“อิ๊งค์” ขีดเส้นปราบ “บุหรี่ไฟฟ้า” เห็นผลใน 30 วัน เผยรอบ 15 วัน จับ 1,078 คดี

“นายกฯ อิ๊งค์” ห่วงเยาวชน นักเรียน นักศึกษา สั่งเข้มปราบบุหรี่ไฟฟ้า ต้องเห็นผลใน 30 วัน เตือนครู-บุคลากรทางการศึกษา หากมีเอี่ยวรับโทษทางวินัยทันที ย้ำสถานศึกษา-ที่ทำงาน เป็นเขตปลอดบุหรี่พร้อมทั้งบุหรี่ไฟฟ้า

จีนคุมตัว 2 นทท.ญี่ปุ่น ถ่ายภาพโชว์ก้น บนกำแพงเมืองจีน ก่อนเนรเทศส่งกลับประเทศ

ชาวจีนเดือด หลังมี 2 นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นไปถ่ายภาพโชว์บั้นท้ายบนกำแพงเมืองจีน โดยทั้งคู่ถูกคุมตัวนาน 2 สัปดาห์ ก่อนถูกเนรเทศกลับประเทศ

กทพ. เร่งเคลียร์พื้นที่เหตุ “สะพานก่อสร้าง” พังถล่ม คาดใช้เวลาภายใน 1 สัปดาห์

การทางพิเศษฯ ขอเวลา 1 สัปดาห์ เคลียร์พื้นที่ “สะพานก่อสร้างถล่ม” ยันผู้ได้รับผลกระทบ จะต้องได้รับการเยียวยาอย่างเป็นธรรม ส่วนผู้ใช้ทางขึ้นลงใต้ ขอให้ใช้สะพานทศมราชันแทน

เผยดัชนี Freedom House 2025 ประเทศไทยโดนลดระดับไปอยู่ในกลุ่ม “ประเทศไม่เสรี” อีกครั้ง

องค์กร Freedom Houseในสหรัฐ เปิดเผยการจัดทำดัชนีเสรีภาพโลก 2025 โดยสถานะของประเทศไทยแย่ลง ถูกปรับลดจากประเทศที่มีเสรีภาพบางส่วน กลายเป็นประเทศไม่เสรีอีกครั้ง

สำรวจแนวทางสหรัฐฯ ยุคทรัมป์ กับความพยายามเจาะสัมพันธ์จีน-รัสเซีย

หนึ่งในแนวทางการทูตที่เห็นได้จากสองเดือนแรกของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือการรื้อฟื้นสัมพันธ์กับรัฐบาลมอสโก แต่สิ่งที่นักวิเคราะห์ยังจับตามองคือ ท่วงท่าของรัฐบาลวอชิงตันจะสามารถเจาะความเหนียวแน่นของพันธมิตรรัสเซีย-จีนได้หรือไม่
นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อปี 2022 จีนพยายามยืนกรานว่ารัฐบาลปักกิ่งสนับสนุนสันติภาพ พร้อมทั้งเคารพบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศต่าง ๆ แต่อีกด้านก็ไม่เคยประณามรัสเซียที่เปิดฉากเข้ายึดดินแดนยูเครนเลย
ไม่เพียงเท่านั้น กรุงปักกิ่งยังยังโหวตช่วยรัสเซียในคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ พร้อมทั้งร่วมซ้อมรบด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดใกล้กับรัฐอลาสกาอีกด้วย
อีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ แม้บอกว่ามีสัมพันธ์ส่วนตัวอันดีกับสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีน พร้อมทั้งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แต่ก็เห็นได้ว่า ขณะที่ทำเนียบขาวพูดถึงการรื้อฟื้นสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับรัสเซีย อีกด้านหนึ่งกลับลงโทษจีนด้วยการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้า
ชาลส์ เฮคเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างรัสเซียพร้อมทั้งชาติตะวันตก มองว่าภาคเอกชนของชาติตะวันตกจะกลับเข้าไปในรัสเซียอย่างรวดเร็วหากมีการผ่อนปรนมาตรการลงโทษ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน โลหะ พร้อมทั้งสินแร่ ที่คุ้นชินกับการทำธุรกิจในพื้นที่ความเสี่ยงสูง
ถ้าหากว่า เขามองว่าการกลับไปทำธุรกิจแบบที่เคยเป็นมา ไม่ใช่สัญญาณของการกลับมาญาติดีกันระหว่างกรุงมอสโกพร้อมทั้งกรุงวอชิงตัน พร้อมทั้งไม่เพียงพอที่จะทำให้รัสเซียตีตัวออกห่างจากจีน หากไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติต่อต้านระบบการเมืองพร้อมทั้งเศรษฐกิจแบบตะวันตกของปูติน
“คุณไม่เคยได้ยินประธานาธิบดีปูตินพูดอะไรขัดกับจีนในทางอุดมการณ์ พร้อมทั้งตอนนี้ทั้งสองก็เป็นหุ้นส่วนทางพลังงานที่สำคัญ” เฮคเกอร์กล่าว
ถ้าหากว่า ในแง่ของความเห็นสาธารณะ อาจมีจุดที่ทำให้เห็นว่ามีความไม่ลงรอยกันในระดับประชาชนต่อประชาชน อ้างอิงจากข้อค้นพบขององค์กร FilterLabs ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ
FilterLabs วิเคราะห์ความเห็นผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ในจีนพร้อมทั้งรัสเซียในแง่ความสัมพันธ์รัสเซีย-จีนนี้ พร้อมทั้งพบว่า ชาวเน็ตมีความเห็นที่ “เต็มไปด้วยความตึงเครียด ไม่เชื่อใจ พร้อมทั้งผลประโยชน์ที่ไม่ตรงกัน”
วาซิลี กาทอฟ หนึ่งในผู้จัดทำรายงานดังกล่าวระบุกับวีโอเอว่าจีนไม่ได้มองรัสเซียในฐานะหุ้นส่วนที่เท่าเทียมพร้อมทั้งไว้ใจได้
เขาย้อนไปถึงประวัติการเข้ายึดแคว้นอามูร์จากจีน พร้อมทั้งนโยบายล่าอาณานิคมของรัสเซียในศตวรรษที่ 19 พร้อมทั้ง 20 พร้อมทั้งสรุปว่า “ในความเห็นของผม เป็นไปได้อย่างแน่นอนที่จะมองความไม่ลงรอยทางประวัติศาสตร์ในฐานะจุดเปราะบาง”
ถ้าหากว่า อเล็กซานเดอร์ กาบูเอฟ ผู้อำนวยการจากศูนย์คาร์เนกีด้านรัสเซีย-ยูเรเซีย มองว่าเสียงของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรมากนักต่อการตัดสินใจของรัฐบาลมอสโกพร้อมทั้งปักกิ่ง
กาบูเอฟมองว่า การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์จากจีนนั้นอาจเป็นสะท้อนแรงจูงใจ ว่ากรุงปักกิ่งเองก็ต้องการการตอบแทน โดยเฉพาะข้อมูลการต่อต้านอาวุธจากชาติตะวันตกที่รัสเซียได้รับจากสงครามในยูเครน
ในโมงยามที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ พร้อมทั้งรัสเซียกำลังดีขึ้น หนึ่งในคำถามที่นักวิเคราะห์สนใจก็คือ กระบวนทัศน์ของทรัมป์ที่มีต่อจีน จะมีผลไปถึงขั้นทำให้รัสเซียพร้อมทั้งจีนห่างเหินกันมากขึ้นได้หรือไม่
อาลี ไวน์ ที่ปรึกษาด้านจีนพร้อมทั้งสหรัฐฯ จากองค์กร International Crisis Group มองว่าทรัมป์มีทัศนคติที่เป็นมิตรกับผู้นำจีนมากกว่าผู้กำหนดนโยบายสหรัฐฯ ที่ผ่านมาที่มองว่าจีนเป็นคู่แข่งทางยุทธศาสตร์ลำดับต้น ๆ พร้อมทั้งไวน์เชื่อว่าจุดนี้จะเป็นปัจจัยกำหนดท่าทีของสหรัฐฯ ต่อจีนในสี่ปีนับจากนี้
ที่มา: วีโอเอ

ประชากรนกหลายพันธุ์กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว

กลุ่มอนุรักษ์สิ่งเเวดล้อมพบว่า ประชากรนกในสหรัฐฯ กำลังลดลงรวดเร็วอย่างน่าตกใจ เนื่องจากพวกมันสูญเสียเเหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ พร้อมทั้งต้องเผชิญผลกระทบจากภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติ
รายงาน 2025 U.S. State of the Birds ที่ถูกเปิดเผยออกมาเมื่อวันพฤหัสบดี ชี้ว่ามีนกกว่า 100 สายพันธุ์ในการวิจัย ที่มีจำนวนประชากรลดลงกว่าครึ่งหนึ่งในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา
ผลศึกษาชี้ด้วยว่าจำนวนนกในทุกประเภทของที่อยู่อาศัยกำลังลดลง ซึ่งรวมถึงเป็ด ที่เคยเป็นตัวอย่างความสำเร็จของการอนุรักษ์นก
ไมเคิล พาร์ ประธานสมาคมอนุรักษ์นก American Bird Conservancy บอกกับรอยเตอร์ว่า มีเพียงนกน้ำประเภทนกกระยาง ที่เป็นสายพันธุ์ที่ประชากรเพิ่มขึ้น
รายงานพบว่า ประชากรเป็ดในธรรมชาติที่สหรัฐฯ ลดลงประมาณ 30% จากปี 2017 แต่ตัวเลขปัจจุบันยังมากกว่าเมื่อปี 1970 อ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าวนานาชาติเอพี ที่รายงานการศึกษาชิ้นนี้เช่นกัน
“หนึ่งในสามของพันธุ์นกในสหรัฐฯ โดยประมาณ ต้องการความตื่นตัว (จากประชาชน) เพื่อการอนุรักษ์” อะแมนดา โร้ควัลด์ นักวิชาการเรื่องนกที่มหาวิทยาลัยคอร์เนล์ พร้อมทั้งผู้อำนวยการ Cornell Lab of Ornithology’s Center for Avian Population Studies ซึ่งเป็นศูนย์ศึกษาประชากรนก กล่าว
เธอเสริมว่าสายพันธุ์เหล่านี้เคยมีจำนวนมากในสหรัฐฯ
สำหรับนกที่มีจำนวนประชากรลดลงมากที่สุดประกอบด้วย นกอะเล็นฮัมมิงเบิร์ด นกน้ำ ‘ลูน’ ปากเหลือง นกกาน้ำหน้าเเดง ไก่ป่าเกรเตอร์เสจเกราส์ นกฟลอริดาสครับเจย์ พร้อมทั้งนกทะเลเพเทรลฮาวาย เป็นต้น
รอยเตอร์รายงานว่าในจำนวนนี้ บางสายพันธุ์ได้ถูกพบว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะสูญพันธุ์ ภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ ว่าด้วยเรื่องสัตว์สายพันธุ์ที่อยู่ในอันตราย ก่อนหน้านี้เเล้ว
นักชีววิทยาที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ปีเตอร์ มาร์รา ที่ไม่ได้อยู่ในคณะทำงานวิจัยนี้ บอกกับเอพีว่า “ทุก ๆ สายพันธุ์ที่เราอาจจะสูญเสียมันไป เปรียบได้กับเส้นสายที่หลุดออกไปจากงานถักทอของชีวิตอันหลากหลาย”
แต่มาร์ราบอกว่า เเม้ภาพรวมจะดูน่าเป็นห่วง ความหวังเล็ก ๆ กำลังเปล่งประกายมาจากนกอินทรีหัวขาว ที่กำลังเพิ่มจำนวนประชากรของมันอยู่ในเวลานี้
ที่มา: วีโอเอ

กลุ่ม ‘จี 7’ จี้รัสเซียเห็นชอบสัญญาหยุดยิง ขู่ลงโทษเพิ่ม

ตัวแทนชาติสมาชิกกลุ่มจี 7 แถลงในวันศุกร์ เรียกร้องให้รัสเซียเห็นชอบกับข้อเสนอของสหรัฐฯ ให้เกิดการหยุดยิงในยูเครนบนเงื่อนไขที่เท่าเทียมกัน พร้อมทั้งนำไปปฏิบัติอย่างเต็มที่
แถลงการณ์ร่วมที่เผยแพร่จากการประชุมรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ที่จัดขึ้นที่ควิเบก ประเทศแคนาดา พบว่า “เราได้หารือเรื่องการเพิ่มต้นทุน (ที่ต้องจ่าย) ของรัสเซีย ในกรณีที่การหยุดยิงไม่ได้รับการเห็นชอบ ซึ่งหมายรวมถึงการคว่ำบาตรเพิ่มเติม การจำกัดราคาน้ำมัน ไปจนถึงเพิ่มการสนับสนุนให้ยูเครนพร้อมทั้งแนวทางอื่น ๆ ”
ทำเนียบขาวพบว่า สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
แถลงการณ์ของกลุ่มเจ็ดชาติประชาธิปไตยชั้นนำของโลกมีขึ้นในช่วงที่รัฐบาลเครมลินพบว่ายังมีหลายจุดที่ต้องพิจารณาในข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งสะท้อนท่าทีลังเลต่อการยอมรับแนวทางที่สหรัฐฯ เป็นผู้เสนอ
ทางด้านมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวในวันศุกร์ถึงการหยุดยิงว่า “ผมคิดว่ามีเหตุผลที่จะมองบวกอย่างระมัดระวัง แต่ในคราวเดียวกัน เรายังเห็นว่านี่คือสถานการณ์ที่ยากเย็นพร้อมทั้งซับซ้อน”
เมลานี โจลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแคนาดาบอกว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของชาติจี 7 ทุกคนเห็นชอบกับข้อเสนอหยุดยิงของสหรัฐฯ ที่ชาวยูเครนให้การสนับสนุน
เดวิด แลมมี รมต.ต่างประเทศของอังกฤษบอกว่า ยูเครนมีท่าทีที่ชัดเจนแล้ว ตอนนี้ขึ้นอยู่กับรัสเซียที่จะยินยอมพร้อมใจ ไม่เพียงเท่านั้ยังพบว่ามี “แนวร่วมทางเจตจำนง” ที่จะช่วยเหลือยูเครนในด้านความมั่นคงพร้อมทั้งกลไกเฝ้าระวังเพื่อสนับสนุนการหยุดยิง
ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี มองว่าท่าทีลังเลของปูตินเมื่อวันพฤหัสบดีคือการพยายามสร้างเงื่อนไขการหยุดสู้รบให้ซับซ้อนมากขึ้น พร้อมทั้งลากกระบวนการให้ยาวออกไป
นอกจากการหารือเรื่องสงครามระหว่างรัสเซียพร้อมทั้งยูเครน กลุ่มจี 7 ยังหารือกันในวาระความท้าทายทางยุทธศาสตร์ อื่น ๆ จากจีน เกาหลีเหนือ อิหร่าน พร้อมทั้งรัสเซีย ซึ่งนักวิเคราะห์ด้านการทหารพร้อมทั้งการทูตจับตามองกระแสต่อต้านความร่วมมือของประเทศตะวันตกที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศนี้
แถลงร่วมพบว่ากลุ่มจี 7 ยังคงกังวลต่อการสั่งสมกำลังทหารพร้อมทั้งอาวุธนิวเคลียร์ของจีน พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลปักกิ่งร่วมหารือในด้านการลดความเสี่ยงทางยุทธศาสตร์ รวมถึงใช้หลักความโปร่งใสเพื่อสร้างเสริมเสถียรภาพ
ในประเด็นช่องแคบไต้หวันพร้อมทั้งทะเลจีนใต้ ชาติสมาชิกจี 7 เน้นย้ำไม่ให้จีนดำเนินการใด ๆ เพียงฝ่ายเดียว เพื่อปรับเปลี่ยนสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ ในพื้นที่พิพาทดังกล่าว
เจ้าหน้าที่พร้อมทั้งนักวิเคราะห์ต่างจับตามองการหยุดยิงในยูเครน ในฐานะหมุดหมายที่จะทำให้สหรัฐฯ นำทรัพยากรไปใช้ในเวทีอิทธิพลอื่น ๆ ของโลก เช่นภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ รูบิโอ ได้บอกกล่าวกับวีโอเอก่อนหน้านี้ว่า “เราสามารถใช้เวลามากขึ้นในหลายแง่มุม เพื่อโฟกัสไปที่อินโด-แปซิฟิก หากเราสามารถนำสันติภาพมายังทวีปยุโรปได้”
จี 7 คือกลุ่มประเทศที่ประกอบด้วยอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น พร้อมทั้งสหรัฐฯ
ที่มา: วีโอเอ

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์! ราคาทองคำพุ่งทะลุ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ราคาทองคำไต่ขึ้น 3,000 ดออลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเช้าตรู่ของวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐฯ ถือเป็นแนวโน้มของแรงซื้อที่ไปสู่สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยกว่า สอดรับกับกระแสความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น
ราคาทองคำทำราคาขึ้นแตะที่ระดับสูงสุดที่ 3,016.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในเวลาต่อมา
มาตรการกำแพงภาษีจากกรุงวอชิงตันที่ทำให้เกิดความกังวลด้านราคาสินค้า คือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการหันไปซื้อทองคำ ส่วนอีกปัจจัยที่นักวิเคราะห์หลายรายได้บอกกล่าวกับรอยเตอร์ คือแรงซื้อจากธนาคารกลางแห่งชาติจากหลายประเทศ รวมทั้งจีน ที่ต่างซื้อทองคำเป็นทุนสำรอง เพื่อเลี่ยงความผันผวนของเงินดอลลาร์
นอกจากนั้น ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามในยูเครน ที่รัสเซียยังคงไม่ตกลงยอมรับข้อตกลงหยุดยิง 30 วันที่สหรัฐฯ เสนอ พร้อมทั้งยูเครนเห็นด้วยแล้ว จึงทำให้ไม่มีความแน่นอนว่าการสู้รบจะหยุดยั้ง ดำเนินต่อ หรือขยายตัวอย่างไร
ย้อนไปเมื่อรัสเซียเริ่มรุกรานยูเครนเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2022 โลกก็ได้เห็นการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำอยู่เป็นเวลาราวสองเดือน ก่อนแนวโน้มจะค่อย ๆ ปรับลดลงมา สะท้อนบรรยากาศ อารมณ์ของตลาดในภาวะที่มีความไม่แน่นอนว่าโฉมหน้าการสู้รบจะเป็นอย่างไร พร้อมทั้งใครจะเข้ามาร่วมวงสงครามด้วย
คู่ขนานกับความพยายามบรรลุข้อตกลงหยุดยิง สงครามก็ยังคงดำเนินต่อไป โดยโฟกัสหลักในหน้าข่าวอยู่ที่แคว้นเคิร์สก์ ที่รัสเซียพยายามยึดพื้นที่คืนมาจากยูเครน โดยในวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียประกาศว่าทหารยูเครนที่ยอมแพ้จะได้รับการไว้ชีวิต
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนตอบโต้ว่าข่าวความเพลี่ยงพล้ำของยูเครนในแคว้นเคิร์สก์เป็นข่าวลวงจากรัสเซีย แต่ก็ยอมรับว่าสถานการณ์ที่ดำเนินอยู่นั้นถือว่า “ยากเย็นมาก”
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก รอยเตอร์

สหรัฐฯ ลงโทษจนท.ไทย ด้วยมาตรการวีซ่า ปมส่งชาวอุยกูร์กลับจีน

รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โค รูบิโอ ประกาศลงโทษด้วยมาตรการวีซ่า ต่อเจ้าหน้าที่ปัจจุบันพร้อมทั้งในอดีตของไทยที่เกี่ยวข้องทั้งโดยตรงพร้อมทั้งทางอ้อมกับการบังคับเนรเทศชาวอุยกูร์ไปยังประเทศจีน
คำแถลงของรัฐมนตรีรูบิโอไม่ได้ระบุชื่อของบุคคลที่ถูกลงโทษ ท่าทีนี้เป็นการตอบโต้ที่ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนที่ถูกคุมขังไว้ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2014 กลับไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีนเมื่อวันที่ 27 ก.พ.
“เรายึดมั่นในการต่อสู้กับความพยายามของจีนที่กดดันรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ให้ส่งกลับชาวอุยกูร์ พร้อมทั้งคนกลุ่มอื่น ๆ ด้วยการบังคับ ไปยังจีน ที่ซึ่งพวกเขาอาจถูกทรมานพร้อมทั้งบังคับสูญหาย” รูบิโอกล่าวในเเถลงการณ์วันศุกร์
เขาเสริมว่า “เมื่อพิจารณาถึงการกระทำของจีนที่มีมายาวนานเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พร้อมทั้งอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เราเรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ ทั่วโลก ปฏิเสธที่จะส่งตัวชาวอุยกูร์พร้อมทั้งคนกลุ่มอื่นๆ ไปยังจีน”
การทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุด้วยว่าคนในครอบครัวของผู้ที่ถูกมาตรการลงโทษทางวีซ่าจากสหรัฐฯ บางรายอาจได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
วีโอเอไทยติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยทั้งที่กรุงเทพฯ พร้อมทั้งที่สถานทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ เมื่อนำรายงานชิ้นนี้ออกเผยเเพร่
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยอมรับกับวีโอเอว่า ได้ติดต่อประสานงานกับไทยหลายครั้งเพื่อเลี่ยงการส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีน ซึ่งรวมถึงการเสนอรับตัวไปยังสหรัฐฯ
ทีมโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯให้ข้อมูลในวันที่ 5 มี.ค. หลังรัฐบาลไทยส่งชาวอุยกูร์ 40 ชีวิตกลับไปยังจีนพร้อมทั้งในเวลาต่อมาสำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์รายงานว่ามีอย่างน้อยสามประเทศที่เสนอขอรับตัวไป แต่ทางการไทยยังตัดสินใจทำตามคำร้องขอส่งตัวของรัฐบาลปักกิ่งเนื่องจากกังวลต่อผลกระทบที่อาจจะตามมา
ทีมโฆษก กต. อเมริกันพบว่า “เราร่วมงานกับไทยมาหลายปีเพื่อเลี่ยงสถานการณ์นี้ รวมถึงการเสนออย่างสม่ำเสมอพร้อมทั้งซ้ำไปซ้ำมาเรื่องการให้ชาวอุยกูร์ไปตั้งรกรากในประเทศอื่น ซึ่ง ณ จุดหนึ่งรวมถึงสหรัฐฯ”
นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีไทย กล่าวที่งานแถลงข่าววันที่ 27 ก.พ. หลังจากไทยช่วยส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังซินเจียง ว่าคนเหล่านี้กลับไปโดยสมัครใจ พร้อมทั้งฝ่ายไทยจะติดตามความเป็นไปของพวกเขาเพื่อให้เเน่ใจว่าทุกคนปลอดภัยดี โดยในสัปดาห์นี้ สื่อเช่นไทยพีบีเอส รายงานว่าทางการไทยกำลังเตรียมพานักข่าวไปรายงานเกี่ยวกับภารกิจดังกล่าวที่ซินเจียง
เมื่อวานนี้สมาชิกสภายุโรปลงคะเเนนรับรองญัตติประณามไทยเรื่องการส่งชาวอุยกูร์ไปยังจีน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ไทยยุติการบังคับเนรเทศบุคคลไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตของพวกเขา
ในเดือนมกราคมก่อนที่มาร์โค รูบิโอ จะได้รับการรับรองจากวุฒิสภาสหรัฐฯ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เขาประกาศว่า จะกดดันรัฐบาลไทยไม่ให้ส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน
ในระหว่างที่ให้ขึ้นตอบคำถามเพื่อรับรองการเสนอชื่อของวุฒิสภาเมื่อวันที่ 15 ม.ค. รูบิโอบอกว่า “ประเทศไทยคือหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ … (เป็น) พันธมิตรเก่าแก่อันแข็งแกร่ง” พร้อมทั้งว่า “นี่เป็นเรื่องที่ผมคิดว่า หนทางการทูตน่าจะใช้ได้ผล เมื่อพิจารณาความสำคัญของความสัมพันธ์พร้อมทั้งความใกล้ชิดที่มีอยู่(ระหว่างสองประเทศ)”
รูบิโอระบุในเวลานั้นว่า ชะตากรรมของชาวอุยกูร์ในจีนนั้นเป็น “หนึ่งในเรื่องที่น่ากลัวที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นมา” พร้อมทั้งว่า “คนเหล่านี้คือผู้ที่ถูกรวบตัวจับเพราะเชื้อชาติพร้อมทั้งศาสนาของพวกเขา พร้อมทั้งพวกเขาก็ถูกส่งตัวไปอยู่ในค่าย กลายเป็นคนที่ไร้ตัวตน …ถูกบังคับใช้แรงงาน – เป็นแรงงานทาส”
ที่มา: วีโอเอ

เจ้าของร้อนใจ กระต่ายที่เลี้ยงไว้ ถูกสุนัขบุกกัดตาย 9 ตัว หวั่นเกิดเหตุซ้ำอีก

เจ้าของร้อนใจ กระต่ายที่เลี้ยงไว้ ถูกกลุ่มสุนัขบุกคอก กัดตายเกลื่อน 9 ตัว หวั่นเกิดเหตุซ้ำอีก หลังผ่านมา 3 เดือนแล้ว ยังแก้ปัญหาไม่ได้ เนื่องจากมีทั้งหมาจรจัด-หมามีเจ้าของ