สุดระทึก ตำรวจปราบกลุ่มแฟนบอล “ฝรั่งเศส-โมร็อกโก” ปะทะเดือดทั่วเมืองหลังเกมใน ฟุตบอลโลก

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ เจ้าอาณานิคมในอดีตต้องปะทะกับประเทศที่พวกเขาเคยปกครอง

บ้ารึเปล่าจารย์ ชาวเน็ตถล่มผู้ตัดสิน หลังแจกใบเหลืองแข้ง “โมร็อกโก” สุดมึน

น่าแปลกที่ VAR ไม่ได้ช่วยให้ โมร็อกโก ได้จุดโทษจากจังหวะนี้พร้อมทั้งทำให้ โซฟิยาน บูฟาล จึงกลายเป็นแพะไปในทันที

โอห์ม-ฟลุ้ค เสิร์ฟความฟิน เลิฟซีนจัดเต็ม ในซีรีส์วายแฟนตาซี “609 Bedtime Story”

สร้างความตื่นตาตื่นใจให้วงการซีรีส์วายอย่างมากมาย สำหรับซีรีส์สุดปังนำเทรนด์ เรื่อง “609 Bedtime Story” ซีรีส์วายแฟนตาซีตามเทรนด์ Metaverse แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร “โอห์ม-ฟลุ้ค” จัดเต็มเลิฟซีน

เปิดตัวเทคโนโลยีจดจำใบหน้าแบบใหม่ ใช้ระบุตัวแมวน้ำ

นักวิทยาศาสตร์อเมริกันค้นพบวิธีใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้ารูปแบบใหม่ในการช่วยชีวิตสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ หรือ แมวน้ำ

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอลเกตในรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ได้พัฒนา SealNet ซึ่งเป็นฐานข้อมูลใบหน้าของแมวน้ำที่สร้างขึ้นโดยการถ่ายภาพแมวน้ำจำนวนมากตามท่าเรือในอ่าว Casco ของรัฐเมน พร้อมทั้งพบว่าเครื่องมือในการระบุใบหน้าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนี้มีความแม่นยำเกือบ 100%

คริสตา อินแกรม (Krista Ingram) ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาที่มหาวิทยาลัยคอลเกต พร้อมทั้งหนึ่งในนักวิจัยของ Sealnet บอกว่า นักวิจัยกำลังพยายามที่จะเพิ่มขนาดของฐานข้อมูลเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ สามารถใช้งาน Sealnet ได้ พร้อมทั้งว่า การเพิ่มฐานข้อมูลนั้นมีขึ้นเพื่อรวมแมวน้ำสายพันธุ์หายาก เช่น Mediterranean monk พร้อมทั้ง Hawaiian monk เพื่อความพยายามในการอนุรักษ์สายพันธุ์เหล่านั้น

นอกจากนี้ การสร้างข้อมูลใบหน้าแมวน้ำพร้อมทั้งการใช้ Machine Learning ในการระบุใบหน้าของพวกมันยังอาจช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ทราบว่าแมวน้ำอยู่บริเวณไหนในมหาสมุทร

อินแกรม กล่าวต่อไปว่า “สำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่เคลื่อนไหวไปมาบ่อย ๆ พร้อมทั้งยากต่อการถ่ายภาพในน้ำ เราจำเป็นที่จะต้องระบุตัวพวกมันให้ได้”

SealNet ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้แยกแยะใบหน้าจากรูปภาพ ระบบจะจดจำใบหน้าของแมวน้ำตามข้อมูลของดวงตาพร้อมทั้งรูปร่างจมูกเช่นเดียวกับมนุษย์

ก่อนหน้านี้เคยมีการนำเครื่องมือที่คล้ายกันสำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เรียกว่า PrimNet มาใช้กับแมวน้ำมาก่อน แต่นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอลเกตบอกว่า SealNet ทำงานได้ดีกว่า

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอลเกตได้เผยแพร่ผลการศึกษาเมื่อฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้วใน Ecology and Evolution โดยได้ประมวลผลภาพแมวน้ำมากกว่า 400 ตัว เป็นจำนวนมากกว่า 1,700 ภาพ

การศึกษาดังกล่าวพบว่า ซอฟต์แวร์ SealNet อาจเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในด้านการพัฒนา “เทคโนโลยีการอนุรักษ์” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มุ่งช่วยชีวิตพร้อมทั้งปกป้องสัตว์ป่า

แมวน้ำฮาร์เบอร์ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวความสำเร็จในการอนุรักษ์ในสหรัฐฯ โดยเมื่อกว่า 100 ปีก่อน สัตว์เหล่านี้เคยถูกฆ่าตายจำนวนมาก แต่กฎหมายคุ้มครองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลซึ่งมีอายุครบ 50 ปีในเดือนตุลาคม ได้ให้การปกป้องคุ้มครองสัตว์เหล่านี้ จนทำให้ประชากรของพวกมันเริ่มกลับมา

ทั้งนี้ มีการศึกษาแมวน้ำพร้อมทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ ในมหาสมุทรมานานแล้วโดยใช้เทคโนโลยีดาวเทียม เจสัน โฮล์มเบิร์ก (Jason Holmberg) จาก Wild Me บอกว่า การใช้ AI เพื่อศึกษาพวกมันเป็นวิธีนำการอนุรักษ์กลับมาสู่ศตวรรษที่ 21 พร้อมทั้ง Wild Me กำลังพัฒนาความร่วมมือที่เป็นไปได้กับ SealNet อีกด้วย

ปัจจุบันแมวน้ำฮาร์เบอร์มีอยู่ทั่วไปตามน่านน้ำนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ แต่แมวน้ำสายพันธุ์อื่น ๆ ยังคงตกอยู่ในความเสี่ยง โดยแมวน้ำ Mediterranean monk ถือเป็นแมวน้ำที่มีความเสี่ยงมากที่สุดในโลก เพราะมีเหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยตัว

มิเชลล์ เบอร์เกอร์ (Michelle Berger) นักวิทยาศาสตร์ร่วมของสถาบัน Shaw ในรัฐเมนซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในงานวิจัยของ Sealnet บอกว่า เทคโนโลยีจดจำใบหน้าอาจช่วยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ พร้อมทั้งเมื่อระบบสมบูรณ์แบบแล้ว ก็จะถูกนำไปใช้งานด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งว่าหากระบบนี้สามารถจดจำแมวน้ำได้ โดยสามารถจดจำได้ปีต่อปี ก็จะทำให้มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของแมวน้ำ พร้อมทั้งการเคลื่อนย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง

นอกจากนี้ยังช่วยให้นักชีววิทยาได้ศึกษาพฤติกรรมของแมวน้ำ พร้อมทั้งแมวน้ำฮาร์เบอร์ยังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวพวกมันอีกด้วย

ที่มา: เอพี

‘ฟีฟ่า’ ทบทวนสูตรจัดกลุ่ม 48 ทีมในฟุตบอลโลก 2026 ที่อเมริกาเหนือ

สมาพันธ์ฟุตบอลโลก หรือ ฟีฟ่า (FIFA) กำลังทบทวนปรับรูปแบบการจัดกลุ่มในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในอีก 4 ปีข้างหน้าที่จะแข่งขันในอเมริกาเหนือ 3 ประเทศ คือ สหรัฐฯ แคนาดา พร้อมทั้งเม็กซิโก ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่มีทีมลงแข่งขัน 48 ทีม

เดิมทีฟีฟ่าวางรูปแบบไว้ว่า ฟุตบอลโลก 2026 จะมี 16 กลุ่ม จากปัจจุบันที่มี 8 กลุ่ม โดยจะมีกลุ่มละ 3 ทีมรวม 48 ทีม พร้อมทั้งจะเอาสองทีมที่มีคะแนนดีที่สุดของแต่ละกลุ่มเข้าไปแข่งขันในรอบ 32 ทีมสุดท้ายแบบแพ้ตกรอบ 

ถ้าหากว่า รูปแบบดังกล่าวอาจจะไม่เกิดขึ้นหลังจากที่มีเสียงวิจารณ์ว่าอาจเกิดการฮั้วกันของสองทีมที่ชนะในเกมแรกพร้อมทั้งมีโอกาสเข้ารอบต่อไปเพื่อให้ได้ผล “เสมอ” หรือผลที่ต้องการ ซึ่งจะทำให้อีกทีมหนึ่งในกลุ่มตกรอบไปโดยปริยาย 

รองประธานฟีฟ่า วิคเตอร์ มอนตากลิอานี ยอมรับเมื่อเดือนมีนาคมว่า มีการยกประเด็นเรื่องการแบ่งแต้มหรือฮั้วผลนี้ขึ้นมา ซึ่งอาจนำไปสู่การคิดทบทวนรูปแบบการแข่งขันใหม่

สำหรับสูตรใหม่ที่มีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณา คือการแบ่งเป็น 12 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีมเหมือนเดิม โดยที่จะมีอันดับที่สามที่มีคะแนนดีที่สุดของ 8 กลุ่มตามเข้ารอบไปด้วย รวมเป็น 32 ทีมเพื่อไปเจอกันในรอบน็อคเอาท์

แต่สูตรนี้จะทำให้มีเกมการแข่งขันเพิ่มขึ้นเป็น 104 เกม จากจำนวน 64 เกมในปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่าฟุตบอลโลกครั้งหน้าอาจต้องใช้เวลาราว 5 สัปดาห์กว่าจะแข่งกันเสร็จ

ถ้าหากว่า ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าผู้บริหารของฟีฟ่าอาจจะชอบใจที่มีจำนวนเกมมากขึ้นเพราะหมายถึงรายได้จากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่สูงขึ้นด้วย แม้อาจต้องแลกมาด้วยความตื่นเต้นที่ลดลงเพราะการแข่งขันที่ยาวนานยืดเยื้อไปอีกหนึ่งสัปดาห์

ทั้งนี้ ฟีฟ่าเปิดเผยว่า ฟุตบอลโลกที่กาตาร์ครั้งนี้ทางสมาพันธ์ฯ มีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์พร้อมทั้งสปอนเซอร์ราว 7,500 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่าเมื่อ 4 ปีก่อนที่รัสเซียราว 1,000 ล้านดอลลาร์

ที่มา: รอยเตอร์

คู่ชิงในฝัน! อาร์เจนฯ-ฝรั่งเศส ชิงฟุตบอลโลก 2022 แย่งแชมป์สมัยสาม

หลังจากร่วมฟาดแข้งมากว่าสามสัปดาห์ ในที่สุดการแข่งขันฟุตบอลโลก กาตาร์ 2022 ก็ได้คู่ชิงแชมป์โลกเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ ทีมชาติอาร์เจนตินา จากอเมริกาใต้ กับทีมชาติฝรั่งเศส จากยุโรป ซึ่งจะลงชิงชัยกันในวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคมนี้

ในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศในวันพุธ ทีมตราไก่ ฝรั่งเศส สามารถเอาชนะทีมม้ามืดจากแอฟริกา โมร็อกโก 2-0 จากการทำประตูของ เตโอ แอร์นองเดซ พร้อมทั้ง แรนดัล โคโล มูอานี ในนาทีที่ 5 พร้อมทั้ง 79 ตามลำดับ โดยโมร็อกโกบุกอย่างหนักในช่วงท้ายพร้อมทั้งหวุดหวิดทำประตูตีไข่แตกได้หลายครั้ง 

ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ฝรั่งเศสได้ผ่านเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน โดยเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ฝรั่งเศสเอาชนะโครเอเชียในรอบชิงฯ 4-2

ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ ทีมฟ้าขาว อาร์เจนตินา ซึ่งนำโดย ลีโอเนล เมสซี ถล่มทีมตราหมากรุก โครเอเชีย 3-0 จากการทำสองประตูของ ฮูเลียน อัลวาเรซ พร้อมทั้งอีกประตูจากจุดโทษของเมสซี ผ่านเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 2 ใน 3 ครั้งหลังสุด 

ทั้งอาร์เจนตินาพร้อมทั้งฝรั่งเศสต่างคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาได้แล้วสองสมัยเท่ากัน โดยอาร์เจนตินาคว้าแชมป์มาได้เมื่อปี 1978 พร้อมทั้ง 1986 ขณะที่ฝรั่งเศสครองแชมป์เมื่อปี 1998 พร้อมทั้ง 2018 

การโคจรมาเจอกันในรอบชิงครั้งนี้จึงเป็นการชิงแชมป์โลกสมัยที่ 3 ของทั้งคู่ พร้อมทั้งยังถือเป็นคู่ชิงในฝันของหลายคนด้วย

ที่มา: วีโอเอไทย

‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% สกัดเงินเฟ้ออีกตั้ง

ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ในวันพุธ นับเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 7 ในปีนี้ พร้อมเผยเตรียมขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้า ในช่วงที่ทิศทางเงินเฟ้ออเมริกาเริ่มส่งสัญญาณชะลอความร้อนแรงลง ตามรายงานของเอพี

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของระบบธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% ที่ 4.25%-4.5% ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี แม้จะเป็นขนาดการขึ้นดอกเบี้ยที่น้อยกว่าครั้งก่อน ๆ แต่มาตรการของเฟดจะส่งผลต่อต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจพร้อมทั้งประชาชน รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย

การปรับขึ้นดอกเบี้ยของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ มีขึ้นหนึ่งวันหลังจากมีข้อมูลภาวะเงินเฟ้อในเดือนพฤศจิกายนที่ลดความร้อนแรงลงต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ 7.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าระดับสูงสุดที่ 9.1% เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

แม้จะเห็นทิศทางเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลง แต่เฟดแสดงความชัดเจนว่ายังไม่ถึงเวลาประกาศชัยชนะเหนือเงินเฟ้อในตอนนี้ โดยเจอโรม พาวเวลล์ ประธานระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวในวันพุธว่า “ข้อมูลเงินเฟ้อในเดือนตุลาคมพร้อมทั้งพฤศจิกายนแสดงให้เห็นการลดลงที่น่ายินดี แต่จะต้องมีหลักฐานเพิ่มเติมในการให้ความเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางขาลงอย่างยั่งยืน”

ที่น่าสนใจคือเฟดพบว่าได้เตรียมที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกราว 0.75% ภายในปลายปีหน้า ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 5%-5.25% ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์กันว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งที่ระดับ 0.5% เท่านั้น

ในภาพเศรษฐกิจอเมริกันโดยรวม เฟดยังประเมินว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างชะลอลง โดยจะขยายตัวเพียง 0.5% ในปีหน้าเท่านั้น พร้อมทั้งอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นในปีหน้าพร้อมทั้งปี 2024 โดยคาดว่าอัตราว่างงานจะกระโดดจาก 3.7% ไปที่ระดับ 4.6% ภายในสิ้นปีหน้า ซึ่งอาจสะท้อนภาพของภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ได้

ส่วนทิศทางเงินเฟ้อในยุโรปพร้อมทั้งอังกฤษ มีแนวโน้มลดความร้อนแรงลงเช่นกัน ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB พร้อมทั้งธนาคารกลางอังกฤษ จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีนี้ โดยคาดว่าทั้ง ECB พร้อมทั้งแบงค์ชาติอังกฤษจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่พุ่งสูง

ที่มา: เอพี

ยูเครนรับมือโดรนถล่มกรุงเคียฟ-รัสเซียไม่แจกการ์ด ‘หยุดยิงช่วงคริสต์มาส’

กองทัพยูเครน พบว่าสามารถยิงโดรน 13 ลำตกเมื่อวันพุธ หลังรัสเซียเปิดฉากจู่โจมด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่กรุงเคียฟเมืองหลวงเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ พร้อมทั้งรัฐบาลมอสโกไม่ส่งสัญญาณหยุดยิงในช่วงเทศกาลคริสต์มาสดังที่รัฐบาลเคียฟเรียกร้อง ตามรายงานของรอยเตอร์

นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ วิตาลี คลิตช์โก บอกว่า มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นหลายจุดในเขตเชฟเชนคิฟสกี ตอนกลางกรุงเคียฟ ในช่วงเช้าวันพุธ พร้อมทั้งอาคารของหน่วยงานรัฐ 2 แห่งได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังมีการประกาศเตือนภัยทางอากาศเป็นเวลา 3 ชั่วโมงในพื้นที่ดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ ยังมีรายงานประชาชนในเมืองหลวงยูเครนได้ยินเสียงของโดรนชาเฮด (Shahed) ของอิหร่าน ซึ่งชาวยูเครนรู้จักในชื่อ “โมเพด” หรือ รถจักรยานไฟฟ้า เนื่องจากเสียงเครื่องยนต์ที่ดังคล้ายกัน ก่อนจะตามมาด้วยการระเบิดใหญ่ในอาคารที่อยู่ถัดจากบ้านของพวกเขา แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บพร้อมทั้งจบชีวิตจากเหตุดังกล่าว

ยูเครนได้รับระบบป้องกันตนเองทางอากาศจากชาติตะวันตกมาแล้ว รวมทั้งจากสหรัฐฯ หนึ่งในนั้นคือระบบป้องกันตนเองทางอากาศ แพทริออต (PATRIOT) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีระบบป้องกันทางอากาศขั้นสูงชนิดหนึ่งที่ส่งมอบให้ยูเครน ที่ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่าจะส่งมอบให้ยูเครนได้เร็วที่สุดคือในวันพฤหัสบดีนี้

ฝั่งรัฐบาลมอสโก ระบุในวันพุธว่า ระบบป้องกันตนเองทางอากาศ แพทริออต จะเป็นเป้าหมายจู่โจมของรัสเซีย หากรัฐบาลวอชิงตันอนุมัติการจัดส่งระบบดังกล่าวให้กับยูเครน

จนถึงเวลานี้ ยังไม่มีการเดินหน้าการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียพร้อมทั้งยูเครน ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนหลายพันชีวิต ประชาชนนับล้านต้องพลัดถิ่นจากสงคราม พร้อมทั้งนำพาความเสียหายในหลายพื้นที่ของยูเครน

ในสัปดาห์นี้ ทางประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกร้องรัสเซียให้เริ่มการถอนทหารก่อนถึงวันคริสต์มาส เพื่อเป็นก้าวแรกในการเปิดการเจรจาสันติภาพระหว่างกัน แต่รัฐบาลเครมลิน ระบุในวันพุธว่า “การหยุดยิงช่วงคริสต์มาส” ไม่อยู่ในแผนการของรัสเซีย

อีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์ด้านการทหาร พบว่า ฤดูหนาวอันโหดร้ายใกล้เข้ามาแล้ว ระหว่างที่การต่อสู้อย่างหนักหน่วงระหว่างรัสเซียพร้อมทั้งยูเครนดำเนินต่อไป โดยเฉพาะในเขตปกครองดอแนสตก์ ที่กองทัพรัสเซียพยายามรุกคืบเพื่อยึดเมืองบาคห์มุตให้ได้

ทางการยูเครน เปิดเผยในวันพุธด้วยว่า ปธน.เซเลนสกีหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพยูเครน ถึงแผนการด้านความมั่นคงบริเวณพรมแดน หลังจากเบลารุสประกาศเพิ่มความพร้อมด้านการรบทางตอนใต้ของประเทศ โดยรัสเซียเคยใช้เบลารุสเป็นฐานปล่อยจรวดในการรุกรานยูเครนมาแล้ว

 

ที่มา: รอยเตอร์

คาดอินเดียขึ้นแท่นศก.ใหญ่อันดับ 3 โลกในอีก 8 ปี

เศรษฐกิจอินเดียเติบโตอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความคาดหมายว่าเตรียมขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ภายในปี 2030 หรืออีก 8 ปีข้างหน้านี้

มอร์แกน สแตนลีย์พร้อมทั้งเอสแอนด์พี โกลบอล คาดการณ์ตรงกันว่า เศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตถึงระดับเกือบ 7% ในปีนี้ แม้ว่าจะเจอกับแรงสั่นสะเทือนทางเศรษฐกิจที่เป็นผลมาจากสงครามในยูเครน ซึ่งทิศทางการเติบโตดังกล่าวจะไปต่อ พร้อมทั้งช่วยให้อินเดียเอาชนะญี่ปุ่นพร้อมทั้งเยอรมนีในการเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกได้

ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ประเมินว่าอินเดียจะขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกได้เร็วกว่านั้น คือ ภายในปี 2028 ส่วนสหรัฐฯ พร้อมทั้งจีน ยังครองอันดับ 1 พร้อมทั้ง 2 ตามลำดับ

ส่วนรายงานล่าสุดจากธนาคารโลก หรือ เวิลด์แบงค์ ที่เปิดเผยในเดือนธันวาคมชี้ว่า อินเดียอยู่ในบทบาทที่ดีในการรับมือกับกระแสเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนเมื่อเทียบกับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่น ๆ

ถ้าหากว่า การเติบโตของเศรษฐกิจของอินเดียคาดว่าจะเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อเหมือนกับประเทศอื่น ๆ ในโลก รวมถึงความท้าทายภายในประเทศในการสร้างงานพร้อมทั้งแก้ปัญหาความยากจนของผู้คนในประเทศ โดยเฉพาะกับประชากรคนรุ่นใหม่

ที่มา: วีโอเอ

จีนเลิกนับผู้ติดไวรัสโคโรน่าไม่แสดงอาการ ชี้ยากเกินตรวจจับหลังผ่อนคลายควบคุม

หน่วยงานด้านสาธารณสุขของจีนยกเลิกการนับยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า-19 ที่แท้จริงในประเทศ โดยมองว่าเป็นสิ่งที่ “เป็นไปไม่ได้” ในการติดตามเก็บข้อมูลในตอนนี้ ด้านเจ้าหน้าที่จีนเตือนว่ายอดติดเชื้อกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในกรุงปักกิ่ง หลังรัฐบาลยกเลิกนโยบายสกัดกั้นการระบาดอย่างกะทันหัน ตามรายงานของเอเอฟพี

ทางการกรุงปักกิ่งยกเลิกมาตรการตรวจผู้ติดเชื้อในวงกว้างพร้อมทั้งการกักตัวสังเกตอาการไวรัสโคโรน่า-19 หลังจากพยายามใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรน่า ยังผลให้ยอดติดเชื้อที่ทางการจีนเก็บข้อมูลมาได้อยู่ในสัดส่วนที่น้อย แต่ผลจากการผ่อนคลายมาตรการอย่างฉับพลันทันทีของจีนทำให้ยอดติดเชื้อในประเทศพุ่งสูงเป็นประวัติศาสตร์เมื่อเดือนที่แล้ว

ล่าสุด คณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุขแห่งชาติจีน (National Health Commission-NHC) ยอมรับว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศที่รายงานในช่วงที่ผ่านมา อาจไม่สะท้อนถึงสถานการณ์การระบาดที่แท้จริงในประเทศ โดยออกแถลงการณ์ในวันพุธว่า “ผู้ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการจำนวนมากไม่ได้เข้าร่วมการตรวจสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสอีกต่อไป ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนับจำนวนผู้ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการได้อย่างแม่นยำ”

 

ท่าทีของหน่วยงานสาธารณสุขจีน มีขึ้นหลังจากองนายกรัฐมนตรีซุน ชุนหลาน ที่ดูแลงานด้านไวรัสโคโรน่าของจีน บอกว่า ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเมืองหลวงของจีนตอนนี้ “เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”

ในวันพุธ ทางการจีนประกาศแผนให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เข้ารับวัคซีนกระตุ้นภูมิ หรือ บูสเตอร์ เข็มที่ 2 หลังจากเข้ารับวัคซีนบูสเตอร์เข็มแรกไปแล้ว 6 เดือน

ทั้งนี้ จีนเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการควบคุมไวรัสโคโรน่า แม้ว่าประเทศกำลังเผชิญกับยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างกังวลว่าจีนอาจไม่พร้อมรับกับคลื่นการระบาดดังกล่าว เนื่องจากขาดแคลนทรัพยากรพร้อมทั้งการจัดการด้านสาธารณสุขที่เพียงพอรับมือ ขณะที่ยังมีประชาชนผู้สูงอายุในกลุ่มเสี่ยงนับล้านชีวิตที่ยังไม่ได้เข้ารับวัคซีนครบโดส

บรรยากาศในกรุงปักกิ่งเมื่อวันพุธ ประชาชนราว 50 คนต่อแถวยาวออกมานอกประตูคลินิกในเมืองหลวงของจีน โดยผู้ที่รอเข้ารับการรักษา เปิดเผยกับเอเอฟพีว่าพวกเขาหรือพาสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้สูงวัยติดไวรัสโคโรน่า-19 มาเข้ารับการรักษา

ปักกิ่งอ่วมหนักจากไวรัสโคโรน่า

ท้องถนนทั่วกรุงปักกิ่งยังคงว่างเปล่าเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าร้านอาหาร ร้านค้า พร้อมทั้งสวนสาธารณะ กลับมาเปิดให้ประชาชนเข้าถึงได้ตามปกติแล้วในกรุงปักกิ่ง แต่ประชาชนที่นั่นยังไม่สามารถหาหนทางที่จะใช้ชีวิตร่วมกับไวรัสได้อย่างปกติ ผู้คนที่ล้มป่วยด้วยไวรัสโคโรน่าแบบมีอาการรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน ขณะที่คนที่ไม่ติดเชื้อจำนวนมากเลือกอยู่ที่บ้านเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อ ส่วนภาคธุรกิจยังประสบปัญหาอยู่เพราะไวรัสโคโรน่ากระทบกับการกลับมาใช้ชีวิตของผู้คนรวมทั้งกับพนักงานด้วย

นอกจากนี้ ยังมีรายงานยาลดไข้ขาดตลาดพร้อมทั้งผู้คนยังต่อแถวซื้อยาตามร้านขายยาเนืองแน่น เสิร์ชเอ็นจินรายใหญ่ของจีนไป่ตู้ (Baidu) พบการค้นหายาลดไข้ไอบูโพรเฟ่น (Ibuprofen) ในช่องทางออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น 430% เมื่อสัปดาห์ก่อน

เมื่อความต้องการชุดตรวจไวรัสโคโรน่าแบบแอนติเจนพร้อมทั้งยาต่าง ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้ราคาจำหน่ายสินค้าเหล่านี้ในตลาดมืดพุ่งสูงอย่างมาก ชาวจีนจำนวนหนึ่งหันไปพึ่งพา “ตัวแทนจำหน่าย” ที่ส่งต่อรายชื่อกันมาผ่านทาง WeChat พร้อมทั้งทางการจีนเร่งปราบปรามการโก่งราคาสินค้าจากผู้ประกอบการ โดยสั่งปรับบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง 300,000 หยวน หรือเกือบ 1.5 ล้านบาท ฐานจำหน่ายชุดตรวจไวรัสโคโรน่าเกินราคาเมื่อวันอังคาร อ้างอิงจากสื่อท้องถิ่น Beijing News

ถ้าหากว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุดในสังคมจีนหลังการผ่อนคลายมาตรการคุมไวรัสโคโรน่า คือ ผู้คนกล้าที่จะเปิดเผยเรื่องการติดไวรัสโคโรน่าพร้อมทั้งอธิบายอาการที่ป่วยผ่านสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น จากเดิมที่ผู้คนในจีนมองว่าการติดเชื้อเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดถึงพร้อมทั้งผู้ที่หายจากการติดเชื้อได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีจากคนรอบข้าง

 

ที่มา: เอเอฟพี