ข่าวด่วนวันนี้
thailandtvhd.com
ลาเสร็จกี่โมง? สนามบินนิวซีแลนด์เริ่มนโยบายจำกัดนาทีร่ำลา
ท่าอากาศยานเมืองดะนีดิน ในเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ เริ่มกำหนดเวลาการกอดร่ำลาที่จุดส่งผู้โดยสารของสนามบินให้เหลือเพียง 3 นาทีเท่านั้น จุดประสงค์เพื่อป้องกันการจราจรติดขัด
ป้ายเตือนที่ติดไว้ด้านหน้าอาคารผู้โดยสารขาออกมีข้อความพบว่า “กอดกันได้ไม่เกิน 3 นาที” นั่นหมายความว่าผู้ที่ต้องการกอดลานานกว่านั้นจะต้องไปจอดรถที่ลานจอดรถของสนามบินเสียก่อน
แดน เดอ โบโน ประธานบริหารสนามบินแห่งนี้ บอกกับเอพีว่า มาตรการจำกัดเวลากอด เริ่มนำมาใช้เมื่อเดือนกันยายน เพื่อ “ให้ทุกอย่างเดินไปอย่างราบรื่น” ในจุดส่งผู้โดยสารขาออกด้านหน้าสนามบินซึ่งมีไว้สำหรับ “การร่ำลาอย่างรวดเร็ว” เท่านั้น
ถ้าหากว่า เดอ โบโน บอกว่า ป้ายเตือนนี้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนจำนวนมาก ดยเฉพาะบรรดาผู้ใช้อินเทอร์เน็ต บางคนกล่าวหาว่าทางสนามบินละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานด้วยการจำกัดเวลากอดบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเขา
แต่ก็มีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ยินดีต้อนรับนโยบายใหม่นี้ เมื่อทเียบกับสนามบินบางแห่งในประเทศอื่น ที่ใช้วิธีปรับเงินสำหรับผู้ที่จอดรถส่งผู้โดยสารในจุดรับส่งนานเกินไป หรือเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับทุกคนที่ต้องการเข้าไปในพื้นที่รับส่งนั้น
ผู้บริหารสนามบินดะนีดิน บอกว่า เวลา 3 นาทีนั้นนานเกินพอสำหรับการกอดร่ำลา เพราะตามหลักการทางวิทยาศาสตร์นั้น ฮอร์โมนออกซีทอกซิน พร้อมทั้งเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นความรู้สึกที่ดี จะถูกปล่อยออกมาหลังจากกอดกันเพียง 20 วินาทีเท่านั้น ถ้านานก็กว่านั้นก็อาจจะรู้สึกเคอะเขินแล้ว
เขายังบอกด้วยว่า การจำกัดเวลาถือเป็นวิธีที่ดีที่จะบอกคนที่กำลังจะเดินทางจากไปว่า “โชคดีพร้อมทั้งเดินทางต่อไป” โดยไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีก
ถึงกระนั้น ผู้โดยสารหลายคนก็บอกว่า พวกเขาไม่ต้องการให้ใครมาบอกว่าต้องกอดร่ำลานานแค่ไหน พร้อมทั้งว่า “เราไม่ต้องตำรวจตรวจการกอดที่นี่” แต่อย่างใด
ที่มา: เอพี
จีนเผยคู่มือตรวจคนน้ำหนักตัวเกิน ตั้งเป้าแก้วิกฤตโรคอ้วน
คู่มือดังกล่าวซึ่งเผยแพร่สู่สาธารณชนเมื่อวันที่ 17 ต.ค. มีขึ้นในขณะที่จีนเผชิญแนวโน้มประชากรน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานมากขึ้น โดย NHC คาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 ประชากรจีนอาจมีน้ำหนักตัวเกินหรือเป็นโรคอ้วนมากถึง 65.3%
โดยคู่มือเล่มนี้พบว่า “โรคอ้วนได้กลายเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขระดับชาติในจีน ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับที่หกที่ทำให้มีประชาชนจีนจบชีวิตหรือทุพพลภาพมากที่สุด”
ปัจจุบัน จีนเผชิญความท้าทายสองประการที่นำไปสู่ปัญหาสุขภาพของประชาชน หนึ่งคือความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจที่นำโดยภาคเทคโนโลยี ซึ่งทำให้คนทำงานในเมืองส่วนใหญ่เปลี่ยนไปนั่งโต๊ะทำงาน พร้อมทั้งออกกำลังกายน้อยลง ตลอดจนความเครียดจากการทำงานเป็นเวลาหลายชั่วโมง รวมทั้งการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
ส่วนในเขตชนบท งานภาคเกษตรกรรมลดการใช้แรงงานคนพร้อมทั้งเพิ่มเครื่องทุ่นแรง ประกอบกับความขาดแคลนสาธารณสุขขั้นพื้นฐานที่สามารถตรวจสอบพร้อมทั้งรักษาปัญหาสุขภาพพร้อมทั้งโรคน้ำหนักตัวเกิน ตามรายงานของบรรดาผู้เชี่ยวชายญด้านการแพทย์
ผู้จัดทำคู่มือฉบับนี้ได้บอกกล่าวกับสื่อซินหัวของทางการจีนว่า ในคู่มือมีคำแนะนำพร้อมทั้งข้อบังคับต่าง ๆ ในการตรวจรักษาผู้ที่เป็นโรคอ้วน การมีโภชนาการที่ดี การรักษาแบบผ่าตัด การปรับพฤติกรรมพร้อมทั้งอารมณ์ รวมทั้งแนวทางการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก
คู่มือดังกล่าวถูกส่งไปให้กับโรงเรียนระดับประถมพร้อมทั้งมัธยมศึกษาทั่วประเทศ เพื่อสอนนักเรียนให้รู้จักการตรวจสอบสุขภาพพร้อมทั้งน้ำหนักของตนเอง การออกกำลังกายในแต่ละวัน พร้อมทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ลดเกลือ น้ำตาล พร้อมทั้งน้ำมัน เป็นต้น
ที่มา: รอยเตอร์
สื่อรัสเซียอวยทรัมป์ แต่ยังไร้เสียเชียร์จากรัฐบาลปูติน
ในเดือนนี้ สื่อโทรทัศน์ Channel One ของรัฐบาลรัสเซีย นำคลิปที่แฮร์ริส ซึ่งเป็นตัวเเทนจากพรรคเดโมเเครตในการเข่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกล้อเลียนโดยมหาเศรษฐีอิลอน มัสก์ กับพิธีกรโทรทัศน์ทักเคอร์ คาร์ลสัน มาเผยเเพร่
สื่อของรัสเซียที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลยังนำเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึงการพูดที่ไม่ค่อยน่าประทับใจของแฮร์ริสออกมาเปิดเป็นคลิปรวมมิตรคำแถลงของเธอ
ในทางกลับกับสำหรับทรัมป์ ช่อง Channel One สื่อสารให้ถึงภาพเชิงบวกต่อทรัมป์พร้อมทั้งเจ ดี เเวนซ์ผู้ร่วมพรรครีพับลิกันพร้อมทั้งลงสมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดี
ถ้าหากว่าท่าที่ของรัฐบาลเครมลินเองยังคงค่อนข้างนิ่ง พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่บางคนยังกังวลถึงความสัมพันธ์กับรัฐบาลวอชิงตัน ไม่ว่าทรัมป์ หรือเเฮร์ริสได้เป็นผู้นำสหรัฐฯ หลังการเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย.
ฝ่ายเครมลินบอกว่า ตัวเลือกว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไปนั้น เป็นประเด็นเฉพาะของคนอเมริกันต้องตัดสินใจ นอกจากนั้นยังปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งให้สื่อทำข่าวการเลือกตั้งสหรัฐฯ ไปทางใดทางหนึ่ง
รอยเตอร์รายงานว่า อดีตผู้ที่ทำงานให้กับสื่อของทางการรัสเซียเคยกล่าวอย่างเปิดเผยถึงการออกเเนวทางของรัฐต่อนักข่าวในการทำข่าวต่าง ๆ ในการประชุมรายสัปดาห์
อดีตปธน.ทรัมป์ ชื่นชมปธน.ปูตินบ่อยครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งบอกว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีสำหรับการทำงานร่วมกัน พร้อมทั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทรัมป์กล่าวโทษปธน.ยูเครนโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีว่าเป็นสาเหตุหนึ่ของการเริ่มต้นของสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ในสัปดาห์นี้ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะยืนยันความถูกต้องของรายงานว่าเขาพูดคุยกับปูตินในหลายโอกาส ตั้งเเต่ที่พ้นจากตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในปี 2021
เขาเพียงบอกว่า “ถ้าผมทำเช่นนั้นจริง ก็เป็นสิ่งที่ฉลาด”
ในทางตรงข้ามรองปธน.แฮร์ริส เรียกปูตินว่า เป็น “ผู้นำเผด็จการฆาตกร” เธอยังให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนยูเครน พร้อมทั้งบอกว่าการจบชีวิตของผู้นำฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลรัสเซีย อเล็กเซ นาวาลนี ระหว่างถูกคุมขัง คือ “อีกสัญญาณหนึ่งของความโหดร้ายของปูติน”
ทั้งนี้รัฐบาลเครมลินปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการจบชีวิตของนาวาลนี
นักวิชาการแอนเดร ซิโดรอฟ แห่งมหาวิทยาลัย Moscow State University บอกในรายการของสื่อของรัฐในเดือนนี้ว่า หากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเป็นเรื่องที่ดีกว่าสำหรับรัสเซีย
ซิโดรอฟ บอกว่าทรัมป์จะก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมอเมริกัน ขั้นรุนเเรง
“ผมสนับสนุนทรัมป์ ผมสนับสนุนทรัมป์มาตลอด เขาคือผู้ทำลาย ถ้าเขาได้รับเลือกตั้ง สงครามกลางเมืองจะเป็นประเด็นสำคัญ” ซิโดรอฟเขากล่าว “ทรัมป์จะนำพาประเทศที่เป็นศัตรูของเราทางภูมิรัฐศาสตร์ไปสู่การล่มสลายโดยไม่ต้องยิงจรวดใด ๆ เเม้เเต่ลูกเดียว”
รายงานข่าวกรองของสหรัฐฯ เมื่อ 7 ปีก่อนพบว่าปูตินสั่งให้มีปฏิบัติการที่ส่งผลต่อความคิดของประชาชนอเมริกัน ด้วยการสร้างภาพลบต่อฮิลลารี คลินตัน ที่เเข่งกับทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในตอนนั้น
รัฐบาลเครมลินปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ ส่วนทรัมป์บอกว่าไม่ได้ร่วมมือกับรัสเซียระหว่างที่หาเสียง
เเม้ว่าทรัมป์พร้อมทั้งแฮร์ริสมีแนวทางเรื่องรัสเซียที่ต่างกัน แต่เจ้าหน้าที่รัสเซียบางรายบอกกับรอยเตอร์ว่า ไม่ว่าผู้ชนะจะเป็นเเฮร์ริสหรือทรัทป์ เจ้าหน้าที่เหล่านี้ยังคงกังวลกับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ต่อไป
พวกเขาคิดว่าหากแฮร์ริสชนะ สงครามของรัสเซียกับยูเครนน่าจะยังคงดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับสมัยปธน.โจ ไบเดน พร้อมทั้งการต่อสู้อาจไม่หยุดลงจนกระทั่งยูเครนหมดซึ่งทรัพยากรกลาโหม พร้อมทั้งหากว่าเป็นทรัมป์ การดำเนินนโยบายของรัฐบาลวอชิงตันต่อรัสเซีย จะยังคงถูกกำหนดโดยกลุ่มอำนาจที่มีมานานในการเมืองสหรัฐฯ
พร้อมทั้งทรัมป์เองก็เคยใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียขณะที่เป็นผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งทัศนะดังกล่าวถูกสะท้อนออกมาโดยคำพูดของรมต.ต่างประเทศรัสเซียเซอร์เก ลาฟรอฟเมื่อเดือนที่เเล้ว
ที่มา: รอยเตอร์
ปูตินเปิดประชุม BRICS หวังคานอำนาจตะวันตก ไทยเข้าร่วมด้วย
สำหรับปธน.ปูติน การประชุมสามวันครั้งนี้อาจกลายเป็นเวทีในการแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของสหรัฐฯ ในความพยายามเป็นผู้นำเพื่อโดดเดี่ยวรัสเซียจากการรุกรานยูเครน
ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านกิจการต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวถึงการประชุม BRICS ครั้งนี้ว่า “เป็นการประชุมด้านนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่รัสเซียเคยจัดมา” โดยมี 36 ประเทศเข้าร่วม รวมทั้งประเทศไทย
เดิมทีกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน พร้อมทั้งแอฟริกาใต้ จากนั้นได้เพิ่มประเทศสมาชิกอีก 5 ประเทศ คือ อิหร่าน อียิปต์ เอธิโอเปีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมทั้งซาอุดิอาระเบีย นอกจากนี้มีหลายประเทศที่ยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกแล้ว ได้แก่ ตุรกี อาเซอร์ไบจาน พร้อมทั้งมาเลเซีย ส่วนไทยแสดงความสนใจอยากเข้าร่วม
โดยปธน.ปูติน ร่วมประชุมนอกรอบราว 20 ครั้งในช่วง 3 วันจากนี้ เริ่มจากพบกับนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ซีริล รามาโฟซา พร้อมทั้งประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ในวันอังคาร
พร้อมทั้งในวันพฤหัสบดี ปูตินจะพบหารือกับเลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเทอร์เรซ ซึ่งเดินทางเยือนรัสเซียเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองปี โดยก่อนหน้านี้ กูเทอร์รเซได้วิจารณ์ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนหลายครั้ง
นักวิเคราะห์มองว่า การประชุมกลุ่ม BRICS คือความพยายามของรัสเซียในการสนับสนุนขั้วประเทศซีกโลกใต้ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจพร้อมทั้งการเงิน ท่ามกลางความตึงเครียดกับชาติตะวันตก
ข้อเสนอหนึ่งคือการสร้างระบบการจ่ายเงินข้ามประเทศที่เป็นทางเลือกใหม่นอกเหนือจากเครือข่าย SWIFT พร้อมทั้งช่วยให้รัสเซียสามารถหลบเลี่ยงมาตรการลงโทษจากชาติตะวันตกได้
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศของไทย พบว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำระหว่างกลุ่มประเทศ BRICS กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่พร้อมทั้งประเทศกำลังพัฒนา หรือ BRICS Plus Summit ในวันที่ 24 ตุลาคม ที่เมืองคาซาน ตามคำเชิญของนายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย
การประชุมนี้ถือเป็นการประชุมในกรอบ BRICS Plus ครั้งที่ 4 จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “BRICS and the Global South: Building a Better World Together” เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาความท้าทายในระดับภูมิภาคพร้อมทั้งระดับโลก พร้อมทั้งแนวทางการส่งเสริมระบบพหุภาคีเพื่อการสร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นธรรมพร้อมทั้งเป็นประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น
กระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสให้ฝ่ายไทยได้เน้นย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับปฏิสัมพันธ์กับกลุ่ม BRICS หลังจากที่ไทยได้ยื่นหนังสือแสดงความประสงค์ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิก BRICS เมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้
ที่มา: เอพี, เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศของไทย
‘ไอเอ็มเอฟ’ ปรับขึ้นคาดการณ์ศก.สหรัฐฯ แต่ปรับของจีนลง
รายงาน World Economic Outlook ฉบับล่าสุดของ IMF ประเมินว่า จีดีพีของเศรษฐกิจโลกในปี 2024 จะยังคงอยู่ที่ระดับ 3.2% ดังที่ระบุในการคาดการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทิศทางการขยายตัวที่ไม่ค่อยสดใสนัก ขณะที่ ผู้นำการเงินโลกมารวมตัวกันที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้เพื่อร่วมการประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟพร้อมทั้งธนาคารโลก
IMF คาดการณ์จีดีพีเศรษฐกิจโลกในปี 2025 ที่ 3.2% ซึ่งเป็นการปรับลงจากการประเมินในคราวที่แล้ว 0.1% พร้อมชี้ว่า แนวโน้มการขยายตัวในระยะกลางน่าจะอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 3.1% ภายใน 5 ปี ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเมื่อก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรน่า-19 เสียอีก
อย่างไรก็ดี ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส หัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์ของ IMF บอกว่า สหรัฐฯ อินเดียพร้อมทั้งบราซิลแสดงให้เห็นถึงความสามารถของประเทศในการฟื้นตัวพร้อมทั้งภาวะที่จะขยายตัวไปได้ในอัตราช้าลง (soft-landing) ที่เห็นอัตราเงินเฟ้ออ่อนตัวลงโดยไม่ส่งผลให้มีการเลิกจ้างงานเป็นจำนวนมาก
คาดการณ์จีดีพีของสหรัฐฯ ในปีนี้ถูกปรับขึ้นจาก 2.6% มาเป็น 2.8% เนื่องจากการขยายตัวของการบริโภคที่แข็งแกร่งกว่าคาดที่มีแรงส่งมาจากค่าแรงพร้อมทั้งราคาสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ IMF ปรับคาดการณ์ตัวเลขของปีหน้าจาก 1.9% ขึ้นเป็น 2.2% ด้วย
ในส่วนของจีนนั้น IMF ลดอัตราคาดการณ์จีดีพีปี 2024 จาก 5.0% ลงมาเป็น 4.8% แม้จะพิจารณาการเพิ่มขึ้นของการส่งออกที่ชดเชยผลกระทบของปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์พร้อมทั้งความมั่นใจผู้บริโภคที่อ่อนลงแล้ว ส่วนตัวเลขของปีหน้านั้น มีการคงตัวไว้ที่ 4.5%
IMF ยังได้พิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ในการประเมินทิศทางเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ด้วย ซึ่งมีตั้งแต่ความน่าจะเป็นของการปรับขึ้นภาษีนำเข้าพร้อมทั้งมาตรการตอบโต้ที่อาจตามมาจากประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐฯ ประเทศกลุ่มยูโรโซน พร้อมทั้งจีน รวมทั้งการอพยพเคลื่อนย้ายเข้าสหรัฐฯ พร้อมทั้งยุโรปที่ลดลง พร้อมทั้งความปั่นป่วนในตลาดการเงิน ซึ่งหากเกิดขึ้นทั้งหมด จีดีพีโลกน่าจะหดตัว 0.8% ในป 2025 พร้อมทั้ง 1.3% ในปี 2026
พร้อมทั้งหากสงครามในตะวันออกกลางพร้อมทั้งยูเครนขยายวงออกไป IMF ราคาน้ำมันโลกพร้อมทั้งสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ก็น่าจะพุ่งขึ้นไปอีก
ที่มา: รอยเตอร์
ความกังวลต่อผลการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ ทำผู้ค้าอเมริกันเร่งส่งออกถั่วเหลือง
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ที่เปิดเผยออกมาในวันจันทร์พบว่า มีการตรวจสอบถั่วเหลืองเพื่อการส่งออกมากถึงเกือบ 2.5 ล้านตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใน 1 ปี
แต่แม้พัฒนาการนี้อาจดูเป็นโอกาสทองของเกษตรกรสหรัฐฯ ที่ประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำพร้อมทั้งอุปทานล้น ผู้ขายมองว่า ความต้องการของการส่งออกที่ปรับเพิ่มนี้อาจอยู่ไม่นาน พร้อมทั้งอาจทำให้สหรัฐฯ มีปัญหาเมล็ดพืชน้ำมัน (oilseed) ล้นเหลือในช่วงที่ราคาตกฮวบใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี
ผู้ค้าพร้อมทั้งนักวิเคราะห์บอกว่า สาเหตุที่เกิดสถานการณ์นี้ขึ้นก็คือ คำพูดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนชิงตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาวจากพรรครีพับลิกันที่ขู่จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าที่ส่งผลให้ผู้นำเข้าบางรายในจีนหยุดนำเข้าจากสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้าไปแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ผู้ค้าในจีนเริ่มหันไปซื้อถั่วเหลืองจากบราซิลแทนพร้อมทั้งยอมจ่ายแพงขึ้น 40 เซนต์ต่อหน่วยตวงวัดข้าว (bushel) เมื่อเทียบกับราคาของถั่วเหลืองอเมริกัน ในช่วงที่เริ่มมีการขยับฤดูกาลเก็บเกี่ยวเร็วขึ้นกว่าปกตินี้ซึ่งจะยิ่งทำให้ช่วงเวลาการส่งออกของสหรัฐฯ สั้นลงไปด้วย
แดน บาส ประธานของ AgResource Co. บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจธัญพืชพร้อมทั้งเมล็ดพืชน้ำมัน บอกว่า “จีนไม่รู้หรอกว่า ต้นทุนสุดท้ายจะเป็นเท่าไหร่เมื่อเทียบกับอัตราภาษีนำเข้า พวกเขาแค่กำลังเลี่ยงสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป”
บาสคาดว่า การส่งออกของสหรัฐฯ ในฤดูเก็บเกี่ยว 2024/2025 จะลดลงต่ำกว่าคาดการณ์ของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ประมาณ 75 ล้านบุชเชล
ในเวลานี้ การประเมินว่า จีนจะโต้ตอบนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลอย่างไรยังเป็นสิ่งที่ไม่ชัดเจนนัก โดยทรัมป์ประกาศว่า จะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าจีนขึ้นเป็นประมาณ 60% ส่วนคามาลา แฮร์ริส ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตมีแผนจะคงระดับภาษีนำเข้าไว้ประมาณเดิม
แทร์รี ไรลี นักวางยุทธศาสตร์อาวุโสด้านการเกษตรจาก Marex บอกว่า ในความจริง มีโอกาสของการปรับขึ้นภาษีจากทั้งสองพรรค แต่มีความน่าจะเป็นสูงกว่าภายใต้รัฐบาลทรัมป์ พร้อมทั้งว่า “สำหรับแฮร์ริสแล้ว มีความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นจริงว่า ทุกอย่างจะกลับคืนสู่สถานะเดิมที่เป็นอยู่เดิม (status quo)”
ผู้ค้าบอกว่า ราคาส่งออกสำหรับถั่วเหลืองสหรัฐฯ ที่พร้อมลงเรือในตอนนี้น่าจะลดลงอย่างหนักในอีกไม่กี่สัปดาห์ เพราะอุปทานกับอุปสงค์ของตลาดเสมอกันแล้ว พร้อมทั้งหากจีนเลือกหยุดสั่งซื้อ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้ารอบใหม่
ที่มา: รอยเตอร์
‘บลิงเคน’ เยือนอิสราเอล-หวังลดระดับความขัดแย้งในกาซ่าพร้อมทั้งเลบานอน
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เข้าพบผู้นำอิสราเอลในวันอังคาร เพื่อเดินหน้าผลักดันให้มีการเจรจาหยุดยิงในสงครามกาซ่าอีกครั้ง พร้อมทั้งเปิดทางให้มีการนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในพื้นที่ความขัดแย้งนี้มากขึ้น พร้อม ๆ กับการลดระดับความรุนแรงในสงครามระหว่างอิสราเอลพร้อมทั้งกลุ่มเฮซบอลลาห์ในเลบานอนด้วย
แต่ก่อนที่บลิงเคนจะได้เริ่มนั่งลงหารือกับฝ่ายอิสราเอล กลุ่มติดอาวุธเฮซบอลลาห์บอกว่า ได้ยิงจรวดเข้าใส่ฐานทัพของอิสราเอลที่อยู่ใกล้กรุงเทลอาวีฟพร้อมทั้งเมืองไฮฟา ขณะที่ อิสราเอลเปิดเผยว่า ได้ยิงสกัดจรวดทั้งหมดที่ยิงมาจากเลบานอนไว้ได้
กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนรายงานด้วยว่า การจู่โจมของอิสราเอลในวันอังคารใกล้ ๆ กับโรงพยาบาลหลักของรัฐใกล้กรุงเบรุตสังหารผู้คนอย่างน้อย 13 รายพร้อมทั้งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 57 คนด้วย โดยกองทัพอิสราเอลบอกว่า ได้ยิงใส่เป้าหมายเฮซบอลลาห์หลายจุดในเมืองหลวงของเลบานอน โดยหนึ่งในนั้นเป็นฐานทัพกลางสำหรับกองกำลังทางน้ำของกลุ่มติดอาวุธนี้
ในส่วนของการเดินทางมายังตะวันออกกลางครั้งที่ 11 นับตั้งแต่ความขัดแย้งในกาซ่าปะทุขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปี 2023 บลิงเคนพบกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูพร้อมทั้งรัฐมนตรีกลาโหมโยอาฟ กัลแลนต์
เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่สหรัฐฯ อียิปต์พร้อมทั้งกาตาร์เป็นตัวกลางเดินหน้าความพยายามเจรจาหาทางออกให้กับความขัดแย้งในภูมิภาคนี้แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เกิดการหยุดยิงในฉนวนกาซ่าพร้อมทั้งมีการปล่อยตัวประกันที่ยังอยู่ในมือกลุ่มฮามาสได้
นอกจากที่อิสราเอลแล้ว บลิงเคนมีกำหนดแวะเยือนอีกหลายจุดในตะวันออกกลางด้วย รวมถึง ประเทศจอร์แดนในวันพุธ
เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เพราะยังไม่เกิดการหยุดยิงขึ้นได้จริง การหารือกับผู้นำโลกอาหรับจะเน้นการปรับเปลี่ยนข้อเสนอสำหรับวิธีการปกครองกาซ่า หลังความขัดแย้งนี้ยุติลง โดยฝั่งสหรัฐฯ มีแนวคิดบางอย่างสำหรับแผนงานหลังสงครามจบลงที่จะนำขึ้นมาพูดคุยกับอิสราเอลโดยตรงต่อไปด้วย
นิมรอด โกเรน นักวิชาการอาวุโสด้านกิจการอิสราเอลจาก Middle East Institute บอกกับวีโอเอว่า ช่องว่างระหว่างจุดยืนของอิสราเอลพร้อมทั้งฮามาสเกี่ยวกับเงื่อนไขการหยุดยิงนั้น “ยังห่างกันอยู่มาก” พร้อมทั้งแสดงความสงสัยว่า จะเกิดความสำเร็จด้านการทูตในการเดินทางเยือนครั้งนี้ของบลิงเคนได้หรือไม่
โกเรนบอกว่า “ช่องว่างนี้มันใหญ่มาก โดยอิสราเอลนั้นต้องการให้ฮามาสไม่ปกครองกาซ่าอีกต่อไปพร้อมทั้งไม่มีตัวตนอยู่ในกาซ่าอีกเลย เนื่องจากเป็นภัยด้านความมั่นคง พร้อมทั้งฮามาสเองต้องการในสิ่งที่ตรงกันข้ามกัน ดังนั้น นอกเหนือจากประเด็นตัวประกันแล้ว ผลประโยชน์ลึก ๆ พร้อมทั้งความต้องการของแต่ละฝ่ายก็ขัดแย้งกันอยู่แล้ว”
ในวังอังคาร ฟิลิปเป ลาซซารินี หัวหน้าสำนักงานผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ของสหประชาติ (U.N. Palestinian refugee Agency – UNRWA) เรียกร้องให้มีการพักการสู้รบในทันที “แม้จะเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม” เพื่อให้ครอบครัวทั้งหลายในภาคเหนือของกาซ่าได้อพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย
“เกือบ 3 สัปดาห์ของการทิ้งระเบิดแบบไม่มีหยุดจากกองกำลังอิสราเอล ขณะที่ยอดผู้จบชีวิตก็พุ่งขึ้นเรื่อย ๆ” ลาซซารินีระบุในแถลงการณ์ “ในตอนเหนือของกาซ่า ผู้คนกำลังรอความตายอยู่ พวกเขารู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง สิ้นหวังพร้อมทั้งโดดเดี่ยว พวกเขาใช้ชีวิตแบบชั่วโมงต่อชั่วโมง กลัวว่าความตายจะมาถึงได้ทุกขณะ”
หัวหน้า UNRWA กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของยูเอ็น “ไม่สามารถหาอาหาร น้ำดื่มหรือยารักษาโรคได้เลย”
กลุ่มเฮซบอลลาห์ที่อิหร่านหนุนหลังอยู่ทำการจู่โจมทางอากาศใส่อิสราเอล หลังฮามาสจู่โจมทางใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมของปีที่แล้ว ซึ่งทำให้มีผู้จบชีวิตราว 1,200 คนพร้อมทั้งมีการจับตัวประกันไปกว่า 250 คน ทำให้เกิดการจู่โจมโต้กลับของอิสราเอลเข้าไปในฉนวนกาซ่าที่ทำให้มีชาวปาเลสไตน์จบชีวิตแล้วกว่า 42,600 คน อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขกาซ่าที่ไม่แยกตัวเลขนักรบกลุ่มติดอาวุธออกจากพลเรือน
ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีพร้อมทั้งรอยเตอร์