ข่าวด่วนวันนี้
thailandtvhd.com
สื่อดังแซวแรง “เมสซี” ชูถ้วย “ฟุตบอลโลก 2022” ส่วน “โรนัลโด” แค่ชูเสื้อทีมใหม่ในลีกซาอุฯ
มารับผิดชอบด้วย ตามหากระบะตีนผีซิ่งชน จยย.ก่อนหนีลอยนวล ตาย 1 สาหัส 1
ปีแห่งการตบหน้าหัน! ประมวลข่าวเด็ดวงการบันเทิง 2022
มกราคม
มกราคมเป็นเดือนของการประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ หรือ โกลเดน โกล้บส์ (Golden Globes) ที่ในปีนี้ไม่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ไม่มีการเดินพรมแดง ไม่มีพิธีกรหรือแม้แต่ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมงาน หลังจากที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฮอลลีวู้ด เจ้าภาพจัดงานถูกวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้านี้ว่าเป็นสมาคมที่ไม่มีความแตกต่างหลากหลายในกลุ่มสมาชิกที่เป็นผู้ตัดสินรางวัลดังกล่าว
นักแสดง ผู้กำกับ พร้อมทั้งนักเคลื่อนไหวผิวสี ซิดนีย์ ปอยเตียร์ (Sidney Poitier) จบชีวิตในวัย 94 ปี
กุมภาพันธ์
หลังจากที่เป็นอิสระจากภาวะการมีผู้พิทักษ์ดูแลทรัพย์สินพร้อมทั้งการดำเนินชีวิต หรือ Conservatorship แล้ว อดีตนักร้องชื่อดัง บริทนีย์ สเปียร์ ได้รับเงิน 15 ล้านดอลลาร์ จากการเซ็นสัญญาเขียนหนังสือบันทึกความทรงจำให้กับสำนักพิมพ์ใหญ่ของสหรัฐฯ แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับหนังสือดังกล่าว
นักร้องชื่อดัง รีฮานนา ตั้งครรภ์
ทอม เบรดี้ นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลชื่อดัง ยอดควอเตอร์แบคแห่งทีม แทมป้า เบย์ บัคคาเนียร์สประกาศว่าจะเกษียณจากวงการคนชนคน (แต่โปรดติดตามข่าวต่อไปอย่างใกล้ชิด)
มีนาคม
ภาพยนตร์เรื่อง CODA ที่นักแสดงเกือบทั้งหมดเป็นคนหูหนวก คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ พร้อมทั้งส่งผลให้ ทรอย คอตเซอร์ (Troy Kotsur) กลายเป็นนักแสดงหูหนวกชายคนแรกที่ได้รับรางวัลการแสดงบนเวทีออสการ์
ถ้าหากว่า เหตุการณ์ที่สร้างความฮือฮามากที่สุด คือการที่ นักแสดงชาย วิล สมิธ ที่คว้ารางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมในคืนนั้น ก้าวอาด ๆ ขึ้นไปตบหน้าพิธีกร คริส ร็อค หลังจากที่ นักแสดงตลกผิวสีแซวพร้อมทั้งจิกกัด ภรรยาของเขา เจดา พิงเกตต์ สมิธ เรื่องที่เธอต้องโกนผมด้วยโรคประจำตัว
ส่วน ทอม เบรดี้ หวนคืนสนามเอ็นเอฟแอล หลังลาวงการได้ 40 วัน
เมษายน
นักร้อง นักแต่งเพลง พร้อมทั้งนักดนตรี จอน บาทีส (Jon Batiste) คว้า 5 รางวัลแกรมมี่ ก่อนที่ในปีนี้ บาทีสจะได้ไปแสดงดนตรีในงานเลี้ยงรับรองของรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่จัดขึ้นต้อนรับประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาคร็อง
ในขณะที่ อภิมหาเศรษฐี อิลอน มัสก์ ก็ได้เริ่มกระบวนการซื้อทวิตเตอร์ โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ ที่ยังทำให้เกิดดราม่าไม่หยุดหย่อนมาจนถึงปลายปี
พฤษภาคม
ในงาน Met Gala แฟชั่นกาล่าสุดยิ่งใหญ่แห่งปีที่ คิม คาดาเชียน ที่ควงแฟนหนุ่ม พีท เดวิดสัน แต่งตัวมาในชุดเซ็กซี่รัดรูป ชุดเดียวกับที่่ มาริลีน มอนโร เคยสวมใส่ตอนที่เธอร้องเพลง Happy Birthday อวยพรวันเกิดให้กับประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี ในปี 1962
ในขณะที่ภาพยนตร์ Top Gun: Maverick ภาคต่อของภาพยนตร์แอคชั่น Top Gun สร้างสถิติเป็นภาพยนตร์ของ ทอม ครูซ ที่เปิดตัวได้สูงที่สุดในสหรัฐฯ พร้อมทั้งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของครูซ ที่ทำเงินทะลุ 100 ล้านดอลลาร์ในสุดสัปดาห์ที่เปิดตัว
ส่วน แฮร์รี่ สไตลส์ เปิดตัวอัลบัมใหม่ “Harry’s House”
มิถุนายน
วงเค ป๊อบชื่อดังของเกาหลีใต้ BTS ช็อคแฟนเพลงด้วยการประกาศว่าจะหยุดทำเพลงชั่วคราว เพื่อให้สมาชิกวงแต่ละคนมีเวลาไปทำโปรเจคต์เดี่ยวของตัวเอง
หลังจากที่มาสาวไส้พร้อมทั้งสาดโคลนใส่กันนานถึง 6 สัปดาห์ คณะลูกขุนศาลชั้นต้นในรัฐเวอร์จิเนีย ตัดสินให้ จอห์นนี เดปป์ เป็นฝ่ายชนะในคดีหมิ่นประมาท ที่ฟ้องร้อง แอมเบอร์ เฮิร์ด ฐานสร้างความเสื่อมเสียแก่ตัวเขา ด้วยการเขียนบทความ กล่าวหาว่ามีการใช้ความรุนแรงกับอดีตภรรยา แม้จะไม่มีการระบุชื่ออย่างเฉพาะเจาะจง ลงในหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตัน โพสต์ เมื่อปี 2018
กรกฎาคม
สุดยอดของลมพัดหวน เมื่อ คู่รัก “เบนนิเฟอร์” เข้าพิธีวิวาห์กันอย่างเรียบง่ายในเมืองลาส เวกัส หลังจากที่ทั้งคู่เคยถอนหมั้นมาก่อนในปี 2002 เจนนิเฟอร์ โลเปซ เผยถึงการแต่งงานผ่านช่องทาง Newsletter On the JLO
ส่วน บียอนเซ่ ออกอัลบั้มเดี่ยว Renaissance ซึ่งเป็นการออกอัลบั้มครั้งแรกในรอบ 6 ปี ทดสอบความอดทนของแฟนเพลงกันสุด ๆ
สิงหาคม
“เบนนิเฟอร์” จัดงานแต่งงานอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่หรูหรากว่าเดิมในรัฐจอร์เจีย
ทั่วโลกร่วมรำลึกถึง เจ้าหญิงไดอานา ได้โอกาสครบรอบ 25 ปีของการสิ้นพระชนม์ ในขณะที่เน็ตฟลิกซ์เผยแพร่ซีซั่นใหม่ของซีรีย์ชื่อดังเกี่ยวกับราชวงศ์อังกฤษ The Crown
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ในเดือนกันยายน สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ สวรรคตด้วยพระชนมายุ 96 พรรษา โดยทรงเป็นกษัตริยาที่ทรงครองราชย์นานที่สุดของอังกฤษที่เพิ่งทรงเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี ในพระราชบัลลังก์ไปเมื่อต้นปีนี้
กันยายน
ภาพยนตร์เรื่อง Don’t Worry Darling ของผู้กำกับพร้อมทั้งนักแสดงหญิง โอลิเวีย ไวลด์ ได้รับการพรีเมียร์เปิดฉายเป็นครั้งแรกในเทศกาล เวนิส อินเตอร์แนชันแนล ฟิล์ม เฟสติวัล ซึ่งภาพยนตร์ดังกล่าวเต็มไปด้วยข่าวดราม่าจากในกองถ่าย พร้อมทั้งเรื่องรักเลิกของดาราพร้อมทั้งผู้กำกับ
ตุลาคม
แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาดัง อาดิดาส ตัดสัมพันธ์กับ เย หรือ คานเย เวสต์ หลังจากที่แร็ปเปอร์ชื่อดัง แสดงความคิดเห็นเหยียดพร้อมทั้งต่อต้านชาวยิวอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
เทย์เลอร์ สวิฟท์ เปิดตัวอัลบั้มใหม่ Midnights ที่กลายเป็นอัลบั้มที่ได้รับยอดการฟังสูงที่สุดในเวลาเพียงหนึ่งวัน ทางบริการสตรีมมิ่งชื่อดังอย่าง Spotify เธอยังกลายเป็นศิลปินคนแรกที่เพลงของเธอ 10 เพลงครองตำแหน่ง 10 เพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน Billboard Hot 100 chart
ทอม เบรดี้ ประกาศแยกทางกับอดีตนางแบบดัง จีเซลล์ บุนด์เชน
พฤศจิกายน
แฟนเพลงนับล้านคนแห่ซื้อตั๋วคอนเสิร์ต Eras Tour ของเทย์เลอร์ สวิฟท์ ที่เปิดขายก่อนการจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จนทำให้เว็บไซต์ ticketmaster ล่ม พร้อมทั้งต้องประกาศยกเลิกการขายตั๋วรอบทั่วไป เพราะไม่มีตั๋วเพียงพอ ทำให้อัยการรัฐหลายรัฐประกาศว่าจะมีการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว
ธันวาคม
เน็ตฟลิกซ์ เปิดตัวซีรีย์สารคดี “แฮร์รีพร้อมทั้งเมแกน” โดยเสนอเรื่องของราวของเจ้าชายแฮร์รีพร้อมทั้งเมแกน พระชายา ความขัดแย้งกับราชวงศ์อังกฤษ สื่อแทบลอยด์อังกฤษ พร้อมทั้งการเหยียดเชื้อชาติจากสังคมที่ทั้งสองพระองค์ต้องเผชิญ
ภาพยนตร์เรื่อง Avatar The Way of Water ของผู้กำกับเจมส์ คาเมรอน ได้ฤกษ์ออกฉาย หลังจากที่ภาคแรกเมื่อ 13 ปีก่อน สร้างสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก
ส่วน วิลล์ สมิธ ออกมาโปรโมทภาพยนตร์เรื่องใหม่ Emancipation พร้อมทั้งหวังว่าผู้ชมจะลืมไปว่าครั้งหนึ่ง เขาเคยขึ้นเวทีออสการ์ไปตบหน้าพิธีกร คริส ร็อค
‘ลูกบอลไทม์สแควร์’ พร้อมปฏิบัติหน้าที่สำคัญรับปีใหม่
นับตั้งแต่ปี 1999 การเปลี่ยนแผ่นคริสตัล 2,688 แผ่น เพื่อประกอบเป็นลูกบอลคริสตัล ได้รับการออกแบบโดยผู้ผลิตคริสตัลชื่อดัง Waterford ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ พร้อมทั้งทุกปีจะมีธีมของการก้าวสู่ปีใหม่ที่ปรับเปลี่ยนไป
โดยในปีนี้มาในธีม Gift of Love ของขวัญแห่งความรัก ซึ่งเป็นรูปของหัวใจที่ร้อยเรียงกันเป็นวงกลม ซึ่งบริษัทออกแบบพบว่า “เราต้องการสิ่งนี้หลังจากโรคระบาดผ่านพ้นไป เราได้ผ่านพ้นสองปีอันโหดร้าย พร้อมทั้งออกมาสู่อีกด้านหนึ่งของวิกฤตนี้ พร้อมทั้งเราผ่านพ้นมาในช่วงเวลาที่ดีขึ้นกว่าเดิน เรารายล้อมตัวเราด้วยความรัก พร้อมทั้งเรามีทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว”
ปีนี้จะเป็นปีแรกหลังไวรัสโคโรน่าคลี่คลาย ที่จะไม่มีมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 มาบังคับใช้กับผู้ที่ต้องการจะฝ่าอากาศหนาวเย็นพร้อมทั้งฝูงชนแน่นขนัด เพื่อมานับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ ที่ไทม์สแควร์ พร้อมทั้งชมการปล่อยลูกบอลคริสตัลนี้ในช่วงเที่ยงคืน
ที่มา: รอยเตอร์
5 เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เปลี่ยนโลกในปี 2022
วุ้นแปลภาษาแบบเรียลไทม์
เมตา แพลตฟอร์มส บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่าได้พัฒนาเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อแปลภาษาพูดแบบเรียลไทม์ ด้วยเทคโนโลยี AI โดยตัวแรกเริ่มเป็นการแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาฮกเอี้ยน ซึ่งอยู่ระหว่างที่ตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำกับเจ้าของภาษาอยู่ พร้อมทั้งเมตา ตั้งเป้าใช้เทคโนโลยีนี้ในการสร้างระบบแปลภาษาพูดแบบเรียลไทม์กับภาษาอื่น ๆ ในอนาคต
ตรวจจับ ‘พาร์กินสัน’ ผ่านการนอนหลับ
ระบบตรวจจับพาร์กินสันด้วย AI จะจับรูปแบบการหายใจระหว่างที่นอนหลับของผู้ป่วย ซึ่งช่วยวัดระดับความรุนแรงของโรคพร้อมทั้งบันทึกข้อมูลว่าอาการรุนแรงขึ้นหรือไม่อย่างไร
นักวิจัยพบว่า สัญญาณเริ่มต้นของพาร์กินสัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะค้นพบกันได้ หลายสัญาณบ่งชี้หรืออาการ อาจเกิดขึ้นไม่กี่ปีก่อนที่โรคนี้จะคืบคลานเข้ามาอย่างเต็มตัว
แต่ทีมวิจัย พบว่า การทดลองใช้ AI เข้ามาช่วย เพียงการตรวจสอบการนอนหลับเพียง 1 คืน สามารถระบุภาวะพาร์กินสันได้แม่นยำราว 86% พร้อมทั้งความแม่นยำจะเพิ่มขึ้นเป็น 95% หากนำไปใช้ตรวจสอบอาการผ่านการนอนหลับ 12 คืน
เครื่องช่วยแปลอารมณ์ ‘หมู’
นักวิจัย ประกาศว่าได้สร้างเทคโนโลยีที่แปลอารมณ์หมูผ่านเสียงของมัน โดยใช้ฐานข้อมูลเสียงหมูกว่า 7,000 เสียง ที่บันทึกได้ตลอดช่วงชีวิตของหมู 400 ตัว พร้อมทั้งใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ในการระบุอารมณ์ของสัตว์ในตอนนั้น ซึ่งให้ความแม่นยำ 92%
ทีมนักวิทยาศาสตร์ เชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เกษตรกรพัฒนาผลิตผลด้านปศุสัตว์พร้อมทั้งคุณภาพชีวิตของสัตว์ได้ในอนาคต
ระบบระบุ-ทำนายกลิ่น
นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน พัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) เพื่อช่วยจำแนกพร้อมทั้งสร้างกลิ่นต่าง ๆ ขึ้นมาใหม่ โดยเครื่องมือนี้ได้รับการพัฒนาพร้อมทั้งทดสอบโดยนักวิจัยของกูเกิล (Google) รวมทั้ง มหาวิทยาลัยต่าง ๆ พร้อมทั้งศูนย์ Monell Chemical Senses Center แล้ว
ทีมนักวิทยาศาสตร์ใช้ข้อมูลจากการวิจัยในอดีตมาผลิตแบบจำลองโครงข่ายประสาทเทียมที่มีจุดมุ่งหมายในการสร้าง “แผนที่” เพื่อจำแนกโมเลกุลที่เกี่ยวข้องกับกลิ่น โดยโครงข่ายประสาทเทียมเป็นระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่เสมือนสมองของมนุษย์นั่นเอง
นักวิจัยเชื่อว่าสิ่งนี้สามารถปรับใช้ในด้านสาธารณสุข อาหาร น้ำหอม รวมทั้งการพัฒนายากันยุงที่มีราคาถูกขึ้น ใช้งานได้ยาวนานขึ้น พร้อมทั้งปลอดภัยกว่ายากันยุงที่มีสาร DEET เป็นส่วนประกอบ พร้อมทั้งยากันยุงดังกล่าวยังอาจนำไปใช้ “เพื่อลดอุบัติการณ์ของโรคต่าง ๆ ในอนาคต
เครื่องช่วยเติมคำ (โบราณ) ในจารึก
คณะนักวิจัยทำงานร่วมกับ DeepMind บริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์ของ Alphabet ในการพัฒนาเครื่องมือที่มีชื่อว่า Ithaca ซึ่งนักวิจัยบอกว่าระบบนี้เป็น “โครงข่ายประสาทเทียมระดับลึกเครือข่ายแรกที่สามารถกู้คืนข้อความที่หายไปของจารึกที่ได้รับความเสียหายได้” เพื่อช่วยนักประวัติศาสตร์ในการซ่อมแซมงานจารึก รวมทั้งสามารถระบุเวลาพร้อมทั้งสถานที่ที่ข้อความเหล่านั้นถูกจารึกไว้ด้วย
ในการทดลองกับจารึกโบราณที่ได้รับความเสียหายนั้น นักวิจัยรายงานว่า Ithaca สามารถทำนายองค์ประกอบของจารึกที่ขาดหายไปได้อย่างถูกต้องถึง 62 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ยังสามารถระบุที่มาของจารึกต่างๆ ได้ถูกต้องถึง 71 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทั้งยังสามารถระบุวันเวลาที่จารึกไว้ได้อย่างแม่นยำภายในกรอบระยะเวลา 30 ปีอีกด้วย
ปกติแล้วนักประวัติศาสตร์ทำงานเพียงลำพัง อัตราความสำเร็จในการซ่อมแซมจารึกที่เสียหายจะอยู่ที่ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อนักประวัติศาสตร์ได้ทำงานร่วมกับ Ithaca อัตราความสำเร็จเพิ่มขึ้นเป็น 72 เปอร์เซ็นต์
ที่มา: วีโอเอ
‘สุขภาพ-การเงิน’ ครองแชมป์ปณิธานปีใหม่ชาวอเมริกันปี 2023
ในการสำรวจเมื่อ 16-21 ธันวาคม พบว่า 37% ของชาวอเมริกัน คิดแล้วว่าจะตั้งเป้าปณิธานปีใหม่นี้ ส่วน 17% ในการสำรวจบอกว่ายังไม่แน่ใจ โดย 87% ของผู้ที่มีปณิธาณปีใหม่ในการสำรวจนี้ มั่นใจว่าจะสามารถทำตามเป้าหมายนั้นได้
เมื่อเจาะลึกถึงปณิธานปีใหม่ของชาวอเมริกันในการสำรวจ 20% ต้องการมีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น 20% ต้องการเก็บออมเงินมากขึ้น 19% ต้องการออกกำลังกายมากขึ้น 18% ต้องการทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น 17% ต้องการให้ความสนใจกับการมีความสุข หรือ ลดน้ำหนัก
ในปีนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นผู้หญิงอเมริกัน เลือกจะตั้งปณิธานในการทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดน้ำหนัก พร้อมทั้งเดินทางท่องเที่ยว มากกว่ากลุ่มผู้ชายอเมริกันในแบบสอบถามนี้
ที่มา: YouGov
จีนซัดนานาชาติ “เลือกปฏิบัติ” หลังงัดมาตรการสกัดกั้นไวรัสโคโรน่าต่อจีน
หลังจากจีนปิดพรมแดนมาตลอด 3 ปี บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ รวมทั้งการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่าอย่างเข้มข้น รัฐบาลปักกิ่งยกเลิกมาตรการสกัดกั้นการระบาดของไวรัสโคโรน่า พร้อมทั้งหันมาใช้ชีวิตร่วมกับไวรัส ตั้งแต่ 7 ธันวาคม ดันยอดติดเชื้อพุ่งสูงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ในวันศุกร์ เกาหลีใต้ สเปน อังกฤษ พร้อมทั้งฝรั่งเศส เป็นชาติล่าสุด ที่ประกาศมาตรการให้ผู้ที่เดินทางจากจีน ต้องแสดงผลการตรวจไวรัสโคโรน่าแบบ PCR ที่เป็นลบก่อนเข้าประเทศ ตามหลังสหรัฐฯ อินเดีย พร้อมทั้งอีกหลายประเทศในโลก เนื่องจากความกังวลถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าในจีน พร้อมทั้งความคลาแคลงใจเกี่ยวกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ทางการจีนรายงาน
ประเด็นมาตรการคัดกรองผู้ที่เดินทางจากจีนเข้าประเทศ เป็นเรื่องถกเถียงในวงกว้างในสหภาพยุโรป ซึ่งเตรียมจัดประชุมฉุกเฉินในสัปดาห์หน้า แต่ในระหว่างนี้ทางสหภาพยุโรปได้แนะให้เพิ่มการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่า-19 รวมทั้งตรวจตราน้ำเสียในสนามบิน เพื่อจับตาว่าพบเชื้อไวรัสโคโรน่ากลายพันธุ์ชนิดใหม่เข้ามาหรือไม่ ซึ่งเป็นมาตรการที่คล้ายคลึงกับที่ศูนย์ควบคุมพร้อมทั้งป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ หรือ CDC กำลังพิจารณานำมาใช้
สื่อแทบลอยด์ของรัฐบาลจีน Global Times ออกบทความในวันพฤหัสบดี วิจารณ์มาตรการของนานาชาติว่า “ไม่มีมูล” พร้อมทั้ง “เลือกปฏิบัติ”
ทั้งนี้ จีนจะยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศในวันที่ 8 มกราคมปีหน้า แต่ยังคงให้แสดงผลการตรวจไวรัสโคโรน่าแบบ PCR ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าประเทศอยู่
ในวันศุกร์เช่นกัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสาธารณสุขของจีนหารือออนไลน์กับองค์การอนามัยโลก พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าในจีน ตามการเปิดเผยของคณะกรรมาธิการด้านสุขภาพแห่งชาติจีน ซึ่งไม่ได้ลงข้อมูลการหารือเพิ่มเติม
ฝั่งผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส กล่าวก่อนหน้าการหารือในวันศุกร์ว่า องค์การอนามัยโลกต้องการเข้าถึงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการระบาดที่เพิ่มขึ้นในจีนตอนนี้
รายงานจากบริษัทข้อมูลด้านสาธารณสุขอังกฤษ Airfinity ระบุในวันพฤหัสบดีว่า อาจมีประชาชนจบชีวิตราว 9,000 คนต่อวันในจีน เนื่องจากไวรัสโคโรน่า-19 พร้อมทั้งว่ายอดจบชีวิตรวมจากไวรัสโคโรน่านับตั้งแต่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมาในจีนนั้น อาจแตะระดับ 100,000 คน ที่ยอดผู้ติดเชื้อ 18.6 ล้านคนในช่วงเวลาเดียวกันนี้
ที่มา: รอยเตอร์
‘ซู จี’ ถูกตัดสินจำคุกรอบสุดท้ายเพิ่มอีกเจ็ดปี
การตัดสินดังกล่าวเป็นจุดสิ้นสุดของการไต่สวนคดีอันยาวนานต่อนางซู จี ซึ่งเป็นการไต่สวนที่ถูกนานาชาติประณามว่าเป็น ”การไต่สวนลวงโลก”
แหล่งข่าวรายนี้พบว่า การไต่สวนครั้งนี้เป็นการไต่สวนแบบปิดโดยรัฐบาลทหารเมียนมาต่อ ซู จี วัย 77 ปี ที่ถูกจับกุมในช่วงรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว เธอถูกตัดสินว่ามีความผิดเกี่ยวกับสัญญาเช่าพร้อมทั้งการใช้เฮลิคอปเตอร์ในช่วงที่เธอยังเป็นผู้นำรัฐบาลพลเรือน
การตัดสินครั้งนี้ทำให้ ซู จี เผชิญโทษจำคุกเพิ่มอีก 26 ปี โดยก่อนหน้านี้เธอเผชิญข้อหาปลุกปั่น ละเมิดกฎควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรน่า ครอบครองอุปกรณ์วิทยุสื่อสารอย่างผิดกฎหมาย ละเมิดกฎหมายความลับของรัฐ การทุจริต ไปจนถึงการใช้อิทธิพลกับเจ้าหน้าที่เลือกตั้ง ขณะที่ซู จี ตอบโต้ว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าว “เป็นเรื่องตลก”
แหล่งข่าวผู้นี้กล่าวต่อว่า เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพรายนี้ “มีสุขภาพดี” ทั้งนี้ เธอใช้เวลาบนเส้นทางการเมืองในเมียนมาส่วนใหญ่ไปกับการถูกจองจำโดยรัฐบาลทหารชุดต่าง ๆ
ซู จี ขึ้นเป็นผู้นำเมียนมาเมื่อปี 2015 เป็นเวลานานห้าปี ในช่วงที่เมียนมาเพิ่งเป็นประชาธิปไตยใหม่หลังรัฐบาลทหารเมียนมายุติการปกครองนาน 49 ปี แต่เมื่อปีที่แล้ว กองทัพเมียนมาทำรัฐประหารโค่นอำนาจรัฐบาลของซู จี ไม่ให้ปกครองประเทศต่อเป็นสมัยที่สอง โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลของเธอเพิกเฉยต่อความผิดปกติในการเลือกตั้งที่เธอชนะ
ชาติตะวันตกพร้อมทั้งพันธมิตรของ ออง ซาน ซู จี บอกว่า การไต่สวนนี้มีขึ้นเพื่อให้รัฐบาลทหารเมียนมาสามารถควบคุมตัวเธอ ที่เป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดท่ามกลางกระแสต่อต้านอย่างหนักจากภายในประเทศ
ทางด้านโฆษกกองทัพเมียนมายังไม่มีความเห็นต่อการตัดสินคดีต่อ ซู จี ในครั้งนี้ โดยกองทัพเมียนมายืนยันมาโดยตลอดว่า การไต่สวนเป็นไปตามกฎหมาย พร้อมทั้งเธอได้เข้าสู่กระบวนการอันชอบธรรมทางกฎหมายโดยศาลที่เป็นอิสระ
ถ้าหากว่า กลุ่มสิทธิมนุษยชนประณามผลการตัดสินต่อออง ซาน ซู จี ในวันศุกร์ พร้อมทั้งบอกว่า การตัดสินนี้ทำให้นานาชาติต้องเพิ่มมาตรการลงโทษต่อกองทัพเมียนมา หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกมติเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวเธอ
เม็ก เดอ รอนเด ผู้อำนวยการภูมิภาคของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล บอกว่า คดีต่อ ซู จี มีแรงจูงใจทางการเมือง ไม่ยุติธรรม พร้อมทั้งขาดความโปร่งใสโดยสิ้นเชิง เช่นเดียวกับข้อกล่าวหาที่นักโทษหลายพันคนเผชิญในเมียนมา
ทางด้านฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการด้านเอเชียขององค์กรฮิวแมน ไรท์ วอทช์ เห็นว่า กองทัพเมียนมาตัดสินคดีดังกล่าวในช่วงปีใหม่เพื่อเลี่ยงความสนใจจากนานาประเทศในช่วงปีใหม่ การตัดสินครั้งนี้ยังเหมือนเป็นการตัดสินจำคุกตลอดชีวิตต่อ ซู จี ที่มีอายุมากแล้ว
แมทธิว สมิธ ผู้ร่วมก่อตั้งพร้อมทั้งซีอีโอขององค์กรฟอร์ติฟาย ไรท์ บอกว่า การตัดสินครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อกันซู จี ออกจากเวทีการเมือง พร้อมทั้งเพื่อให้กองทัพเมียนมาจัดการเลือกตั้งตามแบบของตัวเองได้
ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ออง ซาน ซู จี จะถูกจำคุกที่ใดหลังการไต่สวนสิ้นสุดลงแล้ว
จอ ซอ โฆษกของรัฐบาลเงาเมียนมา ที่เป็นพันธมิตรกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา บอกว่า “ศาลเตี้ย” นี้ตัดสินโดยไม่มีหลักฐานพร้อมทั้งอิงอยู่กับ “คำโกหก”
ที่มา: รอยเตอร์