ข่าวด่วนวันนี้
thailandtvhd.com
ฝุ่น PM 2.5 เช้าวันนี้ กทม.อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เตือนจับตา 23 ธ.ค.นี้
ภัยร้ายควันบุหรี่มือ 2 นิโคตินทำลายทารก
จีนยืนยันผู้จบชีวิตจากไวรัสโคโรน่า 2 ราย-อัตราติดเชื้อในปักกิ่งพุ่ง
รายงานอย่างไม่เป็นทางการแสดงเห็นว่า การระบาดของโคโรนาไวรัสในจีนกำลังขยายวงมากขึ้น ขณะที่ ญาติพี่น้องของเหยื่อไวรัสโคโรน่า-19 พร้อมทั้งผู้ที่ทำงานในธุรกิจงานศพเปิดเผยว่า จำนวนผู้จบชีวิตจากการติดเชื้อนั้นกำลังพุ่งขึ้นอยู่
เอพี รายงานว่า ก่อนจะมีการยืนยันการจบชีวิต 2 รายซึ่งเป็นผู้ป่วยในกรุงปักกิ่ง จีนไม่พบผู้จบชีวิตที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรน่า-19 เลยนับตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมมา
ข้อมูลจากคณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติของจีน พบว่า ตัวเลขสะสมผู้จบชีวิตจากไวรัสโคโรน่า-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น 5,237 คน จากจำนวนผู้ป่วยสะสม 380,453 คน
ทั้งนี้ หน่วยงานด้านสุขภาพของจีนนับตัวเลขของผู้จบชีวิตเพราะไวรัสโคโรน่า-19 เท่านั้น พร้อมทั้งไม่คิดรวมจำนวนผู้ที่มีอาการป่วยต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวานพร้อมทั้งโรคหัวใจ มาก่อนหน้า
รัฐบาลจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดไวรัสโคโรน่า-19 มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ก่อนจะเร่งมือปลดล็อกเพิ่มขึ้นเพราะแรงกดดันจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลทั่วประเทศ พร้อมเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พร้อมทั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนก้าวลงจากตำแหน่ง เนื่องจากความไม่พอใจต่อข้อจำกัดคุมเข้มภายใต้นโยบายไวรัสโคโรน่าเป็นศูนย์
ที่มา: เอพี
สถิติการลักลอบค้าสัตว์ป่าพุ่งสูงตามกระแสความนิยมเลี้ยงเต่าทั่วโลก
ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าสัตว์ป่าเชื่อว่าการลักลอบล่าสัตว์ที่เพิ่มขึ้นนั้น ทำให้เต่าน้ำจืดพร้อมทั้งเต่าหายากทั่วโลกมีจำนวนลดลงไปอีก พร้อมทั้งความกังวลดังกล่าวได้นำไปสู่การเสนอให้การเพิ่มการคุ้มครองเต่าน้ำจืดแล้ว
ตัวแทนจากกว่า 180 ประเทศได้รวมตัวกันเมื่อไม่นานมานี้ที่ประเทศปานามา ในการประชุมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าพร้อมทั้งพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-25 พฤศจิกายน
ในขณะที่ หลายฝ่ายแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของกระแสนิยมนี้ ยังไม่มีใครสามารถตรวจสอบพร้อมทั้งยืนยันตัวเลขที่แน่นอนในการค้าขายเต่า โดยเฉพาะในส่วนของการค้าที่ผิดกฎหมาย
ทารา อีสเตอร์ (Tara Easter) นักศึกษาระดับปริญญาเอกจาก University of Michigan ซึ่งศึกษาในเรื่องของการค้าพร้อมทั้งได้ตรวจดูข้อมูลการค้าเต่าจากองค์การบริหารปลาพร้อมทั้งสัตว์ป่าแห่งสหรัฐ (US Fish and Wildlife Service) ก่อนจะประเมินว่า ธุรกิจการส่งออก ‘เต่าโคลน’ ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 1,844 ตัวในปี 1999 เป็นเกือบ 40,000 ตัวในปี 2017 ส่วนการค้า ‘เต่ามัสก์’ เพิ่มขึ้นจาก 8,254 ตัวในปี 1999 เป็นมากกว่า 281,000 ตัวในปี 2016
กลุ่มนักชีววิทยาที่มาจากรัฐ รัฐบาลกลาง พร้อมทั้งชนเผ่าต่าง ๆ ได้ร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับการค้าเต่าที่ผิดกฎหมาย โดยส่วนใหญ่จะทำงานเพื่อต่อต้านการลักลอบจับเต่าในอเมริกาเหนือ พร้อมทั้งตั้งแต่ปี 2018 มานั้น มีการบันทึกคดีลักลอบค้าเต่าที่ผิดกฎหมายอย่างน้อย 30 คดีใน 15 รัฐ ซึ่งบางคดีมีการค้าขายเต่าไม่ถึง 50 ตัว ส่วนคดีอื่น ๆ จะค้าขายกันหลายพันตัว
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางในรัฐนอร์ทแคโรไลนาได้ตัดสินจำคุกชายคนหนึ่งเป็นเวลา 18 เดือนพร้อมทั้งปรับเป็นเงิน 25,000 ดอลลาร์ในข้อหาลักลอบค้าเต่า ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายเลซีย์ (Lacey Act) หรือกฎหมายที่ว่าด้วยการห้ามลักลอบค้าปลา สัตว์ป่า หรือพืชที่ได้มา ถือครอง ขนส่ง หรือขายอย่างผิดกฎหมาย
ชายคนดังกล่าวค้า ‘เต่าหับ’ 722 ตัว ‘เต่าลายจุด’ 122 ตัว พร้อมทั้ง ‘เต่าไม้’ 3 ตัวเพื่อส่งไปตลาดในเอเชีย เพื่อแลกกับเงินกว่า 120,000 ดอลลาร์ ขณะที่ เต่าเหล่านั้นมีมูลค่าในตลาดถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ในเอเชีย
ถ้าหากว่า เต่าน้ำจืดเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ถูกลักลอบค้าขายมากที่สุดในโลก พวกมันตกเป็นเป้าหมายของเครือข่ายอาชญากรที่ติดต่อกับผู้ซื้อทางอินเทอร์เน็ต โดยพวกเขาขนส่งเต่าไปยังตลาดมืดในฮ่องกงพร้อมทั้งที่อื่น ๆ ในเอเชีย จากนั้น พวกมันจะถูกนำไปขายเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยง สะสม เพาะพันธุ์ เป็นอาหาร พร้อมทั้งใช้ทำยาแผนโบราณ
ทั้งนี้ ในหลาย ๆ ประเทศยังไม่มีกฎหมายควบคุมการค้าดังกล่าว
ธุรกิจการค้าเต่านั้นทำกำไรได้สูงมาก โดยเฉพาะเมื่อเต่าบางชนิดถูกเสาะแสวงหาเพราะสีสันสวยงามแปลกตาของพวกมัน พร้อมทั้งสามารถขายได้ตัวละหลายพันดอลลาร์ในเอเชีย
การค้าดังกล่าวนี้เป็นการเพิ่มภัยคุกคามที่เต่าต้องเผชิญอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การทำลายสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งสัตว์อื่น ๆ ที่กินไข่ของพวกมัน
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ผู้ลอบล่าสัตว์นั้นสร้างปัญหาหนักกว่าเดิมเพราะพวกเขามุ่งเป้าไปที่เต่าชนิดหายากซึ่งเป็นตัวเมียที่โตเต็มวัยแล้ว
เดฟ คอลลินส์ (Dave Collins) ผู้อำนวยการฝ่ายอนุรักษ์เต่าในอเมริกาเหนือขององค์กร Turtle Survival Alliance บอกว่า “การสูญเสียเต่าที่โตเต็มวัย โดยเฉพาะตัวเมีย ทำให้เต่ามีจำนวนลดลงเรื่อย ๆ จนถึงระดับที่ไม่สามารถแก้ไขได้”
สหรัฐฯ พร้อมทั้งหลาย ๆ ประเทศในแถบละตินอเมริกาได้เสนอให้มีการห้ามหรือจำกัดการค้าเต่ามากกว่า 20 สายพันธุ์ในการประชุมไซเตส โดยประเทศต่าง ๆ ได้รวมข้อมูลจากประเทศเม็กซิโกซึ่งพบว่า มีเต่าเกือบ 20,000 ตัวถูกยึดในระหว่างปี 2010 ถึง 2022
นอกจากนี้ การค้าที่ผิดกฎหมายยังทำให้รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ เสนอให้จดทะเบียนรายชื่อเต่า 42 ชนิดเป็นครั้งแรกภายใต้อนุสัญญาไซเตส ซึ่งรวมถึง ‘เต่ามัสก์’ ในอเมริกาเหนือ โดยการจดทะเบียนดังกล่าวหมายความว่า ผู้ค้าต้องมีใบอนุญาตสำหรับการค้าขายระหว่างประเทศ
แมทธิว สตริคเลอร์ ตัวแทนกระทรวงกิจการภายในพร้อมทั้งทรัพยากรธรรมชาติของสหรัฐฯ ที่เข้าร่วมประชุมไซเตสที่ปานามา บอกว่า ข้อเสนอขึ้นทะเบียนเต่าดังกล่าวพร้อมทั้งการยกระดับการคุ้มครองเต่าในอเมริกาเหนือ “เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ” พร้อมทั้งว่า เป็นเพราะประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่พร่องหายไปหมดแล้ว พวกนักล่าสัตว์ป่าจึงย้ายไปทำมาหากินต่อที่แอฟริกา พร้อมทั้งในเวลานี้ ก็กำลังค่อย ๆ ขยับมาที่อเมริกาแล้ว
ที่มา: เอพี
เกาหลีเหนืออ้าง ดาวเทียมสอดแนมจับภาพหลายจุดในเกาหลีใต้
สื่อ KCNA ของเกาหลีเหนือเปิดเผยรายงานในวันจันทร์เกี่ยวกับ “การทดสอบขั้นสุดท้ายครั้งสำคัญ” ที่เกี่ยวเนื่องกับดาวเทียมจำลองซึ่งถูกส่งขึ้นอวกาศไปเมื่อวันอาทิตย์จากสถานีปล่อยดาวเทียมโซเฮ ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของเกาหลีเหนือ
ในรายงานดังกล่าว KCNA ตีพิมพ์ภาพขณะปล่อยดาวเทียมจำลองที่ว่านี้ พร้อมกับภาพขาวดำความละเอียดต่ำของกรุงโซลพร้อมทั้งเมืองอินชอน ซึ่งน่าจะถูกถ่ายโดยดาวเทียมจำลองดวงนี้
สื่อแห่งนี้ยังระบุในรายงานด้วยว่า การทดสอบที่เกิดขึ้นมีจุดประสงค์ที่จะ “ประเมินความสามารถของการถ่ายภาพด้วยดาวเทียม พร้อมทั้งระบบส่งถ่ายข้อมูล พร้อมทั้งระบบควบคุมภาคพื้นดินด้วย” พร้อมทั้งว่า การเตรียมการสำหรับดาวเทียมสอดแนมนั้นจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนเมษายนของปีหน้า โดยอ้างข้อมูลจากสำนักงานพัฒนากิจการด้านอวกาศแห่งชาติของเกาหลีเหนือ
เดฟ ชเมร์เลอร์ นักวิจัยอาวุโสจาก James Martin Center for Nonproliferation Studies ในกรุงวอชิงตัน ให้ความเห็นว่า ความละเอียดของภาพถ่ายดาวเทียมดังกล่าวนั้นต่ำกว่าภาพถ่ายดาวเทียมเชิงพาณิชย์ที่มีอยู่ทั่ว ๆ ไป แต่นี่ก็เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า เกาหลีเหนือนั้นกำลังดำเนินโครงการพัฒนาในด้านนี้อยู่แน่ ๆ
เมื่อปีที่แล้ว คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือประกาศให้โครงการดาวเทียมลาดตระเวนทางทหารเป็นหนึ่งในระบบอาวุธสำคัญ ๆ ที่กรุงเปียงยางจะเดินหน้าพัฒนาต่อไป โดยเมื่อต้นปีนี้ เกาหลีเหนือทดสอบการปล่อยดาวเทียมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวไปหลายครั้งแล้ว
พร้อมทั้งเมื่อเดือนมีนาคม คิม จอง อึน เปิดเผยแผนงานที่จะปล่อยดาวเทียมสอดแนม “หลายดวง” ขึ้นสู่วงโคจรเพื่อนำส่ง “ข้อมูลแบบเรียลไทม์” เกี่ยวกับสิ่งที่เกาหลีเหนือพบว่าเป็น “กองกำลังรุกราน” จากสหรัฐฯ พร้อมทั้งพันธมิตรอื่น ๆ ในภูมิภาค
รายงานข่าวพบว่า เกาหลีเหนือส่งดาวเทียมอย่างน้อย 2 ดวงขึ้นสู่วงโคจรไปแล้ว โดยดวงล่าสุดถูกส่งขึ้นไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2016 แต่ทั้งสองดวงนั้นไม่น่าจะทำงานได้เท่าใด ขณะที่ กรุงเปียงยางอ้างว่า ดาวเทียมที่ส่งขึ้นไปแล้วเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาอวกาศอย่างสันติของตน
ที่มา: วีโอเอ
ความต้องการต้นคริสต์มาสยังแข็งแกร่งท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ
กลุ่มผู้ปลูกต้นคริสต์มาสในอเมริกาบางส่วน แสดงความกังวลจากปัจจัยกระทบภายนอก ทั้งราคาเชื้อเพลิง ค่าปุ๋ย พร้อมทั้งค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ก่อนที่จะพบว่าต้นคริสต์มาสเป็นความเขียวชอุ่มที่แข็งแกร่งต้านแรงเสียดทานจากเงินเฟ้อ แม้ว่าชาวอเมริกันจะหันหลังให้กับการจับจ่ายในห้างค้าปลีกลงเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นมหกรรมการช้อปปิ้งแห่งปีก็ตาม
สำหรับ ราคาเฉลี่ยของต้นคริสต์มาส ที่เซาท์ พอร์ตแลนด์ ในรัฐเมน แพงขึ้นราว 5-70 ดอลลาร์เมื่อเทียบกับราคาต้นคริสต์มาสเมื่อปีที่แล้ว
การสำรวจผู้ค้าส่งต้นคริสต์มาส 55 ราย ยืนยันว่าพวกเขามีแผนจะขึ้นราคาจำหน่ายราว 5-15% แต่มีบางเจ้าที่ปรับขึ้นถึง 21% อ้างอิงจากข้อมูลของคณะกรรมการต้นคริสต์มาส ในรัฐมิชิแกน ซึ่งเป็นผู้เก็บข้อมูลด้านการตลาดพร้อมทั้งการวิจัยในอุตสาหกรรมนี้
ในอีกการสำรวจของหน่วยงานนี้ พบว่า 85% ของชาวอเมริกัน พบว่า ต้นคริสต์มาสคุ้มค่าในการซื้อแม้จะมีราคาพุ่งสูงขึ้นก็ตาม ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่ว่าต้นคริสต์มาสจะเป็นต้นจริงหรือต้นเทียม ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลนี้ เช่นเดียวกับของเล่น การ์ด การร้องเพลง พร้อมทั้งเสื้อกันหนาวคริสต์มาสสุดเฉิ่ม
เฉกเช่นประเพณีอื่น ๆ รูปแบบของต้นคริสต์มาสพร้อมทั้งเงื่อนไขของตลาดจำหน่ายยังคงแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ของอเมริกา
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ต้นคริสต์มาสสดเกือบ 21 ล้านต้นจะนำมาจำหน่ายในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันคริสต์มาส พร้อมทั้งดันยอดขายให้ทัดเทียมกับยอดจำหน่ายต้นคริสต์มาสที่แข็งแกร่งมากเมื่อปีที่แล้ว อ้างอิงจากข้อมูลของสมาคมต้นคริสต์มาสแห่งชาติสหรัฐฯ
ด้านซูซาน อดัมส์ ลูกค้าต้นคริสต์มาสจากเซาท์ พอร์ตแลนด์ ในรัฐเมน กล่าวทิ้งท้ายกับเอพีว่า “มันคงไม่ใช่คริสต์มาสที่แท้จริงหากปราศจากต้นคริสต์มาส” พร้อมกับตัดสินใจซื้อต้นคริสต์มาสที่เล็กลงในปีนี้
ที่มา: เอพี
คณะสืบสวนจลาจลรัฐสภาสหรัฐฯ เสนอ ‘แผนงานสู่ความยุติธรรม’ เอาผิดทรัมป์
การสืบสวนโดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวที่ประกอบด้วยสมาชิกพรรคเดโมแครต 7 คนพร้อมทั้งพรรครีพับลิกัน 2 คนสรุปการสอบสวนที่ดำเนินมานานถึง 18 เดือนพร้อมทั้งสอบปากคำพยานกว่า 1,000 คน รวมทั้งตรวจสอบเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการทำงานของอดีตปธน.ทรัมป์ ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนก้าวลงจากตำแหน่ง พร้อมทั้งจัดให้มีการชี้แจงต่อหน้าคณะกรรมการถึง 10 ครั้ง ก่อนที่สมาชิกจะลงมติเป็นเอกฉันท์ในวันจันทร์ว่า ทรัมป์ พร้อมทั้งบุคคลที่ใกล้ชิดกลุ่มหนึ่งร่วมกัน “พยายามก่อรัฐประหาร” พร้อมทั้งเสนอให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เดินหน้าทำการฟ้อง 4 ข้อหา ซึ่งรวมถึงข้อหาก่อจลาจล
ข้อเสนอของคณะกรรมการสอบสวนนี้จะไม่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย พร้อมทั้งกระทรวงยุติธรรมนั้นจะเป็นผู้ตัดสินใจในขั้นสุดท้ายว่า จะดำเนินคดีต่ออดีตผู้นำสหรัฐฯ พร้อมทั้งพวกพ้องหรือไม่ แต่ข้อสรุปนี้อาจเป็นตัวผลักดันให้กับการสืบสวนคดีอาญาที่ อัยการพิเศษ แจ็ค สมิธ กำลังดำเนินการต่อทรัมป์พร้อมทั้งบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องอยู่ได้
เบนนี ธอมป์สัน ส.ส.รัฐมิสซิสซิปปี สังกัดพรรคเดโมแครต พร้อมทั้งประธานคณะกรรมการสอบสวน กล่าว อดีตปธน.ทรัมป์นั้น “ทำลายศรัทธา” ที่ประชาชนชาวอเมริกันยึดถือขณะใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีตามระบอบประชาธิปไตย
ส.ส.ธอมป์สัน พบว่า สมาชิกคณะกรรมการสอบสวนนั้นมีความเชื่อมั่นอย่างมากว่า ผลการสอบสวนที่สรุปออกมานี้จะกลายมาเป็น “แผนงานสู่ความยุติธรรม” พร้อมทั้งมั่นใจว่า หน่วยงานพร้อมทั้งองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการรักษาความยุติธรรมภายใต้อำนาจของกฎหมายจะใช้ข้อมูลต่าง ๆ ที่คณะกรรมการฯ นำเสนอไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินการต่าง ๆ ต่อไป
ส่วน ลิซ เชนีย์ ส.ส.รัฐไวโอมิง สังกัดพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นรองประธานคณะกรรมการชุดนี้ ระบุระหว่างที่กล่าวเปิดการแถลงข้อสรุปการสอบสวนด้วยว่า ประธานาธิบดีทุกคนในประวัติศาสตร์อเมริกันต่างทำหน้าที่ปกป้องการโอนถ่ายอำนาจอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย “ยกเว้นคนเดียว”
ส.ส.เชนีย์ บอกว่า “วันที่ 6 มกราคม 2021 เป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีอเมริกันท่านหนึ่งปฏิเสธหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการถ่ายโอนอำนาจโดยสันติให้แก่ผู้ที่มารับช่วงต่อ” พร้อมทั้งว่า ในช่วงต้นของการสอบสวนนั้น คณะกรรมการเข้าใจดีว่า ชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนถูกโน้มนาวโดยปธน.ทรัมป์ว่า การเลือกตั้งในปี 2020 นั้น เต็มไปด้วยเหตุทุจริต พร้อมทั้งเรารู้ดีว่า นี่เป็นเรื่องเท็จล้วน ๆ”
ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนชุดนี้จะยุติบทบาทของตนลงในวันที่ 3 มกราคมที่จะมาถึง เมื่อพรรครีพับลิกันจะขึ้นมาเป็นผู้นำเสียงข้างมากในสภาล่างสหรัฐฯ แทน
ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี
ออสเตรเลียแต่งตั้ง ‘ผู้หญิงคนเเรก’ เป็นหัวหน้าองค์กรสายลับ
ฮาร์ตเเลนด์ จะรับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการใหญ่หน่วยงานที่เรียกว่า Secret Intelligence Service (ASIS) ตั้งเเต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป
เธอเคยฝากผลงานปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กรของรัฐสภาของรัฐบาลกลางออสเตรเลีย หลังเกิดข่าวอื้อฉาวหลายครั้งเรื่องการละเมิดทางเพศ
นอกจากจะเป็นเคยทำงานรัฐเเล้ว เคอร์รี ฮาร์ตเเลนด์เป็นอดีตนักข่าว พร้อมทั้งในช่วงปี 2011 ถึง 2017 เธอเป็นรองผู้อำนวยการใหญ่องค์กรสายลับที่รับผิดชอบงานภายในประเทศ ที่ชื่อว่า Australian Security Intelligence Organization
ในประเทศอื่น ๆ เคยมีเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านข่าวกรองเช่นกัน
เมื่อปีที่เเล้ว วุฒิสภาอเมริกันรับรองการเสนอชื่อให้ เอฟริล เฮนส์ เป็นหัวหน้าองค์การข่าวกรองเเห่งชาติ พร้อมทั้งในปีเดียวกันอิตาลีเเต่งตั้ง อดีตเอกอัครราชทูต เอลิซาเบตตา เบลโลนี เป็นหัวหน้าองค์กรลักษณะเดียวกัน
ที่มา: วีโอเอ
เศรษฐีจีนปรับพอร์ตลงทุนตปท.กระจายความเสี่ยงในแดนมังกร
หลังจากนักลงทุนชาวจีนเจ็บหนักในปีนี้ ผู้มีอันจะกินในแดนมังกรแสดงความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจอันไม่แน่นอนภายในประเทศ จากผลกระทบของไวรัสโคโรน่า-19 พร้อมทั้งความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์หลังรัสเซียรุกรานยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบกับจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ข้อมูลจากบริษัทด้านการลงทุน Eurekahedge พบว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ลงทุนในจีนขาดทุนราว 12.9% ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นผลประกอบการที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 11 ปี
บรรดาผู้จัดการกองทุน ยังให้ความเห็นกับรอยเตอร์ด้วยว่า เศรษฐีจีนยังรู้สึกไม่สบายใจกับการผลักดัน “ความมั่งคั่งร่วมกัน” ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่หวังลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของประชาชน พร้อมทั้งผลักดันให้พวกเขามองหาลู่ทางลงทุนในหลักทรัพย์พร้อมทั้งอสังหาริมทรัพย์ในต่างแดน
แม้ว่าการลงทุนนอกจีนแผ่นดินใหญ่จะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเศรษฐีชาวจีน แต่สัดส่วนการลงทุนที่เคยอยู่ในสินทรัพย์สัญชาติจีน อย่างหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญด้วย
เจสัน ซู ผู้ก่อตั้งบริษัทการลงทุน Rayliant Global Advisors ในสหรัฐฯ ได้บอกกล่าวกับรอยเตอร์ว่า “ที่ผ่านมา การสร้างความมั่งคั่งของคนกลุ่มนี้ไม่ใช่การซื้อหุ้นหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์อเมริกัน แต่สิ่งนี้กำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว” บ้างก็เริ่มศึกษานโยบายพร้อมทั้งกฎหมายด้านเศรษฐกิจพร้อมทั้งการลงทุนสหรัฐฯ เพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
หนึ่งในผู้จัดการกองทุนในฮ่องกง ที่ดูแลการลงทุนของผู้มีอันจะกินในจีนที่มีสินทรัพย์มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า เขาได้ปรับพอร์ตลงทุนในสินทรัพย์จีนลงจากระดับ 80% เมื่อปีที่แล้ว ให้เหลือเพียง 1 ใน 3 ของพอร์ต พร้อมทั้งเตรียมจะปรับลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์จีนเพิ่มเติม พร้อมกับมองหาโอกาสลงทุนในภาคพลังงานพร้อมทั้งอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในญี่ปุ่นพร้อมทั้งสหรัฐฯ รวมทั้งในรูปแบบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (venture capital)
ที่มา: รอยเตอร์