ราชทัณฑ์แจงกรณีแม่ นช. ร้องสอบผู้คุมเรือนจำเขาบิน ยันไม่ได้ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ

กรมราชทัณฑ์ แจงกรณีแม่นักโทษชาย เรือนจำเขาบิน ยื่นร้องสอบผู้คุม อ้างลูกถูกทำร้ายหนัก ยืนยันไม่มีใครทำร้าย หรือใช้กำลังเกินกว่าเหตุ

มาแล้ว ประกอบนอกแรงอย่างโหด! Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+

Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร ระบบอัดอากาศ Bi-Turbo ติดตั้งในตำแหน่งอันเป็นเอกลักษณ์แบบ hot inside “V” กำลัง 585 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 315 กิโลเมตร/ชั่วโมงราคาเริ่มต้น 15,900,000 บาท

“อเมริกัน แอร์ไลน์” เครื่องยนต์ขัดข้อง จอดฉุกเฉินไฟลุกไหม้ควันขโมง อพยพผู้โดยสารลูกเรือ 178 ชีวิต

เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737-800 “อเมริกัน แอร์ไลน์” มีปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องเลยต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินรัฐโคโลราโด ตอนลงจอดเกิดประกายไฟลุกไหม้พร้อมทั้งมีควันพวยพุ่งออกมา ผู้โดยสาร 172 คนพร้อมทั้งลูกเรือ 6 คนต้องรีบอพยพลงจากเครื่อง

“ไรเดอร์ Grab” ตาสับปะรดทั่วกรุง รายงานจุดเสี่ยง-คลายทุกข์คนเมือง รณรงค์ขับขี่ปลอดภัย

กทม.ร่วมกับ แกร็บ ประเทศไทย พร้อมทั้งมูลนิธิองค์กรทำดี จัดโครงการเมืองปลอดภัย อุ่นใจ ไปกับ Grab เพื่อส่งเสริมพร้อมทั้งยกระดับความปลอดภัยให้กับสังคม พร้อมป้องกันการคุกคามทางเพศ พร้อมทั้งมุ่งลดจุดเสี่ยงด้านอาชญากรรม อุบัติเหตุ พร้อมทั้งสาธารณภัย โดยเป็นการขยายเครือข่าย กทม.ไปในกลุ่มไรเดอร์ของแกร็บที่กระจายอยู่ทั่วทุกเขตพื้นที่

สภายุโรปประณามไทยกรณีการส่งชาวอุยกูร์ไปยังจีน

สมาชิกสภายุโรปลงคะเเนนรับรองญัตติประณามไทยเรื่องการส่งชาวอุยกูร์ไปยังจีน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ไทยยุติการบังคับเนรเทศบุคคลไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตของพวกเขา อ้างอิงข้อมูลจากแถลงการณ์ของรัฐสภายุโรปในวันพฤหัสบดี

รัสเซียไม่รับข้อเสนอหยุดยิงกับยูเครนของสหรัฐฯ ชี้ “ไม่ได้ประโยชน์”

เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า ได้แจ้งกับตัวแทนสหรัฐฯ แล้วว่า ข้อเสนอหยุดยิง 30 วันในสงครามยูเครนนั้น มีแต่จะทำให้กรุงเคียฟมีเวลาพักเอาแรง โดยรัสเซียไม่ได้อะไรที่เป็นประโยชน์เลย ตามรายงานของรอยเตอร์

วิเคราะห์: เช็คไพ่เศรษฐกิจ-ความมั่นคงไทย รับมือการเมืองโลกเปลี่ยน

สองเดือนของการหวนคืนสู่ทำเนียบขาวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โลกได้เห็นการขยับจากกรุงวอชิงตันที่กระทบกับระเบียบโลกที่คุ้นชิน
รูปธรรมของแรงกระเพื่อมมาในรูปแบบของการปรับท่าทีเข้าหารัสเซียมากขึ้น ขณะที่ทิ้งระยะห่างจากพันธมิตรเดิมเช่นยูเครนพร้อมทั้งยุโรป รวมถึงมาตรการกำแพงภาษีที่ไม่ละเว้นพันธมิตรที่ชิดใกล้อย่างเม็กซิโกพร้อมทั้งแคนาดา ซึ่งในอนาคตอาจหมายรวมไปถึงหุ้นส่วนอีกหลายชาติ รวมถึงไทย
ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงในประเทศพร้อมทั้งระหว่างประเทศ ให้ทรรศนะกับวีโอเอไทยว่ายังมีจุดที่ไทยยังสามารถใช้ประโยชน์ได้จากสายลมการเมืองที่กำลังเปลี่ยนทิศ
หนึ่งในจุดที่น่าจับตามองคือมิติด้านความมั่นคง ที่ผ่านมาไทยถือเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นยาวนานกับสหรัฐฯ ในฐานะพันธมิตรในระดับสนธิสัญญา มีการซ้อมรบร่วมประจำปี ‘คอบร้าโกลด์’ ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ไปจนถึงหลักนิยมทั้งในหลักสูตรการศึกษาพร้อมทั้งการจัดวางกำลังพลที่อิงกับสหรัฐฯ พร้อมทั้งชาติตะวันตก
แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าไทยขยับเข้าหาจีนมากขึ้น สะท้อนจากการซ้อมรบร่วมในรหัส STRIKE ที่ขยายตัว ไปจนถึงดีลซื้อเรือดำน้ำหลักหมื่นล้านบาท ที่เริ่มตั้งแต่ยุครัฐบาลทหาร แต่ยังติดขัดเรื่องการส่งมอบ สืบเนื่องจากการที่จีนจัดหาเครื่องยนต์มาติดตั้งไม่ได้ทันเวลา
สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร หลังการรัฐประหารปี 2549 พร้อมทั้ง 2557 เป็นช่วงที่สหรัฐฯ กระอักกระอ่วนในการพูดคุยกับรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่จีนขยายอำนาจลงมาในภูมิภาคอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งรุนแรง
“ถ้าดูในแง่ของภูมิรัฐศาสตร์ เราก็จะเห็นว่าจีนเข้าไปทางพม่า มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพม่ามีเขตที่เรียกว่า economic corridor (ระเบียงเศรษฐกิจ) พร้อมทั้งสามารถลงมหาสมุทรอินเดียได้ ทางด้านตะวันออกก็รุกผ่านลาว ผ่านกัมพูชา ตอนนี้มีฐานทัพอยู่ที่ภาคใต้กัมพูชาคือ (ฐานทัพเรือ) เรียม
“ถ้าเรามองในแง่แบบนั้นก็คือไทยอยู่ภายใต้โดมทางด้านความมั่นคงของจีนในระดับภูมิภาคแล้ว เพราะฉะนั้นก็โอกาสที่จะหลีกเลี่ยงที่จะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับจีนคงเป็นไปได้ยาก” สุภลักษณ์กล่าว
ข้ามกำแพงภาษีตอบโต้อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าจับตามอง คือกำแพงภาษีของรัฐบาลทรัมป์ที่ต้องการปรับดุลการค้ากับต่างชาติที่มองว่าไม่เป็นธรรมกับรัฐบาลวอชิงตัน ซึ่งจะออกมาในรูปแบบของมาตรการภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) ในอัตราเทียบเท่ากับที่ประเทศต่าง ๆ บังคับใช้กับสินค้าของสหรัฐฯ
ในภาพรวม สหรัฐฯ เสียดุลการค้าไทยสูงเป็นอันดับที่ 12 ของโลก ซึ่งเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองมาจากเวียดนาม พร้อมทั้งไทยเองก็มีตลาดส่งออกหลักอันดับหนึ่งคือสหรัฐฯ มาตรการกำแพงภาษีตอบโต้จึงถูกมองว่าอาจส่งผลกระทบมาถึงไทยด้วย
กอปร์ธรรม นีละไพจิตร นักวิจัยนโยบายสาธารณะ พบว่ากลุ่มประเทศแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีตอบโต้ โดยมากคือพันธมิตรของสหรัฐฯ พร้อมทั้งในกรณีที่จีนเข้ามาใช้ไทยเป็นฐานส่งออกเพื่อเลี่ยงภาษี ก็จะเป็นทั้งโจทย์ของผู้ประกอบการในประเทศ พร้อมทั้งโอกาสของรัฐบาลไทยในการชวนนักลงทุนเข้ามาในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
“ตัวที่จะต่อรองได้ ผมคิดว่ายังยากถ้าต่อรองด้วยสินค้าโดยตรง แต่วิธีที่เป็นไปได้ก็คือการที่รัฐบาลอาจจะต้องเร่งการเจรจาแบบทวิภาคีกับสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง ในการที่จะแลกเปลี่ยนสิทธิประโยชน์บางอย่างหรือว่าลดภาษีนําเข้าของสหรัฐฯ บางประการ” กอปร์ธรรมกล่าว
กอปร์ธรรมเสนอด้วยว่าไทยอาจต้องลดการพึ่งพิงสหรัฐฯ พร้อมทั้งมองหาตลาดใหม่ ๆ เพิ่ม เช่น อาเซียน ยุโรปพร้อมทั้งตะวันออกกลาง ไปจนถึงประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในกลุ่ม BRICS ซึ่งรวมถึงจีนพร้อมทั้งรัสเซีย ที่ไทยเพิ่งเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วน เมื่อ 1 มกราคมปีนี้
ทางด้าน ริชาร์ด ฮอร์ซีย์ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านเมียนมา จากองค์กร International Crisis Group มองว่าไทยกำลังเผชิญความท้าทายในช่วงนี้ จากการเปลี่ยนแปลงในสหรัฐฯ พร้อมทั้งอิทธิพลของจีนที่แผ่ขยายลงมาทางเมียนมา ผ่านเวทีทางการเมืองกับรัฐบาลทหาร พร้อมทั้งการปราบปรามแก๊งมิจฉาชีพออนไลน์ตามชายแดนที่ติดกับไทย ที่สร้างความเสียหายทั่วโลกหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี
เขาบอกว่า เป็นความท้าทายของไทยที่จะรักษาความเป็นอิสระในทางการทูตพร้อมทั้งนโบายต่างประเทศภายใต้แรงกดดันจากมหาอำนาจ ในขณะที่ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ก็ซับซ้อนขึ้น
หนึ่งในหมุดหมายที่อาจสะท้อนแรงกดดันของจีนต่อไทยที่น่าจับตามองสำหรับที่ปรึกษาจาก Crisis Group คือกรณีของเสอ จื้อเจียง ผู้บริหารกลุ่มผู้สร้างเมืองชเวโก๊กโก่ในเมียนมาที่กลายเป็นฐานปฏิบัติการมิจฉาชีพออนไลน์ ที่ปัจจุบันอยู่ในการจองจำของไทยพร้อมทั้งกำลังคัดค้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับจีน พร้อมทั้งอ้างว่าเขาถูกรัฐบาลจีนกลั่นแกล้งใส่ความ
ในวันที่ตัวละครในการเมืองโลกกำลังปรับบทบาท สุภลักษณ์มองว่าการสร้างสมดุลอำนาจระหว่างมหาอำนาจเป็นเรื่องที่ยาก แต่ยังพอมีหลักให้แอบอิงได้ เช่นกลไกระหว่างประเทศ แทนที่จะรับแรงกดดันจากชาติมหาอำนาจเพียงอย่างเดียว
“ประเทศที่มีไซส์ขนาดเล็กเนี่ยมันก็ต้องไปหาหลักอย่างอื่นมาบาลานซ์ (สร้างสมดุล) เช่นกรณีอุยกูร์เราก็ต้องพูดว่ามันมีหลักการสากล หลักสิทธิมนุษยชน กฎบัตรต่าง ๆ ของยูเอ็น ซึ่งเราเข้าเป็นภาคี จีนก็เข้าเป็นภาคี อันนี้มันถึงจะเอามาเป็นหลักต่อรอง อย่างนี้ก็ถึงจะเรียกว่าทําบาลานซ์ ไม่ใช่เป็นการไปขอประกันความเสี่ยงจากจีน” สุภลักษณ์กล่าว
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก หน่วยงานสำมะโนสหรัฐฯ กระทรวงพาณิชย์ไทย สำนักข่าวอิศรา

สภายุโรปประณามไทยเรื่องการส่งชาวอุยกูร์ไปยังจีน

สมาชิกสภายุโรปลงคะเเนนรับรองญัตติประณามไทยเรื่องการส่งชาวอุยกูร์ไปยังจีน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ไทยยุติการบังคับเนรเทศบุคคลไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตของพวกเขา อ้างอิงข้อมูลจากแถลงการณ์ของรัฐสภายุโรปในวันพฤหัสบดี
นอกจากนั้นสมาชิกสภายังได้เรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปต่อรองผ่านความตกลงการค้าเสรี เพื่อกดดันให้ไทยปฏิรูปกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ปล่อยตัวนักโทษการเมือง พร้อมทั้งยับยั้งการเนรเทศชาวอุยกูร์
การแสดงท่าทีอย่างเป็นทางการของสภายุโรปครั้งนี้ ผ่านเสียงโหวตสนับสนุน 482 เสียง ต่อ 57 เสียงที่ไม่เห็นด้วย พร้อมทั้งมีสมาชิก 68 รายที่งดออกเสียง
ข่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลไทยส่งชาวอุยกูร์ 40 คนที่คุมขังไว้ตั้งแต่ปี 2014 กลับไปจีนเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ท่ามกลางเสียงประณามจากรัฐบาลสหรัฐฯ สหประชาชาติ พร้อมทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ที่พบว่าเป็นการละเมิดสนธิสัญญาระหว่างประเทศ พร้อมทั้งกฎหมายของไทยเอง
ในเวลาต่อมา องค์กรสิทธิมนุษยชนเผยว่า ชาวอุยกูร์ 8 คนที่ยังคนถูกคุมขังอยู่ในประเทศไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกส่งตัวกลับจีน เหมือนกับ 40 คนก่อนหน้านี้เช่นกัน
นักการเมืองยุโรปต้องการให้รัฐบาลไทยเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยเเห่งสหประชาชาติเข้าเก็บข้อมูลความเป็นอยู่ของผู้ขอลี้ภัยชาวอุยกูร์อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งไทยต้องให้ข้อมูลอย่างโปร่งใส
นอกจากนั้นสมาชิกสภายุโรปเรียกร้องให้ ไทยระงับสนธิสัญญาส่งตัวบุคคลข้ามแดนกับประเทศจีน พร้อมทั้งว่าจีนต้องเคารพกฎสิทธิพื้นฐานของชาวอุยกูร์ที่ถูกเนรเทศออกจากไทย ตลอดจนให้ความกระจ่างชัดต่อที่อยู่ของพวกเขา รวมทั้งให้อิสรภาพคนเหล่านั้น
นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวที่งานแถลงข่าววันที่ 27 ก.พ. หลังจากไทยช่วยส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีน ว่าคนเหล่านี้กลับไปโดยสมัครใจ พร้อมทั้งฝ่ายไทยจะติดตามความเป็นไปของพวกเขาเพื่อให้เเน่ใจว่าทุกคนปลอดภัยดี โดยในสัปดาห์นี้ สื่อเช่นไทยพีบีเอส รายงานว่าทางการไทยกำลังเตรียมพานักข่าวไปรายงานเกี่ยวกับภารกิจดังกล่าวที่ซินเจียง
ในวันพฤหัสบดีสภายุโรปยังได้ส่งสัญญาณให้ไทยเสริมความเเข็งเเกร่งต่อมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งนิรโทษกรรมนักการเมืองพร้อมทั้งนักเคลื่อนไหวที่ถูกกดขี่พร้อมทั้งคุมขังภายใต้กฎหมายไทยรวมถึงกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือมาตรา 112
ณ วันที่ 7 มีนาคม ยังมีผู้ต้องขังตามมาตรา 112 จำนวน 29 คน โดยไม่มีประชาชนถูกคุมขังเพิ่มในเดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งหากนับรวมคดีทางการเมือง ยังมีผู้ต้องขังทั่วประเทศ อย่างน้อย 45 คนอ้างอิงจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
การโหวตครั้งนี้เพื่อผ่านญัตติที่เกี่ยวกับไทยโดยรัฐสภายุโรป ยังรวมถึงความต้องการที่จะเร่งเร้าให้ทางการยุโรปต่อรองเพื่อให้ไทยให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาทั้งหมดขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organisation) ด้วย
ที่มา: วีโอเอ

บริษัท LVMH ตั้ง ‘เฟรเดอริก อาร์โนลต์’ คุมแบรนด์เรียบโก้ ‘โลโร พิอานา’

บริษัท LVMH แต่งตั้งเฟรเดอริก อาร์โนลต์ บุตรชายของ เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ประธานบริษัท ให้ขึ้นมากุมบังเหียนแบรนด์สัญชาติอิตาเลียน ‘โลโร พิอานา’ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สร้างมาตรฐานแฟชั่นหรูแบบไม่ตะโกน หรือ quiet luxury
สื่อเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลพบว่า การเเต่งตั้งครั้งนี้ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของ เฟรเดอริก อาร์โนลต์ วัย 30 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีโอกาสขึ้นมาบริหารกิจการเครือ LVMH แทนพ่อของเขาในอนาคต
เฟรเดอริก จะเริ่มงานซีอีโออย่างเป็นทางการให้กับ ‘โลโร พิอานา’ (Loro Piana) ในเดือนมิถุนายน ตามรายงานของรอยเตอร์ อ้างอิงเเถลงการณ์ของบริษัทในวันพุธ
นักธุรกิจหนุ่มรายนี้ที่มีรูปคู่กับลิซ่า แบลคพิงค์ให้เห็นอยู่บ่อย ๆ เคยช่วยคุณพ่อดูแลกิจการในเครือนาฬิกาของ LVMH เช่น TAG Heuer, Hublot พร้อมทั้ง Zenith
การเปลี่ยนมาบริหาร ‘โลโร พิอานา’ ทำให้เฟรเดอริก มีโอกาสเข้ามาดูเเลเเบรนด์ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากดีไซน์เรียบหรู ที่พบได้ในผลิตภัณฑ์ เช่นเสื้อไหมพรมราคาตัวละ 2,000 ดอลลาร์ หรือเกือบ 70,000 บาท พร้อมทั้งเสื้อนอกสวมกันหนาวที่ถักด้วยขนสัตว์พิเศษจากตัววิคูญาที่คล้ายลามะ
การเเต่งตั้งนี้ยังเปิดทางให้เฟรเดอริกมีประสบการณ์ในกิจการที่มีสินค้าเครื่องหนังพร้อมทั้งเเฟชั่น ที่คนในวงการมองว่าเป็นสิ่งจำเป็น หากว่าเขาต้องกลายมาเป็นคนคุมอาณาจักรธุรกิจของครอบครัวในอนาคต
เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ วัย 76 ปีมีลูกทั้งหมด 5 คน พร้อมทั้งเขายังไม่เคยเเสดงท่าทีใด ๆ ที่จะลงจากตำแหน่งประธานของ LVMH เร็ว ๆ นี้
ข่าวการแต่งตั้งเฟรเดอริกครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารของบริษัทในเครือครอบครัวอาร์โนลต์ ที่ปูทางให้คนรุ่นใหม่ในตระกูลได้เลื่อนขั้นขึ้นมาบริหาร
เฟรเดอริก อาร์โนลต์ จะทำหน้าที่ ที่โลโร พิอานา เเทน เดเมียน เบอร์ทรานด์ ซึ่งขยับไปเป็นรองซีอีโอของหลุยส์วิตตอง
ปิแอร์-เอ็มมานูเอล เเอนเจโลกลู จะไปร่วมงานกับเเบรนด์คริสเตียน ดิออร์ กูตูร์ ในฐานะรองซีอีโอ พร้อมทั้งอยู่ภายใต้การบริหารของ เดลฟีน อาร์โนลต์ ลูกสาวคนโตของของเบอร์นาร์ด ตามรายงานของรอยเตอร์
เดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัลรายงานว่าเฟรเดอริกชอบเล่นเปียโนพร้อมทั้งเทนนิส เขาเข้าศึกษาที่สถาบันชั้นนำ Ecole Polytechnique ซึ่งเขาเรียนวิชาเดียวกับบิดา หลังเรียนจบเฟรเดอริก ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพในธุรกิจระบบจ่ายเงินอิเล็กทรอนิก พร้อมทั้งขายบริษัทดังกล่าวไป
หลังจากทำกิจการของตนเอง เขาเข้ามาช่วยงานในเครือ LVMH ของครอบครัว โดยในปี 2017 เขาได้เป็นซีอีโอแบรนด์นาฬิกา TAG Heuer ในขณะที่อายุ 25 ปี
สำหรับเเบรนด์ โลโร พิอานา กิจการนี้ถูกครอบครัวอาร์โนลต์ ซื้อเข้ามาบริหารเมื่อ 12 ปีก่อนด้วยราคา 2 พันล้านยูโร (73,000 ล้านบาท)
ภายใต้การบริหารของเจ้าของรายใหม่ โลโร พิอานา ขยายผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง พร้อมทั้งเริ่มใช้วัสดุใหม่ ๆ รวมทั้งสร้างภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัยขึ้น
ในเวลานี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่าเเบรนด์ดังกล่าวมียอดขาย 2,500 ล้านยูโร ซึ่งก็จะทำให้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามในกลุ่มกิจการเครื่องหนังพร้อมทั้งเเฟชั่นของ LVMH รองจากหลุยส์วิตตองพร้อมทั้งดิออร์ ตามรายงานของเดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัล
นอกจากเดลฟีน พร้อมทั้งเฟรเดอริก ที่ดูเเลกิจการในเครือ LVMH แล้ว ยังมีอองตวน อาร์โนลต์ ที่ประธานของบริษัท Chirstian Dior SE พร้อมทั้งอะเล็กซานเดร ที่ช่วยบริหารกิจการไวน์พร้อมทั้งเครื่องดื่มเเอลกอฮอล ส่วน ฌ็อง ลูกคนเล็กสุดของเบอร์นาร์ด ทำหน้าที่คุมธุรกิจนาฬิกาของหลุยส์วิตตอง
ที่มา: เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลพร้อมทั้งรอยเตอร์

ปธน.ไต้หวันเตือนให้ระวัง “ความพยายามแทรกซึมจากจีน”

ประธานาธิบดีไล่ ชิง-เต๋อ ออกมาเตือนในวันพฤหัสบดีว่า จีนได้ยกระดับการใช้อิทธิพลในการแทรกซึมไต้หวันแล้ว พร้อมทั้งประกาศการเตรียมพร้อมมาตรการตอบโต้ “การครอบงำ” เกาะที่ปกครองตนเองในระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้ของกรุงปักกิ่งด้วย ตามรายงานของรอยเตอร์
ไต้หวันได้กล่าวหาว่า จีนทำการซ้อมรบทางทหารเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งดำเนินมาตรการลงโทษทางการค้ามาขึ้น รวมทั้งเดินหน้าโครงการสร้างอิทธิพลต่อไต้หวันอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อบีบให้ยอมรับคำกล่าวอ้างอธิปไตยของกรุงปักกิ่งเหนือเกาะแห่งนี้
ปธน.ไล่ บอกผู้สื่อข่าวหลังประชุมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงว่า กรุงปักกิงได้ใช้ประชาธิปไตยของไต้หวันในการ “ครอบงำ” สมาชิกมากมายในสังคมที่มีทั้ง องค์กรอาชญากรรม ผู้มีชื่อเสียงในวงการสื่อพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งทหารทั้งที่ยังประจำการอยู่พร้อมทั้งปลดประจำการไปแล้ว
ไล่ระบุระหว่างที่แถลงข่าวทางโทรทัศน์ด้วยว่า “(จีน)กำลังดำเนินการต่าง ๆ เช่น สร้างความแตกแยก ทำลายล้าง พร้อมทั้งการล้มล้างจากภายในเรา(ไต้หวัน)อยู่”
ต่อมาเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับคำพูดของไล่ ที่การแถลงข่าวของกระทรวงการต่างประเทศจีน เหมา หนิง โฆษกกระทรวงฯ บอกว่า ไม่ว่ารัฐบาลปธน.ไล่พูดอย่างไร “นั่นจะไม่เปลี่ยนแปลงความจริงว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน หรือเปลี่ยนอนาคตของการรวมชาติเข้ากับมาตุภูมิที่จะเกิดขึ้นได้เลย”
ทั้งนี้ ไล่ ชิง-เต๋อ อ้างข้อมูลของรัฐบาลไทเป ในการพบว่า มีผู้ถูกดำเนินคดีในข้อหาทำการจารกรรมในนามของจีน 64 คนในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากสถิตในปี 2021 ถึง 3 เท่า พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า ผู้ต้องหาส่วนใหญ่นั้นเป็นเจ้าหน้าที่ทหารทั้งที่ยังประจำการอยู่พร้อมทั้งอดีตทหาร
ไล่บอกว่า ปฏิบัติการต่าง ๆ เหล่านี้ของจีนถือว่าเป็นการใช้ “กองกำลังปฏิปักษ์ต่างชาติ” ตามนิยามของกฎหมายต่อต้านการแทรกซึม (Anti-Infiltration Act) ของไต้หวัน
ในการนี้ ปธน.ไต้หวันได้เสนอมาตรการตอบโต้ทั้งทางเศรษฐกิจพร้อมทั้งทางกฎหมายจำนวน 17 มาตรการ ซึ่งรวมถึง การทบทวนคำขอเดินทางเข้าหรือสิทธิพำนักอาศัยในไต้หวันของพลเมืองจีนด้วย
ไล่บอกว่า รัฐบาลไทเปจะ “ทำการปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น” เพื่อจัดการกับการเงิน ผู้คนพร้อมทั้งเทคโนโลยีที่ไหลเข้ามาจากจีน โดยไม่ได้อธิบายข้อมูลของแผนงานนี้
นอกจากนั้น รัฐบาลจะออก “หนังสือเตือน” ให้กับนักแสดงพร้อมทั้งนักร้องไต้หวันที่รับงานแสดงที่จีน เกี่ยวกับ “คำพูดพร้อมทั้งการกระทำ” ของแต่ละคน ซึ่งเป็นการโต้ตอบสิ่งที่ไทเปมองว่าเป็น แผนงานต่อเนื่องของกรุงปักกิ่งในการกดดันผู้มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงให้ออกมาให้ความเห็นในเชิงสนับสนุนจีน
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ สำนักงานกิจการไต้หวันของรัฐบาลจีนบอกว่า “เป็นเรื่องธรรมชาติมาก” ที่ชาวไต้หวัน ซึ่งรวมถึงศิลปินทั้งหลาย จะแสดงการยอมรับจีน ในช่วงที่ประชาชนในไต้หวันออกมาร้องเรียนกรณีที่ผู้มีชื่อเสียงของไต้หวันหลายคนโพสต์ข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์พร้อมทั้งเรียกเกาะแห่งนี้ว่าเป็น “มณฑลหนึ่งของจีน”

ที่มา: รอยเตอร์