ตามติด ‘สแตมป์ แฟร์เท็กซ์’ เดินสายทัวร์อเมริกา จัดสัมมนามวยไทยให้ต่างชาติ

“สแตมป์ แฟร์เท็กซ์” เป็นนักชกหญิงขวัญใจชาวไทยพร้อมทั้งนักสู้หญิงแถวหน้าระดับโลก เมื่อไม่นานมานี้ แชมป์ วัน (ONE) เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ จากการต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นอะตอมเวต ได้มีโอกาสเดินทางมาสหรัฐฯ เป็นเวลา 10 วัน เพื่อสอนทักษะมวยไทยให้กับชาวอเมริกันเป็นครั้งแรก ติดตามได้จากรายงานพิเศษจากวีโอเอไทยตอนที่ 1

ชื่อเสียง เทคนิคจากประสบการณ์จริง พร้อมทั้งความขี้เล่น เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ สัมมนามวยไทยในสหรัฐฯ ของ “สแตมป์” นักสู้หญิงจากค่าย “แฟร์เท็กซ์” ได้รับการตอบรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ในกลุ่มชาวอเมริกันที่สนใจศิลปะมวยไทย

“สแตมป์ แฟร์เท็กซ์” เป็นนักกีฬาหญิงคนแรกที่ได้แชมป์ถึง 3 ประเภท ในการแข่งขันระดับโลก โดยเธอคว้าเข็มขัด วัน (ONE) เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ จากการต่อสู้แบบผสมผสาน หรือ Mixed Martial Art (MMA) พร้อมทั้งยังเป็นอดีตแชมป์โลก วัน แชมเปียนชิพประเภทมวยไทยพร้อมทั้ง คิกบ็อกซิ่ง (kickboxing) รุ่นอะตอมเวต อีกด้วย

เดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกนักสู้หญิงไทยวัย 25 ปี ได้มีโอกาสมาสอนทักษะการต่อสู้ด้วยมวยไทย ให้กับยิมศิลปะการต่อสู้หลายแห่งในสหรัฐฯ เป็นเวลา 10 วัน

“ก็ตื่นเต้น พยายามจะทำความรู้จักเขา แต่ก็พูดภาษาเค้าไม่ได้แต่ก็อยากทำความรู้จัก” สแตมป์ได้บอกกล่าวกับวีโอเอไทยก่อนที่จะแสดงฝีมือโชว์เทคนิคมวยไทยให้กับสมาชิกยิมศิลปะการต่อสู้ในรัฐเวอร์จิเนีย

การมาของสแตมป์ หรือ ณัฐวรรณ พานทอง เป็นจังหวะเดียวกับที่ความสนใจในศิลปะแม่ไม้มวยไทยในสหรัฐฯ ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากผู้ที่ต้องการออกกำลัง ผู้ที่สนใจเรียนรู้ศิลปะป้องกันตัว ไปจนถึงผู้ที่ใช้มวยไทยในสังเวียนการต่อสู้มืออาชีพ

“มวยไทยกำลังได้รับความนิยมมากทั่วสหรัฐฯ การมีการจัดทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง วัน แชมเปียนชิพ หรือ ยูเอฟซี (UFC) พร้อมทั้งการที่มีคนบินไปเรียนมวยไทยตามค่ายต่าง ๆ ที่ประเทศไทย ทำให้คนได้รู้จักพร้อมทั้งสัมผัสกับมวยไทยที่แท้จริงมากขึ้น” คริส หรือ คริสโตเฟอร์ อะบอย (Christopher Aboy) เจ้าของยิม T.A.G. Muay Thai ที่สอนมวยไทยพร้อมทั้งศิลปะป้องกันตัวในเมืองสเตอร์ลิง รัฐเวอร์จิเนีย ได้บอกกล่าวกับวีโอเอไทย

คริสยังกล่าวอีกว่า มวยไทย “ต่างกับศิลปะการต่อสู้อื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วคู่ต่อสู้มักจะไปสู้กันบนพื้น แต่มวยไทยนั้นแอคทีฟมาก…พวกเขาได้เคลื่อนไหวตลอด ไม่มีหยุดเลย ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่คนต้องการ พวกเขาต้องการได้อะไรแบบนั้นจากศิลปะการต่อสู้”

เมื่อมองดูกลุ่มชาวอเมริกันหลายสิบคนที่มาเข้าร่วมเวิร์คชอบมวยไทยกับสแตมป์ในยิมแต่ละแห่ง จะเห็นว่า มีผู้คนทุกเพศทุกวัย พร้อมทั้งยังมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อย ซึ่งหลายคนบอกว่าพวกเธอติดตามดูการต่อสู้ของสแตมป์ทุกแมตช์

“สแตมป์เป็นแรงบันดาลใจให้ฉัน ฉันตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าเธอจะมา” โอลิเวีย ลิซซารากา (Olivia Lizzaraga) ที่มาเข้าร่วมสัมมนามวยไทยกับสแตมป์ที่ยิม Impact Martial Arts ในเวอร์จิเนียบีช รัฐเวอร์จิเนีย กล่าว

โอลิเวียยังเล่าว่าสแตมป์ทำให้เธอกลับมาฝึกมวยไทยสัปดาห์ละ 5 วันต่อสัปดาห์ หลังจากที่เคยฝึกมาพร้อมทั้งหยุดไปเมื่อเธอมีลูกคนแรก นอกจากนั้น แม่บ้านวัย 27 ปียังวางแผนที่จะลงแข่งมวยไทยพร้อมทั้งการต่อสู้แบบผสม ตามรอยสแตมป์ในอนาคตอันใกล้อีกด้วย

“ฉันเห็นว่ามีผู้หญิงมากขึ้นที่เข้ามาฝึกมวยไทยพร้อมทั้งศิลปะการต่อสู้ พร้อมทั้งฉันก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี มันสำคัญมากที่ผู้หญิงจะเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเอง ฉันคิดว่าตอนนี้มียิมหลายแห่งที่เปิดสอน มีคลาส ซึ่งทำให้ผู้หญิงอยากมาเรียนรู้มากขึ้น นอกจากนั้น การได้เห็นสแตมป์ พร้อมทั้งนักสู้หญิงคนอื่น ๆ ในไฟต์ต่าง ๆ มันยิ่งทำให้ฉันคิดว่า ฉันก็น่าจะทำได้เหมือนกัน” โอลิเวียกล่าว

การมาสอนทักษะพร้อมทั้งเทคนิคมวยไทยให้กับผู้สนใจในอเมริกาครั้งนี้ เป็นการเดินทาง 8 รัฐจากฝั่งตะวันตกสู่ฝั่งตะวันออกของอเมริกา เป็น 10 วันที่แน่นพร้อมทั้งเหนื่อย แต่สแตมป์บอกว่าเธอรู้สึกสนุก พร้อมทั้งหวังว่าจะได้กลับมาจัดเวิร์คชอบอีกครั้ง

“หลายคนที่มาในงานสัมมนา เขาจะพูดกับหนูว่าหนูเป็น inspiration (แรงบันดาลใจ) ของเขา มันทำให้หนูรู้สึกตื้นตันมากที่ทำให้คนคนหนึ่งมีแรงใจในการซ้อม ในการทำอย่างที่เขาชอบ” สแตมป์กล่าว

“หนูก็ดีใจค่ะที่มาสอนให้พวกเขา ซึ่งหลาย ๆ คนเป็น fighter ที่เอาไปใช้ได้ หลายคนก็แบบเป็นนักกีฬาที่มาซ้อมเฉย ๆ ไม่ได้ไปต่อย ก็ได้รู้เทคนิคนี้ไป…รู้สึกว่าวัฒนธรรมของเราทำให้หลาย ๆ คนยอมรับมากขึ้น เพราะมวยไทยเป็นของไทยดั้งเดิมอยู่แล้ว ซึ่งต่างชาติพอเข้ามาเรียนรู้ แล้วก็ซึมซับ อยากจะเป็น อยากจะทำ ทำให้เรารู้สึกว่า ถ้าเทียบกับสิ่งของ มันก็เหมือนของขึ้นชื่อ ก็ดีที่ทุกคนให้การยอมรับกับวัฒนธรรมของไทย”

เปิดดูแผนสันติภาพ 10 ข้อของ ‘เซเลนสกี’ 

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน หยิบแผนสันติภาพ 10 ข้อขึ้นมานำเสนอในช่วงต่าง ๆ รวมทั้งเมื่อครั้งที่เขาหารือกับ ปธน. โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ โดยเขายังเรียกร้องให้บรรดาผู้นำประเทศจัดประชุมสุดยอดสันติภาพโลก (Global Peace Summit) พร้อมทั้งใช้แผนสันติภาพนี้เป็นบรรทัดฐานของการประชุม 

 

รอยเตอร์ชวนดูข้อมูลของแผนดังกล่าว ที่ผู้นำยูเครนประกาศครั้งแรกระหว่างที่ประชุมสุดยอดจี-20 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 

แผนดังกล่าวเรียกร้องให้มี:  

 

1. ความปลอดภัยของนิวเคลียร์พร้อมทั้งกัมมันตภาพรังสี เน้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปที่เมืองซาปอริซห์เชีย ที่รัสเซียยึดครองอยู่ 

2. ความปลอดภัยทางอาหาร รวมทั้งการรับประกันว่ายูเครนจะส่งออกธัญพืชไปยังประเทศที่ยากจนที่สุดได้ 

3. ความปลอดภัยทางพลังงาน เน้นที่การจำกัดราคาแหล่งพลังงานรัสเซีย พร้อมทั้งการช่วยให้ยูเครนฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่ถูกรัสเซียทำลายไปครึ่งหนึ่ง 

4. การปล่อยตัวนักโทษพร้อมทั้งผู้ถูกเนรเทศทุกคน รวมทั้งนักโทษสงครามพร้อมทั้งเด็ก ๆ ที่ถูกเนรเทศไปรัสเซีย 

5. การฟื้นฟูบูรณภาพทางดินแดนของยูเครน พร้อมทั้งการยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติของรัสเซีย 

6. การถอนกองกำลังรัสเซียพร้อมทั้งการยุติการใช้ความรุนแรง ฟื้นฟูชายแดนยูเครน-รัสเซีย 

7. ความยุติธรรม รวมถึงการจัดตั้งศาลพิเศษเพื่อดำเนินคดีอาชญากรรมสงครามของรัสเซีย 

8. การปกป้องสิ่งแวดล้อม ป้องกันการทำลายสิ่งแวดล้อมโดยมนุษย์ เน้นไปที่การกู้ทุ่นระเบิดพร้อมทั้งการฟื้นฟูระบบน้ำ 

9. การป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น พร้อมทั้งสร้างความมั่นคงในภูมิภาคยุโรป-แอตแลนติก รวมถึงรับประกันความปลอดภัยของยูเครน 

10. การยืนยันการยุติสงคราม รวมทั้งเอกสารที่ลงนามโดยฝ่ายที่เกี่ยวข้อง 

แผนประชุมสุดยอดสันติภาพโลกของผู้นำยูเครน

 

ในเดือนนี้ ปธน.เซเลนสกีเรียกร้องให้ผู้นำประเทศกลุ่มจี-7 สนับสนุนแผนประชุมสุดยอดสันติภาพโลกของเขา โดยการประชุมดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่แผนสันติภาพที่เขาเสนอ “ส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด” 

รัสเซียปฏิเสธแผนของผู้นำยูเครน พร้อมทั้งเน้นย้ำเมื่อวันอังคารว่า จะไม่ยอมสละดินแดนที่รัสเซียใช้กำลังผนวกมา ซึ่งคิดเป็นพื้นที่ราวหนึ่งในห้าของดินแดนทั้งหมดของยูเครน 

 

ทั้งนี้ ปธน.เซเลนสกีผลักดันแผนนี้ทั้งต่อผู้นำสหรัฐฯ ฝรั่งเศส พร้อมทั้งอินเดีย ซึ่งเป็นประธานของจี-20 

 

ชาติตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ มอบความช่วยเหลือทางทหารมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์แก่ยูเครน ขณะที่ ประเทศต่าง ๆ เร่งช่วยยูเครนกู้ทุ่นระเบิดพร้อมทั้งซ่อมโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน 

 

ถ้าหากว่า ประเทศต่าง ๆ ยังคงพิจารณาแผนสันติภาพพร้อมทั้งแผนจัดประชุมสุดยอดสันติภาพนี้อย่างระมัดระวัง 

ในช่วงที่ ปธน.เซเลนสกีเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมนั้น ปธน.ไบเดนบอกว่า เขาพร้อมทั้งผู้นำยูเครน “มีวิสัยทัศน์ตรงกัน” ต่อสันติภาพ พร้อมทั้งสหรัฐฯ ยืนยันรับประกันว่า ยูเครนจะปกป้องตนเองได้ 

 

ทางด้านนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี กล่าวหลังผู้นำยูเครนนำเสนอแผนดังบอกว่า เขา “เน้นย้ำอย่างมาก” ให้มีการยุติความรุนแรง พร้อมทั้งอินเดียจะสนับสนุนความพยายามเพื่อสันติภาพใด ๆ ก็ตาม ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียยังไม่ประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซีย 

 

ผู้นำชาติจี-7 เผยว่า พวกเขามีพันธะในการนำสันติดภาพมาสู่ยูเครน “ตามแนวทางที่สอดคล้องกับสิทธิซึ่งที่ประกาศไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ” 

 

ทางด้าน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ บอกว่า โอกาสที่จะมีการประชุมสันติภาพในเร็วๆ นี้ยังน้อยอยู่ พร้อมทั้งเขาเชื่อว่า การเผชิญหน้าทางทหารจะยังคงดำเนินต่อไป พร้อมทั้งอาจต้องรออีกสักพักถึงจะมีการเจรจาสันติภาพอย่างจริงจังได้ 

 

ที่มา: รอยเตอร์ 

ตรวจสอบข่าว: ชาติตะวันตกล้มเหลวในการโดดเดี่ยวรัสเซียจริงหรือ

การที่รัสเซียเดินหน้ารุกรานยูเครนโดยเมินคำเตือนจากทั่วโลกทำให้ประเทศนี้ถูกประชาคมโลกรังเกียจมากขึ้นเรื่อย ๆ

นทท.รัสเซียแห่เยือนไทยหลังการท่องเที่ยวฟื้นตัว

คลื่นนักท่องเที่ยวจากรัสเซียที่ไหลทะลักเข้าไทย นำหน้านักท่องเที่ยวจากชาติอื่น ๆ ไปไกลในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวสิ้นปีนี้ ตามรายงานของรอยเตอร์

ข้อมูลเมื่อปี 2019 ช่วงก่อนไวรัสโคโรน่าระบาด มีนักท่องเที่ยวรัสเซียเยือนไทยที่ 1.48 ล้านคน แต่เฉพาะในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางมาไทย 108,985 คน เป็นรองแค่นักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย พร้อมทั้งอินเดีย ที่เดินทางเข้าไทยที่ระดับ 258,873 คน พร้อมทั้ง 145,628 คนตามลำดับ

รอยเตอร์อ้างอิงจากข้อมูลการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวรัสเซียช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งพบว่าปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 44,314 คนในเดือนตุลาคม พร้อมทั้งเพิ่มขึ้นเกือบ 7 เท่าตัวเมื่อเทียบกับ15,900 คนที่มาเยือนไทยช่วงเดือนกันยายนปีนี้

ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมในเอเชียของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมทั้งไทยเริ่มเห็นสัญญาณการกลับมาฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ด้วยยอดนักท่องเที่ยว 1.75 ล้านคนในเดือนพฤศจิกายน พุ่งขึ้น 4 เท่าตัวจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มาเยือนตลอดทั้งปีที่แล้ว ซึ่งเที่ยวบินระหว่างประเทศยังจำกัดอยู่เพราะการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19

เมื่อเดือนกรกฎาคม ไทยปลดล็อคมาตรการคุมไวรัสโคโรน่าสุดเข้มงวดเพื่อหวังฟื้นภาคการท่องเที่ยวที่ทรุดหนัก พร้อมทั้งตั้งแต่เดือนกันยายน ยอดนักท่องเที่ยวจากรัสเซียเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดเมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ ที่มาเยือนไทย

สำหรับจุดหมายปลายทางยอดนิยมในไทยของนักท่องเที่ยวรัสเซีย คือ ภูเก็ต ซึ่งมีนักท่องเที่ยวรัสเซียไปเยือนราว 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในภูเก็ต เนื่องจากอานิสงส์ของเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพไปภูเก็ต ตามการเปิดเผยของนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กับทางรอยเตอร์

ในทัศนะของสจ๊วต เรดดิ้ง ผู้บริหาร Laguna Resorts and Hotels เห็นว่า “ปีนี้เราได้เห็นตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซียกลับมา โดยเฉพาะหลังจากความขัดแย้งกับยูเครน” พร้อมทั้งประเด็นค่าเงินรูเบิลแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินบาท ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของชาวรัสเซียในไทยมากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น นักท่องเที่ยวรัสเซียยังใช้เวลาอยู่ในไทยมากกว่าชาติอื่น ๆ ในมุมมองของเรดดิ้ง ที่เห็นว่านักท่องเที่ยวรัสเซีย ใช้เวลาพักผ่อนในไทยราว 7-10 วัน ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่ม “หนีหนาว” จะใช้เวลาอยู่ในไทยนานถึง 3 เดือน ขณะที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้ข้อมูลว่าครอบครัวชาวรัสเซียจะใช้เวลาอยู่ในไทยตั้งแต่ 16 วันไปจนถึงสองสามเดือนทีเดียว

ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวม ททท. คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกิน 11.5 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเกิน 1 ใน 4 ของยอดนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนที่เยือนไทยในปี 2019 พร้อมทั้งมีเงินสะพัดจากนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 1.91 ล้านล้านบาท

ที่มา: รอยเตอร์

‘ริชี ซูแน็ก’ ติดโผคำศัพท์ออกเสียงผิดมากที่สุดแห่งปี 2022

ชื่อของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ชื่อเมืองใหญ่ในยูเครน พร้อมทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากอิตาลีที่เป็นกระแสไวรัลในปีนี้ ติดอันดับคำศัพท์อ่านยากแห่งปี 2022 ตามรายงานของเอพี

การจัดอันดับคำศัพท์ที่ผู้คนอ่านออกเสียงผิดมากที่สุดแห่งปี 2022 โดย U.S. Captioning Company บริษัทที่ดูแลเรื่องการวางข้อความคำบรรยายแบบเรียลไทม์ในรายการโทรทัศน์ ร่วมกับ Babbel แพลตฟอร์มเรียนภาษา ที่มีสำนักงานใหญ่ในมหานครนิวยอร์กของสหรัฐฯ พร้อมทั้งกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี ร่วมกันรวบรวมคำศัพท์ที่ผู้ประกาศข่าวพร้อมทั้งผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ยกให้เป็นคำศัพท์ที่ท้าทายทักษะการอ่านออกเสียงต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 แล้ว

ในปีนี้ ชื่อของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ริชี ซูแน็ก (Rishi Sunak) ซึ่งแม้กระทั่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ยังเคยอ่านชื่อผู้นำอังกฤษที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคมผิดไปในสุนทรพจน์แสดงความยินดีในการเข้ารับตำแหน่งของนายกฯ อังกฤษ โดยเคยเรียกผิดไปเป็น “ราชีด ซานูค” (Rasheed Sanook) มาแล้ว

อีกคนที่เพิ่งเฉลยการออกเสียงชื่อของตัวเอง คือ ศิลปินหญิงชาวอังกฤษ อะเดล (Adele) ซึ่งเมื่อเดือนตุลาคม เธอได้ออกมาบอกแฟน ๆ ในอเมริกาว่าพวกเขาอ่านชื่อเธอผิดมาตลอด โดยบอกว่าต้อง อะ-เดล (uh-DALE) แบบติดสำเนียงคนลอนดอนหน่อย ๆ

คำศัพท์ที่ท้าทายผู้ประกาศข่าวชาวอเมริกันอีกคำหนึ่ง คือ เอดินบะระ (Edinburgh) ระหว่างช่วงพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีคลิปไวรัลที่นักท่องเที่ยวอเมริกันถูกแก้ไขการออกเสียงชื่อเมืองดังบอกว่า เอ-ดิน-บรา (ed-in-BRUH) จนกลายเป็นไวรัลเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

อีกเมืองที่ได้รับการพูดถึงบ่อยพร้อมทั้งออกเสียงยาก คือ ซาปอริซห์เชีย (Zaporizhzhia) ที่เป็นทั้งชื่อเมืองพร้อมทั้งชื่อเขตปกครอง อันเป็นพิกัดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทางตะวันออกเฉียงใต้แห่งยูเครน

ถัดมาที่วงการกีฬา ชื่อของโนวัค โยโควิช (Novak Djokovic) ที่เป็นประเด็นจากการถูกส่งตัวออกจากออสเตรเลียพร้อมทั้งไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียนโอเพ่นได้ เพราะประเด็นไม่เข้ารับวัคซีนไวรัสโคโรน่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นักกีฬาเบสบอลที่คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าเมื่อปี 2021 โชเฮย์ โอทานิ (Shohei Ohtani)

ปิดท้ายที่เครื่องดื่มจากแดนมักโรนีที่กลายเป็นไวรัล จากบทสัมภาษณ์นักแสดงซีรีส์ House of the Dragon ที่พูดถึงเครื่องดื่มสุดโปรด นามว่า Negroni sbagliato (อ่านว่า เน-โกร-นี-สปา-ลี-อา-โต) โดยคลิปสัมภาษณ์ดังกล่าวมีผู้ชมกว่า 14 ล้านครั้ง พร้อมทั้งถูกนำไปทำคลิปไวรัลอื่น ๆ บนแพลตฟอร์ม TikTok ด้วย

เอสตาบัน โทว์มา ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาพร้อมทั้งอาจารย์จาก Babbel บอกว่า ผู้คนมักกังวลเกี่ยวกับการอ่านชื่อภาษาต่างประเทศผิดไปก็จริง แต่การได้เห็นชื่ออ่านยากในข่าว “แสดงให้เห็นถึงหนทางในการสื่อสารกับคนต่างชาติต่างภาษา พร้อมทั้งให้มุมมองถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนโลก รวมทั้งวิธีที่ผู้คนเชื่อมต่อกับคนต่างชาติในเวลาเดียวกัน”

ที่มา: เอพี

ฮ่องกงยกเลิกกฎคุมไวรัสโคโรน่าเกือบทั้งหมด ยกเว้นการบังคับสวมหน้ากาก

ฮ่องกงประกาศยกเลิกกฎคุมเข้มการระบาดไวรัสโคโรน่า-19 เกือบทุกรายการ ซึ่งรวมถึงการยกเลิกการบังคับให้ผู้ที่เดินทางเข้ามายังเขตบริหารพิเศษของจีนแห่งนี้ต้องทำการตรวจหาการติดเชื้อด้วยระบบ PCR ด้วย ตามรายงานของสำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์

จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดของเกาะฮ่องกงเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า มาตรการทั้งหมดนั้นจะถูกยกเลิกตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้เป็นต้นไป ยกเว้นแต่การบังคับให้ประชาชนต้องสวมใส่หน้ากากป้องกันต่อไป เนื่องจาก “อัตราการฉีดวัคซีนในเมือง(ฮ่องกง)นั้นค่อนข้างสูงพอจะเป็นด่านต่อต้านการระบาดแล้ว”

ลี ยังกล่าวด้วยว่า “ฮ่องกงมียามากเพียงพอที่จะต่อสู้กับไวรัสโคโรน่า พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต่างก็มีประสบการณ์มากพอที่จะรับมือกับการระบาดใหญ่ด้วย”

นอกจากนั้น ผู้บริหารสูงสุดของเกาะฮ่องกงบอกว่า รัฐบาลของตนตั้งเป้าที่จะเปิดพรมแดนกับจีนแผ่นดินใหญ่ภายในวันที่ 15 มกราคมหน้า พร้อมทั้งกำลังร่วมทำงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้กระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบระเบียบ

ในส่วนของเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนที่ฮ่องกงบังคับให้ประชาชนต้องแสดงออกมาก่อนเข้าใช้บริการสาธารณะต่าง ๆ ตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์นั้น ก็จะถูกยกเลิกตั้งแต่วันพฤหัสบดี เช่นเดียวกับกฎการรักษาระยะห่างทางสังคมที่ห้ามการรวมกลุ่มของผู้คนในที่สาธารณะไม่เกิน 12 คน

การยกเลิกมาตรการเกือบทุกรายการนี้น่าจะส่งผลให้จำนวนผู้เดินทางเข้ามาฮ่องกงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ทางการของเกาะแห่งนี้เพิ่งยกเลิกมาตรการติดตามตัวผู้เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศพร้อมทั้งคำสั่งห้ามนักเดินทางเหล่านั้นเข้าไปในพื้นที่บางจุดเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ตามรายงานของรอยเตอร์

 

ที่มา: รอยเตอร์

การผ่อนคลายมาตรการคุมไวรัสโคโรน่าของจีนทำทั่วโลกกระวนกระวายใจ

การที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งตัดสินใจพลิกกลับมาผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดไวรัสโคโรน่า-19 เมื่อเร็ว ๆ นี้กลายมาเป็นปัจจัยที่ทำให้ทั่วโลกเกิดกระวนกระวายใจไม่น้อย โดยรัฐบาลกรุงวอชิงตันออกมาบอกว่า สหรัฐฯ อาจจะจำกัดการเดินทางเข้าประเทศที่มาจากจีน

เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา จีนประกาศยกเลิกมาตรการบังคับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศให้กักตัวเฝ้าระวังอาการ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมของปีหน้าเป็นต้นไป โดยมาตรการนี้ถือเป็นเหมือนส่วนสุดท้ายของนโยบายคุมเข้ม “ไวรัสโคโรน่าเป็นศูนย์” พร้อมทั้งทำให้เกิดจุดสิ้นสุดของการดำเนินแผนงานปิดพรมแดนที่เข้มงวดที่สุดแผนหนึ่งในโลกด้วย

 

ท่าทีดังกล่าวของรัฐบาลปักกิ่งทำให้เกิดความปีติยินดีของประชาชนชาวจีนถ้วนหน้า พร้อมทั้งหลายคนเริ่มทำการจองเที่ยวบินระหว่างประเทศกันอย่างเร่งด่วน ส่งผลให้ราคาตั๋วเครื่องบินพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทันที

อย่างไรก็ดี รายงานข่าวพบว่า โรงพยาบาลพร้อมทั้งฌาปนสถานทั่วจีนยังคงตกอยู่ในภาวะงานล้นมือโดยเฉพาะจากกลุ่มผู้สูงอายุที่เข้ามาใช้บริการกันอย่างมากมาย

ผู้สื่อข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ในวันพุธ มีผู้ป่วยไวรัสโคโรน่าที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุหลายสิบรายนอนรอการรักษาอยู่ในเปลล้นห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลทั่วเมืองเทียนจิน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงปักกิ่งราว 140 กิโลเมตร

แพทย์รายหนึ่งบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์นั้น “น่าจะต้อง” ทนทำงานต่อไปแม้จะมีผลการตรวจไวรัสโคโรน่า-19 เป็นบวกก็ตาม

ในเวลาเดียวกัน หลายประเทศแสดงความกังวลเกี่ยวกับความน่าจะเป็นของการพบเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ในช่วงเวลาที่จีนยังคงพยายามรับมือกับการแพร่ระบาดที่พุ่งสูงรุนแรงที่สุดในโลกอยู่

ที่สหรัฐฯ เจ้าหน้าที่รัฐบาลเปิดเผยเมื่อคืนวันอังคารว่า กรุงวอชิงตันกำลังพิจารณาเตรียมดำเนินการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรน่า-19 สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากจีน หลังหลายประเทศเช่น ญี่ปุ่น อินเดียพร้อมทั้งมาเลเซียประกาศดำเนินการตรวจการติดเชื้อแบบ PCR สำหรับชาวจีนที่เดินทางเข้าประเทศแล้ว

ในวันพุธ ไต้หวันประกาศว่า จะดำเนินมาตรการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย ส่วนอิตาลีเปิดเผยว่า จะบังคับให้ผู้ที่เดินทางมาจากจีนต้องตรวจ PCR ก่อนเข้าประเทศเช่นกัน

หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวในวันพุธว่า “ปัจจุบัน สถานการณ์การระบาดในจีนโดยทั่วไปอยู่ในทิศทางที่พอจะคาดการณ์ได้พร้อมทั้งอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว” พร้อมทั้งพูดเกี่ยวกับรายงานของสื่อตะวันตกเกี่ยวกับภาวระบาดไวรัสโคโรน่าในจีนว่าเป็น “การมีอคติอย่างเต็มตัว” พร้อมบอกว่า “การออกมาพูดเกินจริง การป้ายสีพร้อมทั้งการบีบบังคับทางการเมืองด้วยเจตนาแอบแฝงนั้นไม่สามารถอยู่เหนือความจริงไปได้”

นับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2020 ผู้ที่เดินทางเข้าจีนมาจากต่างประเทศต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวเฝ้าระวังอาการของรัฐบาล ทุกคน โดยมีการปรับลดระยะเวลาการแยกตัวจากเดิม 3 สัปดาห์ เป็น 1 สัปดาห์ มาเหลือ 5 วันในเดือนที่แล้ว

สำหรับสถานการณ์การระบาดของจีนที่พุ่งสูงในช่วงนี้เกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่จีนจะฉลองเทศกาลวันตรุษจีนในเดือนหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนหลายร้อยล้านคนจะเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดทั่วประเทศกัน

ทั้งนี้ ทางการจีนกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ภายใต้ภาวการณ์ระบาดของไวรัสโคโรน่าในปัจจุบัน “เป็นไปไม่ได้แล้ว” ที่จะติดตามพร้อมทั้งชี้ชัดว่า การจบชีวิตของผู้ป่วยรายใดเกิดขึ้นจากโคโรนาไวรัสจริง

ศูนย์ป้องกันพร้อมทั้งควบคุมโรคของจีนรายงานในวันพุธว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า-19 ใหม่ 5,231 คน โดยมีผู้จบชีวิต 3 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เชื่อกันว่า ต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้บังคับให้ประชาชนต้องรายงานการติดเชื้อของตนต่อทางการแล้ว

 

ที่มา: เอเอฟพี

รัสเซียปัดตก 10 ข้อเสนอแผนสันติภาพของยูเครน

รัฐบาลเครมลิน ปัดตก 10 ข้อเสนอแผนสันติภาพที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนได้เสนอขึ้นมา โดยพบว่าข้อเสนอเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครน ต้องคำนึงถึง “ความเป็นจริงในปัจจุบัน” ที่ 4 เขตปกครองในยูเครนได้ผนวกเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียแล้ว ตามรายงานของรอยเตอร์

โฆษกรัฐบาลเครมลิน ดมิทรี เพสคอฟ กล่าวในวันพุธว่า “ไม่มีแผนสันติภาพสำหรับยูเครนที่ไม่ได้คำนึงถึงความเป็นจริงในวันนี้เกี่ยวกับดินแดนของรัสเซีย กับการเข้ามาของ 4 ภูมิภาคที่เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย แผนการที่ว่าไม่ได้รวมเอาความเป็นจริงดังกล่าวไม่สามารถเป็นแผนสันติภาพได้”

รัสเซียประกาศผนวกพื้นที่ใน 4 เขตปกครองของยูเครนเข้ากับรัสเซีย อันได้แก่ เขตปกครองลูอันสก์ ดอแนตสก์ เคอร์ซอน พร้อมทั้งซาปอริซห์เชีย เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แม้ว่ารัสเซียจะไม่ได้ควบคุมเขตปกครองทั้ง 4 โดยทั้งหมดก็ตาม เรียกเสียงประณามจากยูเครนพร้อมทั้งชาติตะวันตก

เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ประธานาธิบดีเซเลนสกี แห่งยูเครน ได้ผลักดัน 10 ข้อเสนอแผนสันติภาพ พร้อมทั้งได้หารือกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้นำโลกคนอื่น ๆ ให้หยิบข้อเสนอดังกล่าวมาหารือในการจัดการประชุมสุดยอดสันติภาพโลก

ภายใต้ข้อเสนอแผนสันติภาพที่ผู้นำยูเครนเสนอนั้น มีข้อเรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกจากดินแดนที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นของยูเครน ซึ่งนั่นหมายความถึงการที่รัสเซียต้องยอมคืนดินแดน 4 เขตปกครองที่อ้างสิทธิผนวกรวมไปในปีนี้ รวมถึงแคว้นไครเมีย ที่รัสเซียควบรวมเป็นส่วนหนึ่งเมื่อปี 2014

ที่ผ่านมา รัฐบาลเครมลิน ย้ำหลายครั้งว่าพร้อมที่จะเปิดการเจรจาสันติภาพกับยูเครน แต่พบว่ายังไม่เห็นความเต็มใจในการเจรจาสันติภาพจากฝั่งรัฐบาลกรุงเคียฟแต่อย่างใด

ที่มา: รอยเตอร์

หมอกทำพิษ รถชนระนาว 200 คันบนสะพานจีน ตาย 1 เจ็บอื้อ

เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ รถตู้ พร้อมทั้งรถบรรทุก ชนกันระนาวมากกว่า 200 คัน บนสะพานทางหลวงสายหนึ่งในประเทศจีน มีผู้จบชีวิต 1 ราย สาเหตุคาดว่ามาจากหมอกลงจัด