ชาวเอเชียนอเมริกันตื่นตัวมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งปธน.

ชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิ์เลือกผู้นำสหรัฐฯ กันตั้งแต่ช่วงเช้าที่เปิดคูหา ที่ในครั้งนี้เป็นการขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นระหว่างรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต พร้อมทั้งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ขณะที่ผลโพลล์หลายสำนักยังชี้ว่าผู้สมัครทั้ง 2 ยังมีคะแนนนิยมที่สูสีกันอย่างมาก

บรรยากาศการเลือกตั้งที่เขตปกครองแฟร์แฟกซ์ เคาน์ตี้ รัฐเวอร์จิเนีย มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์กันอย่างต่อเนื่องเกือบตลอดทั้งวัน นับตั้งแต่เปิดคูหา เมื่อ 6 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น แม้ว่าจะไม่ได้เห็นบรรยากาศของการต่อแถวรอคิวเลือกตั้งที่เนืองแน่นเหมือนกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ก็ตาม

ถ้าหากว่า บรรยากาศโดยรวมทั่วอเมริกานั้นถือว่ายังคงคึกคัก เพราะข้อมูลล่าสุดเมื่อ 4 พฤศจิกายน พบว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีชาวอเมริกันกว่า 80 ล้านคน ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งใหญ่เมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 155 ล้านคน

สำหรับประเด็นที่ชาวอเมริกันให้ความใส่ใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ โพลล์ต่างชี้ว่าชาวอเมริกันต่างให้น้ำหนักการตัดสินใจเลือกประธานาธิบดี จากประเด็นเรื่องเศรษฐกิจมาเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจกับนโยบายคนเข้าเมืองพร้อมทั้งความมั่นคงบริเวณชายแดน ปัญหาอาชญากรรม พร้อมทั้งสิทธิด้านอนามัยเจริญพันธุ์

นางทิพพะพรรณ ฉัตต์ชัยนนท์ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายไทย บอกกับวีโอเอไทยว่า อยากเห็นผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่รุกแก้ปัญหาภายในอเมริกามากกว่าเข้าไปคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างประเทศ

 

ด้านนายสากล สุวรรณคำ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายไทย บอกกับวีโอเอไทยถึงความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ต่อชุมชนไทยว่า “อยากจะเรียนคนไทยนะครับที่มีสิทธิ์ที่จะเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิ์นะครับ เพราะว่าเลือกตั้งครั้งนี้มันชี้ชะตาของทั้งเศรษฐกิจ ทั้งความเป็นผู้นำของโลกอันดับว่าเป็นยังไง สงครามภายใน ภายนอกไม่เท่าไหร่หรอก แต่ภายในนั้นก็ คิดว่าจะกู้ศักดิ์ศรีพร้อมทั้งเกียรติยศของอเมริกากลับมาอีกครั้งหนึ่ง”

ส่วนวี ชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม ที่ออกมาใช้สิทธิ์ของเธอเป็นครั้งแรก เผยกับวีโอเอไทยว่า คนรุ่นใหม่ชาวเอเชียนอเมริกันควรใส่ใจการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเป็นโอกาสในการกำหนดอนาคตของพวกเขาด้วยเช่นกัน

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ฉันคิดว่าเป็นสิทธิ รู้ไหม ทุกคนควรจะออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกัน เพราะมันเป็นสิทธิ์ พร้อมทั้งยังเป็นการช่วยกำหนดอนาคตของคุณด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นคนอายุน้อย พร้อมทั้งนี่กำลังจะกลายเป็นอนาคตของพวกคุณ ดังนั้นคุณควรออกมาโหวตค่ะ”

ทั้งนี้ ผลโพลล์ของ New York Times/Siena College เมื่อต้นสัปดาห์ชี้ให้เห็นว่าทรัมป์พร้อมทั้งแฮร์ริสมีคะเเนนนิยมเท่ากันที่ 48%

ศึกเลือกตั้งที่มีการขับเคี่ยวสูสีในปีนี้ การต่อสู้ทางกฎหมายเป็นเรื่องคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในรัฐสมรภูมิในทัศนะของนักวิเคราะห์ พร้อมทั้งอาจทำให้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าช้าออกไปได้ แต่หากค่ำคืนวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนมีผลที่ชี้ชัดว่าผู้สมัครคนใดคนหนึ่งได้คะแนนเหนือคู่แข่งไปอย่างมาก นักวิเคราะห์ต่างมองว่าสิ่งนี้จะทำให้ยากที่พรรคคู่แข่งจะพยายามคัดค้านผลการเลือกตั้งได้

ที่มา: วีโอเอ

ชาวเอเชียนอเมริกันตื่นตัวมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งปธน.

ชาวอเมริกันออกมาใช้สิทธิ์เลือกผู้นำสหรัฐฯ กันตั้งแต่ช่วงเช้าที่เปิดคูหา ที่ในครั้งนี้เป็นการขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นระหว่างรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต พร้อมทั้งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ขณะที่ผลโพลล์หลายสำนักยังชี้ว่าผู้สมัครทั้ง 2 ยังมีคะแนนนิยมที่สูสีกันอย่างมาก

บรรยากาศการเลือกตั้งที่เขตปกครองแฟร์แฟกซ์ เคาน์ตี้ รัฐเวอร์จิเนีย มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์กันอย่างต่อเนื่องเกือบตลอดทั้งวัน นับตั้งแต่เปิดคูหา เมื่อ 6 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น แม้ว่าจะไม่ได้เห็นบรรยากาศของการต่อแถวรอคิวเลือกตั้งที่เนืองแน่นเหมือนกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ก็ตาม

ถ้าหากว่า บรรยากาศโดยรวมทั่วอเมริกานั้นถือว่ายังคงคึกคัก เพราะข้อมูลล่าสุดเมื่อ 4 พฤศจิกายน พบว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีชาวอเมริกันกว่า 80 ล้านคน ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งใหญ่เมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 155 ล้านคน

สำหรับประเด็นที่ชาวอเมริกันให้ความใส่ใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ โพลล์ต่างชี้ว่าชาวอเมริกันต่างให้น้ำหนักการตัดสินใจเลือกประธานาธิบดี จากประเด็นเรื่องเศรษฐกิจมาเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจกับนโยบายคนเข้าเมืองพร้อมทั้งความมั่นคงบริเวณชายแดน ปัญหาอาชญากรรม พร้อมทั้งสิทธิด้านอนามัยเจริญพันธุ์

นางทิพพะพรรณ ฉัตต์ชัยนนท์ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายไทย บอกกับวีโอเอไทยว่า อยากเห็นผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่รุกแก้ปัญหาภายในอเมริกามากกว่าเข้าไปคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างประเทศ

 

ด้านนายสากล สุวรรณคำ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันเชื้อสายไทย บอกกับวีโอเอไทยถึงความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ต่อชุมชนไทยว่า “อยากจะเรียนคนไทยนะครับที่มีสิทธิ์ที่จะเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิ์นะครับ เพราะว่าเลือกตั้งครั้งนี้มันชี้ชะตาของทั้งเศรษฐกิจ ทั้งความเป็นผู้นำของโลกอันดับว่าเป็นยังไง สงครามภายใน ภายนอกไม่เท่าไหร่หรอก แต่ภายในนั้นก็ คิดว่าจะกู้ศักดิ์ศรีพร้อมทั้งเกียรติยศของอเมริกากลับมาอีกครั้งหนึ่ง”

ส่วนวี ชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม ที่ออกมาใช้สิทธิ์ของเธอเป็นครั้งแรก เผยกับวีโอเอไทยว่า คนรุ่นใหม่ชาวเอเชียนอเมริกันควรใส่ใจการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเป็นโอกาสในการกำหนดอนาคตของพวกเขาด้วยเช่นกัน

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ฉันคิดว่าเป็นสิทธิ รู้ไหม ทุกคนควรจะออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกัน เพราะมันเป็นสิทธิ์ พร้อมทั้งยังเป็นการช่วยกำหนดอนาคตของคุณด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นคนอายุน้อย พร้อมทั้งนี่กำลังจะกลายเป็นอนาคตของพวกคุณ ดังนั้นคุณควรออกมาโหวตค่ะ”

ทั้งนี้ ผลโพลล์ของ New York Times/Siena College เมื่อต้นสัปดาห์ชี้ให้เห็นว่าทรัมป์พร้อมทั้งแฮร์ริสมีคะเเนนนิยมเท่ากันที่ 48%

ศึกเลือกตั้งที่มีการขับเคี่ยวสูสีในปีนี้ การต่อสู้ทางกฎหมายเป็นเรื่องคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในรัฐสมรภูมิในทัศนะของนักวิเคราะห์ พร้อมทั้งอาจทำให้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าช้าออกไปได้ แต่หากค่ำคืนวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนมีผลที่ชี้ชัดว่าผู้สมัครคนใดคนหนึ่งได้คะแนนเหนือคู่แข่งไปอย่างมาก นักวิเคราะห์ต่างมองว่าสิ่งนี้จะทำให้ยากที่พรรคคู่แข่งจะพยายามคัดค้านผลการเลือกตั้งได้

ที่มา: วีโอเอ

เกาหลีเหนือระดมทดสอบขีปนาวุธรับเลือกตั้งสหรัฐฯ 

ทางการญี่ปุ่นระบุ เกาหลีเหนือระดมยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ลงทะเลในวันอังคาร ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเปิดคูหาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตามการรายงานของเอพี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น เก็น นาคาทานิ บอกว่ามีจรวดจากเกาหลีเหนือย่างน้อยเจ็ดลูก บินเป็นระยะทางไกลสุด 400 กม. ไต่ระดับความสูงที่ 100 กม. ก่อนที่จะตกลงในทะเลระหว่างคาบสมุทรเกาหลีพร้อมทั้งญี่ปุ่น

นาคาทานิบอกว่า “การกระทำของเกาหลีเหนือหลายเรื่องรวมทั้งการยิงขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง คุกคามสันติสุขพร้อมทั้งความปลอดภัยของญี่ปุ่น ของภูมิภาค พร้อมทั้งของประชาคมนานาชาติ”

กองทัพเกาหลีใต้ก็ตรวจจับขีปนาวุธจากเพื่อนบ้านทางเหนือได้หลายลูกเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งได้เพิ่มความเข้มงวดในการสอดส่องดูแลให้มากขึ้น เนื่องจากจรวดเหล่านี้อาจถูกใช้สำหรับเป้าหมายจริง เช่นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเกาหลีเหนือ รวมถึงฐานทัพอเมริกันในพื้นที่

การทดสอบครั้งนี้มีขึ้นไม่กี่วันหลังผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ประกาศทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลรุ่นใหม่ ที่ออกแบบให้ยิงถึงแผ่นดินของสหรัฐฯ  ซึ่งทาง

กรุงวอชิงตันตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าวด้วยการบินเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B ระหว่างร่วมซ้อมรบกับญี่ปุ่นพร้อมทั้งเกาหลีใต้เมื่อวันอาทิตย์เพื่อแสดงแสนยานุภาพ

ในวันอังคาร คิม โย จอง น้องสาวของคิม จอง อึน ออกแถลงการณ์ประณามการซ้อมรบของทั้งสามชาติ ว่าเป็นการยกระดับความตึงเครียดด้วยภัยคุกคามทางทหาร

ทางการเกาหลีใต้คาดว่ากรุงเปียงยางจะมีความเคลื่อนไหวทางการทหารในช่วงเวลาเดียวกันกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากกรุงวอชิงตัน

เจ้าหน้าที่พร้อมทั้งนักวิเคราะห์หลายคนบอกว่าเกาหลีเหนือน่าจะหวังผลในการใช้คลังอาวุธนิวเคลียร์มาเป็นแต้มต่อกับผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ ในการเจรจาลดหย่อนมาตรการคว่ำบาตรที่ดำเนินอยู่

หลายความเห็นเชื่อว่าคิม จอง อึน อยากให้โดนัลด์ ทรัมป์ แคนดิเดตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง เพราะคาดว่าน่าพูดคุยต่อรองได้ง่ายกว่าคามาลา แฮร์ริส ผู้เป็นคู่แข่ง

เมื่อปี 2018-2019 ทรัมป์เคยพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบันมาแล้ว 

ความตึงเครียดระหว่างสองเกาหลีอยู่ในจุดที่สูงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา หลังจากคิมขยายโครงการขีปนาวุธพร้อมทั้งคลังแสงนิวเคลียร์ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีรายงานว่ากรุงเปียงยางส่งทหารไปช่วยรัสเซียในสงครามกับยูเครน

หลังการพบกันในกรุงโซลเมื่อวันจันทร์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหภาพยุโรปพร้อมทั้งเกาหลีใต้กังวลว่ารัสเซียจะตอบแทนเกาหลีเหนือด้วยการส่งมอบเทคโนโลยีที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของโครงการนิวเคลียร์ที่มีอยู่ ที่อาจบ่อนทำลายความพยายามลดการแข่งขันทางอาวุธนิวเคลียร์ในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งคุกคามสันติภาพของคาบสมุทรเกาหลีพร้อมทั้งพื้นที่อื่นของโลก

คิม ซอง เอกอัคราชทูตเกาหลีเหนือกล่าวในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่ากรุงเปียงยางจำเป็นต้องทำโครงการนิวเคลียร์พร้อมทั้งขีปนาวุธข้ามทวีป เพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากสหรัฐฯ 

โรเบิร์ต วูด รองเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เตือนว่าสหรัฐฯ ไม่สามารถนิ่งเฉยต่อการขยายโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ พร้อมทั้งภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น “โดยไม่มีการตอบสนองใด ๆ”

ที่มา: เอพี

‘เนทันยาฮู’ ปลด รมว.กลาโหม ปม ‘วิกฤติความเชื่อใจ’

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู สั่งปลด โยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีว่าการ (รมว.) กระทรวงกลาโหมอิสราเอล หลังมีความเห็นไม่ลงรอยกันมาหลายเดือน พร้อมทั้งโยกอิสราเอล แคทซ์ รมว. ต่างประเทศ นั่งดำรงตำแหน่งแทน

เนทันยาฮูกล่าวถึงสิ่งที่เขาเรียกว่า “วิกฤติความเชื่อใจ” เกี่ยวข้องกับการสั่งโยกย้ายตำแหน่งครั้งนี้ พร้อมทั้งแต่งตั้งกีเดียน ซาร์ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศแทนตำแหน่งที่ว่างลง อ้างอิงตามแถลงการณ์ที่รายงานโดยรอยเตอร์

กัลแลนต์พร้อมทั้งเนทันยาฮูที่อยู่ในพรรคลิคุดเหมือนกัน มีปากเสียงพร้อมทั้งความเห็นที่ไม่ลงรอยมาเป็นเวลาหลายเดือนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของสงครามกาซ่าที่ดำเนินมาแล้ว 13 เดือน ทั้งนี้ รายงานข่าวพบว่าเนทันยาฮูถูกกดดันจากพันธมิตรฝ่ายขวาให้พิจารณาปลดกัลแลนต์ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา

เนทันยาฮูบอกว่ากัลแลนต์ได้มีความเห็นที่ “สวนทางกับการตัดสินใจของรัฐบาลพร้อมทั้งการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรี” ทางด้านกัลแลนต์โต้ตอบว่า “ความมั่นคงของรัฐอิสราเอลนั้นเป็น พร้อมทั้งจะเป็นภารกิจแห่งชีวิตของผมเสมอ”

แคทซ์ ที่เป็น รมว.กลาโหมคนใหม่ โพสต์ในแพลตฟอร์ม X ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นพร้อมทั้งตั้งใจ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของรัฐอิสราเอลพร้อมทั้งพลเมือง

การปลดรัฐมนตรีกลาโหมทำให้เกิดการประท้วงภายในกรุงเทลอาวีฟ 

ยาอีร์ ลาปิด ผู้นำฝ่ายค้านอิสราเอลระบุในช่องทาง X ว่า “ไล่กัลแลนต์ออกท่ามกลางสงครามเป็นการกระทำที่บ้าบิ่น”

โฆษกสภาความมั่นคงแห่งทำเนียบขาวที่กรุงวอชิงตัน พบว่ากัลแลนต์เป็นหุ้นส่วนคนสำคัญ พร้อมทั้งจะเดินหน้าร่วมงานกับแคทซ์ต่อไป

ในวันพุธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศสจะเดินทางไปยังอิสราเอลพร้อมทั้งดินแดนปาเลสไตน์ เพื่อกดดันให้อิสราเอลเดินหน้าทางการทูตเพื่อหยุดความขัดแย้งในกาซ่าพร้อมทั้งเลบานอน

จู่โจมทางอากาศถล่มกาซ่าตอนเหนือ

ก่อนมีการปลดกัลแลนต์ กองทัพกรุงเทลอาวีฟออกคำสั่งย้ายถิ่นฐานไปยังประชาชนพร้อมทั้งจู่โจมทางอากาศในพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซ่า 

ใบปลิวภาษาอารบิกที่โปรยมาจากเครื่องบิน ที่พบในพื้นทื่ดังกล่าว มีใจความว่า “ถึงผู้ที่ยังอยู่ในบ้านพร้อมทั้งสถานพักพิง พวกท่านกำลังเสี่ยงชีวิต เพื่อความปลอดภัย ท่านต้องเดินทางลงใต้”

การจู่โจมได้สังหารประชาชนอย่างน้อย 35 คนแล้วนับตั้งแต่คืนวันจันทร์ อ้างอิงตามสื่อพร้อมทั้งแพทย์สนามปาเลสไตน์

จอยซ์ เอ็มซูยา รักษาการหัวหน้าฝ่ายบรรเทาทุกข์ขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุในแพลตฟอร์ม X ว่า ปฏิบัติการภาคพื้นดินของอิสราเอลทางตอนเหนือของกาซ่า ทำให้ประชาชนปาเลสไตน์ “ไม่เหลือปัจจัยสำคัญสำหรับมีชีวิตรอด ขับไล่พวกเขาให้ออกจากพื้นที่ปลอดภัยหลายครั้ง พร้อมทั้งตัดเส้นทางสำหรับหนีพร้อมทั้งลำเลียงสิ่งของ”

เธอพบว่า “ความโหดร้ายทารุณนี้ต้องหยุดลง”

กองทัพอิสราเอลพบว่าต้องสั่งย้ายประชาชนเพื่อความปลอดภัยจากการสู้รบกับกลุ่มฮามาส 

สงครามในกาซ่าครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นหลังฮามาสจู่โจมอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมของปีที่แล้วพร้อมทั้งทำให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คนรวมทั้งมีการจับตัวประกันไปกว่า 250 คน ก่อนที่ อิสราเอลจะจู่โจมโต้กลับเข้าไปในกาซ่าซึ่งส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์กว่า 43,000 คนจบชีวิต โดยกว่าครึ่งเป็นเด็กพร้อมทั้งสตรี ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกาซ่า ขณะที่ อิสราเอลบอกว่า มีนักรบฮามาสหลายพันคนอยู่ในกลุ่มผู้จบชีวิตนี้

ที่มา: รอยเตอร์

ส่องความน่ารัก ฮิปโปเเคระเเรกคลอด แห่งสกอตเเลนด์

สวนสัตว์เอดินบะระแห่งสกอตแลนด์ต้อนรับฮิปโปเเคระ ชื่อ ‘แฮกกี้ส์’ ที่เพิ่งลืมตาดูโลกไม่กี่วันก่อน สวนสัตว์แห่งนี้จึงเปิดการเเข่งความน่ารักระหว่างสมาชิกใหม่ตัวนี้กับ ‘น้องหมูเด้ง’ ของไทย ที่ดังกระหึ่มโลกมาหลายเดือนเเล้ว

ในโพสต์ยั่วดราม่าของสวนสัตว์เอดินบะระ บนเเพลตฟอร์ม X มีข้อความว่า “หมูเด้ง? ใครเด้งนะ?” จากนั้นก็เเนะนำให้ชาวโลกได้รู้จักน้องแฮกกี้ส์

นอกจากหมูเด้งพร้อมทั้งแฮกกี้ จะเป็นฮิปโปพันธุ์เดียวกัน เพศเมียเหมือนกัน พร้อมทั้งเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เหมือนกันแล้ว ทั้งคู่ยังมีชื่อเป็นอาหารอีกด้วย

แฮกกี้ส์ เป็นอาหารประจำชาติของชาวสกอต ที่ทำจากเครื่องในเเกะ

เป็นที่ทราบกันดีว่า หมูเด้ง ได้สร้างกระเเสทั่วโลก พร้อมทั้งรันวงการโซเชี่ยลมาเเล้วประมาณ 2 เดือน หลังจากลืมตาดูโลกเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

ทางสวนสัตว์ของไทยเตรียมการที่จะจดทะเบียนลิขสิทธิ์พร้อมทั้งเครื่องหมายการค้า ‘หมูเด้ง’ ที่เปิดโอกาสการทำเงินจากสินค้ามากมาย เช่นเสื้อพร้อมทั้งกางเกง โดยหวังนำรายได้เข้าสนับสนุนงานของสวนสัตว์

องค์การสวนสัตว์สกอตเเลนด์ Royal Zoological Society of Scotland พยายามมองหาโอกาสลักษณะเดียวกันจากฮิปโปเเคระของตนเช่นกัน

แคมเปญสร้างความตื่นเต้นต่อเจ้าฮักกีส์ นำรายได้มาแล้วกว่าครึ่งหนึ่งของเป้าหมาย 15,000 ปอนด์ คิดเป็นเงินไทยกว่า 650,000 บาท ไปเเล้ว

ทางสวนสัตว์บอกเชิญชวนว่า “เตรียมหลงรักเจ้าแฮกกีส์… น้องซุกซน พร้อมทั้งจะทำให้เห็นว่าทำไมชาวโลกถึงตกหลุมรักฮิปโปแคระกัน”

มีฮิปโปแคระ หรือ  pygmy hippopotamuses เหลืออยู่ประมาณ  2,500 ตัวในธรรมชาติ บริเวณแอฟริกาตะวันตก

สัตว์ชนิดนี้ถูกคุกคามโดยการล่าพร้อมทั้งการที่ที่อยู่ของพวกมันลดน้อยลง

สวนสัตว์เอดินบะระยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ดูน้องแฮกกี้ส์โดยทันที เพราะมันเพิ่งคลอดเมื่อวันที่  30 ตุลาคม บริเวณบ้านฮิปโปของสวนสัตว์จึงปิดเป็นเวลา 1 เดือนเพื่อส่งเสริมพัฒนาการพร้อมทั้งการเติบโตของฮักกี้ส์

หลังจากที่สวนสัตว์เเห่งนี้ เปิดเกมเปรียบเทียบแฮกกี้ส์กับหมูเด้ง ก็ออกมาขอโทษในการสร้างดราม่าการประกวดความน่ารัก

สวนสัตว์จึงลงโพสต์ใหม่ ที่เขียนว่า “เราผิดไปแล้วที่เอาแฮกกี้กับหมูเด้งมาเปรียบเทียบกัน…เราควรชื่นชมพวกมันทั้งหมดทุกตัว”

ที่มา: เอพี

เริ่มแล้ว! ชาวอเมริกันเข้าคูหากาบัตรเลือกผู้นำทำเนียบขาวคนใหม่

ชาวอเมริกันผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเดินเข้าคูหาเลือกตั้งในวันอังคารที่ 5 พ.ย. เพื่อกาบัตรลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ ระหว่างผู้สมัครสองคน คือ คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต พร้อมทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

ก่อนหน้านี้ ชาวอเมริกันมากกว่า 81 ล้านคนเข้าคูหาเลือกตั้งล่วงหน้าพร้อมทั้งเลือกตั้งทางไปรษณีย์ไปแล้ว ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เลือกตั้งครั้งที่แล้วเมื่อ 4 ปีก่อนที่มีจำนวนทั้งหมด 158 ล้านคน

อดีตปธน.ทรัมป์ ผู้พ่ายแพ้แก่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อปี 2020 กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ระหว่างที่หาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนียว่า ตนไม่ควร “ออกจากทำเนียบขาว” เมื่อไบเดนย้ายเข้าไปเมื่อเดือนมกราคม ปี 2021

ทรัมป์บอกด้วยว่า ตนจะยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ต่อเมื่อตนเชื่อว่าเป็นการเลือกตั้งที่ยุติธรรม ซึ่งผู้วิจารณ์หลายคนชี้ว่าความหมายของทรัมป์คือเขาจะยอมรับหากเขาเป็นผู้ชนะเท่านั้น

หากทรัมป์ชนะ เขาจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่สองที่สามารถกลับมานั่งในตำแหน่งได้หลังจากเว้นช่วงไป ต่อจากอดีตปธน.โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ เมื่อทศวรรษ 1880 นอกจากนี้ทรัมป์ยังอาจกลายเป็นผู้ต้องคดีฟ้องร้องคนแรกที่ได้นั่งในตำแหน่งประธานาธิบดีของชาวอเมริกันด้วย หลังจากที่เขาถูกตั้งข้อหา 34 กระทงซึ่งเชื่อมโยงกับคดีต่าง ๆ ที่เขาถูกฟ้องร้องอยู่

ในการหาเสียงที่ผ่านมา ทรัมป์มักกล่าวจู่โจมคู่แข่งจากพรรคเดโมแครตด้วยถ้อยคำรุนแรง เช่นเรียกว่าเป็น “ศัตรูภายในประเทศ” พร้อมทั้งเป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของอเมริกา รวมทั้งเรียกแฮร์ริสว่าเป็นบุคคลที่ไม่ฉลาด พร้อมทั้งจะตกเป็นเบี้ยของบรรดาผู้นำโลกคนอื่น ๆ

ด้านรองปธน.แฮร์ริส กล่าวในการหาเสียงมารตลอดว่าเธอเป็น “มวยรอง” จนกระทั่งไม่นานนี้ที่เธอแสดงความมั่นใจว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 พร้อมทั้งประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกาได้ ซึ่งหากเธอทำได้จริงเธอจะกลายเป็นประธานาธิบดีผิวดำคนที่สองต่อจากบารัค โอบาม่า พร้อมทั้งเป็นผู้มีเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกที่ได้เป็นผู้นำสหรัฐฯ ด้วย

ก่อนหน้านี้ แฮร์ริสมักบอกว่าทรัมป์เป็น “คนไม่จริงจัง” ซึ่งจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย พร้อมทั้งยัง “จิตหลุด” จากสิ่งที่ประธานาธิบดีทั่วไปเป็น หลังจากที่ศาลสูงสหรัฐฯ มีคำตัดสินเมื่อต้นปีนี้ว่า ประธานาธิบดีจะได้รับสิทธิปกป้องจากการถูกดำเนินคดีตามความผิดใด ๆ ขณะอยู่ในตำแหน่ง

ผลการสำรวจความเห็นประชาชนก่อนวันเลือกตั้งชี้ว่า จะเป็นการแข่งขันที่สูสี โดยเฉพาะในกลุ่มรัฐสมรภูมิ (battleground states) 7 รัฐที่จะชี้ขาดผู้ชนะ ได้แก่ รัฐนอร์ธแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย มิชิแกน วิสคอนซิน เนวาดา แอริโซนา พร้อมทั้งจอร์เจีย

โพลล์ของเอบีซีนิวส์ชี้ว่า ทรัมป์มีคะแนนนำใน 5 จาก 7 รัฐสมรภูมิ ในขณะที่โพลล์ของวอชิงตันโพสต์พบว่า แฮร์ริสนำใน 4 จาก 7 รัฐสมรภูมิ ส่วนโพลล์ของนิวยอร์กไทมส์บอกว่า ทรัมป์นำ 4 รัฐ แฮร์ริสนำ 2 รัฐ พร้อมทั้งเสมอกันที่รัฐเพนซิลเวเนีย

ทั้งนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดัสหรัฐฯ มิได้ตัดสินด้วยผลการลงคะแนนรายบุคคลทั่วประเทศ (national popular vote) เหมือนกับประเทศอื่น แต่จะแพ้ชนะด้วยจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ของทั้ง 50 รัฐ ซึ่งแต่ละรัฐมีจำนวนไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรในรัฐนั้น ๆ

ในจำนวนทั้ง 50 รัฐ มี 48 รัฐที่ผู้ชนะเลือกตั้งในรัฐนั้นจะได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งไปทั้งหมด มีเพียงสองรัฐ คือ เนบราสกา พร้อมทั้งเมน ที่จะจัดสรรจำนวนคณะผู้เลือกตั้งไปตามคะแนนเสียงของแต่ละเขตเลือกตั้งภายในรัฐดังกล่าว

ผู้สมัครที่ได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 คนจาก 538 คน จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งพร้อมทั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา

ข้อมูลบางส่วนจากเอพี พร้อมทั้งรอยเตอร์

 

แฮร์ริสขนคนดังร่วมหาเสียง ‘คืนหมาหอน’ ทรัมป์ติงระวังเหมือนฮิลลารี

บรรดาคนดังจำนวนมากร่วมขึ้นเวทีหาเสียงทั่วประเทศเพื่อช่วยสนับสนุนรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ในคืนก่อนวันเลือกตั้ง รวมทั้ง โอปราห์ วินฟรีย์, เลดี้ กาก้า พร้อมทั้ง บอง โจวี

ที่รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งถือเป็นรัฐสมรภูมิสำคัญ รองปธน.แฮร์ริส กล่าวปราศรัยที่นครพิตต์สเบิร์กในค่ำคืนวันจันทร์ที่ 4 พ.ย. โดยมีนักร้องหญิง เคที เพอร์รี พร้อมทั้งแอนดรา เดย์ ร่วมขึ้นเวทีด้วย

จากนั้นแฮร์ริสเดินทางต่อไปยังนครฟิลาเดลเฟียเพื่อปิดท้ายการหาเสียงอันยาวนานหลายเดือน โดยขนนักร้องดังหลายคนร่วมร้องเพลงบนเวที ทั้งดีเจแคสสิดี, แฟตโจ, ริคกี มาร์ติน พร้อมทั้งมีเลดี้ กาก้า ร่วมร้องเพลง “God Bless America” รวมทั้งพิธีกรดัง โอปราห์ วินฟรีย์ ร่วมกล่าวปราศรัย

ในคืนวันจันทร์ มีการจัดงานหาเสียงให้แก่คามาลา แฮร์ริส ในทั้ง 7 รัฐที่เป็นรัฐสมรภูมิ หรือ Battleground States โดยมีการถ่ายทดอสดรวมกันเป็นงานเดียวผ่านทางสตรีมมิงในอินเทอร์เน็ต เพื่อกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนเดโมแครตออกมาใช้สิทธิ์

ที่นครลาสเวกัส รัฐเนวาดา นักร้องหญิงคริสตินา อากีเรลา ร่วมขึ้นเวที เช่นเดียวกับที่รัฐนอร์ธแคโรไลนา ซึ่งมีนักร้องเพลงแนวคันทรี เจนนิเฟอร์ เนตเทิลส์ พร้อมทั้งคริสเตียน บุช ร่วมหาเสียง พร้อมทั้งที่รัฐมิชิแกน นักร้องเพลงร็อค จอน บอง โจวี ขึ้นเวทีร้องเพลง “Livin’ on a Prayer” ที่เมืองดีทรอยต์

ด้านอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน เดินทางหาเสียงในคืนวันสุดท้ายที่นครพิตต์สเบิร์กเช่นกัน พร้อมทั้งได้กล่าววิจารณ์ถึงกรณีที่คนดังหลายคนแสดงจุดยืนสนับสนุนแฮร์ริส โดยเฉพาะ บียองเซ่ ที่ยินยอมให้แฮร์ริสใช้เพลงของเธอ คือ “Freedom” ในการหาเสียงทั่วประเทศ

ทรัมป์กล่าวถึงเหตุการณ์ที่บียองเซ่ช่วยแฮร์ริสหาเสียงที่นครฮูสตัน รัฐเท็กซัส เมื่อเดือนที่แล้วว่า “บียองเซ่ก้าวเข้ามา ทุกคนหวังว่าเธอจะร้องเพลงสองสามเพลง แต่ไม่มีเลย ไม่มีความสุขอะไรทั้งนั้น” ท่ามกลางเสียงโห่ของบรรดาผู้สนับสนุนทรัมป์

โดยในครั้งนั้น บียองเซ่ไม่ได้แสดงบนเวที แต่กล่าวปราศรัยร่วมกับอดีตสมาชิกวงเดสตินีสไชล์ด เคลลี โรว์แลนด์

ทรัมป์กล่าวด้วยว่า แฮร์ริสควรเรียนรู้จากฮิลลารี คลินตัน ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 แต่พ่ายแพ้ให้กับทรัมป์ โดยในคราวนั้น บียองเซ่ขึ้นเวทีแสดงในการหาเสียงของคลินตันไม่กี่วันก่อนวันเลือกตั้ง

“พวกเขาโห่ใส่ (บียองเซ่) อย่างหนัก แต่สื่อไม่เล่นเรื่องนี้” ทรัมป์กล่าวถึงการหาเสียงของแฮร์ริสที่นครฮูสตัน

อดีตปธน.ทรัมป์ ยืนยันว่า การหาเสียงของเขาไม่ต้องการคนดังมาร่วมเรียกความสนใจของผู้คน โดยบอกว่า “เราไม่ต้องการดารา เพราะเรามีนโยบาย เรามีนโยบายที่ดีมาก”

ถ้าหากว่า ระหว่างที่หาเสียงเดียวกันนี้ ทรัมป์กล่าวในช่วงหนึ่งว่า “มีคนดังมาร่วมอยู่ที่นี่มากมาย มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ” พร้อมกล่าวแนะนำ ไมค์ พอมเพโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศในสมัยตน รวมทั้ง เมเกน เคลลี อดีตผู้ประกาศข่าวชื่อดังของช่องฟ็อกซ์นิวส์ด้วย

ที่มา: เอพี

“ทนายไพศาล” ปัดเป็นทนายให้หมอดูฮวงจุ้ยดัง พร้อมพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความ

“ทนายไพศาล” ปัดเป็นทนายให้หมอดูฮวงจุ้ยดัง ยันจะดำเนินคดีหากมีการพาดพิง แอบอ้าง พร้อมพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความ-ให้ปากคำกับตำรวจ

ม็อบเกษตรฯ พอใจ หลังเลขาธิการกองทุนฯ ส่ง 1.6 หมื่นชื่อ ปรับโครงสร้างหนี้ให้เย็นวันนี้

เลขาธิการกองทุนฯ ชี้แจงเกษตรกร พร้อมส่งหนังสือถึง รมว. เกษตรฯ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี ขอเพิ่มชื่อเกษตรกรเข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้สมาชิกกองทุนฟื้นฟูพร้อมทั้งพัฒนาเกษตรกร 16,702 ราย

NEW COROLLA ALTIS 2024 เพิ่มรุ่น HEV GR SPORT แต่งสวยแบบ GAZOO Racing

โตโยต้า ปล่อย NEW COROLLA ALTIS 2024 เพิ่มรุ่น HEV GR SPORT แต่งสวยแบบ GAZOO Racing ปรับช่วงล่างใหม่, พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า, Shock Absorber, Coil Spring พร้อมทั้ง Rear Stabilizer Bar มาพร้อมกับสีเทา Cement Gray Metallic