ข่าวด่วนวันนี้
thailandtvhd.com
ประวัติ-เส้นทางชีวิต ‘คามาลา แฮร์ริส’ ผู้ชิงเก้าอี้ ปธน.สหรัฐฯจากเดโมแครต
เปิดประสบการณ์ จนท.เลือกตั้งสหรัฐฯ เชื้อสายไทย ในแคลิฟอร์เนีย
สิ้นโปรดิวเซอร์ ‘ควินซี โจนส์’ วัย 91 เบื้องหลังความสำเร็จศิลปินเพลงมากมาย
อาร์โนลด์ โรบินสัน โฆษกของโจนส์บอกว่าโปรดิวเซอร์มือทองผู้นี้จบชีวิตเมื่อคืนวันอาทิตย์ ที่บ้านของเขาในเขตเบลแอร์ของลอสเเอนเจลิส ท่ามกลางสมาชิกครอบครัว
ครอบครัวโจนส์กล่าวในเเถลงการณ์ว่า “เเม้ว่านี่คือความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของครอบครัวของเรา เราขอฉลองให้กับชีวิตของเขา พร้อมทั้งรู้ว่าจะไม่มีใครเหมือนกับเขาอีกเเล้ว”
โจนส์ขยับตนเองขึ้นจากชีวิตท่ามกลางอาชญากรรมในเขตเซาธ์ไซด์ของชิคาโก พร้อมทั้งเข้าสู่วงการดนตรีในช่วงสูงสุดของอุตสาหกรรมนี้
เขาเป็นคนผิวดำรายเเรก ๆ ที่เป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จในฮอลลีวูลพร้อมทั้งมีผลงานเพลงดังจำนวนมหาศาล
ช่วงหนึ่งของประวัติวงการดนตรี แทบไม่มีนักฟังเพลงคนใดที่ไม่เคยซื้อผลงานดนตรีที่โจนส์ฝากฝีมือไว้ พร้อมทั้งเเทบไม่มีใครที่เป็นแนวหน้าของวงการบันเบิงที่ไม่ได้รู้จักกับโจนส์เป็นการส่วนตัว
เขาพบปะสังสรรค์กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมทั้งผู้นำโลกหลายคน ตลอดจนดาราดัง นักดนตรี นักธุรกิจพร้อมทั้งคนที่ทำงานการกุศลต่าง ๆ
โจนส์เคยออกทัวร์เเสดงคนตรีกับ เคาท์ บาซี่ พร้อมทั้งลิโอเนล แฮมป์ตัน ทำเพลงให้กับเเฟรงค์ ซินาตรา พร้อมทั้งเอลลา ฟิตเจอรัลด์
เขาจัดงานฉลองการปฏิญาณตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยเเรกของบิล คลินตัน พร้อมทั้งรับผิดชอบกระบวนการอัดเพลงรวมศิลปินตัวท็อปยุค 80’s ในเพลง “We Are the World” ปี 1985 เพื่อหาเงินช่วยบรรเทาความอดอยากในแอฟริกา
ลิโอเนล ริชี ผู้ร่วมแต่งเพลง “We Are the World” พร้อมทั้งอยู่ในบรรดาศิลปินที่ขับร้องเพลงนี้ เรียกโจนส์ว่าเป็น “ผู้คุมวงระดับปรมาจารย์”
ผลงาน “Thriller” ของไมเคิล เเจ็คสันที่โจนส์อยู่เบื้องหลังขายได้กว่า 20 ล้านชุดเฉพาะในปี 1983 ซึ่งเป็นหนึ่งในอัลบั้มขายดีตลอดกาล
รายชื่อรางวัลพร้อมทั้งเกียรติยศที่โจนส์ได้รับถูกบันทึกไว้บน 18 หน้ากระดาษในหนังสืออัตชีวประวัติของเขา ที่ชื่อ “Q” โดยเขาเป็นเจ้าของรางวัลเเกรมมี่ถึง 28 รางวัล
ที่มา: เอพี
ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาเยือนจีนครั้งแรกตั้งแต่ก่อรัฐประหาร
กำหนดการเยือนจีนของ มิน อ่อง หล่าย นี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพลเรือนของนาง ออง ซาน ซู จี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021
นับตั้งแต่นั้นมา เมียนมาตกอยู่ในกลียุคมาโดยตลอด โดยเฉพาะที่แถบชายแดนติดกับจีน จากการที่กลุ่มต่อต้านติดอาวุธที่เป็นชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ เปิดศึกแย่งชิงอาณาเขตจากรัฐบาลทหาร
สำหรับการเดินทางไปจีนนี้ มิน อ่อง หล่าย จะเข้าร่วมการประชุมยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Greater Mekong Subregionand the Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy – ACMECS) พร้อมทั้งการประชุมร่วมกับกัมพูชา ลาวพร้อมทั้งเวียดนาม ในวันที่ 6 พร้อมทั้ง 7 พฤศจิกายนที่เมืองคุนหมิง ตามรายงานของสื่อ MRTV
รายงานข่าวนี้ระบุด้วยว่า ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาจะร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่จีนเพื่อยกระดับความสัมพันธ์แบบทวิภาคี เศรษฐกิจพร้อมทั้งโครงการพัฒนาต่าง ๆ
รอยเตอร์พบว่า ภาวะระส่ำหนักของรัฐบาลทหารเมียนมาที่พ่ายแพ้แก่กลุ่มต่อต้านในช่วงที่ผ่านมาทำให้จีนกังวลใจไม่น้อย จนต้องสั่งปิดพรมแดนของตนพร้อมทั้งสั่งระงับการส่งออกเข้าสินค้าสำคัญ ๆ บางส่วนไปยังพื้นที่ที่กลุ่มต่อต้านยึดครองไว้อยู่
ทั้งนี้ จีนมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญในเมียนมาอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับท่อส่งก๊าซพร้อมทั้งน้ำมันสายหลักที่พาดผ่านทั้งประเทศ พร้อมทั้งแผนการสร้างท่าเรือน้ำลึกในอ่าวเบงกอล
กรุงปักกิ่งยังนำเข้าสินแร่หายากจากเมียนมาเพื่อนำมาใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานลมพร้อมทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วย
เดวิด แมธีสัน นักวิเคราะห์อิสระที่ติดตามสถานการณ์ในเมียนมา ให้ความเห็นว่า ไม่ว่า มิน อ่อง หล่าย จะได้แรงหนุนเพิ่ม หรือ แรงกดดันเพิ่มจากจีน “นั่นจะเป็นข่าวร้ายสำหรับชาวเมียนมาอยู่ดี” พร้อมทั้งว่า “จีนบอกไว้ชัดเจนแล้วว่า จะสนับสนุนสภาบริหารแห่งรัฐ (State Administration Council) พร้อมทั้งแผนการเปลี่ยนถ่ายสำหรับการเลือกตั้งของรัฐบาล(ทหาร)”
เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลเนปิดอว์เริ่มทำการสำรวจสำมะโนประชากรทั่วประเทศเพื่อเตรียมจัดการเลือกตั้งที่สัญญาว่าจะจัดขึ้นในปีหน้า แม้ว่าจะไม่ได้มีอำนาจปกครองดูแลทุกพื้นที่ของประเทศอยู่ก็ตาม
กรุงปักกิ่งให้สัญญาจะส่งความช่วยเหลือทางเทคนิคไปยังรัฐบาลทหารเมียนมาเพื่อดำเนินการสำรวจสำมะโนประชากรพร้อมทั้งการจัดการเลือกตั้ง ตามรายงานสื่อรัฐบาลเมื่อเดือนสิงหาคม หลังรัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้ เดินทางมาพบ มิน อ่อง หล่าย
ผู้ที่ติดตามพร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ในเมียนมาบางรายมองว่า การประชุมดังกล่าวที่กรุงเนปิดอว์เป็นเหมือนการรับรองจากกรุงปักกิ่งซึ่งทำให้กลุ่มเคลื่อนไหวรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากที่จีนทำเช่นนั้น พร้อมชี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอุปสรรคของการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยของพวกตน
ที่มา: รอยเตอร์
อียู-เกาหลีใต้ เรียกร้องเกาหลีเหนือหยุดช่วยรัสเซียทำสงคราม
อียูพร้อมทั้งเกาหลีใต้เข้าร่วมประชุม “หารือเชิงยุทธศาสตร์” ครั้งแรกระหว่างกันที่กรุงโซลในวันจันทร์ หลังรัฐบาลกรุงวอชิงตันพร้อมทั้งกรุงโซลออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับการที่เกาหลีเหนือส่งทหารไปยังรัสเซีย
แถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมนี้ โจเซพ บอร์เรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศพร้อมทั้งความมั่นคงของอียู พร้อมทั้งโช เท-ยุล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ประณาม “การเคลื่อนย้ายอาวุธโดยผิดกฎหมายไปยังสาธารณรัฐรัสเซียเพื่อใช้จู่โจมยูเครน” ของเกาหลีเหนือ
แถลงการณ์นี้ยังเรียกร้องให้เปียงยางยุติ “ความร่วมมือทางทหารอันผิดกฎหมาย” พร้อมทั้งทำการถอนกองกำลังเกาหลีเหนือกลับ
บอร์เรลล์ยังได้ร่วมหารือกับ คิม ยอง-ฮยุน รัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ พร้อมทั้งโพสต์ภาพการจับมือกับคิมพร้อมข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ที่มีเนื้อหาว่า “การรุกรานยูเครนของรัสเซียนั้นเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่” พร้อมทั้งว่า “สาธารณรัฐเกาหลีอยู่ในจุดที่ดีที่สุดที่จะเข้าใจเรื่องนี้ เราขอผนึกกำลังความสามัคคีเพื่อสนับสนุนยูเครน”
ทั้งนี้ เกาหลีใต้พร้อมทั้งยูเครนได้ลงนามในข้อตกลงความเห็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงพร้อมทั้งด้านกลาโหมที่ครอบคลุม 15 ด้านอันรวมถึงเรื่องการปลดอาวุธพร้อมทั้งความมั่นคงทางไซเบอร์ด้วย
สัปดาห์ที่แล้ว รมต.ต่างประเทศเกาหลีใต้บอกว่า กรุงโซลยังพิจารณาความน่าจะเป็นอยู่ว่า จะส่งอาวุธไปยังยูเครนเพื่อตอบโต้การที่เกาหลีเหนือร่วมช่วยรัสเซียรบหรือไม่
ที่ผ่านมา เกาหลีใต้นำส่งความช่วยเหลือที่ไม่ใช่อาวุธร้ายแรงให้ยูเครน เช่น อุปกรณ์เก็บกู้ทุ่นระเบิด มาโดยตลอด พร้อมปฏิเสธคำขออาวุธที่ใช้จู่โจมได้เสมอมา
ในกรณีของความช่วยเหลือทางทหารจากเปียงยางให้มอสโกนั้น เกาหลีใต้เชื่อ่า รัสเซียน่าจะตอบแทนเกาหลีเหนือในรูปของเทคโนโลยีพลเรือนพร้อมทั้งการทหาร ขณะที่ ประเทศเพื่อนบ้านทางเหนือนี้กำลังเร่งพัฒนาดาวเทียมสอดแนมพร้อมทั้งปรับปรุงความสามารถด้านขีปนาวุธของตนอยู่
ที่มา: รอยเตอร์
ผู้พิพากษาสหรัฐฯ อนุญาตให้รัฐไอโอวาเดินหน้าตรวจสอบความถูกต้องผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติของรัฐไอโอวาพบว่าการทำเช่นนี้อาจกระทบสิทธิของบุคคลที่เพิ่งได้สัญชาติอเมริกันพร้อมทั้งคนสามารถไปเลือกตั้งได้
ผู้พิพากษาสตีเฟน โลเชอร์ ซึ่งได้รับการเเต่งตั้งจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตัดสินไปในทางเดียวกับแนวทางการปฏิบัติของรัฐไอโอวา ในคดีซึ่งรัฐต่อสู้ทางกฎหมายกับองค์กร American Civil Liberties Union หรือ ACLU ที่เมืองเดอมอย เมืองหลวงของรัฐนี้
องค์กร ACLU ยื่นฟ้องรัฐในนามกลุ่ม League of Latin American Citizens of Iowa พร้อมทั้งบุคคลอีก 4 ราย ที่เพิ่งได้สัญชาติอเมริกัน
บุคคลทั้ง 4 อยู่ในรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ถูกตั้งคำถาม พร้อมทั้งจะมีการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งท้องถิ่น
ผู้บริหารของรัฐบาลท้องถิ่นซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกันเห็นว่าการตรวจสอบความถูกต้องอาจสามารถนำไปสู่การถอดถอนชื่อบุคคล 2,000 รายที่ไม่มีสิทธิถูกต้องในการออกไปลงคะแนนเลือกตั้ง เพราะไม่ได้ถือสัญชาติอเมริกัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ที่เป็นฝ่ายรีพับลิกันทั่วสหรัฐฯ นำเรื่องการใช้สิทธิเลือกตั้งโดยคนสัญชาติอื่น มาเป็นหัวข้อเด่นในการถกเถียงทางการเมืองปีนี้ เเม้ว่าเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นน้อยครั้ง
การชูประเด็นนี้เกิดขึ้นในเวลาที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัทป์ อ้างอย่างผิด ๆ ว่าคู่แข่งทางการเมืองของเขาได้กำลังโกงการเลือกตั้ง เพื่อสกัดการกลับมาเป็นประธานาธิบดีของเขา
ในการตัดสินครั้งนี้ ผู้พิพากษาโลเชอร์อ้างอิงคำตัดสินคล้ายกัน ของศาลสูงสหรัฐฯในกรณีของรัฐเวอร์จิเนีย แม้การระงับสิทธิของบุคคลที่อยู่ในชุดข้อมูลรายชื่อ จะส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันบางคนก็ตาม
โลเชอร์บอกว่า ความพยายามของรัฐไอโอวาไม่ได้ถอดถอนบุคคลออกจากชุดข้อมูลรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพราะคนที่มีสิทธิจริง ๆ ยังสามารถใช้บัตรลงคะเเนนแบบที่มีเงื่อนไขได้
ผู้ว่าการรัฐไอโอวา คิม เรโนลด์ส แห่งพรรครีพับลิกัน แสดงความยินดีที่ศาลตัดสินเช่นนั้น เขาออกแถลงการณ์ในวันอาทิตย์ว่า “คำตัดสินในวันนี้เป็นชัยชนะของความถูกต้องพร้อมทั้งความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้ง”
โฆษกของ ACLU บอกว่าองค์กรของเขายังไม่เเสดงความเห็นในเรื่องนี้โดยทันที
ทางการรัฐไอโอวารายงานว่ามีคนที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันลงชื่อเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐนี้ 250 คน ส่วนรัฐบาลของไบเดนไม่ได้ให้ตัวเลขเทียบเคียง
สื่อเอพีรายงานว่าา รัฐไอโอโอมีจำนวนผู้ลงทะเบียนเป็นผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 2.2 ล้านคน
ที่มา: เอพี
‘ทรัมป์-แฮร์ริส’ เตรียมต่อสู้ทางกฎหมาย หากไร้ผู้ชนะในคืนเลือกตั้ง
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวจากพรรครีพับลิกัน ได้ได้บอกกล่าวกับสื่อหลายสำนักว่า หากผลเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ “สุจริต ยุติธรรม พร้อมทั้งเป็นอิสระ” เขาจะยอมรับผลการเลือกตั้ง
เจ้าหน้าที่การเลือกตั้งได้ให้ความเชื่อมั่นว่ากระบวนการลงคะแนนเสียงจะเป็นไปอย่างโปร่งใสพร้อมทั้งยุติธรรม แต่อดีตปธน.ทรัมป์ ได้แสดงความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าคู่แข่งของตนอาจกำลังโกงการเลือกตั้ง
ทรัมป์ บอกว่า “หากเราสามารถควบคุมการทุจริตการเลือกตั้งลงได้เพราะมีการโกงเกิดขึ้นมากมาย หากเราสามารถควบคุมการโกงเลือกตั้งได้ เราจะได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่”
ระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ที่ออกอากาศเมื่อเดือนที่แล้ว ทางรายการ NBC Nightly news with Lester Holt ที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ได้บอกกล่าวกับผู้ดำเนินรายการฮัลลี แจ็คสัน ว่าทีมงานของเธอได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว หากทรัมป์ปราชัยพร้อมทั้งพยายามที่จะล้มล้างการเลือกตั้ง
แฮร์ริส บอกว่า “เราจะรับมือกับค่ำคืนการเลือกตั้งพร้อมทั้งอีกหลายวันหลังจากนั้น เรามีทรัพยากรพร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทั้งเราได้ให้ความสนใจกับเรื่องนั้นเช่นกัน”
ด้านคณะกรรมการแห่งชาติรีพับลิกัน (Republican National Committee) ได้เตรียมสิ่งที่เรียกว่า “Election Integrity Program” ในรัฐสมรภูมิต่าง ๆ ทีมนักกฎหมายได้ยื่นฟ้องมากกว่าร้อยคดีเกี่ยวกับการละเมิดกฎการเลือกตั้ง แต่หลายคดีถูกปัดตกไปในชั้นศาล
ฝั่งพรรคเดโมแครตได้เดินเรื่องต่อสู้ทางกฎหมายด้วยเช่นกัน รวมถึงการฟ้องร้องเพื่อป้องกันความล่าช้าในการยืนยันผลการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย
ศึกเลือกตั้งที่มีการขับเคี่ยวสูสีในปีนี้ การต่อสู้ทางกฎหมายเป็นเรื่องคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในสวิง สเตท ในทัศนะของนักวิเคราะห์
ไมเคิล ธอร์นนิง นักวิเคราะห์จาก Bipartisan Policy Center ได้บอกกล่าวกับวีโอเอผ่านสไกป์ว่า “ที่คูหาเลือกตั้ง เรามักเห็นการร้องเรียนเรื่องบัตรลงคะแนนไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม .. ในการเลือกตั้งในอดีต .. มีการถกเถียงกันว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่ละคนมีสิทธิ์จริงหรือไม่ รวมทั้งควรให้มีการโหวตพร้อมทั้งนับคะแนนบัตรลงคะแนนชั่วคราว (provisional ballot) หรือไม่”
ถ้าหากว่า นักวิเคราะห์พบว่า ผู้ที่อ้างว่ามีการโกงเลือกตั้งเกิดขึ้น จะต้องมีหลักฐานชี้แจงที่ชัดเจน
โรเบิร์ต เกรซี อดีตผู้พิพากษารัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นสมาชิกของ Keep Our Republic องค์กรการศึกษาด้านภัยคุกคามการเลือกตั้ง ได้บอกกล่าวกับวีโอเอผ่านสไกป์ว่า “บรรดาทนายทั้งหลายโปรดระวังสิ่งที่คุณกำลังกล่าวหา! แน่ใจด้วยว่ามีหลักฐานยืนยันได้ ไม่เช่นนั้นอาจเจอบทลงโทษทางวินัยเหมือนที่เราเคยเห็นในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020”
ตัวอย่างเช่น อดีตทนายความของทรัมป์ รูดี้ จูลิอานี ถูกเพิกถอนใบอนุญาตว่าความ ฐานเผยแพร่คำกล่าวอ้างว่ามีการโกงการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อปี 2020
การต่อสู้ทางกฎหมายเหล่านี้อาจทำให้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าช้าออกไป แต่หากค่ำคืนวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนมีผลที่ชี้ชัดว่าผู้สมัครคนใดคนหนึ่งได้คะแนนเหนือคู่แข่งอีกคนอย่างมาก นักวิเคราะห์ต่างมองว่าสิ่งนี้จะทำให้ยากที่พรรคคู่แข่งจะพยายามคัดค้านผลการเลือกตั้งได้
ที่มา: วีโอเอ
อิสราเอลยืนยันจะไม่ร่วมมือกับหน่วยงานผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ยูเอ็น
คำยืนยันจากอิสราเอลมีออกมาหลังรัฐสภาอนุมัติร่างกฎหมายใหม่ที่มีเนื้อหาตัดสายสัมพันธ์กับสำนักงานบรรเทาทุกข์พร้อมทั้งจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) พร้อมทั้งสั่งห้ามไม่ให้หน่วยงานนี้เข้ามาปฏิบัติงานในอิสราเอลอีก
แดนนี ดานอน ทูตอิสราเอลประจำยูเอ็น ระบุในแถลงการณ์ว่า “แม้จะมีหลักฐานอยู่มากมายที่เรานำส่งให้กับยูเอ็นที่ยืนยันให้เห็นว่า กลุ่มฮามาสเข้าแทรกซึมเข้าไปใน UNRWA แล้ว ยูเอ็นกลับไม่ทำอะไรเพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้เลย”
อิสราเอลกล่าวหาหน่วยงานนี้ของยูเอ็นมานานแล้วว่า ปล่อยให้เจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนร่วมกับการจู่โจมตนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมของปีที่แล้วซึ่งเป็นจุดกำเนิดของสงครามครั้งนี้
แต่ ฟิลิปเป ลาซซารินี หัวหน้า UNRWA กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทางหน่วยงานยังไม่ได้รับคำตอบสำหรับคำร้องที่ส่งไปหลายครั้งให้กับอิสราเอลเพื่อขอให้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเพิ่ม
ลาซซารินี บอกว่า “UNRWA จึงอยู่ในสถานะที่มีปัญหาพร้อมทั้งไม่สามารถตอบประเด็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานได้ ขณะที่ คำกล่าวหาเหล่านี้ยังคงถูกนำมาใช้เพื่อบ่อนทำลายหน่วยงานแห่งนี้ต่อไป”
UNRWA เป็นผู้จัดส่งความช่วยเหลือหลักให้กับชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าที่ถูกอิสราเอลถล่มโต้ตอบสำหรับการจู่โจมของฮามาสเมื่อปีก่อน จนทำให้หลายพื้นที่ของเขตปกครองนี้เสียหายยับเยินพร้อมทั้งราว 90% ของประชากรจำนวน 2.3 ล้านคนต้องกลายมาเป็นผู้พลัดถิ่น
การที่ฮามาสจู่โจมอิสราเอลซึ่งไม่ทันตั้งตัวเมื่อเกือบ 13 เดือนที่แล้วทำให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คนพร้อมทั้งมีการจับตัวประกันกลับไปยังกาซ่ากว่า 250 คน ก่อนที่อิสราเอลจะจู่โจมโต้กลับตั้งแต่นั้นมา พร้อมทั้งหน่วยงานสาธารณสุขกาซ่ารายงานว่า มีชาวปาเลสไตน์กว่า 42,400 คนจบชีวิตไปแล้ว โดยกว่าครึ่งเป็นเด็กพร้อมทั้งสตรี
ยอดผู้จบชีวิตเลบานอนทะลุ 3,000 คน
สงครามในตะวันออกกลางทีดำเนินมาเกือบ 13 เดือนระหว่างอิสราเอลพร้อมทั้งกลุ่มเฮซบอลลาห์ที่ประกาศร่วมรบเพื่อยืนเคียงข้างกลุ่มฮามาส ส่งผลให้มีผู้คนในเลบานอนจบชีวิตไปแล้วกว่า 3,000 คน ตามการเปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุขเลบานอนในวันจันทร์ โดยตัวเลขนี้สูงกว่ายอดผู้จบชีวิตในสงครามครั้งใหญ่ครั้งก่อนเมื่อราว 2 ทศวรรษก่อนกว่าเท่าตัว
ยังไม่มีสัญญาณว่า สงครามนี้จะจบลงเมื่อใด พร้อมทั้งอิสราเอลกล่าวไว้ว่า จะดำเนินปฏิบัติการใหม่ ๆ เพื่อจัดการกับโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มเฮซบอลลาห์ในฝั่งเลบานอนพร้อมทั้งในพื้นที่บางส่วนของซีเรียต่อไป ขณะที่ เฮซบอลลาห์ยังเดินหน้าทำการยิงจรวดเข้าใส่ทางเหนือของอิสราเอลต่อไป
กลุ่มติดอาวุธนี้เริ่มยิงจรวดใส่อิสราเอลหลังฮามาสจู่โจมอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคมของปีที่แล้ว โดยทั้งสองกลุ่มนี้ต่างเป็นพันธมิตรกับอิหร่าน
ในช่วงเกือบปีแรกของสงคราม การสู้รบนั้นเกิดขึ้นเพียงที่บริเวณชายแดนอิสราเอล-เลบานอนเป็นหลัก จนกระทั่งสถานการณ์เริ่มยกระดับรุนแรงขึ้นในวันที่ 23 กันยายน เมื่ออิสราเอลทำการจู่โจมทางอากาศเข้าใส่ทางตะวันออกของเลบานอนพร้อมทั้งทางใต้ของกรุงเบรุตซึ่งทำให้มีผู้จบชีวิตหลายร้อยคน พร้อมทั้งประชาชนเกือบ 1.2 ล้านคนต้องกลายมาเป็นผู้พลัดถิ่น
ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีพร้อมทั้งรอยเตอร์