ข่าวด่วนวันนี้
thailandtvhd.com
เซเลนสกีเรียกร้องให้ผู้นำยุโรปหนุนแผนหยุดยิงทางอากาศ-ทางทะเล
รายงานพิเศษ: กต.สหรัฐฯ รับ เคยเสนอรับอุยกูร์จากไทยจริง
รายงานพิเศษ: กต.สหรัฐฯ รับ เคยเสนอรับอุยกูร์จากไทยจริง
ทีมโฆษกกระทรวงต่างประเทศให้ข้อมูลในวันพุธ หลังรัฐบาลไทยส่งชาวอุยกูร์ 40 ชีวิตกลับไปยังจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมทั้งในเวลาต่อมาสำนักข่าวนานาชาติรอยเตอร์รายงานว่ามีอย่างน้อยสามประเทศที่เสนอขอรับตัวไป แต่ทางการไทยยังตัดสินใจทำตามคำร้องขอส่งตัวของรัฐบาลปักกิ่งเนื่องจากกังวลต่อผลกระทบที่อาจจะตามมา
ทีมโฆษก กต. พบว่า “เราร่วมงานกับไทยมาหลายปีเพื่อเลี่ยงสถานการณ์นี้ รวมถึงการเสนออย่างสม่ำเสมอพร้อมทั้งซ้ำไปซ้ำมาเรื่องการให้ชาวอุยกูร์ไปตั้งรกรากในประเทศอื่น ซึ่ง ณ จุดหนึ่งรวมถึงสหรัฐฯ”
กระทรวงต่างประเทศยังได้เน้นย้ำการประณามอย่างรุนแรงที่สุดจากสหรัฐฯ กรณีการส่งตัวที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทางการจีนเปิดข้อมูลให้ตรวจสอบสวัสดิภาพของชาวอุยกูร์ชุดล่าสุดที่ส่งตัวกลับไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียง เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกลุ่มที่ไทยส่งกลับไปเมื่อปี 2558 ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถสืบทราบชะตากรรมได้
เมื่อเช้ามืด 27 กุมภาพันธ์ ตามเวลาท้องถิ่น รถผู้ต้องขังที่ปิดหน้าต่างทึบ นำคนกลุ่มหนึ่งออกจากสถานกักตัวคนต่างด้าว ซอยสวนพลู กรุงเทพฯ ซึ่งในวันเดียวกัน สถานทูตจีนประจำประเทศไทยได้ยืนยันว่าเป็นกลุ่มชาวอุยกูร์ที่ส่งตัวกลับไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียง
ค่ำวันเดียวกัน ตัวแทนรัฐบาลไทยแถลงข่าวอธิบายว่าได้ส่งคนกลุ่มดังกล่าวกลับตามคำร้องขออย่างเป็นทางการของจีน โดยผู้ถูกส่งกลับมีความสมัครใจ รัฐบาลกรุงปักกิ่งยืนยันที่จะดูแลคนกลุ่มดังกล่าว พร้อมทั้งจากนี้ไทยจะติดตามตรวจสอบสวัสดิภาพของผู้ถูกส่งกลับต่อไป
ในรายงานของรอยเตอร์พบว่า ช่วงสิบปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ แคนานาพร้อมทั้งออสเตรเลียเคยเสนอตัวรับชาวอุยกูร์ทั้งหมด 48 คนที่ถูกกักตัวในไทย อ้างอิงตามแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากเป็นประเด็นที่อ่อนไหว
ข้อความของทีมโฆษกที่วีโอเอได้รับมีใจความเดียวกันกับที่ปรากฏในรายงานของรอยเตอร์
กต.แจง ส่งกลับคือ ‘ทางเลือกที่ดีที่สุด’
นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เข้าชี้แจงกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติพร้อมทั้งการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดี พบว่า ที่ไทยตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์ให้จีนแม้มีบางประเทศพร้อมรับตัวไป เนื่องจากเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะแม้หากประเทศที่สามยินดีจะรับ ก็ควรต้องไปหารือเจรจากับจีนให้ประสานตัวส่งไปประเทศที่สามด้วย
ผู้ช่วย รมต. กระทรวงต่างประเทศ กล่าวด้วยว่าทางการจีนพร้อมให้ติดตามสวัสดิภาพกลุ่มคนดังกล่าว พร้อมทั้งกระทรวงต่างประเทศจะรับไปหารือเรื่องการเชิญผู้แทนจากสำนักจุฬาราชมนตรี ไปติดตามชาวอุยกูร์ภายหลังการส่งตัวด้วย
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นถือเป็นการเปลี่ยนท่าทีของรัฐบาลไทยในแง่ข้อมูล เนื่องจากเดิมทีนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมระบุในการแถลงข่าวหลังการส่งตัวว่า การแจ้งความจำนงจากประเทศที่สามครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อราวสิบปีก่อน
เบนาร์นิวส์ สื่อภายใต้ United States Agency for Global Media (USAGM) เช่นเดียวกับวีโอเอ รายงานเรื่องข้อเสนอรับตัวชาวอุยกูร์ไปประเทศที่สามเช่นกัน
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยเอกสารบันทึกประชุมเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ของ กมธ. การกฎหมาย การยุติธรรม พร้อมทั้งสิทธิมนุษยชน ที่ตัวแทนกระทรวงการต่างประเทศ พบว่า “UNHCR หรือ OHCHR ขอให้ไทยไม่ส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปจีนพร้อมทั้งบางประเทศก็แสดงความพร้อมรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐาน เช่น สหรัฐฯ สวีเดน ออสเตรเลีย”
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ ยืนยันว่าชาวอุยกูร์ทุกคนสมัครใจที่จะกลับจีน พร้อมทั้งรัฐบาลปักกิ่งให้คำมั่นสัญญาว่าทุกคนที่กลับไปจะปลอดภัย “ไม่มีประเทศที่สามมาเสนอในการขอรับตัวอุยกูร์เลย ประเทศไทยก็ต้องส่งกลับคนจีนไปประเทศจีน”
นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำประเทศไทย ได้บอกกล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า มีหลายประเทศที่เสนอรับชาวอุยกูร์จากไทย แม้ไม่ใช่การรับตัวเป็นชุดใหญ่คราวเดียว แต่ไทยไม่ได้สานต่อข้อเสนอไปจนถึงระดับที่ทำเป็นเอกสารอย่างเป็นทางการ
ไทยเข้ามาพัวพันในประเด็นนี้สืบเนื่องจากมีชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยจากจีน พร้อมทั้งถูกจับกุมที่ไทยในข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมายเมื่อช่วงปี 2557
กลางปี 2558 รัฐบาลทหารของไทยส่งชาวอุยกูร์มากกว่า 170 คน ซึ่งส่วนมากเป็นเด็กพร้อมทั้งผู้หญิงไปยังตุรกี ทว่า หลายสัปดาห์หลังจากนั้นก็ส่งตัวชายชาวอุยกูร์ 109 คนกลับจีนในลักษณะที่คล้ายกับอาชญากร
การส่งตัวรอบล่าสุดในปี 2568 ตามมาด้วยเสียงวิจารณ์จากหลายชาติตะวันตก สหรัฐฯ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รวมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชน ที่กังวลว่าคนกลุ่มนี้จะตกอยู่ในความเสี่ยงต่อชีวิตหรือสวัสดิภาพในจีน ซึ่งที่ผ่านมามีรายงานการซ้อมทรมานพร้อมทั้งใช้แรงงานบังคับในค่ายอบรมที่ซินเจียง พร้อมทั้งทางการจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมาโดยตลอด
ในกรณีผู้ลี้ภัยอุยกูร์ชุดล่าสุด หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ตอบสื่อมวลชนในการแถลงข่าวประจำวันว่า การส่งตัวกลับครั้งนี้กระทำบนพื้นฐานกฎหมายไทยพร้อมทั้งจีน รวมถึงกฎหมายพร้อมทั้งระเบียบปฏิบัติระหว่างประเทศ ตามการรายงานของเอพี
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า “สิทธิพร้อมทั้งผลประโยชน์โดยชอบตามกฎหมายของบุคคลที่เกี่ยวข้องได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่”
ข้อมูลเพิ่มเติมจากรอยเตอร์ เบนาร์นิวส์
ตำรวจไซเบอร์ คุมตัว 93 ผู้ต้องหา ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ขอศาลอาญาฝากขัง
22 มี.ค.ชวนคนกรุงปิดไฟลดโลกร้อน ช่วง 20.30-21.30 น. ช่วยชาติเซฟพลังงานพร้อม 190 ประเทศ
ราคาสี่แสน! GAC AION UT รถยนต์ไฟฟ้าสุดน่ารัก
ตร.บราซิลเนียนแต่งชุดฮีโร่ในงานคาร์นิวัล บุกจับอาชญากรแบบไม่ทันตั้งตัว
เดือดจัด ส.ส.เซอร์เบีย ยิงระเบิดควันในสภา เจ็บหามส่ง ร.พ. 3 ราย
องค์กรสิทธิฯ เผย คนต่างด้าวในไทยตกเป็นเหยื่อความเกลียดชังออนไลน์
ปัจจุบัน มีแรงงานต่างด้าวหลายล้านคนจากเมียนมา กัมพูชาพร้อมทั้งลาว ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ถือเป็นส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมหลายอย่างตั้งแต่การก่อสร้าง การเกษตร การผลิต ไปจนถึงภาคบริการ
ถ้าหากว่า พวกเขากำลังเผชิญกระแสความหวาดกลัวชาวต่างชาติสืบเนื่องจากข้อมูลเท็จทางอินเทอร์เน็ต นำไปสู่การถูกกีดกันพร้อมทั้งเลือกปฏิบัติในชีวิตจริง ยังไม่นับรวมปัญหาสภาพแวดล้อมย่ำแย่ในที่ทำงาน อัตราค่าแรงต่ำ พร้อมทั้งการไม่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย อ้างอิงจากองค์กรทางสังคมหลายแห่ง
คอรีเยาะ มานุแช ทนายความพร้อมทั้งผู้ประสานงานของเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (Migrant Working Group) ได้บอกกล่าวกับเรดิโอ ฟรี เอเชีย ว่า “เราเริ่มเห็นคนไทยบางกลุ่มที่แสดงความเห็นจู่โจมแรงงานต่างด้าว” โดยเฉพาะทางสื่อสังคมออนไลน์ ติ๊กตอก (TikTok)
คอรีเยาะ พบว่า มีความเห็นเชิงเกลียดชังพร้อมทั้งข้อมูลเท็จผุดขึ้นอย่างรวดเร็วทางติ๊กตอก ซึ่งเธอได้ติดต่อไปยังผู้แทนของสื่อสังคมออนไลน์นี้เพื่อสอบถามถึงประเด็นดังกล่าวแล้ว พร้อมชี้ว่า กลุ่มอนุรักษ์นิยมบางกลุ่มในไทยใช้ประเด็นความเกลียดชังคนต่างด้าวนี้เพื่อลดทอนเสยีงสนับสนุนที่มีต่อพรรคการเมืองหัวก้าวหน้าซึ่งมีนโยบายเปิดรับคนต่างด้าวมากกว่า
ด้านอ่อง จอว์ แห่งมูลนิธิสิทธิแรงงาน (Labor Rights Foundation) เผยว่า กระแสที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ได้ส่งผลร้ายต่อแรงงานต่างด้าวในไทย เช่น แรงงานชาวเมียนมาในจังหวัดสมุทรสาครตกเป็นเป้าของการถูกตรวจสอบเอกสารคนเข้าเมืองโดยกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ออนไลน์หรือกลุ่มชาตินิยมสุดโต่ง
อ่อง จอว์ บอกด้วยว่า บางครั้งอินฟลูเอนเซอร์เหล่านั้นใช้วิธีแจ้งเจ้าหน้าที่ให้บุกค้นโรงงานที่มีการจ้างคนลักลอบเข้าเมือง ทำให้มีผู้ถูกจับพร้อมทั้งถูกส่งกลับประเทศจำนวนมาก
ปัจจุบัน คาดว่ามีแรงงานชาวเมียนมาในไทยราว 7 ล้านคน พร้อมทั้งมีพลเมืองเมียนมาเดินทางเข้าไทยเดือนละประมาณ 22,000 คน อ้างอิงจากข้อมูลการสำรวจขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration :IOM)
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ เกิดความกังวลในหมู่คนไทยที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมพร้อมทั้งชาตินิยมเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของแรงงานต่างด้าวในไทย พร้อมทั้งมีการวาดภาพคนต่างด้าวเหล่านั้นว่าเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงพร้อมทั้งอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของไทย ตลอดจนเป็นอันตรายต่อภาคเศรษฐกิจพร้อมทั้งการจ้างงานแรงงานไทย
ผลการสำรวจความเห็นประชาชนในกรุงเทพฯ พร้อมทั้งจัวหวัดตาก เมื่อไม่นานนี้ ชี้ให้เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่มองแรงงานต่างด้าว ดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีเอกสาร ว่าเป็นคู่แข่งด้านการจ้างงานพร้อมทั้งทรัพยากรต่าง ๆ ของไทย
ในเวลาเดียวกัน องค์กรสิทธิมนุษยชนบางแห่งพยายามรณรงค์ให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอย่าปักใจเชื่อข้อมูลที่เห็นในโลกออนไลน์ พร้อมทั้งระมัดระวังเรื่องการใช้คำพูดหรือแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่อ่อนไหว รวมทั้งเรื่องแรงงานต่างด้าว
รศ. ดร. นันทิยา ดวงภุมเมศ ประธานศูนย์วิชาการด้านการรู้เท่าทันสื่อ ได้บอกกล่าวกับเรดิโอ ฟรี เอเชีย ว่า การเลือกใช้คำพูดในสื่อออนไลน์ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งการจะแก้ปัญหาความเกลียดชังในโลกออนไลน์นี้ได้ต้องอาศัยการให้ความรู้อย่างกว้างขวางตั้งแต่ระดับบุคคลไปถึงระดับสังคม
ที่มา: เรดิโอ ฟรี เอเชีย