสียง 

ผลเอ็กซิตโพลล์ชี้ สตรีอเมริกันส่วนใหญ่เลือกแฮร์ริส ในขณะที่ผู้ชายส่วนใหญ่เลือกทรัมป์ คนมีการศึกษาสูงกว่าส่วนใหญ่เลือกแฮร์ริส ขณะที่ผู้ที่ไม่จบระดับปริญญาตรีเลือกทรัมป์มากกว่า โดยปัจจุบันมีคนอเมริกันเกือบ 2 ใน 3 ที่ไม่จบปริญญาตรี 

ในส่วนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผิวดำพร้อมทั้งกลุ่มผู้มีเชื้อสายละตินอเมริกา ซึ่งเคยเป็นฐานเสียงสำคัญของเดโมแครต ปรากฎว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ ต่างเทคะแนนให้ทรัมป์เพิ่มขึ้นจากปี 2020 กล่าวคือ คนอเมริกันผิวดำลงคะแนนให้ทรัมป์ 16% เพิ่มขึ้นจากสี่ปีก่อนราวสองเท่า ขณะที่ผู้มีเชื้อสายละตินอเมริกาออกเสียงให้ทรัมป์ 42% เพิ่มจากระดับ 35% เมื่อปี 2020

ในวันที่ 20 มกราคม ปีหน้า ทรัมป์จะปฏิญาณตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 หลังจากที่เคยดำรงตำแหน่งนี้มาแล้วระหว่างปี 2017 – 2021 ถือเป็นประธานาธิบดีคนที่สองในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน ต่อจากโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ที่ได้กลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ หลังจากเว้นช่วงไป 

นอกจากนี้ ทรัมป์ในวัย 78 ปียังจะทำสถิติใหม่เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อายุมากที่สุดที่เข้ารับตำแหน่ง 

เข้าพบไบเดนที่ทำเนียบขาว – ทรัมป์เริ่มเผยรายชื่อคณะทำงาน

ทำเนียบขาวพบว่า ทรัมป์จะพบกับประธานาธิบดีไบเดนที่ทำเนียบขาวในวันพุธนี้ ในขณะที่เหลือเวลาอีกราว 2 เดือนที่ไบเดนจะอยู่ในตำแหน่งก่อนที่จะถึงวันปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคาะชื่อแรกของโผทีมงานสำหรับรัฐบาลใหม่ด้วยการประกาศชื่อ ซูซี ไวลส์ เป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ซึ่งจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำงานในตำแหน่งนี้ ตามการรายงานของเอพี

ไวลส์ เป็นผู้จัดการการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์ในครั้งนี้ พร้อมทั้งเป็นที่ยอมรับในวงกว้างทั้งจากวงนอกพร้อมทั้งวงในของว่าที่ผู้นำคนใหม่ว่าอยู่เบื้องหลังการหาเสียงที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งช่วยทำให้แคมเปญหาเสียงของทรัมป์มีระบบระเบียบ

พร้อมทั้งในวันเสาร์ ทรัมป์บอกว่า อดีตผู้ที่เคยทำงานให้ตนในคณะรัฐมนตรีสมัยแรกสองคน คือ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ พร้อมทั้งอดีตทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ นิกกี เฮลีย์ จะไม่อยู่ในโผคณะทำงานชุดใหม่นี้ 

โดยอดีตทูตอเมริกันประจำเยอรมนี ริชาร์ด เกรเนลล์ อยู่ในรายชื่อผู้ที่จะรับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ เช่นเดียวกันวุฒิสมาชิกรัฐฟลอริดา มาร์โค รูบิโอ ก็อยู่ในโผเช่นกัน 

โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ ผู้เคยลงสมัครในฐานะชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในฐานะผู้สมัครอิสระ พร้อมทั้งเป็นผู้รณรงค์ต่อต้านการฉีดวัคซีน ได้รับการคาดหมายว่าอาจจะอยู่ในรายชื่อรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของทรัมป์ 2.0 ด้วย โดยเขายืนยันกับสำนักข่าวเอ็นบีซีเมื่อวันพุธว่า เขาจะไม่ยกเลิกการฉีดวัคซีนในประเทศนี้แต่อย่างใด 

ส่วน อิลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก อาจอยู่ในโผผู้ที่ดูแลหน่วยงานด้วยการตรวจสอบงบประมาณของรัฐบาลกลางเช่นกัน 

ที่มา: วีโอเอ พร้อมทั้งเอเอฟพี

‘เครื่องบินรบไอพ่นล่องหน’ รุ่นใหม่ของจีน เปิดตัวครั้งแรกสัปดาห์นี้

เครื่องบินรบไอพ่นล่องหน (stealth fighter jet) รุ่นใหม่ของจีน J-35A จะถูกนำมาแสดงเป็นครั้งแรกในสัปดาห์หน้า ที่นิทรรศการการบินทหารพร้อมทั้งพลเรือนงานใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งจัดขึ้นทุกสองปี

นิทรรศการอวกาศพร้อมทั้งการบินระหว่างประเทศ (China International Aviation & Aerospace Exhibition) จะเริ่มขึ้นวันอังคารนี้ที่เมืองจูไห่ ทางภาคใต้ของจีน โดยใช้เวลา 6 วัน 

โดยในการจัดงานเมื่อสองปีที่แล้ว มีการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านอากาศพร้อมทั้งอวกาศเป็นมูลค่าราว 40,000 ล้านดอลลาร์ 

จีนกำลังพยายามยกระดับความทันสมัยของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ด้วยการผลิตอาวุธของตนเองพร้อมทั้งลดการพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยีทางการทหารจากต่างชาติ ท่ามกลางความตึงเครียดกับสหรัฐฯ ในประเด็นไต้หวันพร้อมทั้งทะเลจีนใต้

นอกจากนี้ จีนยังต้องการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการผลิตเครื่องบินพาณิชย์ในระดับโลก ผ่านบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินของรัฐบาลจีน โคแมค (COMAC) ที่นำเทคโนโลยีการบินรุ่นใหม่มาแสดงในงานนี้ด้วย

เครื่องบินรบไอพ่นล่องหน

ที่นิทรรศการอวกาศพร้อมทั้งการบินระหว่างประเทศในปีนี้ กองทัพอากาศปลดปล่อยประชนจีน (PLAAF) จะเปิดตัวเครื่องบินรบไอพ่นล่องหนรุ่นใหม่ J-35A ของบริษัทเฉินหยาง แอร์คราฟท์ คอร์ปอเรชัน (Shenyang Aircraft Corporation) ซึ่งเป็นเครื่องบินรบล่องหนขนาดกลาง 

ในเวลาเดียวกัน รัสเซียจะส่งเครื่องบินรบไอพ่นรุ่นล่าสุด SU-57 ไปแสดงการบินที่เมืองจูไห่ในครั้งนี้ด้วย ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับจีนไปยังชาติตะวันตก 

เครื่องบินรบล่องหน J-35A พัฒนามาจากเครื่องบินไอพ่น J-35 ที่ใช้ประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบินของจีน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลมากนักเกี่ยวกับศักยภาพเครื่องบินรุ่นใหม่นี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าน่าจะคล้ายกับเครื่องบินรุ่น F-35 ของบริษัทล็อกฮีดมาร์ติน (Lockheed Martin) ของสหรัฐฯ 

COMAC

หลายปีที่ผ่านมา จีนลงทุนอย่างมากในการพัฒนาเครื่องบินพาณิชย์ของตนเอง รวมทั้งเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถนำมาใช้แทนเครื่องยนต์นำเ้ขาจากต่างประเทศที่ใช้อยู่กับเครื่องบินพาณิชย์ของบริษัทโคแมค 

โคแมค พยายามเข้ามาตีตลาดเครื่องบินโดยสารที่ครอบครองโดยสองบริษัทใหญ่ คือ โบอิ้ง (Boeing) ของสหรัฐฯ พร้อมทั้งแอร์บัส (Airbus) ของยุโรป ท่ามกลางปัญหาที่ถาโถมเข้าใส่บริษัทเครื่องบินทั้งสองแห่งนี้

เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โคแมคส่งมอบเครื่องบิน ซี919 ลำแรกให้กับสายการบิน ไชน่า อีสเทิร์น (China Eastern) สำหรับใช้ในประเทศ โดยปัจจุบันสายการบินนี้มีเครื่องบิน ซี919 ให้บริการทั้งหมด 7 ลำ

ทั้งนี้ สายการบินรายใหญ่ของจีน 3 แห่งที่มีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ คือ แอร์ไชน่า, ไชน่า เซาธ์เทิร์น แอร์ไลน์ส พร้อมทั้ง ไชน่า อีสเทิร์น ล้วนสั่งซื้อเครื่องบิน ซี919 รายละ 100 ลำ 

ซี919 สามารถบรรจุผู้โดยสารได้ 192 คน มีขนาดใกล้เคียงกับ โบอิ้ง 737 แมกซ์ (Boeing 737 MAX) พร้อมทั้งแอร์บัส เอ320นีโอ (Airbus A320neo)

ทางโคแมคพบว่า จนถึงขณะนี้มียอดสั่งซื้อเครื่องบินรุ่น ซี919 เข้ามาแล้วกว่า 1,000 ลำ โดยทางบริษัทได้ขยายแผนการผลิตพร้อมทั้งการตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทั้งซาอุดิอาระเบีย ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมการบิน

ถ้าหากว่า ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า โคแมคยังคงห่างไกลกับการกระโจนเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ หากไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมทั้งสหภาพยุโรป

บริษัทที่ปรึกษาด้านการบิน ซีเรียม (Cirium) คาดการณ์ว่า ในปี 2042 โคแมคจะมีส่วนแบ่งในตลาดโลก 25% ขณะที่โบอิ้งพร้อมทั้งแอร์บัสจะมีส่วนแบ่ง 30% พร้อมทั้ง 45% ตามลำดับ

ที่มา: รอยเตอร์

 

 

ยูเครนส่งโดรน 34 ลำถล่มกรุงมอสโกครั้งใหญ่สุด

ยูเครนส่งโดรนอย่างน้อย 34 ลำจู่โจมกรุงมอสโกในวันอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นการจู่โจมด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงของรัสเซีย นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้นเมื่อปี 2022 

สำนักงานการคมนาคมทางอากาศของรัสเซียพบว่า ได้สั่งเที่ยวบินอย่างน้อย 36 เที่ยวที่สนามบิน 3 แห่งรอบกรุงมอสโก ให้เปลี่ยนเส้นทางการบินเนื่องจากโดรนของยูเครน พร้อมทั้งมีรายงานผู้บาดเจ็บหนึ่งรายในมอสโก

ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยว่า สามารถทำลายโดรนได้ 36 ลำเหนือพื้นที่ทางตะวันตกของรัสเซียในวันอาทิตย์ 

กรุงมอสโกพร้อมทั้งพื้นที่โดยรอบซึ่งมีประชากรรวมกว่า 21 ล้านคน ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป 

ในทางกลับกัน รัสเซียส่งโดรน 145 ลำจู่โจมเมืองต่าง ๆ ในยูคเรนในช่วงคืนวันเสาร์ ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดเช่นกัน โดยทางกรุงเคียฟบอกว่าสามารถทำลายโดรนรัสเซียได้ 62 ลำ 

กรุงเคียฟตกเป็นเป้าของการจู่โจมด้วยโดรนจากรัสเซียอย่างต่อเนื่องตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทางยูเครนก็พยายามตอบโต้ด้วยการส่งโดรนเข้าไปจู่โจมพื้นที่ต่าง ๆ ของรัสเซีย โดยมุ่งเป้าไปที่โรงกลั่นน้ำมัน สนามบิน พร้อมทั้งสถานีเรดาร์ของรัสเซีย นำไปสู่สงครามโดรนของสองประเทศ

รัฐบาลของยูเครนพร้อมทั้งรัสเซียใช้วิธีซื้อพร้อมทั้งพัฒนาโดรนพิฆาตของตนเอง พร้อมไปกับการหาวิธีใหม่ ๆ ในการทำลายโดรนของศัตรู เช่น การส่งคลื่นอิเล็กทรอนิกส์รบกวน หรือใช้ปืนยิงต่อสู้ 

ทางรัสเซียได้พัฒนาระบบป้องกันโดรนมาใช้ในกรุงมอสโก โดยติดตั้งไว้เหนืออาคารต่าง ๆ รวมทั้งมีระบบป้องกันทางอากาศล้ำสมัยที่สามารถยิงโดรนให้ร่วงลงมาได้ก่อนที่จะมาถึงทำเนียบเครมลินใจกลางกรุงมอสโก 

ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน เรียกการจู่โจมด้วยโดรนของยูเครนว่า “การก่อการร้าย” ที่มุ่งเป้าไปยังโครงสร้างพื้นฐานพลเรือน เช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ พร้อมทั้งประกาศว่าจะใช้มาตรการตอบโต้

สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ดำเนินมานานสองปีครึ่ง กำลังเข้าสู่ช่วงที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนพบว่าเป็น ‘บทสุดท้าย’ หลังจากที่กองทัพรัสเซียใช้วิธีเดินหน้าบุกกินแดนอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบหลายเดือน 

ประกอบกับการชนะเลือกตั้งของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเคยรับปากไว้ว่าตนจะสามารถยุติสงครามยูเครนได้ในเวลา 24 ชม.ที่เข้ารับตำแหน่ง แต่มิได้ให้ข้อมูลอื่น ๆ ว่าจะทำได้อย่างไร

หลังทราบผลการเลือกตั้ง ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี โทรศัพท์หาทรัมป์เพื่อแสดงความยินดี ซึ่งมี อิลอน มัสก์ มหาเศรษฐีพร้อมทั้งซีอีโอบริษัทรถยนต์เทสลา (Tesla) เข้าร่วมการเจรจาด้วย โดยมัสก์นั้นเป็นผู้จัดหาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม สตาร์ลิงค์ (Starlink) ให้แก่ยูเครน สำหรับใช้ติดต่อสื่อสารในช่วงสงครามด้วย

ที่มา: รอยเตอร์

ฟิลิปปินส์อพยพ 2,500 หมู่บ้าน หนีพายุโทราจี

ประชาชนในหมู่บ้าน 2,500 แห่ง อพยพออกจากบ้านเรือนของพวกเขาตามคำสั่งของทางการ เพื่อหนีพายุโทราจีที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าทางภาคเหนือของฟิลิปปินส์ ถือเป็นพายุขนาดใหญ่ลูกที่ 4 ที่พัดเข้าฟิลิปปินส์ในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน

ทางการฟิลิปปินส์พบว่า ยังคงมีประชาชนเกือบ 700,000 คนที่อาศัยอยู่ตามสถานที่หลบภัยชั่วคราว หรือที่พักพิงอื่น ๆ หลังจากที่บ้านเรือนของพวกเขาถูกทำลายไปก่อนหน้านี้โดยพายุจ่ามี พายุกองเร็ย พร้อมทั้งพายุหยินซิ่ง ซึ่งทำให้มีผู้จบชีวิต 159 คนในฟิลิปปินส์ 

เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์เชื่อว่า พายุโทราจีจะพัดเข้าบริเวณเขตอีโลโคส เขตคากายัน แวลลีย์ พร้อมทั้งเขตคอร์ดิลเยรา ในวันจันทร์ พร้อมสั่งให้ประชาชนใน 2,500 หมู่บ้านเร่งอพยพออกจากเส้นทางของพายุ พร้อมเตือนภัยว่าอาจเกิดดินถล่ม

พายุโทราจี ขณะนี้มีความเร็วลม 110 กม./ชม. คาดว่าจะทำให้เกิดฝนตกหนักพร้อมทั้งลมกรรโชกแรงทั่วภาคเหนือของฟิลิปปินส์ โดยตำรวจพร้อมทั้งทหารได้เตรียมเครื่องบินพร้อมทั้งเฮลิคอปเตอร์อย่างน้อย 14 ลำเพื่อใช้ในภารกิจกู้ภัยพร้อมทั้งลำเลียงความช่วยเหลือต่าง ๆ เข้าไปในพื้นที่ประสบภัย

ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว พายุไต้ฝุ่นหยิงซิ่งถล่มชายฝั่งภาคเหนือของฟิลิปปินส์ ทำลายอาคารบ้านเรือนหลายหลังพร้อมทั้งทำให้มีเด็กหญิงวัย 12 ปีจบชีวิต ประชาชนราว 50,000 คนต้องกลายเป็นผู้อพยพ 

ก่อนหน้านั้นไม่กี่สัปดาห์ พายุโซนร้อนจ่ามี พร้อมทั้งซูเปอร์ไต้ฝุ่นกองเร็ย สร้างความเสียหายอย่างหนักพร้อมทั้งมีผู้จบชีวิต 158 คน

แต่ละปี ฟิลิปปินส์เผชิญพายุลูกใหญ่ราว 20 ลูก พร้อมทั้งงานวิจัยชี้ว่า พายุในแถบเอเชียแปซิฟิก มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น พร้อมทั้งเกิดใกล้ชายฝั่งมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก

ที่มา: เอเอฟพี