ข่าวด่วนวันนี้
thailandtvhd.com
ไฟช็อตเณรมรณภาพคาวัด คาดเป็นปลั๊กเก่า ถูกเก็บมาจากถังขยะ
ครม. ยังไม่ตั้ง 3 รองโฆษกรัฐบาล ภท. – รทสช. คุณสมบัติผ่านแล้ว รออีกพรรค
“สมศักดิ์” ยัน ไม่ได้พาเจ้าของเสียงตบทรัพย์เข้ามาในวงการการเมือง
สหรัฐฯ ยัน การส่งขีปนาวุธไปประจำฟิลิปปินส์ ‘สำคัญอย่างที่สุด’ ต่อการเตรียมรบ
พลตรีมาร์คัส อีแวนส์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 25 ซึ่งประจำอยู่ที่ฮาวาย บอกกับผู้สื่อข่าวเอพี ระหว่างเยือนกรุงมะนิลา ว่า การดำเนินการดังกล่าวทำให้ทั้งสองประเทศ “มีโอกาสที่จะเรียนรู้ทำความเข้าใจวิธีการใช้งาน(อาวุธดังกล่าว) โดยให้เหตุผลว่า เป็นเพราะความท้าทายด้านสภาพแวดล้อมในพื้นที่ทะเลจีนใต้รอบ ๆ ฟิลิปปินส์นั้นมีลักษณะเฉพาะสูงมากเมื่อเทียบกับจุดอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้
ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพันธมิตรทางทหารหลายประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกเพื่อต้านจีน ท่ามกลางความกังวลว่า อาจเกิดการเผชิญหน้าในกรณีของไต้หวัน หรือจุดอื่น ๆ ที่มีข้อพิพาทกันอยู่ในเอเชีย ขณะที่ ฟิลิปปินส์เองก็ได้เร่งยกระดับความสามารถในการป้องกันเขตแดนของตน หลังเกิดกรณีปะทะกับจีนบ่อยครั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว
จีนนั้นคัดค้านอย่างหนักหน่วงต่อการที่สหรัฐฯ ส่งสรรพกำลังทหารมาประจำในเอเชียเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งยิ่งตื่นตระหนกหนักขึ้นไปอีกเมื่อกองทัพสหรัฐฯ ส่งขีปนาวุธไทฟอน (Typhon) มาประจำที่ฟิลิปปินส์เมื่อเดือนเมษายน โดยระบบดังกล่าวเป็นอาวุธที่ใช้ยิงจากภาคพื้นดินสำหรับขีปนาวุธโทมาฮอว์กพร้อมทั้ง Standard Missile-6
เดิมที สหรัฐฯ มีกำหนดถอนระบบขีปนาวุธไทฟอนกลับตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของฟิลิปปินส์จำนวน 3 รายที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวได้บอกกับเอพีเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า สหรัฐฯ พร้อมทั้งฟิลิปปินส์ที่เป็นพันธมิตรกันมานานตกลงกันใหม่ว่า จะเก็บขีปนาวุธดังกล่าวไว้ที่ฟิลิปปินส์ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเพื่อยกระดับความสามารถในการป้องปราม แม้ว่าจีนจะแสดงอาการตื่นตระหนกต่อการตัดสินใจนี้ก็ตาม
พลตรีอีแวนส์พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งเดินทางไปยังฟิลิปปินส์เพื่อหารือแผนการซ้อมรบประจำปีที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า
ที่มา: เอพี
วิเคราะห์การหาเสียงแบบ ‘ฟาดคู่เเข่ง’ โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ พร้อมทั้งแฮร์ริสลงพื้นที่หาเสียงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รัฐจำนวนมากเริ่มให้ประชาชนเลือกตั้งล่วงหน้าได้เเล้ว
ในการให้สัมภาษณ์นักข่าวเมื่อวันเสาร์ แฮร์ริสบอกว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ได้พิสูจน์ตัวตนของเขาให้เห็นแล้วว่าไม่ปกติพร้อมทั้งไม่เหมาะ (กับตำแหน่งประธานาธิบดี) มากขึ้นทุกที” ซึ่งเธอใช้ถ้อยคำเหล่านี้เมื่อพูดถึงทรัมป์บ่อยครั้ง
ในในเวลาเดียวกัน ในตอนที่ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันที่ 13 ต.ค. เขาถูกถามว่าถ้าได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่ง เขาจะมีวิธีรับมือข้าราชการที่ขัดขวางเขาอย่างไร
“เรามีศัตรูจากภายนอกพร้อมทั้งศัตรูจากภายในด้วย” ทรัมป์ตอบ “เรามีคนไม่ปกติ คนบ้าที่มีความคิดสุดโต่ง สิ่งนี้สามารถจัดการได้ง่ายมาก ๆ ถ้าจำเป็นโดยใช้กองกำลังสำรอง หรือถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็โดยกองทัพ”
ต่อมาเขาขยายความเพื่อความชัดเจนในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ The Wall Street Journal ว่า เขาหมายถึงฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่อยู่ฝั่งเดโมเเครต
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองสรัฐฯ ต่างเเสดงความเห็นเกี่ยวกับการหาเสียงด้วยวิธีวิจารณ์ฝ่ายตรงข้ามรุนเเรง
ผู้ว่าการรัฐนิวเเฮมเชอร์ คริส ซูนูนูจากพรรครีพับลิกันกล่าวในรายการ This Week Show ทางช่อง ABC ว่า “ไม่มีใครชอบอะไรเเบบนั้นที่เป็นการพูดแบบสุดโต่งหรอก แต่เราต้องดูว่า เขาเป็นประธานาธิบดีมา 4 ปี ตอนนั้นเขาจัดการศัตรูทางการเมืองไหม ผมไม่คิดว่าเขาจะใช้ (เครื่องมือต่าง ๆ) เป็นอาวุธ”
“เขาไม่ได้ทำแบบนั้นในสมัยเเรก เขาไม่น่าจำเป็นต้องทำแบบนั้น” หากได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่ง ซูนูนูกล่าว
นักวิเคราะห์การเมือง รศ. เเชนนอน โอไบรอัน แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส วิทยาเขตออสติน บอกว่าวาทะกรรมที่ร้อนเเรงอาจไม่ช่วยทั้งทรัมป์พร้อมทั้งแฮร์ริส
“ถ้าคุณข้ามเส้น คุณอาจโดนรังเกียจโดยคนที่มีเเนวคิดสายกลาง” เธอกล่าว เเละบอกด้วยว่าจะมีคนจำนวนหนึ่งที่ เมื่อเห็นการตอบโต้กันไปมาอย่างร้อนเเรงพร้อมทั้งรู้สึกเบื่อหน่าย
ในสัปดาห์นี้ทรัมป์จะไปหาเสียงที่รัฐนอร์ธแคโรไลนา จอร์เจียพร้อมทั้งเนวาดา ส่วนแฮร์ริสที่อายุครบ 60 ปีในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีกำหนดหาเสียงในเพนซิลเวเนีย วิสคอนซินพร้อมทั้งมิชิแกน
เธอจะมีผู้ร่วมหาเสียงคือดีตส.ส.รีพับลิกันลิซ เชนีย์ โดยหวังว่าจะสามารถได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ยังไม่เเน่ใจว่าจะเลือกตัวเเทนจากพรรคใด อ้างอิงจากสมาชิกคณะหาเสียงที่ให้ข้อมูลภารกิจของผู้สมัครต่อนักข่าว
ที่มา: วีโอเอ
สหรัฐฯ ย้ำ พร้อมจัดหาทุกอย่างที่ยูเครนต้องการเพื่อต้านรัสเซีย
ในการเดินทางเยือนกรุงเคียฟโดยไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้าในวันจันทร์ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศว่า ยูเครน “จะได้รับทุกอย่างที่ต้องการ” เพื่อใช้ในการเดินหน้าต่อสู้กับการรุกรานของยูเครนที่ดำเนินมากว่า 32 เดือนนี้
อย่างไรก็ดี ออสตินไม่ได้ระบุชัดว่า สหรัฐฯ จะยอมเห็นชอบต่อคำขอของยูเครนในการเข้าร่วมกลุ่มนาโต้ในทันที หรือ อนุญาตให้กองทัพกรุงเคียฟใช้ขีปนาวุธที่ส่งมอบให้ยิงเข้าในไปในอาณาเขตของรัสเซียหรือไม่ โดยกล่าวเพียงว่า สหรัฐฯ จะมอบทุกอย่างที่ยูเครนต้องการในการ “ต่อสู้เพื่อความอยู่รอดพร้อมทั้งความมั่นคงของตนเอง” พร้อมพบว่า สิ่งที่สำคัญคือ พันธมิตรชาติตะวันตกยังคงช่วยกันต้านการรุกรานของรัสเซีย
รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ระบุในการขึ้นกล่าวที่สถาบัน Diplomatic Academy of Ukraine ด้วยว่า “อนาคตของยุโรปแขวนอยู่บนเส้นด้าย” พร้อมทั้งว่า “ความแข็งแกร่งของนาโต้อยู่บนเส้นด้าย ความมั่นคงของสหรัฐฯ (ก็)อยู่บนเส้นด้าย(ด้วย)”
ออสตินบอกว่า สหรัฐฯ ได้ส่งมอบความช่วยเหลือทางทหารเป็นมูลค่ากว่า 58,000 ล้านดอลลาร์ให้กับยูเครน นับตั้งแต่เมื่อรัสเซียทำการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ขณะที่ พันธมิตรชาติตะวันตกกว่า 10 ประเทศร่วมกันส่งอาวุธให้เป็นมูลค่าราว 51,000 ล้านดอลลาร์แล้ว
อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่า “อย่าเข้าใจผิดไป สหรัฐอเมริกาไม่ได้ต้องการทำสงครามกับรัสเซีย” พร้อมทั้งว่า “สิ่งที่สำคัญคือ วิธีที่ยูเครนใช้สู้กลับ”
การเดินทางเยือนยูเครนของออสตินครั้งนี้เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังสหรัฐฯ ประกาศมอบงบช่วยเหลือก้อนใหม่มูลค่า 425 ล้านดอลลาร์ให้กับยูเครน โดยงบนี้รวมความถึงอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับการป้องกันการจู่โจมทางอากาศพร้อมทั้งปืนใหญ่ด้วย
ในเวลาเดียวกัน รัสเซียยิงขีปนาวุธเข้าจู่โจมยูเครนในวันจันทร์ที่ส่งผลให้มีผู้จบชีวิต 2 รายพร้อมทั้งบาดเจ็บ 15 คนในเมืองซาปอริซห์เชีย ทั้งยังสร้างความเสียหายอย่างมากต่อโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนเช่น โรงเรียนอนุบาล 1 แห่งพร้อมทั้งอาคารที่พักอาศัยกว่า 30 แห่ง
รัสเซียยังส่งโดรนเข้ามาจู่โจมจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 1 คนในกรุงเคียฟด้วย ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่รัฐบาล
วิตาลี คลิตช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ ระบุในโพสต์เทเลแกรมว่า เศษซากจากความเสียหายของโดรนรัสเซียที่ถูกยิงตกยังได้สร้างความเสียหายให้กับอาคารที่พักอาศัยหลายแห่งด้วย
ส่วนเซอร์ฮีย์ โพพโก หัวหน้าฝ่ายบริหารกิจการทางทหารของกรุงเคียฟ เปิดเผยผ่านแอปเทเลแกรมว่า ระบบป้องกันการจู่โจมทางอากาศของยูเครนสามารถยิงโดรนที่รัสเซียส่งมาราว 12 ลำตกลงหมด
นอกจากที่กรุงเคียฟแล้ว มีรายงานว่า รัสเซียยังส่งโดรนไปจู่โจมเขตปกครองมีโคลาอิฟ ทางใต้ของยูเครนด้วย พร้อมทั้งวิตาลี ผู้ว่าการเขตปกครองนี้ยืนยันว่า ระบบป้องกันได้ยิงโดรนทั้งหมด 3 ลำตกจริง
ส่วนกระทรวงกลาโหมรัสเซียก็รายงานในวันจันทร์ด้วยว่า ได้ยิงโดรนของยูเครนตก 18 ลำในช่วงข้ามคืนก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่นั้นถูกยิงตกเหนือน่านฟ้าของแคว้นรอสตอฟ พร้อมทั้งบางส่วนถูกยิงตกที่บรีแยงสก์ เคิร์สกพร้อมทั้งโอร์โยล
ที่มา: วีโอเอ
ผู้แทนอเมริกา เยือนเลบานอน-หารือประเด็นสงครามอิสราเอล
เอมอส ฮอชสไตน์ คือ ผู้แทนอเมริกา ที่เดินทางไปยังเมืองหลวงของเลบานอนในครั้งนี้ พร้อมทั้งได้บอกกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการประชุม “ที่สร้างสรรค์” กับนาบิห์ เบอร์ริ ประธานสภาเลบานอน พร้อมเปิดเผยแผนงานหารือกับสมาชิกอื่น ๆ ของรัฐบาลกรุงเบรุตรวมทั้งของกองทัพพร้อมทั้งผู้ที่ยินดีจะร่วมทำงานผลักดันประเทศให้ “เดินหน้าไปในทิศทางใหม่ไปยังความแข็งแกร่ง ความมั่นคง ความมีเสถียรภาพ พร้อมทั้งท้ายที่สุดความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ”
ฮอชสไตน์ยังได้เน้นย้ำถึงมติคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นที่ 1701 ซึ่งประกาศออกมาเมื่อสิ้นสุดสงครามครั้งล่าสุดระหว่างอิสราเอลพร้อมทั้งเฮซบอลลาห์ในปี 2006 พร้อมทั้งมีเนื้อความเรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธนี้ถอนกำลังพลนักรบของตนออกจากทางเหนือของแม่น้ำลิทานิของเลบานอน พร้อมทั้งให้อิสราเอลถอนทัพออกจากเลบานอนด้วย
ผู้แทนอเมริกา บอกว่า ไม่ได้มีใครพยายามที่จะทำให้มตินี้เกิดขึ้นจริงเลย พร้อมทั้งว่า ทางสองฝ่ายยังไม่มีความมุ่งมั่นในเรื่องนี้มากพอ พร้อมกล่าวย้ำถึงเป้าหมายการสร้างความมั่นใจให้กับทั้งสองฝั่งว่า จะมีการดำเนินการตามมติดังกล่าวแน่ ๆ รวมถึงการทำให้มั่นใจว่าจะมีการยุติความขัดแย้งในแบบที่สถานการณ์จะไม่พลิกกลับหวนคืนมาในเร็ววันอีก
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางไปยังตะวันออกกลางอีกครั้ง โดยแถลงการณ์จากกระทรวงฯ พบว่า บลิงเคนจะ “หารือความสำคัญของการทำให้สงครามในกาซ่ายุติลง มีการปล่อยตัวประกันทั้งหมดจริง พร้อมทั้งมีการบรรเทาความทุกข์ยากของประชาชนชาวปาเลสไตน์ด้วย”
ในเวลาเดียวกัน กองทัพอิสราเอลออกมาขอโทษในวันจันทร์ต่อกรณีที่ฝ่ายตนสังหารเจ้าหน้าที่ทหารเลบานอน 3 นายในการจู่โจมเข้าใส่ภาคใต้ของประเทศเพื่อนบ้านนี้
โฆษกกองทัพอิสราเอลบอกว่า การจู่โจมเมื่อวันอาทิตย์ได้ทำลายรถคันหนึ่งซึ่งเป็นของกองทัพเลบานอน พร้อมชี้แจงว่า อิสราเอลไม่ได้มีแผนปฏิบัติการทางทหารต่อกองทัพของกรุงเบรุตแต่อย่างใด
ขณะที่ การสู้รบระหว่างกลุ่มเฮซบอลลาห์ที่มีฐานปฏิบัติการในเลบานอนพร้อมทั้งอิสราเอลยกระดับขึ้นอย่างมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทางการพร้อมทั้งกองทัพเลบานอนไม่ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนี้เลย โดยอิสราเอลเน้นย้ำว่า เป้าหมายของตนคือ การผลักดันเฮซบอลลาห์ให้ถอยห่ายออกจากแนวชายแดนเพื่อเปิดทางให้พลเรือนชาวอิสราเอลเดินทางกลับมายังบ้านเรือนในภาคเหนือของประเทศได้อย่างปลอดภัย
อิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ โพสต์ข้อความทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) บอกว่า “เฮซบอลลาห์ได้ชดใช้มาแล้วพร้อมทั้งจะต้องชดใช้อย่างหนักต่อไป เพราะทำการจู่โจมใส่ภาคเหนือของอิสราเอลพร้อมทั้งยิงจรวดเข้ามา” พร้อมทั้งว่า “เราจะจู่โจมพวกตัวแทนของอิหร่านต่อไปจนกว่าจะล่มสลายไปหมด”
พร้อมทั้งในวันจันทร์เช่นกัน อิสราเอลได้ทำการจู่โจมทางอากาศเข้าใส่กรุงเบรุตพร้อมทั้งภาคใต้ของเลบานอน โดยอ้างว่า เป้าหมายการจู่โจมคือ อัล-คารด์ อัล-ฮัสซาน ซึ่งเป็นบริษัทการเงินที่เฮซบอลลาห์ใช้บริการจ่ายค่าจ้างให้กับพวกกลุ่มติดอาวุธพร้อมทั้งใช้ซื้ออาวุธ
รายงานข่าวพบว่า พลเรือนชาวเลบานอนก็ใช้บริการสถาบันการเงินนี้ด้วยเช่นกัน
ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีพร้อมทั้งรอยเตอร์
คืนสู่สามัญ! อเมริกาใช้ ‘อิฐดินดิบ’ สร้างบ้านต้านลม-ทนไฟ
เมื่อสองปีที่แล้ว ในเมืองซูพีเรียร์ (Superior) รัฐโคโลราโด มีบ้านถูกสร้างใหม่เป็นจำนวนมาก แต่แล้วเกิดเหตุไฟป่าพร้อมทั้งพายุลมที่โหมกระหน่ำที่ส่งผลไห้บ้านเรือนมากกว่า 1,000 หลังซึ่งสร้างด้วยวัสดุทั่วไปที่สามารถติดไฟได้ ถูกเผาจนมอดไหม้
ลิซ่า มอเรย์ วิศวกร ผู้ก่อตั้งบริษัท Nova Terra ชี้ว่า บ้านที่ถูกสร้างด้วยอิฐดินดิบจะไม่ติดไฟ
มอเรย์ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า มีลูกค้าโทรหาพร้อมทั้งบอกว่า เมื่อได้ยินเสียงลมแรงยังทำให้รู้สึกหวาดกลัว จึงต้องการมีบ้านที่สร้างจากวัสดุที่ทนพร้อมทั้งป้องกันไฟได้จริง
อิฐดินดิบที่ผลิตโดยบริษัท Nova Terra ทำจากโคลน ผสมทรายพร้อมทั้งดินเหนียว โดยเติมปูนขาวทำหน้าที่เป็นตัวผสานคล้ายกับกาวด้วย จากนั้นส่วนผสมต่าง ๆ จะถูกใส่ลงในแม่พิมพ์ กดอัดออกมาเป็นก้อน โดยอิฐดินดิบที่ถูกผลิตออกมาใหม่จะนำมาตากไว้ราวหนึ่งเดือน ก่อนเอาไปใช้จริง
ทีมงานของมอเรย์ท่กำลังก่อสร้างบ้านใกล้ ๆ เมืองลองมอนต์ (Longmont) ด้วยอิฐดินดิบ โดยพวกเขาจะเว้นช่องว่างระหว่างแถวของก้อนพร้อมทั้งเติมวัสดุที่เป็นฉนวนละเอียดลงไปในช่องที่เว้นเอาไว้ เพื่อเสริมให้เหล็กเส้นภายในกำแพงดินเหล่านี้ทนทานต่อเหตุแผ่นดินไหว
มอเรย์ อธิบายว่ากระบวนการต่าง ๆ “จะช่วยรักษาความแข็งแกร่งของวัสดุเอาไว้” พร้อมแสดงความหวังว่า สิ่งปลูกสร้างนี้จะยังคงอยู่ต่อไปเป็นเวลาร้อยปีหรืออาจจะพัน ๆ ปีเลย
แมทเทโอ เรเบสคินี เป็นเจ้าของบ้านในเมือง Superior ที่เคยเผชิญกับลมกระโชกแรง พร้อมทั้งไฟป่าลามไหม้บ้าน จนตัวเขาต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอดมาแล้ว
เรเบสคินี กล่าวถึงบ้านที่สร้างจากก้อนอิฐดินดิบว่า ช่วยทำเขาสบายใจขึ้น โดยพบว่า “บ้านที่ก่อสร้างด้วยวิธีนี้ ต่อให้ลมพัดแรงมาก บ้านก็จะไม่สั่นไหว คนที่อยู่ข้างในที่พักอาศัย จะไม่รู้สึกถึงลมแรง”
เว็บไซต์ของ Nova Terra พบว่า ผลิตภัณฑ์ “อิฐดินดิบ” ภายใต้แบรนด์ EcoBlox ของตนนั้นหลัก ๆ ผลิตมาจากของเหลือใช้ซึ่งก็คือ ดินเหนียว พร้อมทั้งตะกอนต่าง ๆ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของสิ่งที่ขุดขึ้นมาได้จากการทำอุตสาหกรรมเหมืองแร่พร้อมทั้งเป็นสิ่งที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ จึงทำให้อิฐดินดิบเป็นหนึ่งในวิธีสร้างความยั่งยืนพร้อมทั้งส่งผลดีต่อธรรมชาติด้วย
ที่มา: วีโอเอ
อิสราเอลรุกหนักภาคเหนือกาซ่ารอบใหม่ บุกรพ. เผารร. ทลายค่ายผู้ลี้ภัย
ประชาชนพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่การแพทย์หลายคนบอกว่า ทหารอิสราเอลได้ควบคุมตัวผู้ชายพร้อมทั้งสั่งการให้ผู้หญิงพร้อมทั้งเด็กเดินทางออกจากค่ายผู้ลี้ภัยจาบาลิยา ขณะที่มีการจู่โจมทางอากาศใส่บ้านหลังหนึ่งในจาบาลิยาที่ทำให้มีผู้จบชีวิต 5 คน บาดเจ็บหลายคน
เจ้าหน้าที่การแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งได้บอกกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ทหารอิสราเอลได้บุกโรงเรียนพร้อมทั้งจับกุมชายหลายคนก่อนที่จะจุดไฟเผาโรงเรียนดังกล่าว เปลวเพลิงลุกลามไปยังโรงเรียนที่อยู่ติดกันพร้อมทั้งทำให้ไฟฟ้าดับ
ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลได้เริ่มปฏิบัติการรุกจู่โจมรอบใหม่ทางภาคเหนือของกาซ่าเมื่อสองสัปดาห์ก่อน พร้อมทั้งมีรายงานว่ามีการจู่โจมใส่พื้นที่ใกล้โรงพยาบาลหลายแห่ง
เจ้าหน้าที่การแพทย์ชาวปาเลสไตน์พบว่า มีประชาชนถูกสังหาร 18 คนในเขตจาบาลิยา พร้อมทั้งอีก 8 คนในพื้นที่อื่น ๆ ของกาซ่า จากการจู่โจมของอิสราเอล
ทางกองทัพอิสราเอลมีแถลงการณ์ว่า การจู่โจมในเขตจาบาลิยาคือ “การต่อต้านการก่อการร้ายพร้อมทั้งทำลายโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มก่อการร้าย” พร้อมบอกว่า ทหารอิสราเอลได้ช่วยเหลือประชาชนหลายพันคนอพยพออกจากเขจจาบาลิยาอย่างปลอดภัยตามเส้นทางที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งทางอิสราเอลได้ติดต่อกับชุมชนระหว่างประเทศพร้อมทั้งระบบสาธารณสุขของกาซ่า เพื่อรับรองว่าบริการฉุกเฉินทางการแพทย์จะเดินหน้าต่อไป
ที่ผ่านมา อิสราเอลยืนยันว่าจะกำจัดกลุ่มฮามาสให้หมดไปจากกาซ่า หลังกลุ่มนี้บุกจู่โจมอิสราเอลเมื่อเดือนตลุาคมปีที่แล้ว สังหารประชาชน 1,200 คน พร้อมทั้งนำไปสู่สงครามในกาซ่าที่ทำให้มีผู้จบชีวิตหลายหมื่นคน พร้อมทั้งกลายเป็นผู้อพยพเกือบสองล้านคน
ด้านสำนักงานบรรเทาทุกข์พร้อมทั้งจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) บอกว่า ทางการอิสราเอลได้สกัดไม่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงยาพร้อมทั้งอาหาร สามารถเข้าถึงพื้นที่ทางเหนือของกาซ่าได้
ฟิลิปเป ลาซซารินี หัวหน้าของ UNRWA โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ X ว่า “ประชาชนที่พยายามหนีต่างถูกสังหาร ศพของพวกเขาถูกทิ้งไว้ข้างถนน” พร้อมทั้งมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากที่ถูกทิ้งไว้ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่ถูกจู่โจม นอกจากนี้ “ค่ายที่พักพิงของ UNRWA หลายแห่งมีผู้อาศัยอย่างหนาแน่น ผู้ไร้ถิ่นฐานจำนวนมากต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในห้องน้ำ”
ทางอิสราเอลบอกว่า ได้ยินยอมให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจำนวนมากเข้าไปในกาซ่าทั้งทางบกพร้อมทั้งทางอากาศ รวมทั้งได้อำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยอพยพออกจากโรงพยาบาลคามาลอัดวานในกาซ่าด้วย
ด้านกลุ่มฮามาสกล่าวหาอิสราเอลว่า “สังหารล้างเผ่าพันธุ์” เพื่อขับไล่ประชาชนออกจากพื้นที่ทางเหนือของกาซ่า แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลบอกปัดคำกล่าวหานี้ พร้อมทั้งยืนยันว่าคำสั่งอพยพนั้นมีเป้าหมายเพื่อแยกนักรบฮามาสออกจากพลเรือน
ทั้งนี้ กลุ่มฮามาส เฮซบอลลาห์ พร้อมทั้งอีกหลายกลุ่มที่มีอิหร่านหนุนหลังกำลังยกระดับการต่อสู้กับกองทัพอิสราเอล หลังจากเกิดเหตุสังหารผู้นำกลุ่มฮามาส ยาห์ยา ซินวาร์ ในกาซ่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปีที่เเล้ว นักรบฮามาสสังหารผู้คนในอิสราเอลไปราว 1,200 คนพร้อมทั้งจับตัวประกันไปประมาณ 250 ราย นำไปสู่การตอบโต้ของอิสราเอลที่ดำเนินมากว่า 1 ปี ทำให้ชาวปาเลสไตน์ในกาซ่าจบชีวิตไปกว่า 42,500 คนตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า
ที่มา: รอยเตอร์