ลูกเบสบอลประวัติศาสตร์ของ ‘โอตานิ’ ประมูลได้ 145 ล้านบาท!

ลูกเบสบอลโฮมรันลูกที่ 50 ของ โชเฮ โอตานิ นักเบสบอลชื่อดังชาวญี่ปุ่นแห่งทีม ลอสแอนเจลีส ดอดเจอร์ส (Los Angeles Dodgers) ขายในการประมูลไปได้เกือบ 4.4 ล้านดอลลาร์ หรือราว 145 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของการประมูลลูกบอลทุกอย่างในกีฬาทุกประเภท

เมื่อวันที่ 19 กันยายน โชเฮ โอตานิ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเบสบอลคนแรกของโลกที่สามารถตีโฮมรันได้ 50 ลูกพร้อมทั้งขโมยเบสได้อีก 50 ครั้ง เมื่อพาทีมดอดเจอร์ส เอาชนะฟลอริดา มาร์ลินส์ (Florida Marlins)

งานประมูลลูกเบสบอลโฮมรันลูกที่ 50 ของโอตานิ จัดขึ้นโดยบริษัทประมูลโกลดิน อ็อกชันส์ (Goldin Auctions) เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.ย. โดยใช้วิธีประมูลออนไลน์ด้วยราคาเริ่มต้น 500,000 ดอลลาร์ พร้อมทั้งปิดการประมูลเมื่อคืนวันอังคารที่ผ๋านมา 

ผู้จัดการประมูลพบว่า มีผู้ร่วมประมูลจากทั่วโลก พร้อมทั้งผู้ชนะนั้นเสนอเงินถึง 4.4 ล้านดอลลาร์ แต่มิได้เปิดเผยข้อมูลว่าใครที่เป็นผู้ได้ลูกเบสบอลนั้นไปครอบครอง

การประมูลนี้มีขึ้นในขณะที่กำลังมีเรื่องฟ้องร้องกันว่าใครคือเจ้าของที่แท้จริงของลูกเบสบอลนี้ หลังจากที่มีชายสองคนอ้างว่าตนเป็นผู้ที่สามารถคว้าลูกเบสบอลที่โอตานิตีมาได้ก่อน แม้ว่าสุดท้ายแล้วคนที่เดินออกจากสนามพร้อมลูกบอลนี้ก็คือ คริสเตียน ซาเซ็ก ผู้นำลูกเบสบอลออกมาขายในเวลาต่อมา 

ที่มา: เอพี

สหรัฐฯ มีเหตุทุจริตเลือกตั้งหรือไม่ พร้อมทั้งดูแลป้องกันอย่างไร

ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาของสหรัฐฯ มีรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุทุจริตการลงคะแนนพร้อมทั้งนับคะแนนในจุดต่าง ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการที่ผู้มีสิทธิ์บางคนกาบัตรหลายใบ หรือมีผู้ใช้สิทธิ์แทนญาติพี่น้องที่จบชีวิตไปแล้ว รวมทั้งการขโมยบัตรลงคะแนนที่ส่งกลับมาทางไปรษณีย์ซึ่งสำนักข่าวนานาชาติเอพีพบว่า มีเหตุการณ์ดังที่ว่าเกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่ทางการสหรัฐฯ ก็สามารถจับผู้ทำผิดกฎหมายพร้อมทั้งดำเนินคดีได้เสมอ

กระบวนการจัดการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ที่มีอยู่หลายระดับตั้งแต่ในส่วนท้องถิ่นไปจนถึงระดับประเทศนั้นมีระบบป้องกันภัยอยู่มากมายที่ทำให้สามารถตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งได้ง่ายพร้อมทั้งทำให้กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นได้ยาก ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งทั้งในอดีตพร้อมทั้งชุดปัจจุบันจากทั้งพรรครีพับลิกันพร้อมทั้งพรรคเดโมแครต

ทั้งนี้ ระบบจัดการเลือกตั้งของสหรัฐฯ นั้นเป็นแบบกระจายอำนาจ โดยมีเขตที่มีอำนาจในการดูแลจัดการอย่างอิสระตามกฎหมายอยู่หลายพันเขต ทำให้การจะก่อเหตุทุจริตเลือกตั้งขนานใหญ่จนสามารถเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งต่าง ๆ รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะทำไม่ได้เลย

เทรย์ เกรย์สัน อดีตเลขานุการรัฐเคนตักกีพร้อมทั้งประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาโครงการ Secure Elections ยอมรับกับเอพีว่า การที่จะมีระบบเลือกตั้งที่สมบูรณ์แบบนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ถ้าพิจารณาว่า ระบบเลือกตั้งใดที่คนควรมีความเชื่อมั่นก็ควรจะเป็นระบบของอเมริกานั่นเอง

 

อะไรทำให้ไม่มีใครพยายามก่อเหตุทุจริตเลือกตั้ง?

การจะกาบัตรมากกว่า 1 ครั้ง หรือแก้ไขบัตรเลือกตั้ง รวมทั้งการโกหกที่อยู่ของตนเพื่อจะได้ลงคะแนนเสียงในพื้นที่อื่นพร้อมทั้งการลงคะแนนแทนผู้ใดก็ตามล้วนถือเป็นอาชญากรรมที่มีโทษเป็นการปรับเงินก้อนโตหรือการจำคุกก็ได้ ขณะที่ ผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองชาวอเมริกันพร้อมทั้งทำผิดกฎหมายในเรื่องนี้ก็อาจถูกส่งตัวกลับประเทศได้

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ระบบการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ได้รับการออกแบบมาให้มีระบบป้องกันหลายชั้นจนทำให้เกิดความโปร่งใสอย่างมากเสียจนทำให้คนที่อยากจะโกงการเลือกตั้งต้องล้มเลิกความตั้งใจไป

ในการลงคะแนนเสียงด้วยตนเองนั้น เกือบทุกรัฐบังคับหรือร้องขอให้ผู้มีสิทธิ์ต้องแสดงบัตรประจำตัวแบบใดแบบหนึ่งที่คูหา ขณะที่ บางรัฐก็บังคับให้ผู้มาใช้สิทธิ์พิสูจน์ตัวตนด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การยืนยันชื่อพร้อมทั้งที่อยู่ รวมทั้งการลงชื่อในสมุดเลือกตั้ง หรือไม่ก็ให้ลงนามในหนังสือรับรองต่อหน้าเจ้าหน้าที่ เป็นต้น

นอกจากนั้น ผู้ที่พยายามลงคะแนนเสียงแทนเพื่อนหรือญาติที่จบชีวิตไปแล้วก็อาจถูกเจ้าหน้าที่จับได้ เมื่อมีการอัพเดทรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกับข้อมูลผู้จบชีวิตหรือข่าวมรณกรรมที่มีการตีพิมพ์ออกมา ตามความเห็นของ เกล เพลเลริน สมาชิกพรรคเดโมแครตของสภาแคลิฟอร์เนียที่ทำหน้าที่ดูแลจัดการเลือกตั้งในเขตซานตาครูซเคาน์ตีมากว่า 27 ปี

เพลเลรินกล่าวด้วยว่า ผู้ที่พยายามแสดงตนเป็นคนอื่นนั้นมีความเสี่ยงที่ว่า คนที่คูหาเลือกตั้งจะจำพร้อมทั้งจำผิดได้ด้วย

 

มีระบบป้องกันอะไรสำหรับผู้ที่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งทางไปรษณีย์ในสหรัฐฯ บ้าง

สำหรับการส่งบัตรเลืองตั้งทางไปรษณีย์ล่วงหน้านั้น รัฐต่าง ๆ มีกระบวนการขั้นตอนตรวจสอบที่ต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันคือ ทุกรัฐพบว่า ผู้ลงคะแนนจะต้องเซ็นชื่อรับรอง ขณะที่ หลายรัฐมีกฎเพิ่มเติมเช่น การตั้งทีมงานที่มีตัวแทนจากทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่มาทำหน้าที่เปรียบเทียบลายเซ็นบนบัตรเลือกตั้งกับที่ปรากฏในเอกสารอื่น ๆ ที่มีอยู่ในระบบ หรือการบังคับให้ต้องนำบัตรเลือกตั้งที่เซ็นชื่อแล้วไปให้เจ้าหน้าที่รัฐทำการรับรองหรือมีพยานลงชื่อรับรองให้ เป็นต้น

นั่นหมายความว่า ถ้าหากมีความผิดพลาดในการส่งบัตรเลือกตั้งไปยังที่อยู่เก่าของใครบางคน พร้อมทั้งผู้ที่อาศัยในปัจจุบันส่งบัตรดังกล่าวกลับมายังคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งแทน ก็จะมีการตรวจสอบพร้อมทั้งแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า เกิดความผิดปกติขึ้น

 

ยิ่งไปกว่านั้น มีหลายรัฐที่เริ่มนำเครื่องมือติดตามบัตรเลือกตั้งทั้งแบบออนไลน์พร้อมทั้งแบบตรวจสอบด้วยมือมาใช้เป็นขั้นตอนเสริมพิเศษเพื่อป้องกันความผิดพลาด ทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ติดตามดูการเดินทางของบัตรของตนตั้งแต่เมื่อเจ้าหน้าที่ส่งออกมาให้ ไปถึงตอนส่งกลับพร้อมทั้งการนับคะแนนด้วย

กฎหมายระดับประเทศว่าด้วยการเลือกตั้งยังบังคับให้มีการคอยตรวจสอบพร้อมทั้งอัพเดทรายชื่อผู้มีสิทธิ์ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งดำเนินการในเรื่องนี้ได้หลายวิธี เช่น การตรวจสอบเปรียบเทียบฐานข้อมูลระดับรัฐพร้อมทั้งระดับประเทศเพื่อประสานงานกับรัฐอื่น ๆ เพื่อติดตามผู้มีสิทธิ์ซึ่งย้ายที่อยู่ออกไป

ส่วนกล่องรับบัตรเลือกตั้งก็มีระบบรักษาความปลอดภัยเช่นกัน ตามข้อมูลของ แทมมี แพทริค ประธานบริหารโครงการต่าง ๆ ของสมาคม National Association of Election Officials

แพทริคอธิบายว่า กล่องรับบัตรเลือกตั้งนั้นมักได้รับการออกแบบมาไม่ให้มีการล้วงเข้ามาขโมยบัตรได้ ประกอบจากวัสดุกันไฟ มีการยึดติดไว้กับพื้นพร้อมทั้งยังตั้งวางในจุดที่มีกล้องตรวจการณ์ติดตั้งไว้ด้วย

 

บางครั้งคำกล่าวหาว่า มีการทุจริตเลือกตั้ง ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอ

หลังการเลือกตั้งในปี 2020 มา มีการโพสต์ตามสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการกล่าวอ้างว่า มีผู้ที่จบชีวิตไปแล้วมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากมาย หรือกรณีของการใช้สิทธิ์ซ้ำซ้อนหรือการทำลายบัตรเลือกตั้งตามข้างถนน เป็นต้น

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ที่ออกมาพูดทำนองเรื่องนี้พร้อมทั้งขยายความอย่างต่อเนื่อง แต่การตรวจสอบก็พบว่า ส่วนใหญ่ไม่เป็นความจริงเลย

สำนักข่าวนานาชาติเอพีทำการสืบสวนด้วยตนเองพร้อมทั้งตรวจสอบคำกล่าวหาว่ามีการทุจริตเลือกตั้งในพื้นที่ 6 รัฐสมรภูมิตามที่ทรัมป์อ้าง พร้อมทั้งพบว่า ในบัตรเลือกตั้งหลายล้านใบที่มีผู้มีสิทธิ์ใช้หรือส่งเข้ามา มีไม่ถึง 475 ใบเท่านั้นที่ผิดปกติ ซึ่งไม่ได้มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งที่ออกมาพร้อมทั้งยืนยันว่า โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต คือ ผู้ชนะในทั้ง 6 รัฐพร้อมทั้งได้คะแนนสูงกว่าทรัมป์รวมกันแล้ว 311,257 คะแนน

การตรวจสอบยังแสดงให้เห็นว่า ไม่มีกรณีการสมรู้ร่วมคิดในการพลิกผลเลือกตั้งใด ๆ โดยทุกกรณีที่มีการกล่าวอ้างนั้นเป็นเรื่องของคน ๆ เดียวที่กาบัตรเลือกตั้งเกิน 1 ใบทั้งสิ้น โดยมีตัวอย่างเช่น ชายคนหนึ่งเข้าใจผิดคิดว่าตนเองสามารถลงคะแนนเลือกตั้งขณะอยู่ในช่วงถูกปล่อยตัวจากเรือนจำโดยการคุมประพฤติอยู่ได้ หรือในอีกกรณีหนึ่งที่มีผู้หญิงคนหนึ่งต้องสงสัยว่า ส่งบัตรเลือกตั้งแทนแม่ที่จบชีวิตไปแล้วเข้ามาให้คณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง

อดีตเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งจำนวนหนึ่งบอกด้วยว่า การตรวจสอบคำกล่าวอ้างว่าเกิดการทุจริตเลือกตั้งหลายครั้งจบลงด้วยข้อสรุปว่า เป็นเรื่องของความผิดพลาดในการจัดเก็บ-ตรวจนับคะแนนหรือการเข้าใจผิดเสียมากกว่า

 

ทำไมการทุจริตเลือกตั้งแทบจะไม่น่ากระทบการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ

การจะบอกว่า ไม่เคยเกิดเหตุทุจริตการเลือกตั้งในสหรัฐฯ นั้นก็น่าจะเป็นการสรุปความที่ผิด

ในแต่ละปีที่มีการจัดการเลือกตั้ง มีผู้ใช้สิทธิ์กาบัตรหรือส่งบัตรเลือกตั้งเข้ามาหลายล้านใบเสมอ ทำให้รับประกันได้ว่า อย่างน้อยก็จะมีบางคนที่พยายามทำตุกติกในการเลือกตั้งบ้าง หรืออาจมีความพยายามที่ลับลวงยิ่งกว่าเกิดขึ้นได้ เช่น กรณีการพยายามซื้อเสียงในปี 2006 ที่รัฐเคนตักกี เป็นต้น

โดยในกรณีต่าง ๆ ที่ว่ามานั้น เทรย์ เกรย์สัน อดีตเลขานุการรัฐเคนตักกีพร้อมทั้งประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาโครงการ Secure Elections บอกว่า ก็ตามมาด้วยคำร้องเรียนจากผู้มีสิทธิ์พร้อมทั้งการสอบสวนจนพบผู้ลงมือกระทำการตัวจริงที่ยอมรับสารภาพผิดในที่สุด

เกรย์สันกล่าวเสริมว่า หากจะมีใครคิดการใหญ่ ทำการทุจริตเลือกตั้งในระดับสูงพร้อมทั้งเป็นวงกว้าง คนกลุ่มดังกล่าวก็จะต้องทำงานอย่างหนักมากเพื่อหลบหลีกระบบการตรวจสอบที่มีตามจุดต่าง ๆ ในระดับชั้นของการจัดการเลือกตั้ง พร้อมทั้งยังต้องมีผู้ร่วมมือจำนวนมากที่ต้องเก็บงำความลับของการก่ออาชญากรรมนี้ไว้ไม่ให้ถูกจับได้เลย ก่อนจะสรุปว่า “การกระจายอำนาจการจัดการเลือกตั้งเช่นนี้ คือระบบป้องปรามด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว” นั่นเอง

 

ที่มา: เอพี

 

สหรัฐฯ ยืนยันเกาหลีเหนือส่งทหาร 3,000 คนไปฝึกที่รัสเซีย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน เปิดเผยในวันพุธว่า มีหลักฐานชี้ว่าเกาหลีเหนือได้ส่งทหารไปรัสเซีย พร้อมทั้งพบว่า “เป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง” หากเกาหลีเหนือเข้าร่วมกับรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน พร้อมเตือนถึงผลที่จะตามมา

ทางด้านหน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ชี้ว่า มีทหารเกาหลีเหนือราว 3,000 คนถูกส่งไปรัสเซียเพื่อฝึกใช้โดรนพร้อมทั้งยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ

คำกล่าวของรัฐมนตรีออสตินที่กรุงโรม ถือเป็นครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ออกมายืนยันว่ามีทหารเกาหลีเหนือถูกส่งไปรัสเซียจริง โดยออสตินระบุด้วยว่า หากเกาหลีเหนือเข้าร่วมกับรัสเซียในสงครามครั้งนี้ จะส่งผลกระทบไม่ใช่แค่ในยุโรปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภูมิภาคอินโดแปซิฟิกโดยรวมด้วย

ในวันพุธ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติ จอห์น เคอร์บี บอกว่า สหรัฐฯ เชื่อว่ามีทหารเกาหลีเหนืออย่างน้อย 3,000 คนเดินทางด้วยเรือไปยังเมืองวลาดิวอสต็อก ซึ่งเป็นเมืองท่าใหญ่ที่สุดของรัสเซียในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อต้นเดือนตุลาคม จากนั้นเดินทางต่อไปยังค่ายฝึกทหารต่าง ๆ ทั่วภาคตะวันออกของรัสเซีย

เคอร์บี บอกว่า ทหารเกาหลีเหนืออาจเดินทางต่อไปยังภาคตะวันตกของรัสเซียเพื่อร่วมรบได้ “เรายังไม่ทราบว่าทหารเหล่านี้จะเข้าสู่สมรภูมิร่วมกับกองทัพรัสเซียหรือไม่ แต่มีความกังวลอย่างยิ่งว่าอาจเป็นเช่นนั้น”

หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เกาหลีเหนือส่งเจ้าหน้าที่กองกำลังพิเศษจำนวน 1,500 นายไปยังพื้นที่ตะวันออกไกลของรัสเซียเพื่อร่วมการฝึกซ้อมพร้อมทั้งปรับตัวให้เคยชินกับสภาวะอากาศที่ฐานทัพแห่งหนึ่ง แต่ทั้งรัสเซียพร้อมทั้งเกาหลีเหนือต่างออกมาปฏิเสธ

ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี บอกว่า มีรายงานข่าวกรองว่าเกาหลีเหนือจะส่งทหารรวม 10,000 คนเข้าร่วมกับกองทัพรัสเซีย ขณะที่เลขาธิการองค์การนาโต้ มาร์ค รุทเทอ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า หากเกาหลีเหนือส่งทหารให้รัสเซียจะถือเป็นการ “ยกระดับความขัดแย้งอย่างมีนัยสำคัญ”

รัสเซียพร้อมทั้งเกาหลีเหนือเพิ่มความร่วมมือทางทหารมากขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้ร่วมลงนามในข้อตกลงด้านการทหารเมื่อเดือนมิถุนายน เพื่อจัดหาความช่วยเหลือแก่กันพร้อมทั้งกันในกรณีที่ถูกจู่โจม

ด้านเกาหลีใต้กังวลว่า รัสเซียอาจให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีอาวุธให้แก่กรุงเปียงยางซึ่งอาจนำไปใช้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์พร้อมทั้งขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

พร้อมทั้งเมื่อวานนี้ เกาหลีใต้พบว่าอาจพิจารณาส่งอาวุธโดยตรงให้กับยูเครน เพื่อต่อต้านความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างเกาหลีเหนือพร้อมทั้งรัสเซีย

ปัจจุบัน เกาหลีเหนือมีทหารราว 1.2 ล้านคนซึ่งถือว่ามากที่สุดประเทศหนึ่ง

ที่มา: เอพี

 

สะเทือนเเมคโดนัลด์! เชื้ออีโคไลในเบอร์เกอร์ทำให้มีคนจบชีวิต 1 ราย

หน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐฯ พบว่ามีผู้จบชีวิต 1 รายพร้อมทั้งป่วยอีกเกือบ 50 คน ซึ่งต่างเป็นกรณีที่เชื่อมโยงกับเบอร์เกอร์ของร้านเเม็คโดนัลด์

ด้วยเหตุนี้ บริษัทเเมคโดนัลด์งดเสิร์ฟเมนูเบอร์เกอร์  Quarter Pounder ใน 12 รัฐของสหรัฐฯแล้ว ตามรายงานของรอยเตอร์ โดยรัฐที่มีคนป่วยอยู่ในฝั่งตะวันตกพร้อมทั้งตอนกลางของประเทศแถบมิดเวสต์ 

มีผู้ป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลจากการติดเชื้ออีโอไล 10 รายตามข้อมูลของศูนย์ป้องกันพร้อมทั้งควบคุมโรคสหรัฐฯ หรือ CDC (Centers for Disease Control and Prevention)  ซึ่งกำลังตรวจสอบการระบาดครั้งนี้

โฆษก CDC ทิม สกินเนอร์บอกว่า “เราคาดหมายอย่างเต็มที่ว่าจะมีเคสเพิ่มขึ้น…เเมคโดนัลด์ดำเนินการค่อนข้างรวดเร็ว พร้อมทั้งหวังว่าจะสามารถป้องกันกรณีการติดเชื้อให้ได้มากที่สุด”

ทั้งนี้การระบาดของอีโคไลในอดีตเคยทำให้ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในสหรัฐฯ หลายแห่งเสียลูกค้าเป็นเวลาหลายเดือน

กรรมการผู้จัดการใหญ่เเมคโดนัลด์ ที่ดูเเลตลาดสหรัฐฯ โจ เออร์ลินเจอร์ กล่าววันพุธว่า บริษัทจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคใหม่อีกครั้ง หลังจากสั่งงดขายเบอร์เกอร์ Quarter Pounder ที่จำนวนสาขา 1 ใน 5 จากทั้งหมด 14,000 แห่งทั่วสหรัฐฯ 

CDC พร้อมทั้ง เเมคโดนัลด์ กำลังตรวจสอบหาสาเหตุของส่วนประกอบอาหาร โดยพุ่งเป้าที่ไปที่ชิ้นเนื้อบด พร้อมทั้งหัวหอมที่หั่นเตรียมไว้

รอยเตอร์รายงานว่าราคาหุ้นของเเมคโดนัลด์ ลดลง 4.9% มาอยู่ที่ 299.42 ดอลลาร์ช่วงการซื้อขายในตอนบ่าย

ก่อนหน้านี้หุ้นเเตะร่วงลงไปอยู่ที่ 290.88 ดอลลาร์

ชื่อวิทยาศาสตร์ของเชื้อที่ทำให้เกิดการระบาดครั้งนี้ชื่อ E. coli O157:H7 ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกับที่ทำให้เกิดการระบาดปี 1993 ในครั้งนั้นมีเด็ก 4 คนจบชีวิต

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางอาหารบอกว่าเชื้อนี้อาจเป็นอันตรายอย่างมากต่อผู้สูงอายุ เด็ก พร้อมทั้งผู้ที่ปัญหาด้านระบบภูมิคุ้มกัน

12 รัฐที่แมคโดนัลด์ งดเสิร์ฟ Quarter Pounder ประกอบด้วย โคโลราโด แคนซัส ยูทาห์ ไวโอมิง พร้อมทั้งบางส่วนของรัฐไอดาโฮ มิสซูรี มอนทานา เนบราสกา เนวาดา นิวเม็กซิโก พร้อมทั้งโอคลาโฮมา

ที่มา: รอยเตอร์

ผู้นำอังกฤษไม่กังวลหลังถูกทีมทรัมป์กล่าวหาพรรคเเรงงานแทรกเเซงเลือกตั้งสหรัฐฯ

London — นายกรัฐมนตรีอังกฤษเคียร์ สตาร์เมอร์ ไม่แสดงความกังวลต่อคำกล่าวหาของทีมงานของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ลงเเข่งเป็นผู้นำอีกสมัย ที่ว่าพรรคเเรงงานของสตาร์เมอร์แทรกแซงการเมืองสหรัฐฯ “อย่างร้ายเเรง”

สตาร์เมอร์บอกว่า เป็นเรื่องปกติที่อาสาสมัครของพรรคเเรงงานจะทำการรณรงค์ทางการเมือง

ผู้นำอังกฤษยังได้ยืนยันว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับทรัมป์ หลังจากที่ได้พบกันเมื่อเดือนที่เเล้ว

ทีมกฎหมายของทรัมป์ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่พบว่า “พรรคเเรงงานอังกฤษได้ให้เงิน พร้อมทั้งคณะหาเสียงของ (คามาลา) แฮร์ริส ก็รับเงิน ซึ่งเป็นการบริจาคของต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย”

การยื่นคำร้องนี้ อ้างอิงจากรายงานของสื่อที่พบว่าเจ้าหน้าที่พรรคเเรงงาน ซึ่งรวมถึงมอร์แกน เเม็คสวีนีย์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่คนใหม่ของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดินทางไปสหรัฐเพื่อให้คำแนะนำกับคณะหาเสียงของเเฮร์ริส

ทีมงานของทรัมป์ ยังได้แสดงให้เห็นว่า โซเฟีย พาเทล ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของพรรคเเรงงานของอังกฤษ เคยโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ LinkedIn เรียกร้องให้อาสาสมัครเดินทางไปรัฐนอร์ธแคโรไลนา พร้อมทั้งบอกว่า “เราจะหาทางจัดการเรื่องที่อยู่ของพวกคุณให้”

ชาวต่างชาติสามารถเป็นอาสาสมัครในการเลือกตั้งที่สหรัฐฯ ได้ แต่ต้องไม่ได้รับค่าตอบเเทน

สตาร์เมอร์บอกว่า พรรคของเขาไม่ได้ทำอะไรผิด พร้อมทั้งอาสาสมัครเหล่านั้นรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายกันเอง

นายกฯ อังกฤษ แสดงความเห็นเรื่องนี้ต่อสื่อที่เดินทางไปกับเขาที่การประชุมบนเกาะซามัวในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งอยู่ในเครือจักรภพ

“พรรคเเรงงานมีอาสาสมัคร ที่ได้เคยเดินทางไปแทบทุกการเลือกตั้ง” สตาร์เมอร์กล่าว “พวกเขาใช้เวลาว่างเดินทางไป พวกเขาทำเช่นนั้นในฐานะอาสาสมัคร ผมคิดว่าพวกเขาอยู่กับอาสาสมัครคนอื่นที่นั่น”

ผู้นำอังกฤษบอกว่าสิ่งที่อาสาสมัครเหล่านี้ทำนั้นเป็นไปในเเบบเดียวกับการเลือกตั้งครั้งก่อน ๆ “มันตรงไปตรงมามาก” สตาร์เมอร์กล่าว

เขายังได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจทำลายความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของอังกฤษ หากว่าทรัมป์ชนะเเฮร์ริสพร้อมทั้งได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย

นอกจากนี้ สตาร์เมอร์บอกว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับทรัมป์ หลังจากที่รับประทานอาารค่ำกับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้เมื่อเดือนที่เเล้วที่ตึก Trump Tower ซึ่งทรัมป์อาศัยอยู่ในนครนิวยอร์ก

ที่มา: เอเอฟพี

ไต้หวันเผยจีนนำเรือบรรทุกเครื่องบินแล่นผ่านช่องแคบ

Taipei, Taiwan — จีนนำเรือบรรทุกเครื่องบินแล่นผ่านช่องเเคบไต้หวันในวันพุธ ตามข้อมูลของรัฐมนตรีกลาโหมไต้หวัน โดยก่อนหน้านั้นหนึ่งวันรัฐบาลปักกิ่งเพิ่งซ้อมยิงด้วยกระสุนจริงใกล้เกาะแห่งนี้เช่นกัน

รัฐมนตรี เวลลิงตัน คู ของไต้หวันได้บอกกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เรือรบเหลียวหนิงผ่านช่องแคบไต้หวันในเวลานี้ ในทางเหนือตามเเนวเส้นกึ่งกลางพร้อมทั้งเรากำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด”

ที่ผ่านมารัฐบาลปักกิ่งยกระดับกิจกรรมทางทหารในบริเวณดังกล่าว โดยมองว่าไต้หวันซึ่งปกครองตนเองเป็นส่วนหนึ่งของจีน เพื่อกดดันให้รัฐบาลไทเปยอมรับการอ้างอธิปไตยของจีน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เหลียวหนิงซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่เก่าที่สุดของจีน ร่วมซ้อมรบครั้งใหญ่ในบริเวณดังกล่าว ส่วนไต้หวันพร้อมทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาประณามการกระทำดังกล่าว

ปฏิบัติการซ้อมรบครั้งนั้น มีการฝึกปิดกั้นเส้นทางใกล้ไต้หวันด้วย

ล่าสุดรัฐมนตรีคู เตือนในวันพุธว่าถ้าการปิดกั้นไต้หวันเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นการก่อสงคราม พร้อมทั้งจะสร้าง “ผลกระทบที่ร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโลก”

จีนมีเรือบรรทุกเครื่องบินที่กำลังใช้งานทั้งหมด 2 ลำ ส่วนลำที่สามกำลังอยู่ระหว่างที่ทดสอบ โดยเรือรบเหลียวหนิงเคยเเล่นผ่านช่องแคบไต้หวันก่อนหน้านี้

นักวิเคราะห์เจียง ชิงเปา แห่งสถาบัน Institute for National Defense and Security Research ของไต้หวันบอกว่าเรือรบเหลียวหนิงน่าจะเดินทางกลับมาจากทางเหนือของทะเลจีนใต้ เพื่อ “รับการดูแลพร้อมทั้งตรวจสภาพ”

เขาได้บอกกล่าวกับสื่อเอเอฟพีว่าการให้เรือเหลียวหนิงเข้าร่วมการซ้อมรบไม่นานนี้น่าจะมี “จุดประสงค์เพื่อฝึกต่อต้านกองทัพต่างชาติพร้อมทั้งข่มขวัญไต้หวัน”

รัฐบลปักกิ่งยกระดับการส่งเครื่องบินรบ โดรนเเละเรือรบไปบริเวณไต้หวัน จำนวนที่สูงสุดเป็นสถิติใหม่

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. จีนส่งเรือรบไปล้อมไต้หวัน ซึ่งรัฐบาลปักกิ่งบอกว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือน “พฤติกรรมแบ่งแยกดินเเดนของกองทัพไต้หวัน”

ท่าทีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อของไต้หวันกล่าวในวันชาติ 10 ต.ค. ว่าเขาจะต่อต้านความพยายาม “ผนวก” ไต้หวันเป็นของจีน

ที่มา: เอเอฟพี

“พีระพันธุ์” ต้อนรับโปลิตบูโรจีน เดินหน้าแลกเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจ-การเมือง

“พีระพันธุ์” นำทีมพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้อนรับคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชูมิตรภาพไทย-จีน 50 ปี พร้อมเดินหน้าพัฒนาการค้า วัฒนธรรม ประสานความร่วมมือการเมือง

เจ้าหน้าที่อุทยานฯ กุยบุรี ตามช่วย “กระทิง” บาดเจ็บ ขาขวาถูกบ่วงสลิงรัด

เจ้าหน้าที่อุทยานฯ กุยบุรี พร้อมสัตวแพทย์ ช่วย “กระทิง” บาดเจ็บ ขาถูกบ่วงสลิงรัด วางแผนยิงยาซึม-เข้าทำการรักษา ก่อนปล่อยให้กลับไปหากินตามธรรมชาติ

“แพทองธาร” ขอบคุณนักธุรกิจโลกมั่นใจไทย ยอดขอลงทุนปีนี้สูงสุดในรอบ 10 ปี

นายกฯ ขอบคุณนักธุรกิจโลก มั่นใจประเทศไทย หลังยอดขอการลงทุนช่วง 9 เดือนของปี 67 สูงสุดในรอบ 10 ปี กำชับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เร่งกระตุ้นการลงทุนสร้างเศรษฐกิจไทยให้กลับมาคึกคัก

ศปช. เตือนภาคใต้-เหนือตอนล่าง เฝ้าระวังดินถล่ม เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มเล็กน้อย

ศปช. เตือนภาคใต้พร้อมทั้งภาคเหนือตอนล่าง ยังมีฝนตกหนัก เฝ้าระวังดินถล่ม ด้านเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มการระบายเล็กน้อย เตรียมส่งมอบให้พื้นที่ต่อ หลังฟื้นฟูระยะที่ 1 ในเชียงราย เสร็จสิ้น