ข่าวด่วนวันนี้

รัฐบาลกรุงปักกิ่งประณามการจู่โจมสถานกงสุลจีนในเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมา พร้อมกระตุ้นให้รัฐบาลทหารเมียนมาพยายามจับกุมผู้ก่อเหตุ จากการแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนในวันจันทร์

สำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์รายงานว่า เหตุระเบิดที่สถานกงสุลจีนในเมียนมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกิดขึ้นหลังจากมีกระแสต่อต้านจีนในสื่อสังคมออนไลน์ของเมียนมา สืบเนื่องจากการที่จีนออกมากดดันให้กลุ่มแข็งข้อต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมายุติการต่อสู้

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน หลิน เจียน แถลงข่าวในวันจันทร์ว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 17:00 น.ของวันศุกร์ที่ 18 ต.ค. สร้างความเสียหายบางส่วนในอาณาบริเวณของสถานกงสุล แต่ไม่มีผู้จบชีวิต

รัฐบาลกรุงปักกิ่งได้ยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลทหารเมียนมาแล้ว โดยเรียกร้องให้มีการสืบสวนอย่างละเอียดพร้อมทั้งใช้ทุกความพยายามในการลงโทษผู้กระทำผิดตามกฎหมาย

ไม่นานนี้ สถานกงสุลจีนได้มีคำเตือนถึงพลเมืองจีน รวมทั้งกลุ่มธุรกิจพร้อมทั้งองค์กรต่าง ๆ ในเมียนมาให้ตระหนักถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งใช้มาตรการป้องกันที่จำเป็น

ทั้งนี้ โฆษกของรัฐบาลทหารเมียนมายังมิได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้

การที่จีนเพิ่มแรงกดดันให้กลุ่มแข็งข้อต่อต้านในเมียนมายุติการต่อสู้ ได้ทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจในหมู่ประชาชนเมียนมาว่าจีนกำลังให้การสนับสนุนรัฐบาลทหาร สร้างความไม่พอใจในหมู่ผู้ต่อต้านระบอบทหารของเมียนมา

ประกอบกับการเยือนเมียนมาของรัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้ เมื่อเดือนสิงหาคม ซึ่งมีการพบหารือกับพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หลาย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ก็ยิ่งทำให้จีนถูกมองว่าสนับสนุนรัฐบาลทหารมากยิ่งขึ้น

ในในเวลาเดียวกัน กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างแสดงความกังวลต่อจุดยืนของจีน โดยกล่าวหาว่าเป็นสิ่งกีดขวางกระบวนการทางประชาธิปไตยในเมียนมาอีกด้วย

ที่มา: รอยเตอร์

รัฐสภาเวียดนามเลือกพลเอกเลือง เกือง แห่งกองทัพบก เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ในความพยายามสร้างเสถียรภาพทางการเมืองหลังแรงสั่นสะเทือนจากการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำระดับสูงหลายคนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

พลเอกเกือง วัย 67 ปี เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแทน โต แลม ผู้ซึ่งได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤษภาคม พร้อมทั้งได้รับแต่งตั้งให้ควบตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทรงอำนาจมากกว่า ในเดือนกรกฎาคม ภายหลังการอสัญกรรมของ เหงียน ฟู จ่อง เลขาธิการพรรคฯ คนก่อน

พลเอกเกืองได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคทั้ง 440 คนที่เข้าร่วมการประชุมรัฐสภาในวันจันทร์ จากนั้นเขาได้กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างปฏิญาณตนรับตำแหน่ง โดยยืนยันว่าจะเพิ่มศักยภาพทางทหารของกองทัพเพื่อปกป้องความมั่นคง พร้อมทั้งใช้นโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระพร้อมทั้งเข้าได้กับทุกฝ่าย

ก่อนหน้านี้ เกืองดำรงตำแหน่งสำคัญในสำนักเลขาธิการของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม โดยอยู่ในลำดับที่ 5 ของผู้นำสูงสุด รองจากเลขาธิการพรรค ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งประธานรัฐสภา ตามลำดับ 

นอกจากนี้เขายังเป็นสมาชิกกรรมการโพลิตบูโร ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำที่มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุดของเวียดนาม 

สำหรับตำแหน่งประธานาธิบดีนั้นแม้จะมีอำนาจบริหารไม่มากนักภายใต้ระบบการเมืองของเวียดนาม แต่ก็ถือเป็นตัวแทนของประเทศในการประชุมระดับสูงต่าง ๆ กับบรรดาผู้นำโลก 

ผู้ติดตามการเมืองเวียดนามบางคนเชื่อว่า การที่ โต แลม ตัดสินใจสละตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น อาจเป็นสัญญาณของการประนีประนอมอำนาจการปกครองภายในพรรค หลังจากที่เกิดความวุ่นวายในชนชั้นผู้นำตลอด 17 เดือนที่ผ่านมา สืบเนื่องจากมาตรการปราบปรามคอร์รัปชันที่นำไปสู่การลาออกของประธานาธิบดีสองคนพร้อมทั้งประธานรัฐสภาอีกหนึ่งคน

โดยการเปลี่ยนแปลงในระดับผู้นำของเวียดนามจะเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2026 เมื่อบรรดาผู้นำสูงสุดต่างหมดวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปีอีกครั้งในอีก 2 ปีข้างหน้า

ที่มา: รอยเตอร์

 

ตำรวจกองปราบปราม อายัดรถหรูลัมโบร์กินีของ “บอสพอล” ผู้ต้องหาคดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” เพิ่มอีก 1 คัน

ทนายบอสพอล ยันมีหลักฐาน เป็นพยานบุคคล ที่ยืนยันได้ว่า “นักร้องเรียน ก.” รีด 10 ล้าน ก่อนมาขอเงินสดอีก 4 แสน ยันที่ให้เพราะแค่ไม่อยากมีปัญหา ขู่ฟ้อง สคบ. หากเพิกถอนใบอนุญาตตอนนี้

อาวดี้ ประเทศไทย หรือ Audi เปิดตัว Q6 e-tron Performance ชาร์จไวจาก 10-80% ในเวลา 22 นาที วิ่งได้ไกล 714 กิโลเมตร

ออกหมายจับแล้ว 2 โจ๋ มือยิง “หนุ่มชักเรือพระ” จบชีวิต หลังเข้าไปห้ามเหตุวัยรุ่นตีกัน ตำรวจเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี

เพจทนายดัง แฉนักร้องเรียนสาว เรียกรับเงินจากผู้เสียหายดิไอคอน หัก 20% อ้างต้องไปช่วยคนต่อ พร้อมแปะสลิปหลักฐาน คนแห่เดา

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินสายหาเสียงในรัฐสมรภูมิที่มีความสำคัญยิ่งอย่างเพนซิลเวเนียในช่วงสุดสัปดาห์ พร้อมทั้งหนึ่งในจุดหมายปลายทางครั้งนี้คือเขตปกครองที่มีประชากรราว 350,000 คน ท่ามกลางเวลาเข้าสู่คูหาที่งวดเข้ามาเรื่อย ๆ 

ประชาชนหลักพันคนส่งเสียงเฮต้อนรับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ขึ้นเวทีหาเสียงที่ท่าอากาศยานภูมิภาคอาร์โนลด์ พาล์มเมอร์ เมืองแลโทรบ รัฐเพนซิลเวเนีย ในเวลา 18.00 น. 

นี่คือการเดินสายหาเสียงในเขตปกครองของทรัมป์เป็นแห่งที่สี่ของทรัมป์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พร้อมทั้งเกิดขึ้นราวหนึ่งสัปดาห์หลังรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส เดินทางมาเยือนเมืองเอียรี รัฐเพนซิลเวเนียเพื่อหาเสียง

ทรัมป์ใช้เวลาในค่ำคืนวันเสาร์เน้นย้ำข้อเสนอทางการเมืองหลายข้อ เช่น สนับสนุนอุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมัน ลดภาษีผู้ผลิตสินค้าในสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีกับจีน การนำผู้อพยพออกจากสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้นยังใช้เวลาจู่โจมคามาลา แฮร์ริส คู่แข่งชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุดทั้งในระดับตัวบุคคลพร้อมทั้งเรื่องนโยบาย

คุมเข้มความปลอดภัย

แม้งานเป็นพื้นที่เปิด แต่ว่ามีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด ทั้งการตรวจตราสัมภาระผู้เข้าร่วมงานโดยตำรวจพร้อมทั้งหน่วย Secret Service การจัดตู้คอนเทนเนอร์สูง 20 ฟุตมาล้อมรอบพื้นที่งานเพื่อสร้างแนวป้องกันอาณาบริเวณ เจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธปืนสังเกตการณ์ตามจุดสูงข่ม รวมถึงการใช้สุนัขดมกลิ่น

 

แลโทรบ เป็นส่วนหนึ่งของเขตปกครองเวสต์มอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเขตปกครองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 8 ของรัฐเพนซิลเวเนียจากทั้งหมด 67 แห่ง มีประชากรจำนวน 354,663 คน โดยแทบทั้งหมดเป็นคนขาว ตามข้อมูลสำนักงานสถิติสหรัฐฯ 

การเลือกตั้งผู้นำสูงสุดเมื่อปี 2020 ทรัมป์ได้รับคะแนนนิยมที่เวสต์มอร์แลนด์มากกว่าไบเดน ที่ราว 130,000 เสียงต่อ 72,000 เสียง ตามข้อมูลผลโหวตอย่างเป็นทางการ

ผู้ร่วมงาน แม้จำนวนมากจะเป็นคนขาว แต่ก็มีชาวเอเชียนอเมริกัน อดีตผู้อพยพจากจีน รวมถึงกลุ่มคนต่างชาติผู้นับถือศาสนาคริสต์ก็มาแสดงจุดยืนสนับสนุนทรัมป์ในวาระที่ตนเองเห็นด้วย เช่น เรื่องการห้ามทำแท้ง 

อุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมขึ้นชื่อของเพนซิลเวเนีย ก็มีแรงงานพร้อมทั้งสหภาพแรงงานเดินทางมาสนับสนุนทรัมป์เช่นกัน 

การสอบถามพูดคุยกับผู้มาร่วมงาน หลายคนบอกว่าไม่ได้มาครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ติดตามการเดินสายหาเสียงมาจากที่อื่น

อาสาสมัครในงาน ทีมงานจัดการหาเสียง รวมถึงทรัมป์เองได้เน้นย้ำให้ฐานเสียงเห็นความสำคัญของการลงคะแนนเสียงทั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน พร้อมทั้งการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าทางไปรษณีย์

ในส่วนผู้ขึ้นเวทีปราศรัย มีทั้งอดีตผู้เล่นอเมริกันฟุตบอลทีมพิทส์เบิร์ก สตีลเลอร์ ทีมดังของรัฐ สมาชิกสภาคองเกรส ตัวแทนกลุ่มสหภาพแรงงานเหล็กกล้า ครอบครัวของทหารอเมริกันที่จบชีวิตในอัฟกานิสถาน พร้อมทั้งเดวิด แมคคอร์มิค ผู้สมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งวุฒิสภาของรัฐเพนซิลเวเนียจากพรรครีพับลิกัน

หลังจากคืนวันเสาร์ ทรัมป์จะเดินสายทำกิจกรรมต่อในรัฐเพนซิลเวเนีย พร้อมทั้งก่อนหน้านี้ก็ได้มาที่เขตปกครองที่ติดกับเวสต์มอร์แลนด์มาแล้วสามแห่ง สะท้อนถึงความสำคัญของรัฐสมรภูมิแห่งนี้

เพนซิลเวเนียคือหนึ่งในกลุ่มรัฐที่ถือว่าเป็น battleground states หรือ รัฐสมรภูมิ ที่มีทั้งหมด 7 รัฐในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้แก่ รัฐเพนซิลเวเนีย มิชิแกน วิสคอนซิน จอร์เจีย แอริโซนา เนวาดา พร้อมทั้งนอร์ธแคโรไลนา

แต่สิ่งที่ทำให้แคนดิเดตให้ความสำคัญกับเพนซิลเวเนีย คือการเป็นรัฐที่มีจำนวนผู้แทนเลือกตั้ง หรือ electoral college มากที่สุดที่ 19 คน ยังถือเป็นรัฐที่คะแนนเสียงมีโอกาสพลิกเปลี่ยนเป็นของพรรคใดพรรคหนึ่งมากที่สุด 

ไม่เพียงเท่านั้น สาธารณชนพร้อมทั้งสื่อยังให้ความสนใจกับรัฐนี้มากขึ้นหลังทรัมป์ตกเป็นเหยื่อการลอบสังหารที่เมืองบัตเลอร์ในรัฐแห่งนี้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ในการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ ในอดีต ผู้สมัครที่ชนะในรัฐเพนซิลเวเนียสามารถชนะการเลือกตั้งทั่วประเทศได้ถึง 10 ครั้งจาก 12 ครั้งหลังสุด รวมทั้งโอบาม่าในปี 2012 ทรัมป์เมื่อปี 2016 พร้อมทั้งไบเดนในปี 2020

งานฉลองคืนวันฮัลโลวีนในสหรัฐฯ ปีนี้อาจเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย สืบเนื่องจากราคาเมล็กโกโก้ที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก อาจทำให้เด็ก ๆ ได้ขนวมเป็ยช็อคโกแลตน้อยลง อ้างอิงจากข้อมูลของธนาคารเวลส์ ฟาร์โก 

สื่อซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ราคาโกโก้ได้เพิ่มขึ้นเกินสองเท่าตั้งแต่ต้นปีนี้ไปอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นสถิติใหม่ ส่งผลให้งานฉลองหลายเทศกาลในสหรัฐฯ ต้องขาดแคลนผลิตภัณฑ์จากโกโก้พร้อมทั้งช็อคโกแลต ซึ่งรวมถึงเทศกาลวาเลนไทน์พร้อมทั้งอีสเตอร์ เมื่อช่วงต้นปี เช่นเดียวกับคืนวันฮัลโลวีนปีนี้

ซีเอ็นเอ็นพบว่า บริษัทขนมหวานหลายแห่งต่างหากลยุทธ์ที่จะมารับมือเรื่องนี้ ซึ่งรวมถึงการลดขนากของแท่งช็อคโกแลตลง พร้อมทั้งเพิ่มปริมาณสินค้าที่ไม่ต้องมีช็อคโกแลตผสม

เดวิด บรานช์ ผู้บริหารของธนาคารเวลส์ ฟาร์โก บอกว่า โกโก้ไม่เหมือนพืชชนิดอื่นเพราะต้องปลูกเฉพาะพื้นที่ที่ปลูกได้ภายใต้อุณหภูมิที่พอเหมาะเท่านั้น แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา สภาวะอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยส่งผลให้ปริมาณผลผลิตโกโก้ลดลงมากในแถบตะวันตกของทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตโกโก้ราว 70% ของโลก

องค์กรโกโก้ระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า ปีนี้จะมีผลผลิตโกโก้ลดลงราว 14.2% ซึ่งส่งผลให้ยอดขายสินค้าพร้อมทั้งผลกำไรของบริษัทผู้ผลิตช็อคโกแลตรายใหญ่ อย่างเช่น เฮอร์ชีย์ (Hershey) ลดลงไปเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ราคาโกโก้จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปจนถึงอย่างน้อยกลางเดือนหน้า นั่นทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องหาทางปรับตัว ซึ่งหนทางหนึ่งที่ทำมาใช้คือการลดขนาดหรือปริมาณผลิตภัณฑ์ช็อคโกแลตลง 

อีกวิธีหนึ่งที่นิยมนำมาใช้คือการผสมรสอื่นลงในช็อคโกแลต หรือคิดค้นรสใหม่ ๆ มาแทน 

แซลลี ลีออนส์ แห่งบริษัทเซอร์คานา (Circana) บอกว่า มีการนำวัตถุดิบอื่นมาใช้แทนช็อคโกแลต เพื่อลดการใช้โกโก้ที่มีราคาแพงกว่า 

บริษัทขนมหวาน มาร์ส (Mars) บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า ทางบริษัทได้เพิ่มการผลิตลูกอมผลไม้ออกมาในช่วงเทศกาลฮัลโลวีนปีนี้แทนช็อคโกแลต เพื่อเป็นทางเลือกราคาถูกกว่าสำหรับเด็ก ๆ พร้อมทั้งคุณพ่อคุณแม่ด้วย 

ทั้งนี้ รายงานของสมาคมขนมหวานแห่งชาติ หรือ National Confectioners’ Association พบว่า ยอดขายของลูกอมที่ไม่ใช่ช็อคโกแลตเพิ่มขึ้นราว 12% เมื่อปีที่แล้ว ถ้าหากว่า ขนมหวานจากช็อคโกแลตยังคงเป็นสินค้ายอดนิยมที่สุดสำหรับผู้บริโภคในเทศกาลฮัลโลวีน รวมทั้งเทศกาลอื่น ๆ 

ที่มา: ซีเอ็นเอ็น

การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้มข้นขึ้นทุกทีเมื่อมาถึงโค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งซึ่งตรงกับวันที่ 5 พฤศจิกายน

ผู้สมัครทั้งสองคน คือ รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส พร้อมทั้งอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่างมุ่งเน้นหาเสียงในรัฐที่เป็นรัฐสมรภูมิ หรือ battleground states ทั้ง 7 รัฐ ได้แก่ รัฐเพนซิลเวเนีย มิชิแกน วิสคอนซิน จอร์เจีย แอริโซนา เนวาดา พร้อมทั้งนอร์ธแคโรไลนา

จนถึงขณะนี้ มีประชาชนอเมริกันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วกว่า 14 ล้านคน อ้างอิงจากข้อมูลของมหาวิทยาัลยรัฐฟลอริดา (University of Florida) หลังจากที่เกือบทุกรัฐในอเมริกาได้เริ่มเปิดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าพร้อมทั้งเลือกตั้งทางไปรษณีย์แล้ว 

ขณะที่ผลการสำรวจความเห็นหลายสำนักต่างชี้ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสูสีคู่คี่ที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายสิบปี 

ในวันอาทิตย์ รองปธน.แฮร์ริส ฉลองวันเกิดครบรอบ 60 ปีของเธอด้วยการกล่าวปราศรัยที่โบสถ์ New Birth Missionary Baptist Church ที่เมืองสโตนเครสต์ รัฐจอร์เจีย ห่างจากนครแอตแลนตาไปราว 50 กม. 

จากนั้นรองปธน.สหรัฐฯ เดินทางต่อไปยังโบสถ์อีกแห่งหนึ่งที่เมืองโจนส์โบโร ไม่ไกลจากแอตแลนตา เพื่อรณรงค์ให้สมาชิกที่โบสถ์แห่งหนั้นออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 

ในวันเดียวกันนี้ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางไปเยี่ยมร้านฟาสต์ฟู้ด แมคโดนัลด์ส (McDonald’s) ในรัฐเพนซิลเวเนีย พร้อมทั้งสวมผ้ากันเปื้อนทำงานร่วมกับพนักงานที่ร้านแห่งนั้นเพื่อเสริฟมันฝรั่งทอดให้กับลูกค้า 

ก่อนหน้านี้ แฮร์ริสบอกว่าเธอเคยทำงานที่ร้านแมคโดนัลด์ส ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย แต่ทรัมป์บอกว่าเขาไม่เชื่อเธอ แม้ว่าเพื่อนเก่าของแฮร์ริสได้ยืนยันกับสื่อนิวยอร์กไทมส์แล้วว่า เธอเคยทำงานที่ร้านแมคโดนัลด์สจริง 

ต่อมาในวันอาทิตย์ ทรัมป์ร่วมประชุมแบบทาวน์ฮอลล์กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเมืองแลงคาสเตอร์ รัฐเพนซิลเนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐสมรภูมิในการเลือกตั้งครั้งนี้ 

ที่มา: วีโอเอ