นายกฯ บอก ตรวจสอบอยู่ ปมเพื่อไทยเอี่ยวดิไอคอน เผย เสียงแหบแย่ลง พบหมอเย็นนี้

“นายกฯ แพทองธาร” บอก ตรวจสอบอยู่ ปม โฆษกพลังประชารัฐ ปูด คนเพื่อไทยเอี่ยวคดีดิไอคอน เผย อาการเสียงแหบแย่ลง เตรียมไป รพ. ฉีดยา ส่วนงานพรุ่งนี้ขอประเมินอาการก่อน

ศาลรัฐธรรมนูญ ตีตกคำร้อง “วัฒนา อัศวเหม” พิพากษาคดีคลองด่าน ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์สั่งไม่รับคำร้อง “วัฒนา อัศวเหม” ปม องค์คณะผู้พิพากษาศาลแขวงดุสิต สั่งจำคุกคดีคลองด่าน ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไว้พิจารณา

เตือน 7 จังหวัดรวม กทม. เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง เสี่ยงน้ำท่วม ช่วง 2-12 พ.ย.

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เตือนพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมใน 7 จังหวัด รวมกรุงเทพฯ เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ช่วง 2-12 พ.ย. 67

วงจรปิด “พระครู” ควบกระบะชนเก๋ง จนท.เรือนจำ สาหัส พบออกจากวัดแล้ว (คลิป)

“พระครู” วัดดัง ขับกระบะชนเก๋ง ผอ.ฝ่ายพัฒนาจิตใจฯ เรือนจำลำพูน บาดเจ็บสาหัส พบออกจากวัดแล้ว ติดต่อไม่ได้

รัสเซียซ้อมยิงนิวเคลียร์จำลอง โซลระบุเกาหลีเหนือร่วมรัสเซียคือภัยคุกคาม

ปธน.รัสเซีย ประกาศเริ่มการซ้อมรบครั้งใหญ่ของกองกำลังนิวเคลียร์ของรัสเซียโดยมีการจำลองการยิงขีปนาวุธจู่โจมตอบโต้ เพื่อแสดงถึงศักยภาพด้านนิวเคลียร์ ขณะที่ประธานาธิบดียูน ซุก ยอล แห่งเกาหลีใต้ บอกว่า การร่วมมือทางทหารระหว่างเกาหลีเหนือพร้อมทั้งรัสเซียนั้นเป็น “ภัยคุกคามสำคัญต่อความมั่นคงของประชาคมโลก”

อิสราเอลถล่มกาซ่า ยูเอ็นค้านแบน UNWRA เฮซบอลลาห์ หน.ใหม่

กลุ่มติดอาวุธเฮซบอลลาห์ ประกาศว่า ชีค นาอิม คาสเซม คือหัวหน้าคนใหม่ของกลุ่ม ขณะที่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์รายงานว่า การจู่โจมทางอากาศโดยอิสราเอลในวันอังคารเข้าใส่อาคารที่อยู่อาศัยขนาด 5 ชั้นในภาคเหนือของกาซ่าส่งผลให้มีผู้จบชีวิตไม่ต่ำกว่า 60 ราย

อียูประกาศเก็บภาษีรถไฟฟ้าจีน 45.3% คาดปักกิ่งใช้มาตรการตอบโต้

สหภาพยุโรป หรือ อียู ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเป็น 45.3% หลังจากการสืบสวนครั้งใหญ่เป็นเวลากว่าหนึ่งปี ท่ามกลางความกังวลต่อความเสี่ยงที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งจะใช้มาตรการตอบโต้

คณะกรรมาธิการยุโรปจะกำหนดภาษีนำเข้าตั้งแต่ 7.8% สำหรับรถไฟฟ้าเทสลา (Tesla) ไปจนถึง 35.3% สำหรับรถของเอสเอไอซี (SAIC) จากจีน ซึ่งเพิ่มจากภาษีมาตรฐาน 10% ที่เก็บกับรถยนต์ที่นำเข้าไปในยุโรป

โดยอัตราภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธนี้เป็นต้นไป

คณะกรรมาธิการดังกล่าวพบว่า อัตราภาษีใหม่นี้เป็นการตอบโต้การอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรมที่รัฐบาลจีนให้กับบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ รวมถึงการให้เงินกู้พร้อมทั้งเงินช่วยเหลือ ที่ดิน แบตเตอรี พร้อมทั้งวัตถดิบต่าง ๆ ในราคาต่ำกว่าตลาด

รายงานของอียูชี้ว่า จีนมีศักยภาพผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 3 ล้านคันต่อปีซึ่งมากกว่าขนาดตลาดรถยนต์ของยุโรปถึงสองเท่า ซึ่งเมื่อเทียบกับตลาดอเมริกาเหนือที่เก็บภาษีรถไฟฟ้าจากจีนในระดับ 100% จะเห็นได้ว่ารถไฟฟ้าจีนส่วนใหญ่จะถูกส่งมาขายในตลาดยุโรปมากกว่า

ด้านรับาลจีนเรียกอัตราภาษีใหม่ของยูโรปว่าเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ พร้อมทั้งทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับยุโรป ตลอดจนสร้างปัญหาต่อห่วงโซ่อุปทานตลาดรถยนต์ ซึ่งจีนเองจะเริ่มการสืบสวนต่อสินค้าจากยุโรปเช่นกัน รวมทั้ง เหล้าบรั่นดี ผลิตภัณฑ์จากนม พร้อมทั้งเนื้อหมู เพื่อเป็นการตอบโต้

นอกจากนี้ จีนขู่ว่าจะยื่นเรื่องนี้ให้องค์การการค้าโลกพิจารณาตัดสินด้วย

ที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนหลั่งไหลเข้าไปในตลาดยุโรปด้วยราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งในยุโรปราว 20% คาดว่าปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าจีนมีส่วนแบ่งในยุโรปราว 8% จากระดับไม่ถึง 1% เมื่อ 5 ปีก่อน พร้อมทั้งอาจเพิ่มเป็น 15% ภายในปีหน้า 

ถ้าหากว่า ชาติสมาชิกอียูมีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องการเพิ่มภาษีรถไฟฟ้านำเข้าจากจีน กล่าวคือ เยอรมนี ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของยุโรป ต่อต้านการเพิ่มอัตราภาษีโดยคาดหวังว่าจะสามารถใช้แนวทางการทูตในการแก้ปัญหานี้ ขณะที่บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ในเยอรมนีต่างกังวลว่า หากจีนใช้มาตรการตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจากยุโรปเพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อพวกตนเช่นกัน 

ด้านนายกรัฐมนตรีฮังการี เรียกนโยบายเก็บภาษีเพิ่มครั้งนี้ว่า “สงครามเย็นทางเศรษฐกิจ” ระหว่างยุโรปกับกับจีน 

แต่ทางสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ฝรั่งเศสแสดงความยินดีต่อมาตรการใหม่นี้ พร้อมเสริมว่า พวกตนสนับสนุนการค้าเสรีหากเป็นไปอย่างยุติธรรม

ที่มา: รอยเตอร์

ปล่อยผีกร่อย! เซี่ยงไฮ้สั่งห้ามฉลองฮาโลวีน หวั่นวิจารณ์รัฐบาล

แม้ปัจจุบันฮาโลวีนจะกลายเป็นเทศกาลสากลที่มีการเฉลิมฉลองไปทั่วโลก แต่ที่นครเซี่ยงไฮ้ งานฮาโลวีนปีนี้อาจมีตำรวจเดินตรวจตรามากกว่าผู้คนที่สวมชุดแฟนซีในคืนปล่อยผี

ทางการนครเซี่ยงไฮ้มีคำสั่งห้ามแต่งกายฉลองเทศกาลฮาโลวีนในปีนี้ โดยจะมี เจ้าหน้าที่ตำรวจคอยตรวจอย่างเข้มงวด สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของภาครัฐต่อประเด็นทางสังคมที่อาจตามมากับงานฉลองตามแบบอย่างตะวันตก

คำเตือนจากทางการเขตตำบลหวงปูในเซี่ยงไฮ้ห้ามการแต่งชุดแฟนซีพร้อมทั้งทาหน้าทาปากอย่างน่ากลัวตามสถานที่สาธารณะต่าง ๆ โดยหากตำรวจพบเจออาจถูกสั่งให้ถอดชุดนั้นทันที หรืออาจเผชิญมาตรการที่รุนแรงขึ้นหากไม่ปฏิบัติตาม

หม่า หนึ่งในชาวนครเซี่ยงไฮ้ที่ไม่เปิดเผยชื่อเต็ม ได้บอกกล่าวกับวีโอเอว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนกังวลว่าการเฉลิงฉลองแบบนี้อาจลุกลามไปเป็นการประท้วงได้เนื่องจากปัจจุบันมีหนุ่มสาวจำนวนมากตกงาน พร้อมทั้งอาจใช้จังหวะนี้ในการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในคืนฮาโลวีน

ถ้าหากว่า ดูเหมือนมีคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ไม่สนคำเตือนนี้พร้อมทั้งรวมตัวกันที่สวนสาธารณะบางแห่งเพื่อฉลองเทศกาลนี้ วิดีโอหลายชิ้นในสื่อออนไลน์แสดงให้เห็นประชาชนในชุดแฟนซีถูกตำรวจจับกุมออกไปจากพื้นที่ หรือถูกสั่งให้ถอดชุดพร้อมทั้งลบเมคอัพออก 

ทั้งนี้ เทศกาลฮาโลวีนเริ่มได้รับความนิยมในจีนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยเฉพาะในเซี่ยงไฮ้ที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติ พร้อมทั้งประชาชนต่างมีความคิดที่เปิดกว้างเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ของจีน 

เมื่อปี 2023 นครเซี่ยงไฮ้เริ่มอนุญาตให้มีการฉลองฮาโลวีนอีกครั้งหลังหยุดไปเพราะการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 ซึ่งมีประชาชนจำนวนไม่น้อยใช้โอกาสนี้ในการแสดงความคิดเห็นต่อต้านรัฐบาลผ่านชุดแฟนซีที่ออกแบบมา ตัวอย่างเช่น บางคนสวมชุดหมีพูห์ ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่ถูกเซนเซอร์ในสื่อออนไลน์ของจีนเนื่องจากมักถูกนำไปเปรียบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นต้น

เฉิน ต้าวหลิน นักวิเคราะห์การเมืองอิสระ ได้บอกกล่าวกับวีโอเอว่า งานฮาโลวีนคือโอกาสที่ชาวจีนจะได้ออกมาแสดงออกอย่างเสรีตามแบบตะวันตก โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่สวมชุดเป็นตัวละครต่าง ๆ เพื่อแสดงออกถึงสิ่งที่พวกเขาคิด หรือความไม่พอใจที่มีต่อรัฐบาล ภายใต้สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันที่ไม่สามารถทำได้ 

ขณะที่ หลี่ หรงเหว่ย แห่งสมาคม Taiwan Inspirational Association ชี้ว่า สำหรับจีน เทศกาลฮาโลวีนคือผลผลิตจากชาติตะวันตกพร้อมทั้งทุนนิยม ซึ่งไม่ใช่วัฒนธรรมที่จีนยึดถือ ดังนั้นบรรดาผู้นำจีนจึงเห็นว่าไม่ควรมีอยู่ต่อไป

ที่มา: วีโอเอ

 

ฟังเสียงผู้สนับสนุนทรัมป์พร้อมทั้งแฮร์ริสจากชุมชน LGBTQ+ ในสหรัฐฯ

ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีการเเข่งขันอย่างเข้มข้น ระหว่างรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส พร้อมทั้งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกกลุ่มต่างมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินว่าใครจะขึ้นมาบริหารประเทศ

ชุมชน LGBTQ+ ในสหรัฐฯ มีความตื่นตัวทางการเมืองมากเช่นกัน โดยมีทั้งคนที่สนับสนุนแฮร์ริสพร้อมทั้งทรัมป์

เเคนดิส เคน ได้เคยทำงานในวงการโทรทัศน์เพื่อส่งเสริมการรับรู้ของสังคมต่อตัวตนของคนข้ามเพศ ผ่านผลงานดรามา Dirty Sexy Money เมื่อ 15 ปีก่อน

เธอคิดว่าการต่อสู้อันยากลำบากพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ์ของชาว LGBTQ+ จะเจอกับความเสี่ยงหากว่าทรัมป์ชนะเป็นประธานาธิบดี

“เราเดินถอยหลังไปไม่ได้อีก พรรครีพับลิกันกำลังพยายามนำเรากลับไปสู่ช่วงเวลาที่คนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีสิทธิ์ พร้อมทั้งมันสำคัญมากพร้อมทั้งน่ากลัวมาก หวังว่าเราในฐานะประเทศจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง” เคนกล่าว

อีกด้านหนึ่งอาร์เธอร์ ลิวสนับสนุนทรัมป์ โดยอ้างอิงถึงประวัติการทำงานในตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา พร้อมทั้งบอกว่าเดโมเเครตทำให้สิ่งต่าง ๆ ย่ำเเย่ลง

“สุดท้ายเเล้วผมชอบผลงานของทรัมป์ เพราะเศรษฐกิจดีมาก พร้อมทั้งเรื่องชายเเดนก็ไม่ได้แย่แบบนี้ เเม้จะมีปัญหาอยู่ตามปกติ” ลิวกล่าว

รายงานของ Pew Research ที่เผยแพร่ออกมาในเดือนมิถุนายน ชี้ให้เห็นว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้สนับสนุนทรัมป์เห็นว่าการทำให้การเเต่งงานของคนเพศเดียวกันถูกกฎหมายไม่ดีต่อสังคม

ส่วนเดวิด คีน ชาวรีพับลิกันจากรัฐเเคลิฟอร์เนียบอกว่าทรัมป์ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อการเเต่งงานของคนเพศเดียวกัน

“เขาค่อนข้างมีความเสรีนิยม เขาน่าจะเป็นรีพับลิกันที่เสรีนิยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา” คีนกล่าว โดยให้เหตุผลว่าทรัมป์เข้าใจพื้นฐานที่ว่าการยอมรับทางกฎหมายช่วยป้องกันเรื่องสิทธิ์ต่างๆ ของคนรักเพศเดียวกัน

ถ้าหากว่า แอเรียล จอห์นสัน ที่ทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ บอกว่าทรัมป์อาจจะเป็นปัจจัยท้าทายการสมรสของคนรักเพศเดียวกันพร้อมทั้งอาจสร้างอันตรายต่อสถานะคนเข้าเมืองของคู่สมรสของเธอ

สิ่งที่จอห์นสันกังวลเกี่ยวกับรีพับลิกันที่สุดคือกฎเกณฑ์เรื่องสิทธิ์ในการเจริญพันธุ์ ซึ่งรวมถึงการมีลูกผ่านวิธี vitro fertilization ที่เรียกสั้น ๆ ว่า IVF โดยจอห์นสันเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่หรือช็อกโกเเลตซีสต์

กลุ่ม LGBTQ+ ที่ใหญ่ที่สุดภายในหมู่ชาวรีพับลิกันช่วยทรัมป์ในเดือนนี้หาเสียงในรัฐสมรภูมิที่มีการเเข่งขันดุเดือดกับแฮร์ริส คือรัฐมิชิแกน วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย นอร์ธแคโรไลนา จอร์เจีย เนวาดา พร้อมทั้งแอริโซนา

สำหรับแฮร์ริส คณะกรรมการระดับชาติของพรรคเดโมเเครต ให้เงินสนับสนุนการรณรงค์ให้คนออกมาใช้สิทธิ์ ภายใต้เเคมเปญ ‘I Will Vote’ ซึ่งลงโฆษณาในสื่อของชาว LGBTQ+ 16 แห่ง ในเดือนตุลาคมเช่นกัน

ที่มา: วีโอเอ

 

 

เบโซสป้อง ‘วอชิงตันโพสต์’ ปมยกเลิกประกาศสนับสนุนผู้สมัครชิงปธน.

เจฟฟ์ เบโซส มหาเศรษฐีอเมริกันผู้ก่อตั้งบริษัทแอมะซอน (Amazon.com) บลูออริจิน (Blue Origin) พร้อมทั้งเจ้าของสื่อวอชิงตันโพสต์ (Washington Post) ออกมาปกป้องการตัดสินใจของสื่อหนังสือพิมพ์รายใหญ่แห่งนี้ที่จะไม่ประกาศสนับสนุนผู้สมัครชิงตำแหนงประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใดคนหนึ่งในปีนี้ 

สื่อเอ็นพีอาร์ (National Public Radio) รายงานว่า การตัดสินใจดังกล่าวของวอชิงตันโพสต์ เป็นการสกัดการสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต คือ รองปธน.คามาลา แฮร์ริส ดังเช่นที่เคยทำมาในอดีต 

หลังคำประกาศ ประชาชนจำนวนมากได้ส่งข้อความไปยังเว็บไซต์ของวอชิงตันโพสต์เพื่อวิจารณ์เบโซส พร้อมทั้งมีรายงานว่ายอดผู้สมัครสมาชิกดิจิทัลของสื่อใหญ่แห่งนี้ลดลงไปแล้วกว่า 200,000 ราย

เบโซสตีพิมพ์บทความแสดงความคิดเห็นของเขาเมื่อวันจันทร์ พบว่า “ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าสื่อมีอคติ (ทางการเมือง)” ซึ่งวอชิงตันโพสต์พร้อมทั้งหนังสือพิมพ์อื่น ๆ จำเป็นต้องยกระดับความน่าเชื่อถือของตัวเอง

 

เบโซสยืนยันด้วยว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการประชุมร่วมกันระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน พร้อมทั้งซีอีโอของบริษัทบลูออริจิน ซึ่งเกิดขึ้นในวันเดียวกัน แต่อย่างใด

มหาเศรษฐีผู้นี้ยังบอกด้วยว่า “การประกาศสนับสนุนผู้สมัครประธานาธิบดีมิได้มีผลมากมายต่อการเลือกตั้ง” แต่ “สิ่งที่มาพร้อมกับการประกาศจุดยืนทางการเมืองคือการสร้างภาพพจน์แห่งความลำเอียง ภาพแห่งความไม่เป็นกลาง การยุติเรื่องนี้จึงเป็นการตัดสินใจตามหลักการ พร้อมทั้งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง” 

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว วิลเลียม ลิวอิส ซีอีโอของวอชิงตันโพสต์ บอกว่าจะไม่มีการประกาศจุดยืนสนับสนุนผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใดคนหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อ ๆ ไปด้วย 

แต่หลังจากนั้น จำนวนผู้ยกเลิกการเป็นสมาชิกของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ลดลงราว 8% จากยอดรวม 2.5 ล้านคน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีคอลัมนิสต์หลายคนตัดสินใจลาออกเป็นการประท้วง จากการเปิดเผยของสื่อเอ็นพีอาร์ 

บทความแสดงความเห็นของคอลัมนิสต์ 20 คนในเว็บไซต์ของวอชิงตันโพสต์ พบว่า “การตัดสินใจของวอชิงตันโพสต์ที่ไม่แสดงจุดยืนสนับสนุนผู้สมัครคนใดนั้นถือเป้นความผิดพลาดอันเลวร้าย” พร้อมทั้งถือเป็น “การละทิ้งความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในหลักการด้านบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ที่เรารัก” 

สำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์พยายามติดต่อขอความเห็นจากวอชิงตันโพสต์ในประเด็นนี้ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ 

ที่มา: รอยเตอร์